Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 147 คนทรยศ(3)
ฉากพื้นหลังหายไปโดยสมบูรณ์ ศพของมอนสเตอร์ในทุ่งราบหายวับ
รอบข้างพวกเรากลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ สิ่งที่เหลือมีเพียงบาร์บาทอสและไพมอน
เสียงเด็กผู้หญิงร้องไห้นั้นดังออกมาในพื้นที่ว่างสีขาว มันเป็นฉากที่แยกขาดไปจากความจริงโดยสิ้นเชิง น่าแปลกที่มีเพียงพื้นที่สีขาวพวกนั้นล้อมอยู่รอบไพมอน
นั่นคงเป็นความทรงจำของเธอ เราทุกคนต่างมีความทรงจำแบบนั้นอย่างน้อยอย่างหรือสองอย่าง
“ในเวลานั้น ข้าไม่สามารถปลอบใจบาร์บาทอสด้วยการบอกว่า ไม่เป็นอะไร ทุกอย่างจะดีขึ้น ข้ารู้ในทันทีว่า ต่อจากนี้พวกเราไม่สามารถร่วมรบด้วยกันได้อีกต่อไป”
ตอนนั้นเองที่ผมเข้าใจเจตนาของไพมอนแล้ว
เธอนั้นยังคงชักจูงให้ผมเข้าร่วมโดยไม่สนว่า อุดมคติของผมจะเป็นเช่นไร เธอวอนขอให้ผมเข้าร่วมกับฝ่ายของเธอ
เธอและผม เราต่างเป็นจอมมาร ที่ไม่อาจอ่านอารมณ์ของกันและกันได้ เราไม่สามารถได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจผ่านวิธีปกติและไม่สามารถชักจูงอีกฝ่ายได้ตรงๆ ดังนั้นเธอจึงใช้ประโยชน์จากโลกของความฝัน
ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตอย่างไร เธอรู้สึกแบบไหน ปัญหาที่เจอคืออะไร และจะแก้มันได้อย่างไร เธอตั้งใจที่จะแสดงทั้งหมดให้ผมเห็นอย่างชัดแจ้งในความฝันนี้
‘ช่างเป็นแนวคิดที่สูงส่งเสียจริง’
เธอวางชีวิตทั้งชีวิตเปิดฉายให้ผมเห็นหมดเปลือก ด้วยการทำแบบนี้เธอจึงขอให้ผมร่วมมือกับเธอ
‘―แต่อารมณ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอจะผลักดันผมหรอกนะ ไพมอน’
ผมจิบน้ำชา
เพื่อที่จะพยายามชักจูงผม เธอถึงกับยอมชดใช้หนี้ในตอนพิจารณาคดีด้วยการช่วยผมตอนพิธีพูดสุนทรพจน์ ก็ถือว่า ระหว่างเราไม่มีความขุ่นข้องหมองใจตกค้างต่อกัน
‘ตอนนี้นับว่า เราเสมอกันแล้ว’
แล้วเธอวางแผนแบบไหนไว้ล่ะ? เหตุการณ์โดยละเอียดที่ร่างไว้เป็นอย่างไร? แล้วผมจะได้ประโยชน์อะไรจากมัน? ผมไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายนะ เธอต้องโน้วน้าวผมให้ดีกว่านี้
“ดันทาเลี่ยน ท่านรู้ดีอยู่แล้ว ถึงเหตุผลที่ว่า ทำไมกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราถึงล้มเหลวต่อเนื่อง”
“แม้พวกเราทุกคนจะเป็นจอมมาร แต่ความแตกต่างของพลังระหว่างจอมมารระดับสูงกับจอมมารระดับต่ำนั้นห่างกันเหมือนฟ้ากับเหว
หากทวีปถูกรวมเป็นหนึ่งได้ จอมมารระดับสูงก็จะเริ่มกดดันจอมมารระดับต่ำ ตอนนั้นเองมหาสงครามที่เกิดขึ้นจะมิใช่ระหว่างมนุษย์กับปีศาจ หากแต่เป็นระหว่างปีศาจกับปีศาจด้วยกัน…….”
