บทที่ 267 – ผู้ก่อกบฏ (2)
* * *
บรรยากาศจริงจังและตึงเครียดเต็มสถานที่แห่งนั้น
ตัวผู้เรียกประชุมเองก็นับว่าเป็นปัญหามากพออยู่แล้ว
จากที่ผ่านๆมา ผู้เรียกประชุมต่างถูกเรียกประชุมโดยจอมมารลำดับ 5 มาร์บาส หรือจอมมารระดับสูงกว่า
ไม่ว่าดันทาเลี่ยนจะเป็นตัวตนที่ทรงอิทธิพลในฝ่ายที่ราบเพียงใด แต่ดันทาเลี่ยนก็ยังเป็นลำดับ 71 อยู่ดี
ในบรรดาจอมมารทุกตน ดันทาเลี่ยนมีตำแหน่งต่ำที่สุด แต่ตัวตนเช่นนั้นกลับกล้าเรียกจัดราตรีวัลเพอกีสขึ้น
“ไม่ใช่แล้ว ไม่ว่าจะด้วยธรรมเนียมมารยาทอะไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าจะทำเรื่องหยาบคายได้เท่านี้อีกแล้ว?”
จอมมารบางตนที่ได้รับการเชื้อเชิญไม่แม้แต่จะปิดบังความไม่พอใจ
สำหรับพวกเขาแล้ว ดันทาเลี่ยนนั้นถือเป็นเด็กใหม่ สำหรับบุคคลที่อยู่มานานนับร้อยปี
ดันทาเลี่ยนผู้ซึ่งอยู่ๆก็ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงไม่มีใครอยากนับถือนัก เขาเพิ่งมีผลงานช่วง 4- 5 ปีนี้เอง
“จะไปห่วงกังวลอะไร? เดี๋ยวพวกจอมมารระดับสูงก็จัดการกันเองแหละ”
“พวกนั้นได้ขยี้จมูกเจ้าหนูนั่นแน่”
พวกเขาเชื่อว่า งานนี้สุดท้ายก็จะโดนยกเลิกไปเอง
หากจอมมารระดับสูงปฏิเสธคำชวนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ดี บางคนก็เย้ยหยันดันทาเลี่ยนเพราะดันไปหาเรื่องทำลายชื่อเสียงทางการเมืองของตัวเองเสียอย่างนั้น
ถึงอย่างนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเป็นสิ่งที่ผิดไปจากที่พวกเขาคาดเดาไว้มาก
อย่างแรกเลย
จอมมารลำดับ 8 บาร์บาทอสประกาศว่า มาร่วมงานแล้ว
มาถึงจุดนี้ใครหลายคนก็พอเดากันได้ บาร์บาทอสกับดันทาเลี่ยนอยู่ฝ่ายที่ราบเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีข่าวว่า บาร์บาทอสนั้นลุ่มหลงในดันทาเลี่ยนเป็นอย่างมาก
“เหอะ เหอะ บาร์บาทอสดันไปหลงไอ้คนนั้นหัวปักหัวปำได้ยังไงกัน…….”
“ความหลงไหลทำลายได้แม้แต่คนระดับสูงนั่นแหละ”
หัวหน้าฝ่ายที่ราบลงลืมไปถึงกระบวนการขั้นตอนและหน้าที่ที่พึงกระทำเพียงเพราะลุ่มหลงดันทาเลี่ยน
นั่นเป็นสิ่งที่จอมมารหลายตนเชื่อกัน
ต่อจากนั้นก็ตามมาด้วย จอมมารลำดับ 4 กามิกิน ปรากฏตัว
“กามิกินเองก็มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับดันทาเลี่ยนด้วยรึ?”
