Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 97 ราชา และ นายพลของเขา(10)
สถานการณ์กลับยิ่งกดดันมากขึ้น
นับตั้งแต่เริ่ม ผมได้รายงานนายพลเซปาร์ว่า ผมกำลังจะโจมตีตอบโต้ด้วยตนเอง
อย่างที่ผมคิดจริงๆว่า พี่เซปาร์นั้นรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออกเพราะสถานการณ์นี้
พวกเราต้องเร่งรีบแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน ปฏิบัติการใหม่จะต้องเริ่มจากจุดนี้แหละ
ซึ่งก็สมกับเป็นทหารเก่าแก่ของฝ่ายที่ราบ เซปาร์นั้นเข้าใจอย่างชัดแจ้งถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เขารับรู้ถึงคำขอที่ผมต้องการจะทำการรบแบบกองโจรด้วยหน่วยเล็กๆของผม
หึ นี่แหละสาเหตุที่ว่าทำไมถึงต้องมีหัวหน้าที่ดี
หากเซปาร์นั้นไม่มีความสามารถ เขาคงจะเกิดลฃังเลขึ้นมากลางคันแน่ และ
ผลลัพธ์ก็คือ ปีกขวาก็ค่อยๆอ่อนกำลังลงจนกระทั่งล้มหายตายไปหมดในที่สุด กองทัพจักรวรรดิที่นำโดยโรเซนเบิร์กนั้นเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ด้วยการใช้พลธนูบนหลังม้ากลางดึกอย่างนี้
แต่ถึงอย่างนั้นกองทหารใต้การบัญชาการของพี่เซปาร์ก็มีความสามารถเช่นกัน ความจริงนั้นทำให้ผมมั่นใจ
– พอโต้ตอบกลับไปด้วยหน่วยเล็กแล้ว ระดับใหญ่จะทำยังไงต่อล่ะ ดันทาเลี่ยน?
ก่อนที่จะรับฟังคำแนะนำของผม นายพลเซปาร์ก็บอกความเห็นของเขาก่อน
แผนของเขาเป็นอย่างนี้ : แม้กองกำลังของพวกเราจะเล็ก แต่พวกเราสามารถทำให้ปีกขวาทั้งหมด ตอบโต้พร้อมกันได้
แม้ทัศนวิสัยของศัตรูถูกจำกัดเช่นเดียวกันกับเรา
แต่หากเราบุกไปอย่างรวดเร็ว พวกพลธนูบนหลังม้าก็จะถูกบังคับให้สู้ระยะประชิด
ซึ่งไม่มีทางเลยที่พลธนูหลังม้าจะรบระยะประชิดไหว
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหนี และพวกเราก็จะล้อมทหารเดินเท้า
ขณะที่กำลังไล่กวดพวกพลธนู การฆ่าล้างก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที
“เป็นอย่างนั้นแหละ! สิ่งนี้จะต้องดีกว่าเป็นแน่”
ผมอึ้งอยู่ในใจ
วิธีการของนายพลเซปาร์ฟังดูดีเลย
ด้วยสิ่งนี้เป้าหมายของศัตรูจะถูกขัดขวาง แถมปีกขวาของเราก็จะเป็นอิสระและสามารถบังคับให้ทหารเดินเท้าสู้กับเราในการต่อสู้ที่อลหม่านและดุเดือดได้ด้วย
ยิ่งเป็นสนามรบที่วุ่นวายมากเพียงใด ความได้เปรียบยิ่งเป็นของมอนสเตอร์มากขึ้นเท่านั้น
มอนสเตอร์นั้นมองเห็นในตอนกลางคืนได้ดีกว่า
และยังสามารถรับคำสั่งโดยตรงจากจอมมารได้ด้วย
แถมเพิ่มเติมไปอีก จอมมารทุกตนต่างมีวิธีการสื่อสารหากันได้ดี
ดังนั้นมีโอกาสสูงมากที่พวกเราจะสำเร็จในการฆ่าล้างทหารของพวกเขา…….
