Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 116 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(1)
เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก กำลังเบื่อ
เธอเสียอำนาจในฝ่ายมนุษย์ไปแล้ว จำนวนทหารของจักรวรรดิฮับบวร์กนั้นไม่น่าประทับใจขนาดนั้น แถมดยุคที่นำกำลังจากชาติอื่นมาก็เมินเฉยต่อเธอเนื่องจากเธอยังเด็ก
เธอรู้ว่า โอกาสที่จะทำสนธิสัญญาสงบศึกได้ผ่านล่วงไปแล้ว
นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมทหารรวมเกือบ 200,000 นาย ถึงได้มารวมตัวอยู่กันที่นี่ เธอต้องการจะให้สงครามครั้งนี้จบลงให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ชาติอื่นยังคงส่งกองกำลังเสริมมาจนถึงตอนนี้
มนุษยชาติสำเร็จในการขับไล่กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราเสมอมา
‘สงครามน่ะสำคัญ แต่วิธีการจัดการหลังสงครามนั้นสำคัญกว่า ใครจะไปรู้ว่า พวกชาติเหล่านั้นจะประกาศอะไรไร้สาระหลังจากเรื่องนี้จบลง’
พวกเขาอาจจะโอ่อวดเรื่องที่สามารถช่วยเหลือจักรวรรดิฮับบวร์ก หรือแม้แต่พวกเขาอาจจะบังคับให้ฮับบวร์กนั้นกลายเป็นสนามรบเพราะไม่อยากจะสู้รบในแดนดินของตนเอง
ไอ้พวกงั่งนั่น! เจ้าหญิงอลิซาเบธพยายามทำให้ตัวเองสงบลง
ณ ตอนนั้นเอง ภาพขนาดใหญ่ของบุคคลหนึ่งก็ฉายเหนือที่ราบ
มันเป็นภาพชายหนุ่มที่ดูผอมเพรียว ดูเหมือนเขาจะออกมาเป็นตัวแทนฝ่ายพิธีการในการพูดสุนทรพจน์ฝ่ายจอมมาร เจ้าหญิงจักรวรรดิถอนใจออกมา เธอเองก็ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนในพิธีการพูดสุนทรพจน์จากฝ่ายมนุษย์เช่นกัน
แม้จะไม่มีอำนาจใดๆก็ตาม เธอก็ยังคงถูกวางเป็นหัวหุ่นเพื่อพูดสุนทรพจน์
…….ชายคนนั้นก็เหมือนไม่ต่างกัน เจ้าหญิงจักรวรรดิทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้นอกจากสงสารเขา
ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาจะพูดวา่อะไร กองทัพจอมมารนั้นทรงพลัง และ พวกมนุษย์นั้นอ่อนแอ ดังนั้นยอมแพ้แต่โดยดีเสียเถิด พิธีการพูดสุนทรพจน์เช่นนี้เป็นอย่างนี้มาตลอดจากทางฝ่ายกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
มนุษย์น่ะโง่ แต่ก็ไม่โง่พอที่จะได้รับผลกระทบจากการพูดแบบนั้นหรอก สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการสูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์…….
– โอ มนุษย์ทั้งหลาย จงฟัง
นั่นแหละ เห็นไหม พอหมอนั่นเปิดปากขึ้นมา
– ประวัติศาสตร์ทั้งหมดที่มีมาจวบจนถึงบัดนี้ เป็นประวัติศาสตร์แห่งความขัดแย้งระหว่างชนชั้น
เจ้าหญิงจักรวรรดิได้แต่ส่ายหัวไปมา นี่เขาพยายามจะพูดอะไรกันอยู่เนี่ย?