“อ้อ ใช่เลยล่ะ! พวกจอมมารหญิงทั้งหลายต่างสมองกลวงกันทั้งนั้น? น่าตลกชะมัด”
“หืมมม ดูเหมือนไอ้นั่นของดันทาเลี่ยนจะเด็ดเอาเรื่องเลยสินะ”
จอมมารทั้งหลายต่างคร่ำครวญถึงความตกต่ำ ที่ต้องโดนจอมมารลำดับ 71 เรียกตัวมาประชุม?
ถึงจะมีเรื่องรักๆใคร่ๆมาเกี่ยวข้องแต่ก็ควรคำนึงถึงศักดิ์ศรีบ้างสิ
ไอ้พวกที่มันโยนศักดิ์ศรีตัวเองทิ้ง เพื่อโหยหาความรู้สึกรักชอบ นี่มันก็นังร่านดีๆนี่เอง……. คำพูดว่าร้ายนินทาทำนองนั้นแพร่ไปทั่ว
แล้วจอมมารลำดับ 5 ลอร์ดมาร์บาสก็เข้าร่วมงานด้วยเช่นกัน
“…….”
“…….”
ตอนนั้นเองที่จอมมารผู้ไม่คุ้นเคยกับเรื่องทางการเมืองชักเริ่มรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น
“……บาร์บาทอสก็มาแล้ว ดังนั้นฝ่ายที่ราบก็ต้องปรากฏตัวด้วยเช่นกัน”
“มีทั้ง จอมมารหญิง 4 ตน ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่ติดตามกามิกินด้วยใช่ไหม?”
“ตอนนี้ก็ยังมีฝ่ายเป็นกลางมาเกี่ยวด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้แสดงว่า…….”
แสดงว่า มีจอมมารมากกว่าครึ่งแล้วที่มาร่วมงานนี้
ไม่ใช่แค่เรื่องที่มาร์บาสเข้าร่วมประชุมครั้งนี้เพียงอย่างเดียว หากแต่มาร์บาสนั้นเคยเป็นเจ้าภาพราตรีวัลเพอกีสในทุกครั้งด้วยฐานะหัวหน้าฝ่ายที่ราบ
เขาย่อมต้องยอมรับการที่ดันทาเลี่ยนจัดประชุมอย่างเป็นทางการ
และสุดท้าย จอมมารลำดับ 9 ไพมอน และจอมมารลำดับ 12 สิตริ ได้ประกาศว่า จะเข้าร่วมด้วย
ในบรรดาทุกกลุ่ม ที่เป็นอริของฝ่ายที่ราบ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าจะต่อต้านการประชุมครั้งนี้เป็นที่สุด
“นี่มันไม่น่าใช่ความบังเอิญแล้ว!”
“การรวมตัวกันครั้งนี้เป็นการหารือร่วมกันแล้วระหว่างฝ่ายที่ราบ ฝ่ายเป็นกลาง ฝ่ายภูเขารวมถึงฝ่ายของกามิกิน!”
ฝ่ายที่ราบ นับรวมบาร์บาทอส มีจอมมารทั้งหมด 17 ตน
ฝ่ายไม่สังกัดฝ่ายใด นับรวมกามิกิน มีจอมมารทั้งหมด 5 ตน
ฝ่ายเป็นกลาง นับรวมมาร์บาส มีจอมมารทั้งหมด 10 ตน
ฝ่ายภูเขา นับรวมไพมอน มีจอมมารทั้งหมด 16 ตน
━รวมทั้งสิ้นมีจอมมารเข้าร่วมประชุมถึง 48 ตน
จำนวนจอมมารที่มีทั้งหมดลดลงเหลือ 64 ตน หลังสงครามกองทัพพันธมิืตรเสี้ยวจันทรา
พูดง่ายๆ มีจอมมารมากกว่า ⅔ ที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
จำนวนผู้เข้าร่วมครั้งนี้ถือว่า เพียงพอที่จะจัดตั้งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราอีกครั้งก็ยังได้ หากพวกเขาต้องการ
“ข้ารู้เหมือนกันว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเราต้องเข้าร่วมแล้วล่ะ”
“แม่งเอ้ย เป็นแค่ลำดับ 71 แต่กล้าดียังไงมาชี้นำพวกเรา…….”
