Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 217 ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง D (9)
* * *
ผู้กล้าแห่งสงคราม (War hero)
มีผู้กล้ามากมายที่ถูกเรียกเช่นนั้นในอดีต
ไป่ฉี แห่งแคว้นฉิน นั้นได้ฆ่าล้างทหารไปมากกว่า 1.5 ล้านคน หานซิ่นเองก็ทำให้ศัตรูประเทศชาติศัตรูนั้นล่มสลายด้วยการกวาดล้างทหารไปนับแสนด้วยทหารจำนวนเพียง 20,000 นาย
ผู้กล้าในสงครามเป็นบุคคลที่ทำการศึกโดยเหนือสามัญสำนึกของผู้คนแบบนั้นแหละ
“ดูเหมือนก็อบลินลาดตระเวนจะเจอศัตรูเข้า”
ลอร่าลุกขึ้น เด็กสาวที่มีชะตาที่จะต้องกลายเป็นผู้กล้าแห่งสงครามบนโลกใบนี้
ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ เธอเกิดมาในบ้านตระกูลดยุคในราชอาณาจักรซาร์ดิเนียแต่จบลงที่ต้องกลายเป็นทาสกามภายหลังจากต้องทนหงุดหงิดมานานกว่าสิบปีเธอได้ฆ่าเจ้านายทิ้งด้วยมือตัวเอง
หลังจากนั้นราชินีเฮนริเอนต้าผู้เก่งเรื่องการดูคนก็รับเธอไปใช้งาน เธอไต่เต้าขึ้นมาผ่านสายทหารขณะเดียวกันมีมีความสัมพันธ์ลับๆกับราชินี
พวกลูกน้องของราชินีนั้นไม่ให้เกียรติลอร่านักเพราะพวกเขารู้ว่า เธอขึ้นมาด้วยการแต่งตั้งจากองค์ราชินี
ถึงอย่างนั้นลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ ก็จัดการกวาดล้างทหารฮับบวร์ก 60,000 ด้วยกองทหารเพียง 20,000 นาย
เธอได้ชัยชนะล้นลามจากทหารที่มีจำนวนน้อยกว่าศัตรูมาก
หากฮีโร่ไม่โผล่ตัวออกมา ลอร่าเองก็ยังคงเป็นนายพลไร้พ่ายต่อไป
ฮีโร่ผู้ทำลายยุทธพิชัยสงครามด้วยเทคนิค และทำลายเทคนิคด้วยการดวล
มีเพียงอาวุธมนุษย์ที่ประดุจดั่งฝันร้ายเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่
และไม่มีใครรู้เรื่องนั้น ว่า ผู้กล้าแห่งสงครามผู้นั้นอยู่ใต้การดูแลของดันทาเลี่ยน
“พวกเราจะแบ่งแยกและพิชิตพวกเหล่านักผจญภัย”
ณ ขณะนี้ไม่มีผู้ใดเอาชนะลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ได้
เธอนั้นสวมชุดเดรสบางๆที่ดูคล้ายชุดนอน มันไม่เหมือนกับใส่เหมือนเธอเอาผ้ามาห้อยแขวนไว้บนตัวมากกว่า แทนที่จะปล่อยให้ผิวเปลือยเปล่าก็มีผ้าสีขาวคลุม
เด็กสาวที่อายุ 17 ย่าง 18 นั้นมีเรือนร่างที่เปล่งประกายราวกับแสงสว่างในงานเลี้ยง
นักผจญภัยได้บุกเข้ามาบ้างในช่วงที่ดันทาเลี่ยนไม่อยู่หลายเดือน
และทุกครั้งที่เป็นเช่นนั้น ลอร่าก็จะบัญชาการให้เหล่าก็อบลินออกจากดันเจี้ยนแล้วไปกำจัดผู้บุกรุกได้โดยง่าย