– พวกเราจะเริ่มการโต้กลับในทันที แต่ก่อนอื่น ให้เฝ้ารออยู่ตรงนั้นก่อน
ผมเห็นด้วยกับเรื่องนั้น ลอร่าเองก็แทรกบทสนทนาขึ้น
เธอขอโอกาสในการได้พูดบ้าง ผมผงกหัวรับและให้เธอพูดด้วยความยินดี
ผมนั้นเป็นผู้รักษาการณ์แทนกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราภาค 6 และลอร่านั้นเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของผม
ดังนั้นเธอมีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับหัวหน้าที่ปรึกษา หลังจากผมอนุญาตแล้ว ลอร่าก็พูดกับนายพลเซปาร์ทันที
“ขออภัยที่ต้องแทรกนะคะท่านนายพล ในคำแนะนำของท่านเรื่องปฏิบัติการณ์นี้
ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ ตัวตนผู้ต่ำต้อยต้องขอประทานอภัย
แต่หญิงสาวผู้นี้เชื่อว่า มีจุดบกพร่องร้ายแรงในการโต้ตอบค่ะ”
– อืมม?สิ่งนั้นคืออะไรล่ะ หัวหน้าที่ปรึกษาฟาร์เนเซ่ ?
“มีโอกาสสูงมากที่ทหารม้าเกราะหนักจะรออยู่ด้านหลังกองทัพจักรวรรดิค่ะ”
ผมประหลาดใจ ทหารม้า?
นี่พวกเราได้รับการยืนยันแล้วว่า มีทหารเดินเท้าบุกเข้ามาหาเราเอง
แต่พวกเรากลับไม่ได้รับรายงานเรื่อง
การเคลื่อนเข้ามาของกองทัพทหารม้าเลย นายพลเซปาร์ดูเหมือนจะชะงักและเสียงหลง
– ทหารม้า? ทำไมเธอจึงคิดเช่นนั้น?
“หญิงสาวผู้นี้เชื่อว่า ทหารจักรวรรดินั้นไม่เพียงแต่พยายามที่จะกดดันปีกขวา หากแต่ยังพยายามล่อเราเข้าไปหาด้วย”
ลอร่าได้มอบคำอธิบายที่แม่นยำและรวดเร็ว สิ่งที่เธอเชื่อว่า มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กพยายามจะทำอยู่เป็นดังต่อไปนี้ :
หนึ่ง จู่โจมด้วยพลธนูบนหลังม้าให้เป็นเหมือนผ้าที่ถูกฝนตกปรอยๆใส่
เพื่อให้ปีกขวาของพวกเราต้องเผชิญการสูญเสียไปบางส่วนจากฝนธนู
พอกองทัพจอมมารพยายามหยุดความเสียหายที่เกิดขึ้น ตรงจุดนั้นแหละที่แผนต่อไปจะดำเนินการต่อ
พวกเขาจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายตอบโต้อีกครั้ง
― ลอร่าคาดการณ์ว่า ทหารม้าจะโผล่มาทันทีหลังแนวรบของศัตรู
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“……หากสิ่งที่พูดลอร่าถูก ก็จะกลายเป็นว่าพวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่การรบกับทหารม้าของพวกเขา”
– เห็นด้วย มันเกินจะจินตนาการถึงการต่อสู้กับอัศวินบนหลังม้าโดยไม่มีการเตรียมรับมือไว้ก่อน
น้ำเสียงของนายพลเซปาร์นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ลองมาคิดๆดูแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่เคยพุ่งเข้าใส่ทหารม้าด้วยตัวเองแล้วสูญเสียกองกำลังทั้งหมดไปในการระดมทัพพันธมิตรเมื่อครั้งที่แล้ว
ไม่มีใครที่จะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของทหารม้าฝ่ายมนุษย์ได้ดีไปกว่าเซปาร์อีกแล้ว
นายพลเซปาร์นั้นจึงสั่งให้เหล่าฟามิลาร์ทั้งหลายที่ใช้เพื่อสอดแนม
มุ่งเป้าไปสำรวจจำเพาะเจาะจงพื้นที่ด้านหลังของทหารจักรวรรดิ
หากการคาดการณ์ของลอร่าผิดพลาด เราก็เสียอย่างมากก็แค่เวลาในการสอดแนม
แม้แต่ตอนนี้ทหารเดินเท้าของจักรวรรดินั้นเริ่มเข้ามาใกล้พวกเราแล้ว
ความผิดพลาดของลอร่าก็เป็นความผิดพลาดของผมเช่นกัน
หากเราแพ้การศึกครั้งนี้ ผู้คนทั้งหลายก็จะออกมาบอกว่า เป็นความผิดพลาดของผม
แต่ถึงอย่างนั้น ผมตัดสินใจฟังคำเตือนของลอร่า
เธอเป็นบุคคลที่ฝึกมาดีจนคู่ควรต่อการสู้กับนักสู้กลุ่มใหญ่อย่างพวกปาร์ตี้ผู้กล้าต่อเนื่องกันมาหลายต่อหลายปี
พอผมรู้ชะตากรรมเดิมของลอร่า ผมไม่มีทางมองข้ามคำเตือนของเธอ
พลธนูบนหลังม้านั้นเป็นเพียงเหยื่อล่ออย่างนั้นหรือ?
