Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 94 ราชา และ นายพลของเขา(7)
ข่าวที่ว่ามกุฏราชกุมารตบหน้าเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นมีข้ารับใช้บางคนเอาไปบอกต่อจนกระจายทั่วไปทั้งปราสาทในทันที
ปราสาทของราชสกุลฮับบวร์กนั้นเล็ก สวนของปราสาทก็สามารถรับรองผู้คนได้มากที่สุดก็พันคน หากพิจารณาถึงเขตแดนและศักดิ์ศรีที่จักรวรรดิมีก็ยังนับว่า ยังขาดไปมาก
จักรพรรดิองค์ปัจจุบันมีความพยายามขยายปราสาทออกไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นชนชั้นสูงก็ปฏิเสธที่จะใช้เงินเพื่อราชสกุล
และเหล่าราชสกุลเองก็มีเงินไม่มากพอที่จะสร้างปราสาทใหม่ด้วยเงินของพวกตน
สมบูรณาญาสิทธิราชนั้นพังทลาย
……เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นหยุดเดิน
เธอหยุดตรงที่ทางเดินหินอ่อนที่ส่องประกายราวกับกระจกและยังคงมองไปที่ทิวทัศน์ระหว่างเสาสองต้น
พระอาทิตย์นั้นขึ้นทางเมือง แสงสีเหลืองอำพันฉายไปทั่วทุกตรอกซอกซอย
ณ ห้วงเวลานั้นเอง โลกกลายเป็นเหมือนสิ่งเหนือจริงที่เปี่ยมด้วยความเงียบสงบและงดงามของพระอาทิตย์อัสดง ราวกับกำลังเบิกม่านจากที่ไกลๆ
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอลิซาเบธบ่นพึมพัมขึ้น
“พวกเขาพูดว่า มีบางสิ่งที่ฉายแสงสว่างขึ้นยามที่โลกมืดมิด
……สิ่งนั้นไม่ใช่จักรวรรดิหรอกหรือ?”
ประเทศชาติที่ครั้งหนึ่งเคยโอ่อวดถึงชื่อเสียง หนึ่งร้อยห้าสิบปีที่ผ่านนั้นไม่มีอีกแล้ว
จักรวรรดิตกลงสู่ความเสื่อมทรามไปอย่างดูไม่ได้
เธอจงใจเยาะเย้น รูดอล์ฟ มกุฏราชกุมาร แต่เธอก็คิดว่า เขาไม่ได้เป็นคนหัวร้อนง่าย เขาเป็นแค่คนโง่คนหนึ่ง ข่าวลือพวกนั้นไม่เป็นประโยชน์แก่เขา
ผู้คนทั้งจักรวรรดิต่างรู้ดีว่า เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นปรารถนาที่จะเข้าร่วมสงคราม แต่รูดอล์ฟ มกุฏราชกุมารยังยันยันหนักแน่นปฏิเสธพวกของเธอ
พูดอีกอย่างหนึ่งคือ เขาเป็นผู้ที่ผนึกความเป็นไปได้ของข่าวลือที่พูดว่า
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิตั้งใจจกถอยทัพกลับเพื่อให้มกุฏราชกุมารล้มเหลว
จักรวรรดิต้องการการผ่าตัด แต่ต้องเปิดผ่าเนื้อและเฉือนเนื้อเน่าทิ้งออก
จึงมีโอกาสที่คนไข้อาจตายได้เพราะขนาดการผ่าตัดที่ใหญ่
สำคัญกว่านั้น ทหาร 50,000 นาย ได้เคลื่อนทัพที่นำโดยมาร์คกราฟและมกุฏราชกุมารจะต้องถูกสังเวย
……. นี่คือความรับผิดชอบที่หมอจะต้องแบกรับ
