Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 122 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(7)
* * *
ในที่สุดสงครามก็ได้เริ่มต้นขึ้น
กองทัพจอมมารนั้นวางป้อมปราการเคลื่อนที่ของวาเลฟอร์ไว้ด้านหน้า กองกำลังของมนุษย์จึงไร้กำลังในทันทีที่ต้องเผชิญหน้ากับป้อมปราการเคลื่อนที่ที่กำลังพุ่งใส่พวกเขา กำลังใจของพวกเขานั้นอยู่ก้นเหว การต่อสู้ครั้งแรกจึงจบลงที่กองทัพพันธมิตรได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์
หากพวกศัตรูไม่ได้มีกองกำลังอัศวินมากนัก ชัยชนะทั้งหมดของการรบครั้งนี้ตัดสินได้ด้วยการต่อสู้แรก นั่นเป็นความเห็นของบาร์บาทอส
แม้แต่ผมยังบอกได้เลยว่า ทหารเกณฑ์ของฝ่ายมนุษย์นั้นไม่สู้อย่างเต็มที่ สถานการณ์ดูเลวร้ายมากสำหรับฝ่ายนั้น ดูเหมือนพวกเขาพร้อมจะหนีไปได้ทุกเวลา
การที่หน่วยๆหนึ่งหนีไปไม่ได้แค่ออกไปจากการรบอย่างเดียว หากแต่หมายถึงการทำลายตำแหน่งของพรรคพวกที่อยู่ด้านหลังด้วย
กำลังใจของทหารดิ่งต่ำลงไม่หยุดเมื่อพวกเขามองสหายศึกของตนที่ควรจะสู้รบอยู่แนวหน้า แต่กลับวิ่งหนีไป
มีแม้กระทั่งทหารที่ใช้ความชุลมุนวุ่นวายนั้นแอบหนีทัพ…….ผลคือ มีอย่างน้อย 3 หน่วยแล้วที่ใช้การไม่ได้
ผมได้เรียนรู้ว่า รูโหว่ ในการ ‘หนีเชิงกลยุทธ’ หลังจากมาอยู่ที่โลกใบนี้ หากคุณไม่ได้เชี่ยวชาญหรือเป็นอัศวินที่ฝึกมาดีหรือทหารที่ปกป้องภูเขาดำ การหนีเชิงกลยุทธนั้นเป็นไปไม่ได้เลย การถอยหนีสามารถทำลายรูปขบวนของเพื่อนร่วมทัพได้อย่างง่ายดายมากๆ
แถมการที่จะพยายามจัดขบวนทัพกลับมาใหม่ก็ใช้เวลาหลายวัน ไม่มีทางที่กองกำลังศัตรูจะมานั่งรออย่างอดทนระหว่างนั้นหรอก กองกำลังที่หนีไปแล้ว มันไร้อนาคตอย่างแท้จริง
หายนะที่ว่านั้นเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งอีก ในหลายต่อหลายพื้นที่ของกองกำลังมนุษย์ จึงกลายเป็นว่า มนุษย์นั้นตายด้วยมือมนุษย์ด้วยกันที่หนีทัพมากกว่ามือของมอนสเตอร์เสียอีก
พวกทหารบัญชาการฝ่ายมนุษย์คงตระหนักได้แล้วถึงความสูญเสียในการพ่ายแพ้ในการพูดสุนทรพจน์นั้นมันหนักหนาเกินกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้
นั่นคือ เหตุผลที่ว่า ผมพูดถึง การรบในวันนี้ในมุมมองบุคคลที่สาม
ผมไม่ได้เข้าร่วมในการรบ
“……ขอเวลาให้ผมคิดดูก่อน”
มันเป็นหนึ่งชั่วโมงที่เต็มไปด้วยถ้อยคำมากมาย สมองของผมกรีดร้อง ทั้งเรื่องการโต้กลับของแจ็ค อแลนด์ การยุแหย่ของไพมอนที่ทำให้ผมประหลาดใจเป็นอย่างมาก ผมต้องการเวลาสักพักเพื่อให้หัวเย็นลง
“อย่านานล่ะ”
“ครึ่งวัน……. ให้เวลาผมครึ่งวัน”
บาร์บาทอสพยักหน้า
จากตอนนี้ไพมอนโดนกักบริเวณโดยอ้างว่า เพื่อรักษาอาการมานาย้อนกลับ เธอไปอยู่ในแค้มป์ของฝ่ายเป็นกลางแทนที่จะอยู่กับฝ่ายภูเขาหรือที่ราบ
ไม่ว่าใครก็มองออกว่า มันเป็นไปเพื่อแยกตัวไม่ใช่การรักษา ผมกลับค่ายตัวเองเพื่อไปพัก
ผมดึงผ้าห่มออกมาแล้วนอนลง ไม่ได้ตั้งใจจะหลับหรอก ผมแค่อยากเคลียร์สมองให้โล่ง ช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำอะไรไหลผ่านไป…….