ทหารจักรวรรดิมีไพ่ตายเป็นทหารม้าที่เตรียมไว้สินะ……?
สิ่งนี้จะพิสูจน์ความอัจฉริยะของลอร่าได้หรือไม่?
ผมเตรียมหน่วยของตัวเองไว้พร้อมแล้ว หลังจากรับฟังการแจ้งเตือนถึงผลลัพธ์ มันเป็นห้านาที่ที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจเป็นที่สุด
ปากของสไลม์เปิดออกมา เสียงพูดของนายพลเซปาร์ไหลออกมาจากปากมัน
– ดันทาเลี่ยน พวกเราพบหน่วยทหารม้าอยู่ด้านหลังทหารจักรวรรดิ พวกเขาซ่อนอยู่ในจุดอันสายตาหลังเขา เป็นไปตามที่หัวหน้าที่ปรึกษาคาดการณ์จริงๆ
“……!”
ผมหันหน้าไปมองลอร่า
ดวงตาเธอนั้นประกายจ้าในท่ามกลางความมืดมิดของราตรี ผมรู้สึกหนาวไปจนถึงไขสันหลัง
คำพูดของเธอเพียงไม่กี่คำนั้น สามารถช่วยเหลือกองทัพพวกเราจากโชคชะตาอันน่าสังเวชได้
เธอไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมา เธอยังคงครุ่นคิดต่อไปอย่างสงบ
นี่ยังไม่นับว่าเธอเป็นสัตว์ประหลาดที่เก่งฉกาจอีกหรือไง?
เธอเป็นเพียงเด็กสาวอายุ 17 เท่านั้น! ตอนผมอายุเท่าเธอผมยังหลับอยู่ในห้องเรียนศึกษาด้วยตัวเองอยู่เลย
……ลอร่านั้นเปลี่ยนชะตากรรมของกองทัพได้ตั้งแต่อายุ 17 ผมตัวสั่นเทา ถึงตอนนี้จะไม่ต้องใช้ดาบก็ตาม
มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กและหัวหน้าที่ปรึกษาลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่นั้นก็กำลังรบกันอย่างเงียบๆ และลอร่าเป็นฝ่ายชนะ…….
– ข้าคิดว่า ท่านเป็นเพียงนักวางแผนที่น่าประทับใจเสียอีก แต่จากเหตุการณ์นี้กลัยกลายเป็นว่า ท่านก็มีความสามารถในฐานะนักปกครอง
ความสามารถของผู้ปกครองคือ การเห็นศักยภาพของผู้ใต้บังคับบัญชา ข้าขอสรรเสริญทั้งท่านและผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านด้วย แต่จากสถานการณ์ตอนนี้คงต้องไว้ทีหลัง
“รับทราบครับ”
ตอนนี้พวกเราเข้าใจกลยุทธของศัตรูโดยสมบูรณ์แล้ว เป้าหมายของพลธนูบนหลังม้ามีสองอย่าง
อย่างแรกคือ การกดดันการเคลื่อนไหวของทัพจอมมารในส่วนปีกขวา และอย่างที่สองคือ การทำตัวเป็นเหยื่อล่อ
ผมมองออกไปนอกที่กำบังโดยไม่ตั้งใจ
พลธนูบนหลังม้าต้องมีธนูมากพอที่จะยิงได้นานต่อเนื่องไปอีกหลายนาที
ฝนธนูที่เข้ามาหาพวกเรานั้นไม่ต่างจากมือที่ดึงดูดความสนใจของนักมายากล พวกเขากำลังกับพวกเราผ่านธนูพวกนั้น
‘ว่าไง ข้องใจใช่ไหมล่ะ?