นั่นคือ ความคิดที่ผ่านเข้ามาให้หัวของ เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอายุ 17 ปี ที่มองไปยังเมืองที่สว่างไสวด้วยแสงตะวันที่ลับขอบฟ้า
Ο
* * *
พอกำลังขนาดใหญ่จักรวรรดิเริ่มขยับ ― ข่าวนี้สั่นสะเทือนฝ่ายที่ราบ
จำนวน 20,000 นาย ในกองกำลังหลัก ทหารรับจ้างอีก 20,000 นาย และอีก 10,000 นาย จากทัพของมาร์คกราฟ
กองทหารทั้งหมดรวม 50,000 นาย ได้เดินทัพเข้าสู่ แบรนเดนเบิร์ก(Brandenburg) ผู้บัญชาการบาร์บาทอสนัดประชุมทันทีที่ได้รับข่าวมา
จอมมารทั้ง 19 ตนแห่งกองทัพภาค 6 ได้มารวมตัวกันที่ห้องประชุม ไม่มีใครตื่นตระหนกกับปริมาณทหารที่เข้ามาใกล้
มันเป็นอะไรที่พวกเราได้คาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะต้องมา
เบเลธและจอมมารหลายคนเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังตื่นเต้นคึกคัก
เราทุกคนต่างถือแก้วไวน์ในมือโดยมีบาร์บาทอสรินให้ด้วยตัวเอง
บาร์บาทอสยิ้มและพูดออกมา
“เราจะข้ามอาหารเรียกน้ำย่อย แล้วมุ่งตรงไปยังจานหลักกันเลย ในเมื่อเจ้าของที่เขาเสนอจะปฏิบัติกับเราอยู่หรูหรา พวกเราที่เป็นแขกปฏิเสธไปก็ใช่ที่
ไม่จำเป็นต้องปิดล้อมแล้ว เราจะจบมันในศึกเดียวนี่แหละ”
พวกเราไม่ได้วางแผนวางกลยุทธในการประชุมครั้งนี้ กองทัพภาค 6 นั้นตั้งใจทำลายกองกำลังศัตรูที่มีทหาร 50,000 นาย ด้วยกองกำลัง 18,000 นาย
สมรภูมิที่ได้เปรียบของเราก็เลือกแล้ว และแนวขบวนทัพของเราก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
กองทัพภาค 6 กำลังสกัดกั้นกองทัพอีกฝ่ายด้วยหน่วยของบาร์บาทอส หน่วยของเบเลธ หน่วยของเซปาร์ และอื่นๆ ผมเองก็เป็นหนึ่งในหน่วยของเซปาร์
“สหายท้ังหลาย เจ้าคิดว่ากองทหารต้องการอะไร?”
บาร์บาทอสพูดอย่างวางท่า
“กองทหารนั้นต้องการชัยชนะ ชัยชนะที่สมบูรณ์แบบเด็ดขาด ชัยชนะอันท่วมท้น
สหายทั้งหลาย ข้าไม่ต้องการชัยชนะธรรมดา ข้าไม่ต้องการการต่อสู้ที่พวกเราชนะครึ่งแรกแล้วไปแพ้ครึ่งหลัง
ข้าต้องการชัยชนะเต็มกำลัง!”
เธอตะโกนขึ้น
“ชัยชนะก็ป้องกันไม่ให้พวกมันดูถูกพวกเรา!
ข้าปรารถนาที่จะเห็นผู้คนแห่งจักรวรรดิ แขนขาขาด ลิ้นถูกถลก และเครื่องในกระจาย ข้าต้องการเลือดของ ทหารจักรวรรดิ 50,000 นาย มาสร้างฉากสีแดงปกคลุมธรรมชาติ
จากการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าต้องการให้มนุษย์พวกนั้นตระหนักว่า พวกมนุษย์ไม่มีวันเผชิญหน้ากับเผ่าปีศาจ สหายทั้งหลาย
มันไม่ดีหรือที่ข้าจะยังคงมีความหวัง?