มีศพนักผจญภัยกว่าห้าสิบศพนอนกองอยู่บนพื้นถ้ำ
ลอร่าดึงพวกกระโหลกทั้งห้าสิบออกมา แล้วกองมันไว้ในมุมหนึ่งของห้องจอมมาร
มันเป็นงานอดิเรกสุดแย่ของสาวน้อย แต่ลอร่าเองก็หมั่นเอาผ้าขนหนูเช็ดทำความสะอาดมันทุกครั้งที่มีเวลาว่าง
เหล่านักผจญภัยไม่ตระหนักถึงสองสิ่ง
อย่างแรก ปราสาทจอมมารที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุดนั้น เป็นอดีตไปเมื่อนานมากแล้ว
อย่างที่สอง นักผจญภัยทุกคนที่บุกเข้ามาต่างถูกฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม จึงไม่มีใครเคยรอดกลับไปรายงานเลยว่า ปราสาทจอมมารดันทาเลี่ยนนั้นยกระดับแล้ว
ราคาของความไม่รู้นั้น ทำให้ตอนนี้ลอร่ากำลังจะได้รับอีก 150 กระโหลกมนุษย์เป็นของสะสมส่วนตัว
“บลิงกี้, วันนี้ฉันจะให้เจ้าจัดการนะ”
-เครุก
มอนสเตอร์ตัวแรกของจอมมารดันทาเลี่ยน ก็อบลินระดับต่ำสุดผงกหัวรับทราบ ก็อบลินตัวนี้รับหน้าที่เป็นผู้สื่อสารคำสั่งของลอร่าให้กับทหารมอนสเตอร์ทั้งหลาย
ลอร่าจึงพูดขึ้น
“ก่อนอื่นพวกเราจะรับมือนักผจญภัยที่เข้ามาในพื้นที่ อัลฟ่า 31
ส่งก็อบลินหน่วย3 ไปหยุดพวกเขา
หลังจากนั้นก็ให้ถอยกลับมาที่ อัลฟ่า 11 แล้วซุ่มโจมตีพวกนั้นด้วยทีมลอบโจมตี”
– เครุก
บลิงกี้แสดงความเคารพด้วยการวันทยหัตถ์อย่างหนักแน่น
บลิงกี้ถ่ายทอดคำสั่งผ่านออร์บเวทย์ มีลูกแก้วเวทย์มนตร์ 18 ลูกเรียงอยู่บนโต๊ะ
ข้อความรายงานผลโผล่ขึ้นมาเรื่อยๆขณะที่ลอร่านั่งเงียบและจินตนาการการศึกอยู่ในหัว
ที่นี่เป็นศูนย์บัญชาการของลอร่า เธอนั่งอยู่ตรงปากทางเข้าห้องจอมมารแล้วสั่งการทหารทั่วทั้งดันเจี้ยน
เธอไม่สามารถเห็นพื้นที่ทั้งหมดได้โดยตรงและมีกำแพงทางภาษาที่ทำให้เธอไม่อาจสั่งการตรงๆกับพวกมอนสเตอร์ได้
แต่ถึงจะมีอุปสรรคใหญ่สองอย่างนั้น ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ก็ยังคงสามารถสั่งการได้โดยไม่ติดขัด
“นักผจญภัยในพื้นที่ 23 ตอนนี้ถูกกำจัดแล้ว หน่วย 2 รีบมุ่งไปยังพื้นที่ อัลฟ่า 12 ”
“นักผจญภัยในพื้นที่ แกมม่า 13 ไม่ขยับเขยื้อน
พวกนั้นอาจตั้งใจยื้อการต่อสู้ ให้โจมตีจากทั้งสองฟากของอุโมง กำจัดพวกนั้นซะ”
“ไล่ตามนักผจญภัยที่วิ่งมาจากเบต้า 12 แต่อย่ากำจัด แค่ไล่ตามก็พอ
พวกเราจะให้พวกนั้นไปรวมกับกลุ่มนักผจญภัยในพื้นที่ เบต้า 24 ให้พวกนั้นอลหม่านกัน”