“ถูกต้อง”
ไพมอนหัวเราะเบาๆอย่างพึงพอใจ
“เลดี้ผู้นี้ตระหนักถึงเรื่องนั้นในภายหลัง จากตอนนั้นข้าก็คิดมาตลอดว่า แนวเสบียงอาจถูกทำลายโดนพวกมนุษย์
ข้าไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า พวกจอมมารที่ตามหลังพวกเรานั้นจะแอบปล่อยข้อมูลให้พวกมนุษย์ เมื่อข้าพยายามรวบรวมรายชื่อผู้ทรยศ มันก็สายไปแล้ว”
ไม่เหลือหลักฐานอะไร
จอมมารระดับต่ำนั้นพยายามอย่างสุดแรงที่จะปกป้องเสบียงไว้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจป้องกันหน่วยอัศวินที่บุกเข้ามาโดยไม่ได้คิดไว้ก่อน จำนวนจอมมารระดับล่างจึงเสียชีวิตไปในการปกป้องเสบียงในที่สุดอยู่ดี
“พวกเขานั้นเป็นหนึ่งในตัวตนที่จงรักภักดีต่อกองทัพพันธมิตร พวกเขานั้นปฏิเสธที่จะร่วมมือกับมนุษย์ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกฆ่าด้วยน้ำมือของสหายตัวเอง
…….ไม่สิ พวกนั้นยืมมือมนุษย์ฆ่าแทน”
จอมมารระดับสูงไม่ทันสังเกตเห็นเรื่องนี้
พวกเขาเชื่อว่า กองทัพมนุษย์นั้นเก่งกาจแทนที่จะคิดว่า พวกจอมมารระดับต่ำนั้นทำอะไรบางอย่าง
หรือไม่อย่างนั้นก็เป็นความผิดที่พวกเขาบุกไปในทวีปลึกจนเกินไป ซึ่งทำให้แนวเสบียงนั้นอยู่ห่างมากจนเกินไป นั่นคือ ทั้งหมดที่พวกเขาคิด
“ในตอนนั้นเองที่บาร์บาทอสและจอมมารระดับสูงอื่นๆนั้นต่างขอโทษจอมมารระดับล่าง พูดว่ามันเป็นเพราะกลยุทธของทัพพันธมิตรเองที่ทำให้ล้มเหลว”
แต่ไม่นานนัก ไพมอนก็ตระหนักถึงความจริง
สำหรับบุคคลที่เริ่มต้นจากซัคคิวบัสดาดๆทั่วไปแล้วต่อมากลายเป็นจอมมารนั้น เธอได้ มองในมุมของจอมมารระดับล่าง ซึ่งนั่นทำให้เธอเข้าใจตระหนักรู้ว่า พวกจอมมารระดับล่างนั้นกลัวอะไร…….
“แต่ท่านไพมอน ข้ายังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงเลือกสร้างฝ่ายภูเขาขึ้นมา”
ผมถามด้วยความอยากรู้
“ในเมื่อท่านตระหนักแล้วว่า จอมมารระดับล่างทำอะไรลงไป ทำไมถึงไม่วางกับดักในช่วง ระดมกำลังพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 3 และ 4 ?”
เป็นผม ผมทำอย่างนั้นแน่
ให้แกล้งทำเป็นบุกเข้าไปลึกในทวีปแล้วลอบจู่โจมพวกจอมมารระดับล่างในทันทีที่ทรยศ โดยรวมหมู่พวกจอมมารระดับต่ำไว้
ถ้าไพมอนยืนกรานว่า พวกจอมมารกลุ่มนั้นวางแผนจะทรยศพวกเขาจริง ก็มีข้ออ้างที่สมควรในการวางกับดักจับพวกนั้น
แบบนั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีทีสุดหรอกหรือ?
“นั่นเพราะข้ารู้ว่า มันมีสิ่งที่หนักหนายิ่งกว่านั้น”
“สิ่งที่หนักกว่ากว่านั้น? สิ่งที่ว่ามันคืออะไร?”