ความหวังที่จะให้พวกเจ้าทุกคนนั้นมีความปรารถนาอย่างไม่ย่อท้อ”
ใครบางคนตะโกนขึ้นมาว่า “แด่เลือด!” จอมมารตนอื่นก็ตะโกนตามหลังด้วยเช่นกัน
ผมเองก็ตะโกนออกไปด้วยเสียงดังตามด้วย
แด่เลือด! แด่เลือด! แด่เลือด!…….
“ดี”
บาร์บาทอสยกแขนขึ้น
“สหายทั้งหลาย ผู้บัญชาการของพวกนายน่ะยืนอยู่แนวหน้าเสมอ เมื่อแนวรบแตกกระเจิง
ทหารม้าศัตรูก็จะเขย่าโลกด้วยตีนม้า
และพวกนายจะมองไปข้างหน้าด้วยความสิ้นหวัง คำว่า ‘หนี’ จะแวบเข้ามาในหัว
ข้ารู้เรื่องนั้นดี ตัวข้า บาร์บาทอสจึงอยู่ข้างหน้าพวกนายเสมอ
เมื่อพวกนายได้รับคำสั่งให้เข้าชนแล้วพวกนายก็พุ่งไปข้างหน้า
ตัวข้า บาร์บาทอสจะเป็นผู้วิ่งนำหน้าพวกนายทุกคน!”
เธอกลืนน้ำลายในอึกเดียว จอมมารอื่นอีก 18 ตน ดื่มไวน์ด้วยเช่นกัน
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความเงียบ หลังจากดื่มไวน์ในอึกเดียวแล้ว
บาร์บาทอสก็โยนแล้วลงพื้น แก้วแตกกระจายเป็นเสี่ยง
“แด่ชัยชนะ!”
การเดินทัพของเราก็เริ่มขึ้น
สี่วันต่อมา กองทัพภาค 6 ของทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรามาถึงเทือกเขาออสเตอร์ลิสซ์(Austerlitz)
นี่เป็นเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังเมืองหลวงจากสุดทางเหนือของฮับบวร์ก หากกองทหารของมกุฏราชกุมารและมาร์คกราฟไม่สนใจที่นี่แล้วมาโอบล้อมพวกเรา
พวกเราก็สามารถใช้เส้นทางนี้โจมตีเมืองหลวงได้โดยตรง นี่เป็นจุดสำคัญที่จักรวรรดิฮับบวร์กจะต้องป้องกันด้วยทุกสิ่งที่มี
พวกเรายังคงมุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนทัพของศัตรูเช่นเดียวกับที่พวกเราเคลื่อนทัพเอง พวกเราคำนวนแล้วว่า นายพลคนไหนจะเข้ามาปะทะและรู้ถึงแผนผังการวางของแต่ละหน่วย ตามข้อมูลที่พวกเราได้มา แม้ว่ามกุฏราชกุมารรูดอล์ฟ ฟอน ฮับบวร์ก(Crown Prince Rudolf von Habsburg)จะชื่อว่าเป็นผู้บัญชาการสูงสุด แต่นั่นก็แค่ในนามผู้ที่มอบคำสั่งการจริงๆ คือ มาร์คกราฟ ฟริทซ์ ฟอน โรเซนเบิร์ก(Margrave Fritz von Rosenberg)
พวกเราได้รับข้อมูลสำคัญนี้ง่ายกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นเหล่าสมาชิกฝ่ายกองทัพภาค 6 จึงเริ่มสงสัยว่า นี่มันอาจเป็นข้อมูลที่ผิดก็เป็นได้
“ข้อมูลนั่นไม่ใช่ข่าวลวง”
“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?”