เสียงของชายคนนั้นดังก้องไปทั่วที่ราบ
– มีสงครามอยู่สองประเภทในโลกนี้
อย่างหนึ่งคือ สงครามระหว่างมนุษย์และปีศาจ
ความจริงที่ว่า สงครามดังกล่าวไม่ยอมจบลงง่ายๆ สงครามที่ผ่านมาเกือบสองพันปีเกิดขึ้นโดยไม่เคยมีช่วงพัก แล้วพวกเจ้าล่ะ มนุษย์ทั้งหลาย รู้ไหมว่า สงครามคืออะไร?
เสียงของชายคนนั้นใสเหมือนแก้ว ไม่มีความกังวลอยู่ในน้ำเสียงเลย เสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความสง่างามแต่ไม่มีการโอ่อวดในถ้อยคำ เขาให้ภาพลักษณ์ของบุคคลที่ดูน่าเชื่อถือ
ยิ่งไปกว่านั้นใช้เล่นเสียงสูงต่ำอย่างชำนาญ คำพูดของเขาจึงดูมีพลังในการดึงดูดความสนใจของผู้คน
“สิ่งที่เขาพูดนี่ช่างแปลกเสียจริง”
“แต่ไม่ว่า เขาจะพูดอะไร มนุษยชาติก็เป็นดั่งป้อมปราการอยู่ดี”
นายพลรอบตัวเธอกระซิบกระซาบต่อกัน เนื้อหาสุนทรพจน์กลับแตกต่างออกไปจากที่คิดไว้
ยิ่งไปกว่านั้นบทพูดเองก็ประหลาด สงครามที่ยิ่งใหญ่กว่าความขัดแย้งที่มีมากับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราอย่างนั้นหรือ?
อย่าว่าแต่ได้รับการสอนเลยพวกเขายังไม่เคยได้ยินสิ่งเหล่านั้นด้วยซ้ำไป
เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธจึงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ
“โอ้ะ?”
นี่เขากำลังจะบอกอะไรน่ะ?
ดวงตาของเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เจ้าหญิงนั้นเพลิดเพลินเสมอกับสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ
และหากสิ่งนั้นยิ่งนอกเหนือการคาดเดาเธอไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าสนุกมากเท่านั้น
– พูดอีกอย่างหนึ่ง มันคือ สงครามที่ทำลายล้างไปตลอดกาล
เสียงของชายคนนั้นแทงทะลุเสียงบ่นแล้วสะท้อนไปทั่วทั้งพื้นที่
– เมื่อเทียบกันแล้ว สงครามระหว่างมนุษย์กับปีศาจนั้นเป็นเรื่องโง่เง่าไปในทันที!
มนุษย์กับปีศาจนั้นขัดแย้งกันแค่เพียงแปดครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น สงครามที่ใหญ่หลวงกว่ากลับดำเนินอยู่ในทุกปี ทุกเดือน ทุกวัน และทุกวินาที…….
เขาเริ่มไล่รายชื่อออกมาทีละคน
เสรีชนกับทาส
ชนชั้นสูงกับสามัญชน
บารอนกับทาสติดที่
ผู้กดขี่และผู้ถูกกดขี่
– นี่เป็นสงครามตลอดกาล แม้กองทัพพันธมิตรของพวกเราจะหายไปจากทวีปนี้แล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังคงอยู่ในสงคราม
กาลเวลา 2,000 ปีได้ไหลผ่านไป แม้จะผ่านไปอีก 2,000 ปี สงครามระหว่างชนชั้น สงครามระหว่างอำนาจจะยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง
เหล่าผู้ถูกกดขี่ทั้งหลาย จงฟัง
ชายคนนั้นตะโกนขึ้นราวกับทหารทั้งหลายยืนอยู่ตรงหน้าเขา
– 2,000 ปีที่แล้ว กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราบุกเข้ามาทวีปนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในวันนั้นเอง ผู้ปกครองแห่งสาธารณะยุคเก่าก่อนได้คร่ำครวญถึงการปกป้องมนุษยชาติ
