Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 98 ราชา และ นายพลของเขา(11)
“ไฮย่าา!”
“โว้ว ตรงนั้นไง!”
พลธนูบนหลังม้าอยู่ห่างไม่ถึง 20 เมตรจากจุดที่พวกเราก้มอยู่
พวกเขาตะโกนหากันเสียงดัง แต่เหมือนไม่มีใครสามารถรู้ตำแหน่งแน่ชัดของพรรคพวกได้
มันคงเป็นหายนะแน่หากพวกเขาไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตำแหน่งของเพื่อนๆอยู่ที่ไหนแล้วจบลงตรงที่ชนกันเอง
พลธนูบนหลังม้าเดินผ่านลอร่าและผมไป พวกเขาไม่สนใจด้านข้างของตัวเองเลย
ดีมาก มันเป็นธรรมดาแหละที่เขาจะใช้สมาธิเพ่งสายตาไปที่ด้านหน้าเพื่อคาดเดาตำแหน่งของกันและกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการรบในตอนกลางคืนสมควรจะหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้
ประสาทสัมผัสทั้งห้านั้น การมองเป็นประสาทสัมผัสที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
การย่างเท้าเข้าสู่การต่อสู้ที่แสนอันตรายโดยมีการมองเห็นที่จำกัดมันสร้างแรงกดดันทางจิตต่อผู้คนได้หนักหนามาก
……ความจริงเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ การที่กองทหารนั้นมารบด้วยในตอนกลางคืนได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ทหารของพวกเขานั้นมีความสามารถสูงเพียงใด
แถมยังมีการใช้พลธนูบนหลังม้าด้วยซึ่งก็ใช้งานยากเช่นกัน
เพื่ออวดให้เรารู้ว่า พวกเขานั้นไม่ใช่ทหารเกณฑ์ธรรมดา หากแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
แต่แล้วมันยังไงกันล่ะ?
ต่อให้เป็นทหารเก่งกาจระดับสูงเพียงใด ถ้าคอหลุดก็ตายถูกไหม?
“…….”
ผมกำหมัดอยู่เงียบๆ มันไม่ใช่สัญญาณอะไรหรอก
ผมแค่พยายามคืบคลานไปด้วยมือแขนตัวเอง
ผลลัพธ์นั้นเป็นที่แน่นอน ความมืดดำโผล่ขึ้นมาจากผืนดิน
พวกมันดูเหมือนสไลม์ที่ทำมาจากเงา เงานั้นอยู่ๆก็เปลี่ยนร่างเป็นเดธไนท้
และถึงแม้พวกเขาจะสวมเกราะครบเครื่อง แต่ครึ่งล่างของมันก็ยังอยู่ในความมืด
เสียงจั้กจั่กเงียบลง การปรากฏตัวของเดธไน้ท์ทำให้จั้กจั่นเงียบทันที
เดธไน้ท์ทั้ง 12 ตัว กลายเป็นราตรีอันมืดมิดเสียเอง
ฆ่าพวกมัน
เดธไน้ท์ถอนใจออกมา มันเป็นลมหายใจที่เย็นยะเยือน มันห่างไกลจากลมหายใจอุ่นๆที่เกิดจากมนุษย์
ลมหายใจของพวกมันมีมานาเจืออยู่เพื่อป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์อันเดดต้องกลายเป็นฝุ่นไป
ผมบอกได้เต็มปากเลยว่า ผมสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันของเดธไน้ท์
ตอนนี้แหละ
พลธนูบนหลังม้าเริ่มยิงธนูใส่ค่ายของผม ไม่ว่าจะยุคไหนสมัยไหน ทหารพวกนี้ก็จะอ่อนแอต่อการถูกโจมตีอย่างมาก
แล้วยิ่งเป็นพลธนูบนหลังม้าที่กำลังหันหัวม้ากลับหลังแล้วด้วย เดธไน้ท์ของผมจึงพุ่งเข้าใส่ราวกับกระสุน เพียงฉับเดียวเท่านั้น
เดธไน้ท์ทั้ง 12 ตนก็ฆ่า พลธนูบนหลังม้า 12 คน ขาดครึ่ง ร่างของพวกเขากลายเป็นสองส่วนบนหลังม้า
“อุ-อั่ก―”
โชคยังดี ที่พลธนูคนอื่นที่ไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นเป้าหมายแรก
ได้แต่เปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ ผมมองเขาไม่เห็นเนื่องจากมันมืดมาก แต่ดวงตาของเขาก็คงจะเบิกกว้าง
พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องออกมาด้วยซ้ำ
เดธไน้ท์นั้นแกว่งดาบครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับที่ได้ฆ่าพลธนูบนหลังม้าให้ล้มตายไป
กลุ่มเล็กๆของพลธนูบนหลังม้า 20 คน ก็ถูกฆ่าล้าง
– กรู่วววววว
เดธไน้ท์ลดดาบลงแล้วหันมามองผม
อะไรกันล่ะนั่น? นี่เราต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้หรือ?