ผมให้เหตุผลมากมายหลายข้อเพื่อตอบคำถามเซปาร์
ผมรู้ว่าทั้งหมดมันเป็นข่าวที่รั่วไหลออกมาโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จากเจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ
จากข้อมูลที่ผมได้รับมาจากบริษัทเคียนคุสก้า มกุฏราชกุมารทำร้ายองค์หญิงนั้นเป็นข่าวใหญ่ในวงการชนชั้นสูงและข่าวนั้นก็กระจายไปเมื่อเร็วๆนี้
ชนชั้นสูงของฮับบวร์กนั้นเฝ้าหาเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นั้น และหลังจากใช้ประโยชน์จากข้อมูลเครือข่ายชนชั้นสูงมาได้ พวกเขาก็พบจุดที่น่าจะเกี่ยวข้องกันคือ เรื่องผู้เข้าร่วมกับกองกำลังในครั้งนี้
เนื่องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้รายชื่อนายพลผู้เข้าร่วมกองทัพจึงถูกเปิดเผยไปทั่ว ซึ่งนั่นก็เป็นที่รู้กันในหมู่สมาชิกชนชั้นสูงของฮับบวร์ก
เจ้าหญิงจักรวรรดิอลิซาเบธนั้นกระทำแบบนี้อย่างใจ
เป้าหมายของเธอคือ การมอบข้อมูลนี้มาให้พวกเรา
……แต่ก็อย่างที่รู้ๆกัน อุบายนี้ช่างชั่วร้ายนัก
“ทหารของมาร์คกราฟที่บัญชาการนั้นไม่ใช่กองกำลังหลัก นายพลของกองกำลังหลักนั้นสงสัย และไม่พอใจเรื่องนี้
ตามสถานการณ์แล้ว มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กนั้นเป็นนายพลผู้พ่ายแพ้มาจนต้องสูญเสียดินแดนของตัวเองให้กับพวกเรา แล้วทำไมคนไร้ความสามารถเช่นนั้นถึงมาทำตัวเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดล่ะ……?
พวกทหารบัญชาการทั้งหลายในกองทัพหลักโดยมากจึงไม่ยอมรับว่าโรเซนเบิร์กเป็นผู้บัญชาการของตน”
มีตัวบล็อคที่มีรูปร่างคล้ายอัศวินในหมากรุกวางอยู่บนแผนที่ วางกระจายไปทั่วทั้งโต๊ะประชุม
หมากอัศวินแต่ละตัวนั้นเป็นตัวแทนของแต่ละกองกำลัง ผมจะแบ่งมันออกเป็นสองกลุ่ม
ในฐานะกองกำลังหลักและกองกำลังของมาร์คกราฟ
“ตรงนี้มีกองกำลังทหารรับจ้าง 20,000 นาย พวกนี้ถูกว่าจ้างมาโดยมกุฏราชกุมาร
แม้มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กจะมีสิทธิในการบัญชาการ
แต่พวกหน่วยนี้ก็ยังคงจะเคลื่อนทัพไปตามความต้องการของมกุฏราชกุมารทันทีที่เขาสั่งการ
กองทหารหลักมีกำลังพล 20,000 นาย รวมเป็น 40,000 นาย ต่อให้มาร์คกราฟเป็นผู้สั่งการก็ตามแต่ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าที่มีแค่ 10,000 นาย
นายพลของกองทหารหลักก็จะพยายามโน้มน้าวมกุฏราชกุมารให้เอาสิทธิในการบัญชาการจากโรเซนเบิร์กมามอบให้พวกเขาแทน”
บาร์บาทอสยิ้มเหี้ยมเกรียม
“พูดง่ายๆคือ สายบัญชาการของพวกมันน่ะ เละเทะชิบหาย”
นี่คือ บทบาทหน้าที่ของผม ผมสามารถทำความเข้าใจสถานการณ์กองทัพศัตรูและแปลความหมายออกมา