บรรพบุรุษของพวกเจ้าออกสู่สงครามเพื่อเสี่ยงชีวิตตนในการปกป้องมนุษยชาติ หลังจากสงครามได้จบลง ทาสก็ยังคงเป็นทาส และ ทาสติดที่ก็ยังคงเป็นทาสติดที่
– 1,800 ปีที่แล้ว กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราได้เข้ามาบุกทวีปนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ในวันนั้นเอง จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโบราณก็ได้สั่งการให้มนุษย์ทั้งหลายต่างลุกขึ้นสู้และปกป้องมนุษยชาติ บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ใช้เสี่ยงชีวิตอีกครั้งและได้รับชัยชนะมาอย่างปาฏิหารย์
หลังจากสงครามได้จบลง ทาสก็ยังคงเป็นทาส และ ทาสติดที่ก็ยังคงเป็นทาสติดที่
– 1,500 ปีที่แล้ว กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราได้เข้ามาบุกทวีปนี้อีกเป็นครั้งที่สาม บรรพบุรุษของพวกเจ้าก็ได้ต่อสู้กับกองทัพมอนสเตอร์นับ 300,000 ตัวและได้รับชัยชนะ
ช่างน่าประหลาดใจ และน่าประทับใจจริงๆ!
พวกท่านทั้งหลายต่างเป็นดั่งโล่ปกป้องมนุษยชาติ หากไม่ใช่พวกเจ้า ทวีปนี้ก็คงมาอยู่ในเงื้อมือของจอมมารนานแล้ว
พวกเจ้านั้นนับเป็นผู้พิทักษ์ของเหล่ามนุษยชาติมากว่าพันปี
พวกเจ้าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของทวีปนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาแสดงตัวต่อหน้าตัวตนผู้มีชื่อว่าได้รับชัยชนะมาตลอดในช่วงเวลาประวัติศาสตร์
มนุษย์ปรบมือ เสียงปรบมือดังสั่นไปทั่วราวกับเป็นเสียงกลอง เหล่าทหารถึงกับงง มันไม่ปรากฏสีหน้าหรือน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางเลยแม้แต่น้อย
– 1,500 ปี ที่ผ่านไป จนมาถึงดินแดนแห่งนี้เป็นครั้งที่แปดแล้ว แต่สิ่งนั้นคืออะไร?
เสียงปรบมือของทหารหยุดลงทันทีเมื่อน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปกะทันหัน
– โอ เจ้าของทวีปนี้ทั้งหลาย มนุษย์ผู้ปกป้องมนุษยชาติ
พวกเจ้ายังคงเป็นทาส ทาสติดที่ สามัญชนและผู้ที่อ่อนแอที่สุดในเหล่าผู้อ่อนแอ ที่ยังคงหิวกระหาย และตายไปด้วยโรคระบาด
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? พวกเจ้าตายมาจนถึงตอนนี้เพื่ออะไรกัน?
เวลานั้นเองที่เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธลุกขึ้นมา เธอรู้แล้วว่า ชายคนนั้นมีจุดประสงค์อะไร ความอยากรู้อยากเห็นในดวงตาหายไปในทันที ปากของเธออ้าค้างยามที่มองไปยังภาพฉายด้วยความตะลึงงัน
เจ้าหญิงจักรวรรดิกลับมาคืนสติ แล้วเธอก็ตะโกนเรียกให้นักเวทย์เตรียมวงเวทย์
“เปิดการใช้งานเวทย์เดี๋ยวนี้เลย!”
“ฝะ-ฝ่าบาท?”
“ไม่ได้ยินข้าหรือไง? เปิดการใช้งานมันเดี๋ยวนี้!”
ชายแก่นั้นได้แต่ร่ายเวทย์มนตร์ทั้งที่ยังคิ้วขมวดอยู่
“ข้าต้องขอประทานอภัย เวทย์มนตร์ขนาดใหญ่นั้นต้องใช้เวลา เราต้องการเวลาอีก 15 นาที”
“15 นาที…….”