จอมมารส่วนมากต่างก็ยอมเข้าร่วมกับการประชุมครั้งนี้
จอมมารลำดับ 1 บาอัล ก็อยู่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมด้วยเช่นกัน
* * *
และเมื่อจอมมารระดับสูงเข้าร่วมประชุม โดยปกติแล้วจะมีที่นั่งที่มีการเตรียมไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
ส่วนที่นั่งหัวหน้าฝ่ายก็จะเบียดกับลูกน้องตัวเอง
ส่วนจอมมารลำดับ 2 อย่างอกาเรสไม่ได้โผล่มาจึงโดนตัดออก
ที่นั่งสำหรับจอมมารลำดับ 1 จนถึง ลำดับ 10 จึงมีเตรียมไว้แค่เพียง 6 ที่นั่ง
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้นตอนนี้กลับไม่มีที่นั่งพิเศษที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมคราวนี้
ทุกคนเข้าใจดีว่า การจัดที่นั่งเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร
“…….”
“…….”
อาจเป็นเช่นนั้นก็ได้ ? ในงานเลี้ยงในเนฟเฮมจึงเงียบกริบ
ฝ่ายที่ราบ ฝ่ายเป็นกลาง และฝ่ายภูเขา ต่างตกอยู่ในความนิ่งเงียบ
จอมมารที่ไม่สังกัดฝ่ายใดเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กำลังรออะไรอยู่
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็คาดเดาว่า อะไรบางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้น
มีชายร่างผอมเพรียวยืนอยู่ใจกลางห้อง
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ชายคนดังกล่าวโดยไม่พูดอะไร นี่เขาไม่รู้หรือยังไงว่าทุกคนกำลังมองเขาอยู่น่ะ?
ชายคนนั้น,ดันลาเที่ลยน หลับตาลง พร้อมกับให้บรรยากาศที่ต่างไปจากปกติ ดันทาเลี่ยนผู้ดูสงบจิตสงบใจ
แล้วผู้เฝ้าประตูก็ตะโกนขึ้น
“ลำดับ 3 จอมมารแห่งความยุติธรรม เวสซาโก้มาถึงแล้ว!”
เสียงตะโกนของผู้เฝ้าประตูดังเป็นพิเศษท่ามกลางความเงียบที่ยึดกุมทั้งห้องรับรอง
ไม่นานนัก ชนชั้นสูงหนุ่มก็เดินผ่านประตูมา ใบหน้าของเธอซีดเซียวคล้ายคนตาย
“……?”
เวสซาโก้สังเกตได้เห็นถึงบรรยากาศที่ประหลาดจึงขมวดคิ้ว
ไม่นานนักเขาจึงพบว่า ที่นั่งที่ปกติจะมีเตรียมไว้ให้เขานั้น คราวนี้มันไม่มี
แม้แต่จอมมารผู้ยิ่งใหญ่อย่างบาอัล ยังต้องยืนอยู่ฟากหนึ่งโดยไร้เก้าอี้นั่ง
เวสซาโก้มองไปที่จอมมารคนอื่นๆรอบห้องก่อนจะหันกลับมามองดันทาเลี่ยน เขาเดินเข้าไปหาดันทาเลี่ยน
“มารยาททรามสิ้นดี ไม่มีใครสอนมารยาทพื้นฐานสำหรับการปฏิบัติต่อพวกลำดับเกิน 70 เลยหรือยังไงกัน?”
ดันทาเลี่ยนเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เขายิ้มบางๆ
“นั่นฝ่าบาทเวสซาโก้มิใช่หรือ มีปัญหาอะไรหรือครับ?”
“ปัญหา? แกพูดว่า มีปัญหาอะไร อย่างนั้นเรอะ?”