คำสั่งที่มอบมาอย่างรวดเร็วอย่างนั้นจึงยากที่จะให้บลิ้งกี้ถ่ายทอดคำสั่งได้ทันเวลา
แผนที่ดันเจี้ยนกางอยู่ตรงหน้าลอร่า แต่เธอไม่แม้แต่จะมองมัน เธอมีภาพของการสู้รบปัจจุบันชัดเจนอยู่ในหัวแล้ว มันไม่ใช่แค่แผนที่อย่างเดียวที่เห็นแจ่มชัดหากแต่จำนวนด้วยเช่นกัน
จำนวนชัดเจนของจำนวนนักผจญภัยที่ยังคงรอดชีวิต
จำนวนพวกเขาลดลงทีละสิบเมื่อใดก็ตามที่ลอร่าสั่งการ
จำนวนที่เริ่มจาก 150 ลดลงเหลือ 140,130,110 ต่อไปเรื่อยๆ
ดวงตาของลอร่านั้นปิดลงอยู่ตลอดเมื่อยามที่หักลบจำนวนออกไป
จำนวนผู้เสียชีวิตที่โชกชุ่มด้วยเลือดท่ามกลางเสียงกรีดร้องของนักผจญภัย
ตอนแรกปาร์ตี้นักผจญภัยนั้นมั่นใจก็เพราะมีจำนวนคนมาก
พวกเขามีกำลังคนมากพอที่จะพิชิตดันเจี้ยนที่น่าจะอยู่ระดับล่างสุด
พวกเขาต่างหัวเราะกันด้วยความเชื่อใจว่า จะสามารถจัดการกับก็อบลินสักสองหรือสามฝูงได้
แต่เมื่อพวกเขาผ่านเข้ามายังทางผ่านที่แคบๆก่อนไปสู่พื้นที่กว้าง พวกนักผจญภัยก็เริ่มแฮปปี้เพราะคิดว่าจะได้สู้ได้เต็มที่
มีก็อบลินอยู่ฝูงหนึ่งในที่โล่ง พวกเขาจึงพยายามจัดการโดยไม่ให้เกิดความสูญเสียได้ตราบที่ยังไม่ประมาท หลังจากนั้นพวกก็อบลินก็เริ่มหนีไปหลังสู้เพียง 5 นาที
“เจ้าพวกนั้นมันหนีแล้ว! ตามพวกมันไป!”
“วันนี้แหละที่พวกเราจะรวยกันใหญ่!”
ปาร์ตี้10 คนไล่กวดก็อบลินไปอย่างเริงร่า มอนสเตอร์นั้นมีสัญชาตญาณวิ่งไปหาศูนย์กลางดันเจี้ยนอยู่แล้ว
หากพวกเขาติดตามก็อบลินพวกนั้นไป ถึงอย่างไรพวกเขาก็จะได้เจอกับห้องจอมมารโดยไม่มีทางหลง
ไม่กี่นาทีหลังการตามล่า ปาร์นี้นั้นก็ไปถึงพื้นที่เปิดอีกแห่งหนึ่ง
มันเป็นการถูกต้องแล้วที่พวกเขาคิดว่า จะต้องดันให้พวกก็อบลินถอยไปอีกเล็กน้อย
ในขณะที่ก็อบลินเริ่มหลั่งไหลมาจากทางเดินจำนวนมากที่เชื่อมต่อกับพื้นที่เปิด
นักผจญภัยทั้งหลายต่างตื่นตระหนกเพราะการจู่โจมฉับพลัน
มีมนุษย์หลายคนโดนฟันตายเพราะตอบสนองไม่ทันต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
“อย่ามัวแต่กลัว! พวกมันก็แค่ก็อบลิน!”
หัวหน้าปาร์ตี้ตะโกนขึ้น พวกนั้นพยายามสร้างแนวป้องกันขึ้นอย่างงกๆเงิ่นๆ
มันยากสำหรับก็อบลินที่จะแหวกผ่านแนวป้องกันเพราะตัวมันเล็กกว่ามนุษย์
แต่พอมีลูกไฟพุ่งใส่นักผจญภัยจากด้านข้าง ทั้งปาร์ตี้ก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“วะ-เวทย์มนตร์?”