เจ้าหญิงจักรวรรดิกุมหัวตัวเอง มันไม่ควรจะเป็นอย่างนี้!
10 นาทีก็นานพอแล้วสำหรับชายคนนี้ที่จะพูดสุนทรพจน์จบ และยังมีเวลาเหลืออีกด้วย หากปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ทุกอย่างมันจะสายจนเกินแก้!
ฝ่ายของพวกเขานั้นเตรียมช้ากว่าเพราะเชื่อว่า หากพูดทีหลังจะได้เปรียบกว่า และนั่นเป็นความผิดพลาด
กองกำลังฝ่ายมนุษย์เริ่มเตรียมการวงเวทย์ช้าๆหลังจากที่จอมมารเริ่มสุนทรพจน์ไปแล้ว
ไม่ว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นความเจ็บใจของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิหรือไม่ แต่นักเวทย์ก็ยังคงร่ายเวทย์อย่างละเอียดรอบคอบด้วยท่าทีจริงจัง
เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นเหมือนดั่งฟ้าผ่า
– พวกเจ้าทั้งหลายต่างได้ปกป้องทวีปแห่งนี้ ทวีปแห่งนี้เป็นดินแดนที่ยังคงเหลืออยู่ทั้งก่อน และหลังสงคราม
พวกเจ้าก็ยังยากไร้อยู่
ยามที่พ่อแม่ของพวกเจ้าติดกาฬโรคแล้วต้องร้องระงมด้วยความเจ็บปวดก่อนจะตายอย่างช้าๆ พวกเจ้าก็ยังคงแร้นแค้นถึงขนาดที่ไม่อาจซื้อหาสมุนไพรได้แม้สักต้นเดียว
นี่พวกเจ้าสู้ไปเพื่ออะไร? พวกเจ้าเสียสละไปเพื่ออะไร? นี่พวกเจ้าอยู่กันมายาวนานถึง 2,000 ปี เพียงเพื่อจะปกป้องความยากจนอย่างนั้นหรือ?
– มันต้องไม่เป็นเช่นนั้นแน่
– มนุษย์ทั้งหลาย ความจริงเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าไม่เคยได้เป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติเลย เจ้าพวกผู้ปกครองของสาธารณรัฐทั้งหลาย จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิทั้งหลาย และชนชั้นสูงทั้งหลายที่เรียกร้องให้ออกมาป้องกัน
ผู้มีอำนาจเหล่านั้นใช้ชีวิตในทุกวันนี้โดยไม่ต้องการปกป้องชีวิตผู้คนและแดนดินแห่งผู้คนเลย หากแต่เพียงต้องการปกป้องชีวิตและทรัพย์สมบัติตนเท่านั้น
– สิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าปกป้องด้วยเลือดและน้ำตากลับไม่ใช่สิ่งที่เป็นของพวกเขา แต่กลับเป็นของบุคคลอื่นไป
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ พวกเขาปกป้องสิ่งที่เป็นของชนชั้นสูง แถมยังเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเจ้าจะต้องยากจนต่อไปหลังจากทุกสงคราม!
ชนชั้นสูงยังคงเป็นชนชั้นสูง สามัญชนยังคงเป็นสามัญชน พวกเจ้าเองนั่นแหละที่เป็นหนึ่งในผู้ให้การช่วยเหลือชนชั้นสูงเหล่านั้น!
ชายคนนั้นกำหมัดขวา
– ช่างน่าเสียใจอะไรเช่นนี้!
ชนชั้นสูงพวกนั้นเป็นคนประเภทไหนกัน? แม้จะมีมอนสเตอร์แห่มาบุกหมู่บ้านของพวกเจ้า พวกเขาก็ไม่ส่งอัศวินมาเพื่อปกป้อง
พวกเขาทอดทิ้งเจ้า มนุษย์เอ๋ย พวกเขาทอดทิ้งเจ้า
และเมื่อจอมมารปรากฏตัวขึ้น ชนชั้นสูงพวกนั้นก็บังคับให้พวกเจ้าต้องสละชีพตนเอง
เพื่อมนุษยชาติ!