แจ็ค
ผมไม่ได้จัดการกับเขาอย่างหมดจด ผมเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น เขาเป็นใครคนหนึ่งที่ผมไม่อยากฆ่า ผมอยากให้เขาใช้ชีวิตต่อไป และเฝ้าดูว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างไร
แต่เมื่อเขาฆ่าตัวตาย ผมก็ทิ้งศพเขาไว้เพื่อแสดงความนับถือ การตัดสินใจครั้งนั้นกลับมาทำร้ายผมในภายหลังและต้อนผมเกือบจนมุม
ไอ้ขี้แพ้
จะเรียกผมแบบนั้นก็ได้
ในจิตใต้สำนึกผมอาจจะทำเหมือนผมกำลังเล่นเกมอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดิ้นรนสุดกำลังเพื่อจะมีชีวิตรอดต่อไป แต่ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเกมมากๆนั้นมันยังคงอยู่ในซอกมุมหนึ่งของความคิด
……อย่างไรก็ตามพอ มาคิดๆดูอีกที เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธ หรือ บาอัลเองก็ทำให้ชีวิตผมตกอยู่ในอันตรายได้เช่นกัน
ริฟ แห่งหมู่บ้านเจลเซ่นและพ่อค้าทาสแจ็ค พวกเขาเป็นบุคคลที่แม้แต่ชื่อก็ไม่ปรากฏใน <Dungeon Attack> คนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในผู้คุกคามชีวิตผม ผมออกจะขี้แพ้ไปไหม? หรือในเสี้ยวหนึ่งของความคิดผมกลับประมาทคนพวกนั้นไปกันแน่……?
จนถึงตอนนี้ผมยังคิดว่า แจ็คเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่จะเกิดอะไรขึ้นหาก แจ็ค อแลนด์เป็นตัวตนยอดนิยมใน <Dungeon Attack>?
ผมจะยังคงคิดไว้ชีวิตเขาอยู่หรือเปล่า? แน่นอนว่าไม่
หรืออาจจะใช่ ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน
“สเตตัส”
ผมพูดกับตัวเอง ผมอยากเช็คสเตตัสตอนนี้
เสียงกระดิ่งดังขึ้นเหมือนกำลังเย้ยเยาะอารมณ์ที่ซับซ้อนของผมตอนนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
นามแท้: ดันทาเลี่ยน
เผ่า: จอมมาร ฝ่าย: กองกำลังจอมมารดันทาเลี่ยน
สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)
เลเวล: 34 ชื่อเสีย: 4510
อาชีพ: ผู้จัดการดันเจี้ยน(F), จอมมาร(E)
ความเป็นผู้นำ: 34/37 อำนาจ: 7/12 ความฉลาด: 32/37
ไหวพริบ: 35/35 เสน่ห์: 20/20 เทคนิค: 4/12
*ฉายา: 1. จอมมารแห่งความหวาดกลัว
*อบิลิตี้: แทคติค(E), ความเชี่ยวชาญธนู(E), ขุดเหมือง(E)
*สกิล: การแสดง
[ความสำเร็จ: 3]
[ผู้ใต้บังคับบัญชา: 53/260 ยูนิต]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
[ฉายา]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
เลเวลของผมขึ้นมา 10 เลเวล
ผมรู้สึกต่างออกไปเล็กน้อยตอนที่ผมพยายามก่อนหน้า เอาล่ะก็อย่างที่คาดไว้ในฐานะดันทาเลี่ยน ผมเลเวลขึ้นไป 16 เลเวลตอนที่ทำลายฉากเหตุการณ์แร๊งค์ S และ A แถมตอนนี้ผมก็ทำลายฉากเหตุการณ์แร๊งค์ A โดยสมบูรณ์แล้วด้วย ผมก็ควรจะพอใจแล้วมิใช่หรือ?