เหมือนพวกเขากำลังบ่นกับผมทางอ้อม
มอนสเตอร์ระดับสูงพวกนี้กลายเป็นลูกน้องผมอย่างเป็นทางการแล้ว แต่พวกมันก็ยังคงมีเกียรติภาคภูมิอยู่ตลอดเวลา
หรือผมควรจะพูดว่า พวกเขาทำตัวเหมือนผมเป็นกิ้งก่าได้ทองอยู่ดี?
จอมมารระดับ E กับมอนสเตอร์ที่แร๊งสูงกว่า A พวกมันจึงดูถูกผมอยู่
เอาล่ะ การที่พวกเขายังคงฟังคำสั่งผม ก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปแบ่งปันสภาพจิตร่วมกับมอนสเตอร์ทุกตัว
มันต่างจากก็อบลินและแฟรี่ของผม เดธไน้ท์นั้นแข็งแกร่ง นั่นคือ สิ่งที่ผมต้องการจากพวกมัน
ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หลังจากนั้นพวกเราก็เข้าปราบปรามหน่วยพลธนูบนหลังม้าในพื้นที่อื่น ผมเคลื่อนเดธไน้ท์ทั้ง 12 และแฟรี่ทั้ง 10 หลังจากกำจัดไปได้ 3 กลุ่ม
ผมก็ได้ข้อสรุปแล้วว่า แต่ละกลุ่มของพลธนูนั้นจะอยู่กันไม่มากเกินกว่า 50 คน อย่างที่ผมคิด จำนวนนั้นกำลังอยู่ในขนาดที่ผมรับมือไหว
ผมใช้วิธีการมากมายในการลวงหลอกกลุ่มพวกพลธนูบนหลังม้า
“เฮ้ ข่าวร้าย! ศัตรูกำลังรุกกลับ!”
ผมเข้าไปใกล้กับกลุ่มของพลธนูบนหลังม้า
พวกเขาออกจะกังวลตอนที่เห็นผมอยู่ๆโผล่มาจากหมอก
“นายเป็นใคร ? อยู่หน่วยไหน? ”
“เฟรดดิช ฉันเป็นผู้ติดตามของท่านเซอร์ เรฟเฮม”
นั่นเป็นชื่อทหารของผมที่พึ่งจัดการไป ผมมองข้อมูลส่วนตัวผ่านหน้าต่างสเตตัสก่อนที่จะฆ่าเขาทิ้ง
“ฟังนะ หน่วยของข้าแยกกันไป แล้วก็วิ่งแน่บอย่างกับหมาติดสัดเพื่อบอกหน่วยอื่นเรื่องสถานการณ์ตอนนี้ มอนสเตอร์น่ะมันบุกเข้าใส่พวกเราแล้ว”
พลธนูบนหลังม้าทั้งหลายต่างยังครึ่งสงสัย และมองหน้ากันอยู่ ภายนอกผมดูเหมือนมนุษย์แถมยังสวมใส่เกราะของพวกมนุษย์ด้วย แล้วยังพูดภาษาฮับบวร์กคล่องปร๋อด้วย ความสงสัยในตัวผมจึงลดลง
“แต่ไม่มีการตอบรับกลับมาจากทางฝั่งเราเลย…….”