“ความจริงที่ว่า สงครามจะปะทุขึ้นในทันทีที่พวกเรารวมทวีปได้”
ไพมอนพูดขึ้นมา
“เลดี้ผู้นี้เชื่อว่า การรวบรวมทวีปให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นเป็นเส้นทางที่เหมาะที่สุดสำหรับเผ่าปีศาจ
เผ่าปีศาจจะได้รับทั้งความสงบสุขและมั่งคั่งเมื่อได้พิชิตโลกมนุษย์
แต่ถึงอย่างนั้น การรวมทวีปจะนำมาซึ่งจุดเริ่มต้นของหายนะ ปีศาจที่รวมทวีปได้แล้วจะใช้ข้ออ้างเพื่อพิชิตโลกมนุษย์นั้น แบ่งกลุ่มกันแล้วก่อสงครามในนามแห่งจอมมารที่พวกเขารับใช้”
แด่ผู้ปกครองเดียว
สังคมโลกปีศาจนั้นได้รับอิทธิพลหลักจากแนวคิดการผลักดันให้มีผู้ปกครองเพียงคนเดียว
อะไรคือ จุดประสงค์ที่พวกเขาตั้งใจจะพิชิตทั้งทวีปได้ล่ะ? ที่เคยบอกไปว่า การรวมทวีปเป็นหนึ่งเดียวนั้นเป็นไปเพื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจนั้นก็แค่คำโกหก
……. อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ไพมอนนั้นได้เก็บความสงสัยเรื่องจุดประสงค์การมีอยู่ของกองทัพพันธมิตรไว้ในใจเสมอมา
“เลดี้ผู้นี้ตระหนักได้ว่า มนุษย์นั้นจัดเป็นความชั่วร้ายที่จำต้องมีสำหรับปีศาจ
ปีศาจก็เป็นความชั่วร้ายที่จำเป็นต้องมีสำหรับมนุษย์เช่นกัน
หากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในโลกแล้ว เผ่าพันธุ์ที่เหลือก็จะก่อสงครามต่อกันไม่จบไม่สิ้น”
“…….”
“เลดี้ผู้นี้ได้คิดถึงว่า ทำไมสงครามจึงเกิดขึ้นทั้งที่ไม่ว่าจะมีการรวมทวีปหรือไม่มีก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหรือ?
ไม่มีสามัญชนคนใดปรารถนาสงคราม
หากพวกเขานั้นมีชีวิตและความมั่งคั่งอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ ไม่มีใครทั้งนั้นที่อยากเหยียบย่างเท้าเข้าสู่สงคราม แต่ถึงอย่างนั้น เหตุใดสงครามยังคงเกิดอยู่?”
ไพมอนหันหน้ามาหาผม
“นั่นเป็นเพราะผู้ปกครอง”
“…….”
“ยามที่พวกเราออกคำสั่งไปว่า ต้องเกิดสงครามขึ้น พวกสามัญชนก็มีแต่ต้องตอบตกลง พวกสามัญชนชั้นต้องแบกรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในสงครามด้วยตัวเองทั้งหมด
พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า จะต้องหยิบหอก ฆ่าคน และจ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม และฟื้นคืนเมืองและหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปโดยสงคราม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เคยเห็นด้วยกับสงครามอยู่แล้ว”
ไพมอนเร่งเสียงอย่างเร่าร้อน
“แต่มิใช่กับผู้ปกครอง พวกเขามิใช่สามัญชน พวกเขาเป็นเจ้าของสามัญชน
นั่นก็เป็นไปเพื่อให้ได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ดังนั้นพวกเขาพร้อมจะโยนทั้งเงินทอง ชีวิตของสามัญชนและบ้านเกิดของสามัญชนไม่ต่างจากชิพเล่นพนัน
เลดี้ผู้นี้ตระหนักได้ว่า―ไม่ว่าจะเป็นโลกมนุษย์หรือโลกปีศาจ ในสังคมก็จะมีผู้ที่ถูกปฏิบัติเหมือนกับวัตถุสิ่งของ และสงครามนั้นไม่มีวันที่จะจบสิ้น!”
ดวงตาของเธอนั้นแสดงความโกรธเกรี้ยวดำมืดดั่งหินออพซิเดี้ยน
“นี่ยังมิใช่เรื่องน่าตลกหรอกหรือ!?”