……สำคัญกว่านั้น ชื่อเสียของผมเพิ่มสูงขึ้นมาก
“เฮ่อออ”
มันพุ่งขึ้นถึงเกือบ 3,000 หน่วยในคราวเดียว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชื่อเสียนั้นมีผลอย่างไร แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงจะช่วยเพิ่มค่าหัวให้ผมล่ะมั้ง ยิ่งค่าหัวสูงขึ้นนักผจญภัยก็ตั้งใจจะมากวาดล้างผมด้วย ผมนี่ดึงดูดความเกลียงชังเพิ่มขึ้นไปอีก
เลเวลเพิ่มขึ้น 10 แต่ค่าชื่อเสีย เพิ่มขึ้น 3,000 อัตราการเพิ่มมันไม่บ้าไปหน่อยหรือไง? ถ้าไอ้เกมแบบนี้มันโผล่มาในโลกของผมนี่ คนต้องมีใครสักคนไปจุดไฟวางเพลิงตึกของผู้พัฒนาเกมในวันต่อมาแล้วล่ะ หากไม่มีใครทำ ผมนี่แหละจะทำเอง บ้าเอ๊ย
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ เลเวลอาชีพ
เลเวลจอมมารของผมเพิ่มจาก E เป็น D นั่นหมายถึง ทั้งขีดจำกัดสแตทก็เพิ่ม สำคัญกว่านั้นคือ ผมสามารถซื้อมอนสเตอร์ที่หลากหลายขึ้นได้แล้ว ผมตัดสินใจจะทดสอบดู จึงเปิดแถบซื้อมอนสเตอร์
“แถบซื้อมอนสเตอร์”
หน้าต่างโผล่ขึ้นตรงหน้าผม
มันมีตัวเลือกตามระดับแร๊งค์มอนสเตอร์ทั้ง F, E และ D ในอดีตผมออกจะผิดหวังที่เลือกได้แต่แร๊งค์ F กับ E ก็อบลินยิงหินเอย พลหอกก็อบลินเอย มีแต่เพิ่มความหลากหลายก็อบลินที่ผมซื้อได้ขึ้นมาเท่านั้น
ผมเลือกไปที่แร๊งค์ D ขอบเขตในการเลือกของผมเพิ่มขึ้นนิดหน่อยในครั้งนี้
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
*ได้รับเมื่อค่าความชอบของจอมมารบาร์บาทอส(ความมืด)ถึง 50
คุณจึงสามารถทำการจ้างแบบพิเศษได้(ซอมบี้)!
[เงินที่ใช้ได้ : 6102โกลด์]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“อุหวา”
แพง! มันก็ยังคงแพงเวอร์อยู่ดีนั่นแหละ!
ก็อบลิน นักเวทย์ฟังดูไม่น่าประทับใจเลย แต่ในที่สุดผมก็สามารถซื้อพวกมอนสเตอร์นักเวทย์ได้แล้ว แถมผมยังสามารถซื้อมอนสเตอร์ขี่สัตว์ได้แล้วด้วย ไม่มีอะไรจะดีใจไปกว่านี้แล้ว การที่มีนักเวทย์และทหารม้าในกองกำลังก็เพิ่มจำนวนกลยุทธในการวางแผนที่ใช้ได้อย่างมาก
ต่อจากนี้ไม่ต้องยึดติดกับการสู้โดยใช้โกเลมอยู่แนวหน้าแฟรี่อยู่แนวหลังอีกต่อไปแล้ว ผมสามารถรักษาความสบายในขณะที่รับมือกับนักผจญภัยในสถานการณ์ที่ยืดหยุ่นได้มากขึ้น
……แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันก็แพงเหลือเกิน แม้ผมจะใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ซื้อก็อบลินเมจได้เพียง 6 ตัว มันเลยมีคำถามตามมาว่า แล้วผมจะใช้มอนสเตอร์ที่หลากหลายได้ยังไงถึงแม้ผมจะสามารถซื้อมันได้แล้วก็ตาม
ส่วนที่ระบุไว้ข้างๆ การจ้างแบบพิเศษเป็นของใหม่ ผมไม่เคยเห็นตัวเลือกนี้มาก่อน
ผมจดจ่อไปที่คำว่า ‘ซอมบี้’ พอทำแบบนั้น รายละเอียดเรื่องซอมบี้ก็โผล่ขึ้นมา ดังติ้ง
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ขอแสดงความยินดีด้วย
ท่านได้เปิดการใช้งาน ซื้อแบบพิเศษเป็นครั้งแรก
การซื้อมอนสเตอร์แบบพิเศษนั้นไม่สามารถซื้อได้ตามปกติ จะซื้อได้ก็ต่อเมื่อทำเควสพิเศษได้สำเร็จ หรือเพิ่มค่าความชอบกับตัวละครเฉพาะได้
คุณสามารถซื้อได้มากที่สุดตามระดับความยาก และตามระดับค่าความสัมพันธ์ของบุคคลที่คุณมีต่อ!