– แม้กาฬโรคนั้นจะแพร่มาถึงหมู่บ้านของพวกเจ้า ผู้คนที่มีกำลังเหล่านั้นก็ไม่เคยหาทางรักษาเจ้า
พวกเขาทอดทิ้งเจ้า มนุษย์เอ๋ย พวกเขาทอดทิ้งเจ้า
และเมื่อจอมมารปรากฏตัวขึ้น ชนชั้นสูงพวกนั้นก็บังคับให้พวกเจ้าต้องสละชีพตนเอง
เพื่อมนุษยชาติ!
– แม้ในปีที่ผลผลิตการเกษตรไม่ดี พวกชนชั้นสูงนั่นก็ปฏิเสธที่จะลดภาษีให้ แม้ทุ่งนาของพวกเจ้าจะแห้งแล้ง ต้องอดตายลงอย่างช้าๆโดยไม่อาจหาเศษผงขนมปังมาป้อนให้กับลูกชายลูกชายของพวกเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ
ทั้งที่อ่างเก็บน้ำของพวกนั้นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำ แต่พวกชนชั้นสูงก็ไม่ให้น้ำแก่้พวกเจ้า
พวกเขาทอดทิ้งเจ้า มนุษย์เอ๋ย พวกเขาทอดทิ้งเจ้า
และเมื่อจอมมารปรากฏตัวขึ้น ชนชั้นสูงพวกนั้นก็บังคับให้พวกเจ้าต้องสละชีพตนเอง
– เพื่อมนุษยชาติ!
– ตอนนี้ ความหมายของคำว่ามนุษยชาติที่ชนชั้นสูงหมายถึงนั้นชัดเจนในตัวแล้ว มนุษยชาติที่พวกเขาพูดถึงนั้นมิได้หมายถึงมนุษย์ หากแต่หมายถึง ชนชั้นสูง ทวีปแห่งนี้นั้นหมายถึง ดินแดนที่เป็นของชนชั้นสูงเหล่านั้นเท่านั้น
– มนุษยชาติมีไว้เพื่ออะไร? มนุษยชาติมีไว้เพื่อกดขี่
สงครามนี้มีไว้เพื่ออะไร? สงครามนี้มีไว้เพื่อรักษาการกดขี่ให้คงอยู่ต่อไป
ผ่านมา 2,000ไปไปเพื่ออะไร?
พวกเจ้ายังคงตายแล้ว ตายอีก ผ่านมาเป็นพันปี และยังคงโง่งมจมปลักอยู่ในความยากจนไปตลอดกาล โดยส่งต่อมันไปให้กับลูกชายลูกสาว!
– โอ มนุษยชาติ ไม่ใช่มนุษยชาติที่เหล่าชนชั้นสูงพูดถึงด้วยถ้อยคำอันหวานหู แต่หมายถึง พวกเจ้า ทาสติดที่ ชาวบ้าน ทาส และและผู้คนทั้งหลายที่ได้หลั่งเลือดและน้ำตาตัวจริง
พวกเจ้า เจ้าของดินแดนแห่งนี้! มีอะไรที่ผิดไปหรือเปล่า? หรือความจริงแล้วพวกเจ้าทุกคนนั้นเป็นทาส? พวกเจ้าทุกคนต่างไม่ใช่ผู้ปกครองที่แท้จริงของดินแดนนี้
― หากจะเป็น ก็คงเป็นชนชั้นสูงทั้งหลายไม่ใช่พวกข้าทาสหรอก
มันก็นับตั้งแต่ที่พวกเขาได้อาศัยเลือดเนื้อของพวกเจ้าเหมือนดั่งปรสิตนั่นแหละ
“พ่นอะไรไร้สาระออกมาวะ!”