ณ ตอนนั้นเอง เดธไน้ท์นั้นโผล่ตัวออกมาจากพื้นเพื่อจัดการพลธนูทั้งหมดในขณะที่ยังอยู่ในร่างวิญญาณ
ม้าตัวหลังนั้นตกใจ เช่นเดียวกับที่พลธนูพวกนั้นดึงดาบจากที่สะเอว เดธไน้ท์แกว่งดาบไวกว่า
เลือดสีแดงเข้มจึงสาดกระจายไปในอากาศ ศพไร้หัวทรุดอย่างอ่อนแรงสู่ผืนดิน
ตั่บ ตั่บ ตั่บ
ศพร่วงทับหญ้าทีละร่าง มีม้าไม่กี่ตัวที่เป็นอิสระจากผู้ควบขี่ได้วิ่งออกไปในสายหมอก
ม้าที่เหลือ 6 ตัว คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ขี่ตนนั้นได้ตายแล้วจึงได้แต่ส่งเสียงร้อง
“นายท่าน พวกเราต้องกำจัดพวกเขาอีก”
“ข้าเห็นด้วย”
ลอร่าและผมนั้นขึ้นขี่ม้าตัวเอง หลังจากที่พวกเรายืนยันได้แล้วว่า พลธนูบนหลังม้าไม่คณามือเดธไน้ท์
ดังนั้นก็เป็นการฉลาดกว่าหากจะกวาดล้างศัตรูของพวกเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนการหาจังหวะลอบจู่โจม
“อัศวินทั้งหลาย ฟังคำข้าให้ดี! ข้าเข้าใจว่า พวกเจ้าไม่พอใจนักที่รับใช้ข้าแทนที่จะเป็นบาร์บาทอส แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ที่นี่คือสนามรบ!”
ผมตะโกนอย่างอวดโอ่ขึ้นพร้อมยกมือขวา
“วางศักดิ์ศรีของพวกเจ้าลงเสีย เอาเกียรติยศอย่างทหารขี้แพ้ไปให้หมาแดก
จงกวัดแกว่งดาบของเจ้าเพื่ออุดมการณ์ที่แท้ เพื่อพวกพ้องผู้อดทนต่อการถูกโจมตีของศัตรูในตอนนี้!
หากเจ้าทำแบบนั้นไม่ได้ย่อมเป็นการทำให้ชื่อเสียงผู้ยกเจ้าให้ข้านั้นเสื่อมเสีย พวกเจ้ากำลังทำให้นามของบาร์บาทอสเสื่อมเสีย!”
– กรู่ววววววววว
เดธไน้ท์ทั้งหลายส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ เป็นการตอบรับคำพูดของผม
พวกมันอาจจะขัดใจบ้างแต่ผมก็บอกได้ว่า พวกมันเข้าใจในสิ่งที่ผมดู
ซึ่งไม่เป็นปัญหา ยังไงพวกมันก็ต้องรับฟังคำสั่งของผมอย่างเชื่อผมอยู่แล้ว
เป็นเรื่องปรกติที่พวกมันจะไม่พอใจนักจากที่อยู่ๆเคยรับใช้จอมมารลำดับ 8 แล้วมารับใช้ จอมมารลำดับ 71
แต่ว่าใครสนเรื่องนั้นกันวะ?
ข้า ดันทาเลี่ยน เป็นผู้ที่ชนะในการดวลกับจอมมารลำดับ 8 การต่อสู้ในสมรภูมิไม่สนใจอารมณ์ของแกหรอก
พวกแกควรจะรู้ว่า ทำตัวให้เป็นมืออาชีพอย่างไรในสนามรบ!
“ไม่จำเป็นต้องกลับไปเป็นร่างวิญญาณแล้ว! พุ่งเข้าไป!”
ผมหันม้าแล้วกระตุ้นม้าไปยังตำแหน่งต่อไปพร้อมกับลอร่าที่อยู่ข้างๆ เดธไน้ท์ของผมนั้นวิ่งเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่มาข้างๆ
ในขณะที่แฟรี่ก็บินใกล้ๆ ฟามิล่าระบุตำแหน่งอยู่บนท้องฟ้าทำให้ผมรับรู้ถึงตำแหน่งของศัตรู
พวกเราชนเข้ากับกลุ่มพลธนูบนหลังม้ากลุ่มอื่นๆ
“จอมมารดันทาเลี่ยนอยู่ที่นี่!”
พวกพลธนูขี่ม้าต่างหันมาหาผมด้วยความตกใจ เขารีบควักธนูออกมายิงผมในทันที
ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขานั้นรวดเร็วดี
ผมให้แฟรี่ทั้งหลายใช้เวทย์ลมเพื่อสร้างสิ่งที่คล้ายโล่ลมตรงหน้าผม
ลูกธนูส่งเสียงเล็กแหลมก่อนจะหล่นลงรอบๆลอร่าและผม
– กรู อ๊าาาา!