แต่ผมก็ไม่มีความสามารถในการใช้สถานการณ์นั้นๆเพื่อคว้าชัยชนะมาด้วยกลยุทธ
พวกนั้นเป็นงานของบาร์บาทอส และจอมมารระดับสูงตนอื่นๆ พวกเขาเป็นนักรบที่รบมาหลายต่อหลายสมรภูมิ
บาร์บาทอสจึงพูดขึ้น
“พวกเราจะใช้ความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันของศัตรู ก่อนที่สิทธิในการบัญชาการของมาร์คกราฟโรเซนเบิร์กจะถูกเขย่า
พวกเราจะถล่มพวกมันด้วยการจู่โจมหนักหน่วง
สิ่งนี้จะทำให้พวกมันอยากชนะอย่างรวดเร็ว แล้วมันก็จะวิ่งแจ้นมาหาเหมือนม้าตัวผู้คึกๆ
และพอมันเห็นจุดเปราะบางในกองทัพของเรา มันก็จะมุ่งเข้ามาโจมตีจุดนั้น ต่อจากนั้น”
เธอขยับหมากอัศวิน ซึ่งนั่นเป็นตัวแทนของกองกำลังของเรา
“เราจะจองพื้นที่เนินสูงที่สุดสุดแสนจะได้เปรียบ มอบให้พวกมันตรงนี้แหละ พวกเราจะให้พวกมันได้จุดศูนย์กลางของเนินสูงไป”
มีพื้นที่เป็นเทือกเป็นเนินอยู่ตรงกลางออสเตอร์ลิทซ์ ในแผนที่มันถูกเรียกว่า ที่ราบสูงปราทเซน(Pratzen Heights) เซปาร์รำพันกับตัวเองก่อนจะพูดกับบาร์บาทอส
“ท่านครับ หากเรามอบเนินเขานั่นให้พวกมัน ทหารม้าของศัตรูก็จะสามารถควบขี่ได้อย่างอิสระ”
ในยุคนี้นั้น ทหารม้าเป็นกลุ่มที่ยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ แม้แต่ในโลกเดิมของผม พวกเขาก็ยังถูกมองว่าเป็นสุดยอดอาวุธ
ในโลกนี้ที่ทหารม้ามีทั้งสกิลและออร่า ทหารเดินเท้าธรรมดาไม่มีทางที่จะเทียบพวกเขาได้เลย
ดังนั้นทุกสงครามที่เกิดขึ้นในโลกนี้ต่างเดิมพันกันด้วยทหารม้า
หากกองทัพศัตรูได้ยึดครองเนินสูง มันก็จะเป็นการง่ายยิ่งขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะพุ่งชาร์จตัวลงมาสู่เนินเขา
ไม่ใช่แค่ความได้เปรียบแค่นั้นมันยังเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะเห็นทุกหน่วยในสนามรบได้โดยง่าย ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาสามารถสั่งการได้อย่างเป็นระบบ
นั่นคือ ความสำคัญว่า ทำไมถึงต้องยึดเนินสูงก่อนเป็นอย่างแรก
“ข้ารู้ ข้าเลยให้พวกมันบ้าไปก่อนไง”
ถึงอย่างนั้นบาร์บาทอสก็ปฏิเสธสามัญสำนึกนั่น
เธอชี้ให้เห็นถึงความสลับซับซ้อนของภูมิประเทศตามที่เธอชี้บนแผนที่ ตำแหน่งที่เธอชี้ไปนั้นเต็มไปด้วยทะเลสาบหลายแห่ง
“ข้าเคยสู้แถวนี้เมื่อ 200 และ 500ปีก่อน ข้ารู้พื้นที่แถบนี้ดี แถวนี้มีทะเลสาบเยอะ ดังนั้นจะมีหมอกหนาทุกเช้า
ข้าตั้งใจว่าจะเริ่มการรบตั้งแต่รุ่งสางและจบลงก่อนบ่าย
การมองเห็นของพวกมันจะถูกบดบังด้วยหมอก ดังนั้นจึงไม่อาจเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ”
“แต่ท่านครับ นั่นไม่ได้หมายความว่า หากการรบนั้นยืดเยื้อ ทหารม้าของพวกนั้นก็จะพรุ่งเข้าหาเราได้อย่างเสรีหรือครับ?”
“นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ข้าถึงได้บอกให้พวกเราจบมันก่อนบ่ายไง เจ้าบ้า”
บาร์บาทอสยิ้มอย่างชั่วร้าย
“จงเชื่อเหมือนที่ข้าเชื่อในเจ้าสิ ข้ารับรองว่า ออสเตอร์ลิทช์จะกลายเป็นหลุมศพขนาดใหญ่ของกองทัพจักรวรรดิ”
ตลอดการประชุม บาร์บาทอสยังคงยืนยันกับการตัดสินใจของเธอ แม้จอมมารส่วนใหญ่จะบอกว่า มันเสี่ยงเกินไป
แต่พี่เบเลธและพี่เซปาร์นั้นเห็นด้วยกับเธอ
กระแสการพูดคุยกันจึงไหลไปทางความต้องการของเธอ
ในท้ายที่สุดแล้วพวกเราก็ตัดสินใจที่จะไม่เดินทัพยึดที่ราบสูงปราทเซน
“พวกเราจะแบ่งกองกำลังของพวกเราเป็นสามส่วน ตรงกลาง ปีกซ้ายและปีกขวา ข้า บาร์บาทอสจะรับตำแหน่งส่วนกลาง ให้เบเลธจัดการปีกซ้ายไป ส่วนเซปาร์ก็ดูแลปีกขวา ผลลัพธสำคัญของการรบครั้งนี้ขึ้นกับปีกขวา”
บาร์บาทอสหันหน้าไปหาเซปาร์
“เซปาร์ข้าจะมอบทหารจำนวนที่น้อยให้เป็นทหารปีกขวา”
นายพัลเซปาร์พยักหน้ารับเบาๆ
“หากเป็นไปตามที่ข้าคิด ข้าก็จะเป็นเหยื่อล่อ”
“ช่าย เจ้าต้องแสดงตัวว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดในกองกำลังของเราให้พวกมนุษย์มันเห็น
แล้วไอ้พวกห่าลากนั่นก็จะแข็งตัวแล้วไล่กวดแกมา
เซปาร์ เป้าหมายแกคือ หลบตูดให้พ้นๆจนกว่าจะจบการรบ
อย่าให้พวกมนุษย์ระยำนั่นมาเฉียดใกล้ตูดแกล่ะ”
เซปาร์แสดงความเคารพ
“ข้าจะปกป้องปีกขวาด้วยชีวิต”
“สหายทั้งหลาย การรบของเราจะจบลงในโครมเดียว มันจะเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยทุกสิ่ง
ข้าไม่ยกโทษให้กับความเอื่อยเฉื่อยที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีแห่งจอมมาร”
พวกเราทุกคนแสดงความ และบาร์บาทอสก็แสดงความเคารพตอบ
สองวันต่อมา ทหารจักรวรรดิได้มาถึงที่มุมข้างหนึ่งของออสเตอร์ลิทซ์
พวกเขาวางตำแหน่งทัพตัวเองอยู่บนที่ราบสูงปราทเซน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว
แต่สิ่งต่างๆจะเป็นไปตามการคาดเดาของบาร์บาทอสหรือไม่?
หรือการต่อสู้จะเป็นไปตามรูปแบบพื้นฐานกัน?
ผมนั้นไม่ได้เก่งกลศึกมากพอที่จะเดาได้อย่างแม่นยำ แม้แต่ลอร่าก็ยังห้าสิบ ห้าสิบกับแผนบาร์บาทอส แล้วเราจะเชื่ออะไรได้ล่ะ?
ผมย้าย <เดธไน้ท์> ให้ไปยืนอยู่ปีกขวากับนายพลเซปาร์ ผมรู้สึกว่า การต่อสู้ที่ยากลำบากกำลังจะเกิดขึ้น
……