“มีก็อบลินที่ใช้เวทย์ได้!”
มอนสเตอร์ตัวหนึ่งถือไม้คทาและมีก็อบลินทั้งฝูงคอยปกป้อง
นั่นคือ <ก็อบลินชาแมน> ที่ซื้อมาเมื่อระดับจอมมารไปถึง แร๊งค์ D
มันเป็นยูนิตที่ใช้เงินถึง 1,000 โกลด์ต่อตัว แต่ดันทาเลี่ยนก็ยินดีจ่ายให้โดยไม่ลังเล
“มะไม่มีทาง……นี่ไม่มีทางเป็นดันเจี้ยนระดับต่ำสุด!?”
“พวกผู้มีอำนาจมันทำอะไรของมันวะ!?”
ประสิทธิภาพของสิ่งที่ลงทุนจ่ายไปนั้นเห็นชัดมาก กำลังใจของเหล่านักผจญภัยนั้นตกฮวบฮาบยามที่ตระหนักได้ว่ามีนักเวทย์อยู่ท่ามกลางฝูงมอนสเตอร์
ผู้คนในยุคนี้หวาดกลัวอย่างมากกับเวทย์มนตร์ที่สั่งได้ดั่งใจ
ก็อบลินชาแมนนั้นร่ายได้แต่ไฟร์บอล แต่หากมีคนโชคไม่ดีโดนลูกไฟเข้าแล้วตัวไหม้ไฟ นักผจญภัยคนอื่นๆก็แค่พุ่งเข้าไปจัดการดับไฟให้
แต่นักผจญภัยส่วนมากเป็นพวกมือใหม่และไม่มีความเป็นสหายมิตรต่อกัน พวกนั้นจึงหนีไปโดยไม่ลังเล
“พวกโง่นั่น! ถ้าแกหนีพวกเราก็ตายสิวะ! พวกเราก็ตายกันหมดสิวะ!”
หัวหน้าปาร์ตี้ตะโกนด่าพวกนั้น เขาใช้พละกำลังไปกับการวิ่งไล่ก็อบลินแล้ว หากจะต้องวิ่งหนีไปตอนนี้ จะไปได้ไกลแค่ไหน?
ก็อบลินอาจตัวเล็กแต่พวกมันอึดมาก หากนักผจญภัยยังหนีแบบนั้น ยังไงเสียก็ต้องถูกจับได้และถูกฆ่าอย่างแน่นอน! มันดีกว่าที่จะพุ่งเข้าใส่ชาแมนเพื่อชี้เป็นชี้ตายกันไปเลย
“―อ๊ากกกกกก!”
หัวหน้าปาร์ตี้นั้นอ้าปากสั่งพวกเขา แต่สิ่งที่ออกมาจากลำคอกลับมีแต่เสียงกรีดร้อง
ลูกไฟนั้นโอบหุ้มตัวเขา หัวหน้าปาร์ตี้รีบกลิ้งไปกับพื้น แต่ไฟนั้นก็ลุกโชนขึ้นจนไม่ยอมดับลงโดยง่าย
“ชะ-ช่วยด้วย! ข้าไม่อยากตาย!”
หัวหน้าปาร์ตี้เอื้อมมือไปหาเหล่าสมาชิก แม้แต่มือของเขาก็ติดไฟ
สีหน้าของเหล่านักผจญภัยต่างซีดเผือดขณะที่เป็นประจักษ์พยานกับภาพอันน่าหวาดกลัว และแล้วผู้ที่อยู่เคยอยู่ในกระบวนทัพตั้งรับก็วิ่งหนีไป
หัวหน้าที่กรีดร้องอย่างน่ากลัว ขณะที่คนอื่นวิ่งหนีกลับไปทางที่มา
“ไอ้―พวกลูกกะหรี่ หลังจากนี้จะฆ่า―พวกแก!”