เวสซาโก้ส่งเสียงแหลม
“มันก็เป็นปัญหาทุกอย่างนั่นแหละ
หลักๆคือ แกน่ะจัดประชุมทั้งที่ไม่รู้ฐานะตัวเองก็เป็นปัญหาแล้ว แถมการที่เอาจอมมารทั้งหลายมาหยอกเล่นนี่ก็เป็นปัญหาเหมือนกันไอ้หนู แถมยังท่าทางการที่ไม่สะดุ้งสะเทือนต่อคำตำหนิของข้า นั่นก็เป็นปัญหา
เฮ้ย บาร์บาทอส!”
เวสซาโก้คิดว่า เปล่าประโยชน์ที่จะพูดคุยกับดันทาเลี่ยน เขาจึงหันหน้าออกไป
บาร์บาทอสยืนอยู่สุดริมหางตา
เซปาร์กำลังรินไวน์ให้เธออยู่ บาร์บาทอสขยิบตาให้ด้วยความประหลาดใจ
“หือ? เรียกข้าทำไมรึ ตาแก่?”
“เจ้าไม่รู้จักคุมลูกน้องตัวเอง ในเรื่องแบบนี้บ้างรึยังไงกัน?
ในการที่เจ้ามองข้ามการกระทำแบบนี้น่ะถือว่า เจ้าทำผิดพลาดมหันต์ เจ้าควรรับผิดชอบต่อเรื่องนี้”
“ข้าไม่รู้ว่า แกพูดเรื่องอะไรว่ะ”
บาร์บาทอสกระดกไวน์
“แกพูดอย่างกับข้าชักใยหมอนี่อยู่เบื้องหลัง
อย่าเข้าใจผิดไป ข้าตัดสินใจเข้าร่วมก็เพราะได้รับเชิญนี่แหละ”
“มันไม่ใช่เรื่องตลกแล้ว ทุกอย่างในโลกนั้นมีกระบวนการและมาตรฐานอยู่
ข้าไม่อยากจะนึกภาพเลยว่า เผ่าปีศาจทั้งหลายจะหัวเราะเยาะพวกเราขนาดไหนหากมาเห็นสิ่งนี้เข้า
อย่าคิดจะเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ได้ หลังจากที่แกอนุญาตให้ลูกน้องแก…….”
ใครบางคนอยู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา
จอมมารทั้งหลายต่างหัวไปมองดันทาเลี่ยนที่หัวเราะร่วน สีหน้าเวสซาโก้กับตึงชากับพฤติกรรมเช่นนั้นของอีกฝ่า
“……แก”
“แหม ต้องขอประทานอภัย สิ่งที่ฝ่าบาทพูดน่ะมันชวนหัวมากเกินไป”
“ชวนหัวอย่างนั้นรึ?”
เวสซาโก้กำหมัดแน่น มานาสีฟ้าปล่อยออกมาทั่วทั้งร่าง
มานาที่แน่นแผ่ไปทั่วทั้งห้อง แต่ดันทาเลี่ยนก็ยังคงนิ่งสงบอยู่ได้ราวกับไม่รับรู้ถึงมัน
“ใช่แล้ว มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน? ลูกน้องของบาร์บาทอสอย่างนั้นหรือ? มันจะใช่ในกรณีที่ข้าเป็นทหารผู้เข้าร่วมรบในสงคราม แต่ทว่า แล้วตอนนี้ข้าไปเป็นลูกน้องบาร์บาทอสได้ยังไงกันล่ะ?”
“อะไรของแก?”