ดูเหมือนเดธไน้ท์จะโดนลูกธนูยิง แต่พวกมันก็ไม่ลดความเร็วลง ยังคงพุ่งต่อไปโดยไม่สะดุด
พลธนูบนหลังม้าไม่มีโอกาสที่จะยิงธนูได้เป็นครั้งต่อไป เดธไน้ท์กวัดแกว่งดาบแล้วฟันคอเหล่าทหาร
มันเป็นการฟันที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากกำลัง ดาบของพวกมันนั้นยังคงฟาดและแทง
จนกระทั่งพลธนูเกือบ 20 คนจบชีวิตลงในชั่วพริบตา อย่างกับรถรางวิ่งบดทับทหาร
“พวกแกช้ากว่า คนน่าสมเพชอย่างข้าได้ยังไงกัน!? การฝึกทหารของบาร์บาทอสมันคงไม่หนักเท่าไหร่สินะ!”
หลังจากที่ผมยืนยันว่า ทั้งหน่วยถูกกำจัด ผมก็ซ่อนความพอใจและรอยยิ้มไว้
เดธไน้ท์นั้นตั้งใจขึ้นเมื่อถูกยั่วเย้ยหยัน พวกมันอยู่ร่วมกับบาร์บาทอสมานับร้อยปี ดังนั้นจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังจอมมารลำดับ 8
ผมก็ใช้ตรงจุดนั้นแหละ
ตอนนั้นเอง ที่หนึ่งในหน่วยพลธนูบนหลังม้าได้ยินเสียงปะทะ จึงได้ยิงธนูใส่พวกเรา ผิดจากหน่วยก่นหน้าที่ถูกพวกเราลอบโจมตีมาจนถึงตอนนี้
คราวนี้พวกเขาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน หลังจากยิงธนูชุดใหญ่ใส่พวกเรา
พวกเขาก็ดึงดาบออกจากปลอกแล้วพุ่งเข้าหา
“นั่น จอมมาร! ฆ่ามัน!”
ในเวลานั้นเองที่ขนาดของการรบเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
ในชั่วพริบตาก็มีทหารเกือบ 40 นาย ประมาณสองหน่วยย่อยรวมกำลังกัน หรืออาจะเป็นหน่วยที่นำโดยนายพลระดับสูงสักคนหนึ่ง
พลธนูบนหลังม้าก็เปลี่ยนเป็นทหารม้าเกราะเบาในทันที
พวกเขาตะโกนก้องขณะที่ถือดาบ ในเหล่าทหารม้าพวกนั้นมีสองคนแกว่งดาบซาบรีมาหาผม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ใบมีดของพวกเขาก็มาไม่ถึงตัวผม
ทันทีที่ดาบวงโค้งของเขาพยายามจะเฉือนร่างผม ดาบบรอดซอร์ดใบใหญ่ก็มาบล็อคทั้งคู่ไว้
เกร้ง
เสียงโลหะคมๆกระทบกันดังขึ้น
ดาบใหญ่เล่มเดียวสามารถบล้อคดาบซาบรีสองเล่มไว้ได้
เดธไน้ท์ที่อยู่ข้างกายผมนั้นคอยปกป้องคุ้มครองผมด้วยดาบ
– กรู่ว อ๊าาาา!
เดธไน้ท์ตัวนั้นผลักดาบเล็กกระเด็นไปแล้วกวัดแกว่งดาบของมัน เพียงดาบเดียวก็ฟันช่วงเอวของทหารม้าสองคน
เกราะของพวกเขาถูกทำลายเครื่องในอุ่นๆทะลักออกมา เลือดจำนวนมากกระจายเลอะตัวผม
– โก่อูววววว
เดธไน้ท์มองหน้าผมชั่วครู่
มันเป็นแค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ผมควรจะบอกว่า มันกำลังจ้องหน้าหรือผมรู้สึกถึงสายตาเย็นชาจากภายใต้หมวกของมัน?
มันหันหลังกลับแล้วกระโดดใส่กลุ่มพลธนูบนหลังม้า แต่ละครั้งที่กวัดแกว่งดาบในอากาศยามเช้า
หัวของทหารจักรวรรดิก็ระเบิด ร่างกายก็แบ่งเป็นสองส่วน
ทหารม้าหน่วยหนึ่งที่มีเกือบ 40 คน ถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว
“ถ-ถอย!”
“ไอ้เจ้านั่นเป็นหัวหน้า!”