ชนิดของมอนสเตอร์นั้นจะขึ้นกับชนิดของเควส หรือ ลักษณะบุคลิกของบุคคลที่คุณเพิ่มแต้มค่าความชอบ
หากคุณต้องการ คุณสามารถใส่มอนสเตอร์ที่มีธาตุเฉพาะทางลงไปในดันเจี้ยนของคุณได้ ตัวอย่างเช่น คุณจะได้รับเอฟเฟ็คพิเศษเพิ่ม หากคุณจ้างแต่มอนสเตอร์ที่มีธาตุ <ความมืด>……?
แต่ถึงอย่างนั้นการใช้มอนสเตอร์ที่มีธาตุจำเพาะเพียงธาตุเดียวก็จะมีข้อเสียอย่างมากด้วยเช่นกัน คุณเลือกได้
สร้างดันเจี้ยนตามที่คุณปรารถนาได้เลย!
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
“เข้าใจแล้ว”
มีฟังชั่นแบบนั้นอยู่ด้วยแฮะ ออกจะน่าสนใจมากๆ
จอมมารทุกตนนั้นมีลักษณ์นิสัยแบบพิเศษจำเพาะอยู่
วาเลฟอร์ผู้ครอบครองปราสาทเคลื่อนที่ ก็มีความเชี่ยวชาญในธาตุ <น้ำ> บาร์บาทอสก็เชี่ยวชาญในธาตุ <ความมืด>
ลักษณะพิเศษของดันเจี้ยนของจอมมารก็จะแปรเปลี่ยนไปตามธาตุ
การซื้อแบบพิเศษนั้นทำให้ผมสามารถได้รับคุณสมบัติพิเศษมาด้วยเช่นกัน ไม่สิ ผมไม่ได้มองหาธาตุเฉพาะสำหรับตัวเอง แต่มันเป็นความจริงที่ว่า การซื้อมอนสเตอร์หลากหลายขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ดี
พอมองไปที่หน้าต่างซอมบี้ที่เรียกออกมา ค่าสแตทก็ธรรมดา แต่การที่มันราคาแค่ 100 เพื่อซื้อนี่ แทบจะเหมือนฟรีด้วยซ้ำ ถ้านักผจญภัยบุกเข้ามาเยอะขณะที่ผมกำลังกระเป๋าแห้ง ผมก็แค่เรียกฝูงซอมบี้ออกมาในกรณีฉุกเฉินได้ อื้มมม ไม่เลวเลย
หัวผมที่เคยพร่ามันเนื่องจากการกระทำของไพมอน ตอนนี้ค่อยๆดีขึ้นแล้ว พอมาเห็นฟังชั่นพวกนี้ผมก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมา
ใช่แล้วล่ะ แม้ค่าชื่อเสียผมจะเพิ่ม แต่ผมก็เติบโตขึ้นเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องอดกลั้นโดยไม่จำเป็น ผมน่ะเป็นผู้เล่นที่ไปถึงจุดสูงสุดของ <Dungeon Attack> จึงไม่จำเป็นต้องกลัวฮีโร่คนไหน ตราบใดที่ผมยังมีเงินและมอนสเตอร์อยู่ในมือ
ผมจะกลับไปที่บ้านรักแสนสบาย ปราสาทจอมมารหลังจบกองกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทรานี้แล้ว
ผมจะสามารถไปอยู่ห่างๆจากสงครามการเมืองที่น่าเป็นห่วงสักระยะหนึ่ง
ผมสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งพร้อมกับบริหารดันเจี้ยนตัวเองไปด้วย
ว่าง่ายๆ มันเป็นเวลาที่อยู่กับตัวเอง……. ใช่แล้วล่ะ ไม่จำเป็นที่ผมต้องรีบร้อน ตอนนี้ผมทำได้ดีแล้วจริงๆ
ผมสงสัยจังเลยน้า ผมจะจ้างอัศวินองค์รักษ์ได้ไหม ถ้าผมเพิ่มค่าความชอบกับเจ้าหญิงอลิซาเบธได้สูงพอ?