“ไอ้จอมมารห่านี่!”
นายพลรอบเจ้าหญิงต่างแผดเสียงออกมาด้วยความโกรธกับถ้อยคำเหล่านั้น พวกเขายังคงสาปแช่งไปบนท้องฟ้า
แทนที่จะตะโกนขึ้นท้องฟ้า เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธกลับมองดูรอบข้างเธออย่างใจเย็น อาการเย็นวาบแล่นไปถึงไขสันหลัง
เหล่าทหารทั้งหลาย……เหล่าทหารกลับมองไปยังชายคนนั้นด้วยแววตาที่ว่างเปล่า!
– เหตุใดข้าวและข้าวโพดที่พวกเจ้าเก็บเกี่ยวจึงเป็นของชนชั้นสูง มิใช่พวกเจ้า? ทำไมชนชั้นสูงไม่ทำมาหากินด้วยตัวเอง? นั่นก็เพราะพวกเขาเป็นนายของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?
หากเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมยามที่หมู่บ้านถูกโจมตี ทำไมพวกชนชั้นสูงถึงไม่ออกมายืนข้างหน้าในการต่อสู้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของของหมู่บ้านเหล่านั้น?
– เหตุผลนั้นมันง่ายมาก เพราะหมู่บ้านของพวกเจ้าไม่ใช่ของพวกเขา
– โดยปรกติแล้ว หมู่บ้านของเจ้าเป็นของพวกเจ้า ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ชนชั้นสูงแค่มากรรโชกไปจากพวกเจ้า
พูดอีกอย่างคือ มันแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยระหว่างชนชั้นสูงและมอนสเตอร์ที่เข้าทำร้ายหมู่บ้านของพวกเจ้า
พวกมันทั้งคู่ต่างเป็นโจรที่มาเอาข้าวของของพวกเจ้าไป มันไม่มีทางเลยที่จะกระกระทำตัวเยี่ยงเจ้าของที่ดินเพื่อปกป้องบ้านของเจ้า เพราะฉะนั้นพวกชนชั้นสูงพวกนั้นจึงไม่ปกป้องพวกเจ้า
– สิ่งเดียวที่พวกชนชั้นสูงพวกนั้นทำคือ ปล้นพวกเจ้า พวกมันกินข้าวที่พวกเจ้าเพาะปลูก พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านที่พวกเจ้าสร้าง ทั้งยังสวมเสื้อที่พวกเจ้าเย็บทอ
มีสิ่งมีชีวิตที่เหมือนปรสิตอยู่ในมนุษยชาติได้อย่างไรกันนี่? มีสิ่งที่น่าตลกเช่นนี้ดำรงอยู่มานานนับ 2,000 ปี ได้อย่างไรกัน?
– มนุษยชาติเอ๋ย เหตุผลนั่นก็คือ เพราะพวกเขาถืออาวุธ ไม่มีเหตุผลอื่นใดไปมากกว่านี้
– หากพวกเจ้าไม่ยอมจ่ายภาษี อัศวินพวกนั้นก็จะเข้ามาถล่มหมู่บ้านพวกเจ้าไม่ต่างจากมอนสเตอร์โผล่ออกมา
พวกเขานั้นมองว่าไม่เป็นไรเลยหากจะปล้นชิงไปจากบ้านเจ้า แต่พวกเขาจักไม่ให้อภัยหากเจ้าไม่อนุญาตให้พวกเขาปล้นชิง
– เมื่อพวกเจ้าจะประกาศความชอบธรรมในการเป็นเจ้าของ ธัญพืชที่เก็บเกี่ยว บ้าน และเสื้อผ้าของพวกเจ้า เจ้าปรสิตและโจรเหล่านั้นก็จะใช้กำลังกับพวกเจ้าอย่างโหดเหี้ยม
ถูกต้องแล้ว สาเหตุที่ว่าทำไมชนชั้นสูงถึงสามารถรักษาสถานะความเป็นปรสิตต่อไปได้ก็เพราะอำนาจของพวกเขา
– โอ้ มนุษยชาติ จงฟัง
– พวกเจ้าต้องทำอะไรเพื่อปกป้องสิ่งที่เป็นของพวกเจ้า?