ผมตะโกนใส่ทหารม้าที่สั่งการให้ถอยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หนึ่งในเดธไน้ท์ของผมปาดาบใส่ราวกับพุ่งหอก
ดาบสองมือยาวเกือบสองเมตรปักไหล่ของทหารม้าคนนั้นอย่างแม่นยำ
แขนขวาทั้งข้างของทหารคนนั้นกระเด็น ชายคนนั้นร้องออกมาทั้งที่ร่วงจากหลังม้า
เขารับมือไม่ทันจึงหล่นหัวกระแทกพื้นคอหัก ตายในทันที
การฆ่าล้างที่ตามมาหลังจากนั้น ทหารม้าเกราะเบาไม่มีโอกาสแม้แต่ยืนสู้กับเดธไน้ท์ที่เป็นเหมือนทหารเกราะหนักที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้
ทหารของจักรวรรดิตายอย่างองอาจในการต่อสู้ระยะประชิด
ราคาของความกล้าหาญของพวกเขานั้นต้องจ่ายด้วยชีวิต
พอพวกเราจัดการเสร็จ ผมก็ตะโกนใส่เดธไน้ท์ทั้งหลาย
“ไปยังจุดต่อไป!”
พวกเราจัดการไป 12 หน่วย
พลธนูบนหลังม้าภายในเกือบ 30นาที
ในบางครั้งเราก็สู้ระยะประชิด บางครั้งก็ไล่ตาม บางครั้งก็เป็นฝ่ายถูกไล่ตาม
ทหารจักรวรรดิตายลงอย่างไร้ปรานีในการต่อสู้ระยะประชิด และพวกเราก็ปล่อยให้บางส่วนหลบหนีไปได้
เป้าหมายของผมคือ การทำให้ทหารจักรวรรดิเลิกใช้พลธนูขี่ม้า และถ้าหากพวกเขายอมหนีไปอย่างเชื่อฟัง ก็ไม่จำเป็นต้องไปไล่ตามฆ่าล้างต่อ
ระหว่างการสู้ครั้งหนึ่ง ธนูเลี้ยวลอดโล่ลมของแฟรี่แล้วปักเข้าที่น่องของผม นั่นเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเดียวที่ผมได้รับ
ขณะที่มี12แผลเล็กๆทั่วร่าง มันเจ็บแทบตายเลยล่ะแต่มันก็เท่านั้น
จอมมารนั้นมีพลังการฟื้นฟูที่น่าประทับใจมาก
ผมไม่ตายจากอะไรอย่างนี้หรอก พอมานึกๆดูแล้ว ผมถูกธนูปักที่น่องนับตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอยู่บนโลกใบนี้
หืมม ช่างเป็นความโชคร้ายที่ประหลาดเสียใจ
ช่วงการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ผมได้สูญเสียเดธไน้ท์ไปหนึ่งตน
มีอัศวินตัวจริงปะปนอยู่ในเหล่าพลธนูบนหลังม้า เขานั้นได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับพลธนู หมอนั่นก็คงมั่นใจในฝีมือนั่นแหละ
ผมก็เช่น แล้วการต่อสู้จบลงตรงที่ ผมเป็นผู้มีชีวิตอยู่ต่อ
“ฉันเชื่อว่าเท่านี้คงพอ”
ลอร่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่สามารถฆ่าทหารได้แม้แต่คนเดียวแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สามารถสั่งการเดธไน้ท์และแฟรี่ไปพร้อมกับผม
ผมเหนื่อยนั้นนิดหน่อย จึงพยักหน้า
“ใช่ จะขอบคุณมากถ้าพวกเขายอมกลับไปทั้งๆแบบนี้…….”
จากที่คำนวนคร่าวๆ พวกเราฆ่าไปราว 240 คนและมีจำนวนใกล้ๆกันที่หนีไปได้
พวกผู้บัญชาการของจักรวรรดิคงจะต้องคิดใหม่แล้วล่ะว่าควรจะใช้พลธนูบนหลังม้าต่อหรือไม่
หากพวกเขายังตัดสินใจกันไม่ได้
ก็อาจต้องส่งรายงานไปหามาร์คกราฟโรเซนเบิร์ก แล้วปีกขวาของทัพภาค 6 ก็ซื้อเวลาได้อีก…….
แสงแดดฉายลงมา พระอาทิตย์นั้นถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก
มีเพียงลำแสงที่ฉายผ่านหมอกเท่านั้น ระยะการมองเห็นนั้นไม่ดีขึ้นเลยแม้จะเป็นรุ่งเช้าแล้ว
ผมมองยังพื้นที่ที่ทหารของอีกฝ่ายน่าจะอยู่กัน ไม่ว่าพวกนายจะโจมตีพวกเราด้วยพลธนูบนหลังม้ามากแค่ไหน พวกเราก็ไม่ออกมา
การรบแบบที่พวกนายคาดไว้จะไม่มีทางเกิดขึ้น แล้วตอนนี้ พวกนายจะทำยังไงกันต่อล่ะ เหล่าทหารจักรวรรดิ?