“หึ”
ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่ อัศวินองค์รักษ์ไม่ได้เป็นมอนสเตอร์ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มค่าความชอบของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอลิซาเบธ ตั้งแต่แรกแล้ว เธอและผมต่างเป็นศัตรูคู่แค้นตลอดกาล ทันทีที่ผมเห็นประกายผมสีเงินของเธอ ผมก็วิ่งแจ้นหนีไปทันทีเลยล่ะ
(TTL : เรือ ดันทาเลี่ยน x อลิซาเบธ พังทลาย)
ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องการตกแต่งดันเจี้ยนก็มีคนมาแทรก
“ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”
มีใครบางคนพูดขึ้นนอกที่พักของผม มันเป็นสียงของมนุษย์สัตว์ที่เป็นยามอยู่ด้านนอก ผมบอกเขาก่อนหน้านี้ว่า อย่ารบกวนหากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมลอร่าและลาพิสไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยกัน
ผมพูดขึ้นขณะที่ยังอยู่บนพื้น
“มีอะไรน่ะ?”
“ประธานบริษัทเคียนคุสก้า อิวาร์ ล็อดบรอค ตั้งใจจะมาหาฝ่าบาทครับ”
“อืมมม”
ผมเข้าใจแล้วดูเหมือนจะมีรายงานสำคัญนะ
บริษัทเคียนคุสก้านั้นตอนนี้เป็นผู้สนับสนุนกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ตั้งแต่กองทัพภาค 1 ถึงกองทัพภาค 6 รวมหมด 6 ภาค ซึ่งก็เป็นผู้ให้การสนับสนุนใหญ่นั่นแหละ
ผมขยับจัดท่าทางให้ดีแล้วพูดขึ้น
“ให้เขาเข้ามา”
“รับทราบครับ”
ไม่เพียงแต่อิวาร์จะสนับสนุนผมอย่างเต็มกำลังใจแผนการนี้เท่านั้น แต่เรายังตกลงกันก่อนเรื่องทรัพยากรทั้งหลายที่กองทหารแต่ละภาคจะได้รับ
การจัดการเงินเป็นสิ่งที่มีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นกองทัพภาคใด ตำแหน่งฐานะของอิวาร์จึงไม่ต่างจากจอมมารระดับสูง ผมไม่สามารถปฏิเสธเมื่อบุคคลระดับนั้นร้องขออะไรได้หรอก
ม่านประตูทางเข้าที่พักของผมเปิดออกและสุภาพบุรุษวัยชราก็เดินเข้ามา เขาคุกเข่าลงทันทีที่เห็นผม
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ดันทาเลี่ยน”
“ข้ามพิธีรีตรองไปได้เลย ล็อดบรอค ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?”
“ฝ่าบาท ท่านได้ทำคำความปรารถนาของผู้นี้ให้เป็นจริงขึ้นมาได้”
อิวาร์พูดขึ้นทั้งที่ยังคุกเข่าอยู่
“ความปรารถนาของผู้นี้คือ การได้เข้าร่วมกับกองกำลังจอมมาร ฝ่าบาทได้เห็นถึงความปรารถนานั่น ความปรารถนาที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครเห็นมาก่อน
ผู้นี้สงสัยว่า ฝ่าบาทไปล่วงรู้ได้อย่างไรกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฝ่าบาทได้ทำให้สิ่งนั้นเป็นจริงขึ้นมาแล้ว”
ผมมองหน้าเขาอย่างเงียบขรึมจริงจัง
“ตัวผู้น้อยใช้ชีวิต มา เกือบ 3,000 กว่าปีเหมือนกับซากศพ เพราะไม่เชื่อว่าชีวิตจะได้สมหวัง
แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ผู้น้อยตระหนักแล้วว่า ชีวิตของผู้น้อยนั้นมีไว้เพื่อชั่วขณะนี้ ตัวผู้น้อย อิวาร์ ล็อดบรอค ปรารถนาจะอุทิศตนให้เป็นข้ารับใช้ของฝ่าบาท”
อิวาร์ยกตัวขึ้นก่อนที่จะหมอบกราบลงไป
“ได้โปรดให้ผู้น้อยคนนี้ได้รับใช้ท่านด้วยเถิด”