เปลวเพลิงนั้นเผาปาและคำคอถึงจุดนี้เข้าไม่อาจร้องเป็นภาษา
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของไฟไหม้ศพก็ได้ยินไปทั่วทั้งถ้ำ
เครุก! เคระรุก!
ก็อบลินตะโกนออกมาขณะล่าผู้หลบหนี เสียงไฟลุกไหม้ศพมากมายอยู่ในที่เปิดเต็มไปหมด
สถานการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในดันเจี้ยน
ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ ค่อยๆหลอกล่อพวกนักผจญภัญให้เข้ามายังพื้นที่ที่ลึกในดันเจี้ยนโดยใช้ภูมิประเทศในการลอบจู่โจม
การลอบจู่โจมฉับพลันด้วยก็อบลินชาแมนตามหลังเพียงพอที่จะทำให้ทั้งปาร์ตี้ต้องวิ่งหนีหางจุกตูด
ลอร่านั้นมอบคำสั่งให้กับหน่วยมอนสเตอร์ต่างๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
สั่งให้ซุ่มโจมตีทั้งหมด 13 หน่วย เธอกะเวลาไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว
ก็อบลินทั้งหลายรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดั่งแขนขาของผืนกายเดียวกัน และไม่มีวันพ่าย ขณะที่พวกตัวกำลังเข่นฆ่าเหล่านักผจญภัย
มันเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ หากจะเทียบว่าตามปกติแล้วนั้นต้องให้ก็อบลิน 2-3 ตัวต้องตายเพื่อที่จะฆ่านักผจญภัยได้ 1 คน
หนึ่งชั่วโมง เหตุการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนั้น
“ตอนนี้เหลืออีก 50 คนแล้วใช่ไหม?”
ผ่านมาสักพัก จำนวนในหัวของลอร่าเหลือราว 50 จากนักผจญภัยร้อยคนโดนกวาดล้างภายในชั่วโมงเดียวในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ก็อบลินตายไป 20 จากจำนวนทั้งหมด 200 ตัวระหว่างการต่อสู้
สัดส่วนคือ 1:5
เด็กสาวอายุ 18 ปีส่งผู้บุกรุกลงนรกอย่างมีประสิทธิภาพตอนนี้ก็ยืดเหยียดกาย แสดงให้เห็นถึงว่า เธอกำลังผ่อนคลายสบายตัว
“เฮ่อออ”
ขณะที่เธอกำลังยืดตัวอยู่นั้น ก็มีรายงานมาจากออร์บเวทย์ที่บอกว่า นักผจญภัยถูกฆ่าเพิ่มอีก 30 คน
“ตอนนี้ก็เหลือแค่เพียงนักผจญภัยที่อยู่กับนายท่านแล้วล่ะ ทำได้ดีมาก”
ลอร่าลูบหัวบลิงกี้ บลิงกี้ตอนนี้ที่เหนื่อยล้าหลังจากที่ถ่ายทอดคำสั่งของลอร่าอย่างไม่หยุดพัก
พอเด็กสาวลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน บลิงกี้ก็แทบจะหลงลืมความเหนื่อยล้าแล้วครางออกมาราวกับแมวตัวหนึ่ง
“นายท่านก็แปลกจริงๆ เขาควรจะให้เป็นภาระทั้งหมดกับหญิงสาวผู้นี้แท้ๆ แต่เขากลับตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับนักผจญภัยเพราะอยากเห็นมันด้วยตาตัวเอง”
– เครุรุ, รุก
“เพราะเขาเป็นคนซื่อตรงอย่างนั้นหรือ? หืมมม บลิงกีดูเหมือนเจ้าจะโดนนายท่านหลอกเอาแล้วนะ”
ลอร่าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ บลิงกี้กระโดดเด้งตัวขึ้นแล้วแสดงท่าทางโกรธ
– คารุรุรุก!