– สิ่งใดที่พวกเจ้าต้องทำเพื่อเอาคืนมาจากเหล่าขโมย?
เหล่านายพลต่างตะโกนดังขึ้น ตรงกันข้าม เหล่าทหารกลับยังคงเงียบอย่างน่ากลัว
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิด่าทอนักเวทย์ที่ยังไม่พร้อมเสียที แต่ถึงอย่างนั้นในมุมหนึ่งของความคิดเธอนั้นรู้ดีว่า มันสายไปเสียแล้ว…….
– ถูกต้องแล้ว! พวกเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากจะสู้กองกำลังด้วยกองกำลัง!
ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมา
– ยกหอกพวกเจ้าขึ้น คว้าธนูขึ้นมา เอาของที่เป็นของพวกเจ้ากลับมา แสดงออกให้เห็นชัดเจน แสดงออกให้เห็นชัดเจน!
อย่าปล่อยให้ตัวพวกเจ้าโดนหลอกให้เชื่อว่า พวกเจ้านั้นเป็นทาส! พวกเจ้าเป็นผู้ครองดินแดนนี้ ดังนั้นทุกสิ่งที่เติบโตในดินแดนนี้โดยธรรมชาติแล้วเป็นของพวกเจ้า!
– จงสู้!
– จะไม่มีใครทวงคืนของที่เป็นของพวกเจ้ากลับมาได้ หากเจ้าไม่ทวงคืนมันด้วยตัวเอง พวกเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพวกเจ้าต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง
– จงสู้!
–ไม่มีใครที่จะใช้ชีวิตแทนเจ้าได้ พวกเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทวงคืนชีวิตของตัวเจ้าเอง
– จงสู้!!
– โอ มนุษยชาติ ผู้คนนั้นคืออะไร?
พวกเขาคือ ทุกสิ่ง!
มีเพียงพวกเจ้าเท่านั้นที่สามารถเรียกตนเองว่าเป็นมนุษย์โดยชอบธรรม แล้วกับผู้คนทั้งหลายเป็นอย่างไรล่ะ ตลอด 2,000 ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์?
ไม่มีเลย!
แล้วในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เพียงคนเดียวในเหล่ามนุษยชาติคืออะไร?
– ทุกสิ่ง!
–ข้าดันทาเลี่ยน ขอประกาศตัวว่าเป็นจอมมารตัวแทนแห่งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ผู้จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรตลอดกาลของพวกเจ้าในสงคราม!
ผู้คนในแดนเหนือของฮับบวร์กนั้นได้เข้าร่วมกับพวกเราด้วยเหตุผลนี้
– พวกเจ้าอาจถูกหลอก พวกเรานั้นเล็งไปที่ชนชั้นสูงไม่ใช่ผู้คนทั่วไป พวกเราได้เอาสมุนไพรดำมาแจกจ่ายให้กับผู้คนทั้งหลายในแดนเหนือของฮับบวร์กโดยให้กับทุกคน
พวกเรากำจัดมอนสเตอร์ที่ที่หลุดจากการควบคุมของพวกเราไปโดยการร้องขอของผู้คน โดยพวกเรามิได้เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน ภาษีนั้นไม่มีการเรียกเก็บในแดนเหนือของฮับบวร์ก
– ดินแดนที่ภาษีไม่มีอยู่ ไม่ฟังดูเหมือนโลกในอุดมคติหรืออย่างไรกัน?