“พวกเราต่างเป็นจอมมารไม่ต่างกัน พวกเราต่างเป็นราชสกุลซึ่งเป็นตัวแทนของปีศาจทุกตน
แม้จะเป็นบาร์บาทอสหรือใครก็ตามแต่ พวกเราไม่ได้รับใช้นายเหนือหัวเรา
ฝ่าบาทเวสซาโก้ ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
เวสซาโก้หันกลับมามองบาร์บาทอส เธอนั้นแสยะยิ้มตอบกลับ นั่นทำให้เขากระสับกระส่าย
“ฝ่าบาทครับ หากจะมีกระบวนการและมาตรฐานใดๆอยู่ในโลกนี้ จอมมารทั้งหลายต่างเป็นตัวตนนอกเหนือสิ่งเหล่านั้น
ปฏิบัติกับผู้คนที่อยู่ระดับสูงกว่า ในฐานะลอร์ดผู้ปกครองอย่างนั้นหรือ? มันช่างเน่าเหม็นสิ้นดี”
เวสซาโก้กัดฟันกรอด
“มีปากก็สักแต่พูด”
“นับเป็นโชคที่ข้ามีปาก ก็ออกจะน่าเสียดายหากมีปากแต่ไม่ใช้มันเลยนี่ ถูกไหม?”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะ
“สิ่งที่ฝ่าบาทเข้าใจผิดไปนั้นก็คือ หากเผ่าปีศาจจะหัวเราะเยาะพวกเรา ไม่ได้เป็นเพราะการประชุมที่จัดขึ้นโดยจอมมารลำดับ 71 หรอก
หากแต่พวกเขาจะหัวเราะเย้ยหยันพวกเราเพราะเรื่องความรับผิดชอบที่มีต่อลำดับ และฝักฝ่ายที่จอมมารยึดมั่นถือมั่นในการประชุมต่างหาก”
“…….”
“มันน่าขยะแขยงเสียจนข้าพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
ระดับพวกนี้มันมีขึ้นมาในหมู่จอมมารตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรือ?
การปฏิบัติกับสิ่งปลอมเทียมราวกับเป็นความจริงนั้น ก็ไม่ต่างจากการเล่นสมมุติพ่อแม่ลูกด้วยซ้ำ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ เผ่าปีศาจจะรังเกียจพวกเรา”
ไหล่ของเวสซาโก้สั่นไหวด้วยความโกรธ
ระดับในกองกำลังจอมมารนั้นจัดตั้งขึ้นโดยบาอัลและเวสซาโก้ การวิจารณ์ระดับของจอมมารก็ไม่ต่างกับพูดโจมตีเวสซาโก้โดยตรง
“ถ้าหากแกไม่เลือดกบปาก แกคงไม่เลิกพูดสินะ!?”
“ข้าต้องขอประทานอภัยด้วย ฝ่าบาทเวสซาโก้ แต่ข้ายังพูดไม่จบ
ฝ่าบาทบอกว่า พวกปีศาจจะเย้ยหยันการประชุมครั้งนี้ แต่ข้าก็สงสัยเช่นกันว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือเปล่า
เรามาดูว่าพวกเขาจะทำยังไงกันดีกว่า”
ดันทาเลี่ยนปรบมือเบาๆ
กลุ่มบุคคลหนึ่งเดินผ่านประตูเข้ามา มีทั้งมนุษย์หมาป่า มนุษย์แมว มนุษย์เสือ แฟรี่ และอื่นๆ ทั้งหมดเป็น 15 พ่อค้า ตัวแทนแห่งเนฟเฮม นำโดยหัวหน้าของบริษัทเคียนคุสก้า อย่าง อิวาร์ ล็อดบรอค
“นี่มันอะไร……?”
“พวกเขาคือ ตัวแทนของประชาชนชาวเนฟเฮม พวกเขาให้ความร่วมมือกับข้าหลายๆอย่างสนับสนุนข้าในฐานะเจ้าภาพในราตรีวัลเพอกีสครั้งนี้
ข้าเองก็เป็นจอมมารผู้หนึ่ง ข้าไม่มีทางจัดงานเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลได้”
ดันทาเลี่ยนยิ้มออกมา
“ราตรีวัลเพอกีสเป็นงานสำคัญที่จัดขึ้นโดยตรงในหมู่กองกำลังจอมมาร
ทิศทางของงานก็เพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าปีศาจด้วยกัน
พวกเขามีสิทธิ์ที่จะรู้ว่า ราตรีวัลเพอกิสดำเนินไปอย่างไร”
“…….”