เธอตะโกนออกมา
“จอมมารอย่างพวกเราโง่เขลาดเพียงใดกัน พวกเราคิดว่า พวกเราทำไปเพื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจ พวกเราต่างรบราเพื่อพวกเขา แล้วสุดท้ายจอมมารก็ไม่ใช่บุคคลที่ตายจริงๆ
มีจอมมารน้อยคนนักที่ตายในการสู้รบ หนึ่งตัวตนที่สละชีพในสนามรบ―แสนคนต้องสละชีวิต ―ชีวิตที่ไม่ใช่ของจอมมารหากแต่เป็นของเหล่าปีศาจ!”
ไพมอนกัดฟัน
“ถึงจะอย่างนั้น พวกเราก็ยังแสร้งทำเป็นว่า ทำไปเพื่อเผ่าปีศาจ! ความเจ้าเล่ห์และหลอกลวงนั่น จะไม่มีทางสิ้นสุดไปแม้จะพิชิตทวีปได้ก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นมันจะแผดเผาแรงขึ้นในโลกมนุษย์ โลกปีศาจ รวมถึงทุกหัวระแหงในโลก เหตุผลง่ายๆเพราะพวกเราจอมมาร ไม่สามารถอ่านใจมนุษย์ได้……เพียงเพราะพวกเขานั้นต่างจากพวกเรา
พวกเราสังเวยนับแสนชีวิตของปีศาจเพื่อการกำจัดพวกเขาทิ้ง!”
ฉากหลังเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ พื้นที่ว่างสีขาวหายไปแทนที่ด้วยสนามรบ
ออร์คกำลังฆ่าล้างมนุษย์ในหมู่บ้าน เสียงกรีดร้องครวญครางสะท้อนไปถึงฟากฟ้า
อีกฝั่งหนึ่งมนุษย์กำลังฆ่าล้างก็อบลิน ก็อบลินตัวน้อยที่กำลังเล่นของเล่นอยู่ร้องไห้ออกมาขณะที่ถูกธนูปักอก
การฆ่าล้าง วังวนแห่งการฆ่าล้างดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“มันเป็นความผิดของจอมมารอย่างพวกเรา!”
ไพมอนตะโกนออกมา
“มันไม่ใช่ความผิดของมนุษย์หรือปีศาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
เพื่อจุดประสงค์ในการสร้างชาติในอุดมคติที่ปกครองโดยรบสมบูรณาญาสิทธิ์ราชย์ เพื่อการสร้างราชอาณาจักรขึ้นมาชั่วคราว พวกเราเหล่าจอมมารกลับลวงหลอกทุกคน……!”
การระดมกำลังกองทัพพันธมิตรนั้นมีมากว่า 2,000 ปี
ฝ่ายภูเขานั้นเข้าร่วมเสมออย่างน้อยๆก็ตั้งแต่ ทัพพันธมิตรครั้งที่ 3
สุดท้ายแล้วผลลัพธ์คือ ปีศาจและจอมมารที่อยู่ในฝ่ายภูเขานั้นรอดชีวิต
อีกฟากหนึ่ง ปีศาจในฝ่ายที่ราบนั้นยังคงตายอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายที่ราบก็ระบุว่า ฝ่ายภูเขาเป็นผู้ทรยศ ขณะเดียวกันฝ่ายภูเขาเองก็กล่าวโทษว่า ฝ่ายที่ราบนั่นแหละทรยศเผ่าปีศาจ
ฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด……?
ผมพูดขึ้น
“ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจสร้างสาธารณรัฐขึ้นมา”
“ใช่”
ไพมอนพยักหน้า
“สุดท้ายแล้วจอมมารจะต้องหายไปให้หมด ไม่ว่าจะอ่านอารมณ์อีกฝ่ายได้หรือไม่ได้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
มนุษย์นั้นก็ไม่อาจอ่านอารมณ์อีกฝ่ายได้ แต่พวกเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไป พวกเขาคิดและใช้ชีวิตเหมือนพวกเรา”
จอมมารเป็นตัวตนที่ไม่สมควรมีอยู่
นั่นเป็นสิ่งที่ไพมอนประกาศชัด
“ปีศาจและมนุษย์นั้นจะสร้างสังคมและถนอมรักษาสังคมนั้นไว้ สิ่งนี้ไม่อาจหยุดความขัดแย้งได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะเข้าใจอย่างหนึ่งนั่นคือ พวกเราต่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุมีผลเช่นเดียวกัน”
ดวงตาของเธอเปล่งประกาย
“…….”
นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับบุคคลที่รู้ประวัติศาสตร์ของโลกแล้วนำมันมาเล่าให้ฟัง ผมยังคงเห็นด้วยกับเธอเพียงครึ่งเดียว
หากไพมอนถูก สุดท้ายแล้ว สาธารณรัฐชนะ แล้วอย่างไรกันล่ะ ต้องเสียเลือดเสียเนื้อมากแค่ไหนเพื่อให้ไปถึง ‘จุดจบ’ นั้น?
มันอาจไม่ใช่นับหมื่น อาจไม่ใช่นับแสน อาจจะนับสิบล้าน ผู้คนจะยังคงเข่นฆ่าฟันกันแล้ว ฆ่าฟันกันอีก
……. แล้วการไปให้ถึง ‘จุดจบนั่น’ ก็ไม่ต้องแบกรับ การหลั่งเลือดพวกนั้นเลยหรือยังไงกัน?
ผมไม่เห็นด้วยหรอก
“ท่านไพมอน ขออภัยด้วยนะครับ แต่สิ่งที่ท่านพูดน่ะ มันฟังดูอุดมคติเกินไปสำหรับผม”
ความเห็นของเธอนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่จูงใจเอาเสียเลย
“ข้ายืนยันกับท่าน ท่านไพมอน เรื่องอุดมคติในเรื่องสังคมสาธารณรัฐ……สังคมที่มนุษย์และปีศาจอยู่อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน และการเสียเลือดเสียเนื้ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“……ถูกต้อง เลดี้ผู้นี้เชื่อในสิ่งนั้น”
เอาจริงหรือ? นี่รู้ไหมว่า ต้องเสียเลือดไปสักเท่าไหร่เพื่อให้เกิดสิ่งนั้นขึ้น?
ผมยังคงพูดต่อ
“เลือดที่เหล่าเผ่าปีศาจต้องหลั่งหลังจากที่ยึดทวีปได้ และเลือดที่ต้องเสียไปทั้งฝ่ายมนุษย์และปีศาจเพื่อสร้างสาธารณรัฐขึ้น
หากเทียบสองตัวเลือกที่ว่า มันก็แทบไม่ต่างกันเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเลือกหนทางใด ก็ต้องมีการเสียสละเกิดขึ้นอยู่ดี นี่ท่านเข้าใจหรือเปล่า?”
ไม่ว่าจะตามอุดมคติของบาร์บาทอสหรือไพมอน ปีศาจก็ย่อมต้องล้มตายกันอยู่ดี แต่เอาจริงๆเถอะ ผมล่ะสงสัยมาก
“อะไรทำให้ท่านถึงคิดว่า ท่านทำสิ่งนั้นได้ในขณะที่บาร์บาทอสทำไม่ได้?”
“…….”
“หากท่านตอบคำถามนี้ไม่ได้ ท่านก็ไม่ได้ต่างจากจอมมารตนอื่นๆ
หากเปรียบจอมมารเป็นดั่งไฟ ท่านก็ได้เผาโลกทั้งใบนี้ด้วยไฟเพื่อความสำเร็จแห่งเป้าหมายตน
แล้วพวกปีศาจก็กระโจนเข้าไปในกองไฟเหมือนแมลงเม่า โดยส่วนตัวข้าชอบบุคคลที่เหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่า”
คนพวกนั้นเป็นที่รู้กันว่า แข็งแกร่ง
บุคคลที่สังเวยผู้อื่นโดยไม่ได้ทำเพื่อปรัชญาส่วนตัว
บุคคลที่หลอกพวกนั้นด้วยความเชื่อที่ว่า ด้วยความเชื่อว่า พวกเขานั้นไม่ได้ทำไป ‘เพื่อตัวเอง’ หากแต่ทำไปด้วยอุดมการณ์อันสูงส่ง
ดังนั้นจึงต้องสังเวยเพื่อทุกคน
แต่ไม่ใช่สำหรับผม ผมไม่เคยหาข้ออ้างเวลาที่จะฆ่าใครสักคน ไม่ใช่เพื่ออุดมการณ์อะไรสักอย่าง
ไม่ใช่เลยสักคน ทั้งฮอร์ค,แจ็ค อแลน,ริฟ หรือคนอื่นๆ ……ผมฆ่าพวกเขาทุกคนด้วยความเห็นแก่ตัวล้วนๆ
เพราะนั่นเป็นความจริงและผมยอมรับมัน
“ข้าไม่ตั้งใจที่จะวิจารณ์ความเชื่อของท่าน ข้าคิดว่ามัน ควรค่าต่อการสรรเสริญ แต่ถึงอย่างนั้นข้าคิดว่า บาร์บาทอสเองก็ควรค่าแก่การสรรเสริญเช่นกัน”
เธอไม่สามารถโน้มน้าวผมได้
“หากอยากที่จะโน้มน้าวข้า ก็อย่าเอาแต่แสดงอุดมคติออกมา บอกข้าด้วยว่า ข้าจะได้อะไร
อย่างน้อยที่สุดก็แสดงให้ข้าเห็นแผนคร่าวๆ สาธารณรัฐน่ะรึ? แน่นอน แต่ท่านจะสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร ? มันเป็นไปได้หรือไม่?”