– มนุษย์และมอนสเตอร์มิได้ทำร้ายกันในกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา พวกเขาร่วมมือกัน พวกเจ้าได้สร้างหมู่บ้านขึ้นในขณะที่มอนสเตอร์ชนเผ่าก็อยู่ด้วยกันโดยไม่รุกล้ำกันและกัน มันฟังดูเป็นอุดมคติไปอย่างนั้นหรือ?
นักเวทย์รายงานว่า พวกเขาเตรียมการเสร็จแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าหญิงจักรวรรดิก็ยังคงยืนนิ่งด้วยมือที่ป้องหน้า……มันสายเกินไปแล้ว
จากจุดนั้น สุนทรพจน์ที่ตัวแทนคนนั้นได้กล่าวออกมา เธอก็ได้รู้ชัดถึงทุกสิ่งที่ชายคนนั้นได้โกหกออกมา
แต่ถึงอย่างไรก็ดี เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้ถูกหว่านอยู่ในใจกองกำลังของฝ่ายมนุษย์
มนุษยชาติคืออะไร? สงครามคืออะไร……?
หากเกิดความเสียเปรียบขึ้นในสงครามนี้ ก็จะมีทหารเกณฑ์จำนวนมากที่เสียขวัญและละทิ้งกองทัพ เป็นไปได้สูงมากว่าจะยอมจำนนต่อกองทัพจอมมาร…….
“……ดันทาเลี่ยนใช่ไหม? ชายผู้ผิดปกติที่ปรากฏตัวอยู่ในกองทัพจอมมาร ข้าเข้าใจแล้ว”
เจ้าหญิงจักรวรรดิพึมพัมกับตัวเอง
ชายผู้พูดออกมาได้อย่างน่าฟังอยู่ห่างออกไป
– อุดมคติที่ว่า นั้นมิได้อยู่ไกลออกไป มันถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าทุกคนจะยึดครองดินแดนที่ควรเป็นของพวกเจ้ามาตั้งนาน
มันถึงเวลาแล้วที่พวกเจ้าจะหนีออกมาจากหุบเหวดำมืดแห่งคำโกหก แล้วเดินตรงไปยังเส้นทางความถูกต้องอันสว่างไสว
ในนามแห่งพระเจ้า ประตูแห่งโอกาสได้เปิดออกตรงหน้าพวกเจ้าและลูกหลานแล้ว
– จงร่ำร้องเสียงเพลงแห่งความถูกต้อง ในฐานะผู้คน จงแย่งสถานที่แห่งผู้คน กระทำรุนแรงต่อผู้คน ทำให้พวกชนชั้นสูงเหล่านั้นตระหนักได้เสียทีว่าใครเป็นเจ้านายตัวจริง
เพลงของเจ้าที่ร้องออกมาจะเป็นเครื่องยืนยันว่า พวกเจ้าจะไม่ตกต่ำไปเป็นทาสอีกครั้ง ในวันที่พวกเจ้าเปล่งเสียงและยกหอกขึ้น วันนั้นจะเป็นวันที่อนาคตสดใส ชื่อได้ว่า อนาคตได้มาถึง
– พวกเราดูหมิ่นทาสที่ออกมาปกป้องเจ้านายตน พวกเรากลับนับถือเจ้านายที่แท้จริง ตราบใดที่ยังใช้ชีวิตเป็นดั่งเจ้านาย
จงทำให้ชนชั้นปกครองนั้นสั่นกลัว ก่อนที่จะแสดงการปฏิวัติของพวกเจ้า พวกเจ้าไม่มีอะไรให้ต้องเสียเลยผ่านการปฏิวัติครั้งนี้นอกไปจากโซ่ตรวนแห่งคำลวง โลกใบนี้และทุกสิ่งเท่านั้นที่สมควรเป็นของพวกเจ้า กำลังเฝ้ารอพวกเจ้าอยู่
– จงสู้กลับไป มนุษยชาติ!