เวสซาโกเหลือบมองไปรอบๆ
เขาถึงพึ่งได้ตระหนักว่า ที่ผ่านมาเขาไม่สังเกตเห็นมาก่อน
ฟากซ้ายของงานเลี้ยง จอมมารลำดับ 13 เบเลธนั้นเตรียมจะกระโจนใส่ได้ทุกเวลา
ฟากขวาของงานเลี้ยง จอมมารลำดับ 12 สิตริก็วางมือไว้บนดาบของตัวเอง
ส่วนด้านหลัง จอมมารลำดับ 4 กามิกิน ร่ายเวทย์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
‘……อึก’
เวสซาโก้กัดฟัน เบเลธและสิตริต่างเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่าย แถมกามิกินเองก็เป็นอาร์คเมจ
ดังนั้นแล้ว สถานการณ์ดังกล่าวก็จึงกลายเป็นว่า สองนักรบพร้อมจะขย้ำทันทีหลังจากที่กามิกินร่ายเวทย์ตรึงเท้าเขาไว้
พ่อค้าผู้ทรงอิทธิพลแห่งเนฟเฮมมาอยู่ที่นี่พร้อมกันแล้ว
━ลองพยายามทำอะไรโง่ๆดูสิ
หากมั่นใจว่า จะสามารถหยุดจอมมารสามคนนี้ได้ และไม่แคร์ว่า สิ่งที่ตัวเองทำจะแพร่กระจายไปยังสังคมปีศาจยังไงบ้าง
นั่นคือ สิ่งที่ดันทาเลี่ยนต้องการจะบอกกลายๆ
เวสซาโก้นึกถึงอกาเรส
หากอกาเรสอยู่ที่นี่น บางทีเขาอาจไม่ใส่ใจพวกจอมมารสายนักสู้พวกนั้น และสร้างความวุ่นวายได้สักหน่อย
แต่หลังจากที่อกาเรสต้องหนีไปหลังจากพ่ายแพ้ดันทาเลี่ยนและกองกำลังผสมระหว่างฝ่ายที่ราบ ฝ่ายเป็นกลางและฝ่ายภูเขา
นี่หาก เมื่อสามปีที่แล้วเขาหนีตามอกาเรสไปตั้งแต่แรก━
เมื่อไหร่กันที่ฝักฝ่ายพวกนั้น ที่เคยทะเลาะวิวาทกลับร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเช่นนี้?
“ไอ้ห่านี่ แกทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่……!?”
“พอแค่นั้น, เวสซาโก้”
น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์ดังมาจากเบื้องหลัง
นั่นเป็นเสียงของจอมมารลำดับ 1 บาอัล
บาอัลนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
“ที่ผ่านมาข้าคิดว่าเจ้าเป็นเพียงนักตุ้มตุ๋นธรรมดา แต่ดูเหมือนเจ้าจะมีลูกเล่นที่น่าสนใจอยู่
ทำได้ดี,ดันทาเลี่ยน
แล้วเจ้าตั้งใจจะทำอะไรในงานประชุมคราวนี้?”
น้ำเสียงของบาอัลนั้นทุ้มต่ำพร้อมกับสัมผัสที่หนักอึ้ง มันทรงพลังแม้แต่ในมุมห้องที่ไกลที่สุดยังต้องอยู่เงียบๆ
ดันทาเลี่ยนตอบกลับไปตรงๆ
“เหตุผลที่ข้าจัดราตรีวัลเพอกีสในครั้งนี้ ก็เพื่อชี้มูลความผิดของท่าน,ฝ่าบาทบาอัล”
MANGA DISCUSSION