ไพมอนมิได้ตอบอะไรกลับมา เธอแค่มองผมอย่างเงียบเชียบ
ผมรอสักครู่หนึ่ง อย่างที่คิดไว้ ผมไม่ได้คำตอบ ผมลุกขึ้นอย่างผิดหวัง
“ถึงจะจ้องมองแต่อุดมคติ แต่กรุณาเดินบนหนทางแห่งความเป็นจริงด้วย
ข้าสามารถโกหกท่านได้ แต่เนื่องจากท่านช่วยเหลือข้าไว้ตอนที่ข้าอยู่ในกองทัพพันธมิตร ท่านยังช่วยข้าไว้ในการโจมตีวันนี้ด้วย
ดังนั้นข้าขอตอบท่านอย่างตรงไปตรงมาเพื่อเป็นการชดใช้หนี้คราวนี้
……ในคราวหน้าอย่าคาดหวังว่า ข้าจะซื่อตรงเช่นนี้อีก”
ผมหันและออกเดิน นี่คือความฝัน ผมไปไหนไม่ได้หรอกแม้จะเดิน แต่มันก็เป็นการแสดงให้เห็นโดยนับ เพื่อขอให้เธอสิ้นสุดความฝันนี้เสีย นี่ผมเดินไปกี่ก้าวแล้วนะ?
“หากเป็นโครงแผนการคร่าวๆ ข้ามีอยู่”
ไพมอนพูดจากด้านหลังผม
“เลดี้ผู้นี้มิใช่คนโง่ ใน1,700 ปีที่ผ่านมา เลดี้ผู้นี้ได้คิดเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐขึ้นมา แล้วเลดี้ผู้นี้ก็ได้ทดสอบแนวคิดดังกล่าวอย่างระมัดระวัง”
“โอ้?”
ผมหันหลังกลับไปและให้คำตอบ แล้วยังไงล่ะ?
“เลดี้ผู้นี้คิด ว่ามันไม่ง่ายที่สร้างสาธารณรัฐขึ้นมาในสังคมมนุษย์ ที่มีความหลากหลายโดยมีจอมมารอยู่
ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจทดสอบการสร้างสาธารณรัฐดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ ในโลกมนุษย์”
“……!”
ประโยคนั้นบังคับให้ผมต้องหันกลับไป
ไพมอนยังคงนั่งสบายๆอยู่บนเก้าอี้ของเธอ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจยิ่งกว่าก่อนหน้า
อย่าบอกนะว่า ผมเริ่มพูดออกมา
“นี่เธอหมายความว่า……?”
“สาธารณรัฐบัตตาเวีย”
ไพมอนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“นั่นคือ สาธารณรัฐแห่งเดียวในโลกมนุษย์ นี่ท่านคิดว่า พวกมนุษย์สร้างชาติพวกนั้นขึ้นมาด้วยตัวเองหรือ?”
ระเบิดลูกใหญ่ทิ้งลงหัวผมทันที
( TTL : สิ่งที่คาดหวังจากการพูดคุยในฝัน
เนื้อหาแบบในเพลง ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
(ไม่)
คุยเรื่องอุดมคติ ระบบการเมืองการปกครองแบบสาธาณรัฐ
(ใช่) )