“อะ-โอเค โอเค นายท่านน่ะเป็นคนซื่อคนหนึ่ง หญิงสาวพูดผิดไป อภัยให้ฉันด้วย”
– คิรุรุ
บลิงกี้พยักหน้าอย่างพอใจ
ลอร่านั้นคุ้นเคยกับภาษาของก็อบลินเป็นอย่างดี เธออาจไม่สามารถใช้ภาษาของมันได้อย่างคล่องแคล่วแต่เธอก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะพูดอะไร
มันไม่เหมือนกับการที่เธอเรียนรู้ภาษาของพวกมันหรอก มันเพียงแต่เกิดขึ้นเนื่องจากเธอได้ใช้เวลาอยู่กับพวกมันนาน
แล้วก็กลายเป็นว่า เธอเป็นหนึ่งในคนที่หาได้ยาก น้อยคนนักในหมู่มนุษย์ที่จะเรียนรู้การพูดกับก็อบลิน เธอก็ค่อยๆสามารถออกคำสั่งต่อพวกก็อบลินได้ด้วยการพูดว่า เครุรุ และ เครุระ ทีละน้อยๆ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะมอบคำสั่งสุดท้ายแล้วนะ ทุกหน่วยในอัลฟ่า ย้ายไปที่ อัลฟ่า 4 ถ้าหากพบนักผจญภัยที่พยายามหนี ก็ให้ฆ่าพวกนั้นในทันที
ทุกหน่วยในเบต้า ย้ายไปที่ เบต้า0 และทุกหน่วยในแกมม่า เตรียมตัวลอบโจมตี แกมม่า 11 และ แกมม่า 12”
ไม่นานนัก เสียงเครุก ยืนยัน ก็ดังมาจากลูกแก้วเวทย์ทั้ง 18 ลูกพร้อมเพรียงกัน
ก็อบลินชาแมน รับคำสั่งไปและเคลื่อนย้ายหน่วยใต้การสั่งการ
ลอร่าเผยยิ้มออกมา
“อืมหืม เจ้าสิ่งนี้เหมาะกับหญิงสาวผู้นี้มากกว่ากฏหมายเสียอีก
ไม่ว่า พี่สาวจะดูถูกฉันด้วยคำพูดยังไงก็ตาม แต่ข้ารับใช้ทุกคนต่างมีวิธีใช้งานที่ต่างกันไป
พี่ลาพิสนั้นเก่งเรื่องการจัดการและหญิงสาวผู้นี้เก่งเรื่องการรบ นี่ถือว่าเป็นการกระจายงานที่ยอดเยี่ยม”
เธอบ่นกับตัวเองและพยักหน้า
“หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้โง่สักหน่อย ใช่แล้ว หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้โง่”
ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ที่สักวันหนึ่งจะต้องกลายเป็นฮีโร่แห่งสงคราม และเป็นที่รู้จักกันในนาม ฝันร้ายของมนุษยชาติ
เธอนั้นกลัวลูกครึ่งซัคคิวบัสคนหนึ่งมากกว่านักผจญภัย 150 คนเสียอีก…….
ส่งท้ายจากผู้แต่ง
ตัวละครผู้เล่นใน Dungeon Attack มีพารามิเตอร์ ‘ราคะ’
ค่านี้จะพุ่งสูงขึ้นมากหากไม่จัดการให้ดี แล้วก็จะได้รับดีบัฟระหว่างการต่อสู้ มีโอกาสสูงมากที่จะโดนผลของ ‘เสน่ห์’ (charm) และ ‘ความตื่นเต้น’ (excitement) เพิ่มขึ้น
เกมนี้โดยปรกติก็ยากเป็นบ้าอยู่แล้ว หากได้รับดีบัฟเพิ่มไปอีก ก็แทบจะสิ้นหวัง ดังนั้น เพลเย่อจึงพยายามทำทุกอย่างให้ค่า ‘ราคะ’ นี้ลดลง
ปัญหาก็คือ หากยังไม่สามารถจีบรูทตัวละครหญิงได้หากยังไม่เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของเกม ว่าง่ายๆผู้เล่นไม่มีทางเลือกหรอกนอกจาก คลิปปุ่ม ‘ไปซ่อง’ …….