งั้นก็มาหาพวกเรา แล้วกำจัดพวกเราตรงนี้ซี่
ออกมาจากที่กำบังแข็งๆของแก แล้วแกจะได้เจอกับทหารม้าพุ่งใส่
เรามาสู้กันตามแบบแผนในเนินเขาโล่งๆดีกว่า!’
ไอ้ระยำเหลี่ยมจัดเอ๊ย
ลอร่าทำการแก้สถานการณ์
“จากมุมมองของทหารจักรวรรดิ ไม่สำคัญเลยว่าพวกเราจะโต้กลับไปอย่างไร
หากพวกเรายังอดทนใต้ธนู พวกเขาก็ใช้พลเดินเท้าบุกเข้ามาต่อเนื่อง พอปีกขวางแตกกระเจิง กองกำลังของพวกเราเริ่มการโต้กลับ
พลธนูบนหลังม้าก็จะหนีไปแล้วแทนที่ด้วยทหารม้าด้านหลัง กองทัพของเราก็ล่มสลาย”
– อืมม ฝั่งเราเสียเปรียบทั้งสองกรณี ดูเหมือนครั้งนี้มาร์คกราฟจะไม่ใช่คนไร้ความสามารถเหมือนอย่างก่อนหน้าสินะ…….
ตราบใดที่แผนโต้กลับยังทำไม่ได้ พวกเราก็มีอีกตัวเลือกหนึ่งเหลืออยู่ แผนดั้งเดิมที่ผมแนะนำไว้ :
ปฏิบัติการกองโจมที่กระทำด้วยกลุ่มเล็กๆ พวกเราเห็นด้วยทันทีที่รู้ว่า มีตัวเลือกนี้เพียงตัวเดียว
กลุ่มเล็กๆนี่ชัดเจนแล้วว่า เป็นหน่วยของดันทาเลี่ยนมีความสามารถพิเศษในการป้องกันการโจมตีกายภาพ
เป้าหมายในภารกิจของหน่วยผมมีดังต่อไปนี้:
ขั้นแรก พวกเราจะต้องกำจัดหน่วยพลธนูบนหลังม้าที่เข้ามาอยู่ตรงหน้าหน่วยของผม
ขั้นที่สอง หลังกำจัดหน่วยทหารนั้นได้แล้ว ทหารของผมก็จะเริ่มทำการรบแบบกองโจรต่อทันที
พวกเราจะไปจู่โจมพลธนูบนหลังม้าที่กดดันพรรคพวกของเราอยู่
ขั้นที่สาม ระหว่างลงมือปฏิบัติการกองโจรนั้น พวกเราก็จะช่วยเหลือเพื่อนๆของเราไปด้วย
ทหารจักรวรรดินั้นแยกพลธนูบนหลังม้าเป็นกลุ่มเล็ก เดาจากจำนวนที่ระดมยิงเข้ามาใส่หน่วยของผม ก็ราวๆ 20 คนตรงหน้าเรา
ไม่น่าประหลาดใจเท่าใดนัก เพราะทหารจักรวรรดิต้องการที่จะปักยึดไม่ใช่แค่จุดใดจุดหนึ่งของปีกขวา หากแต่เป็นทั้งปีกขวาทั้งปีก
ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะขยายหน่วยพลธนูบนหลังม้าให้เบาบาง
ถึงแม้จะมีพลธนูหลังม้านับพัน พวกเราก็แค่กำจัดไปทีละกลุ่ม ที่มีกลุ่มละ 20 ถึง 50 นาย นี่เป็นโอกาสในการชนะ
ไม่สิ พวกเราจะสร้างโอกาสชนะขึ้นมา นี่แหละคือ ความหมายของสนามรบ!
หากคุณไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่มีใครเอาชัยชนะมาให้คุณหรอก
– ข้าได้แต่หวังถึงความสำเร็จของท่าน ข้าหวังว่าพวกเราจะได้มาดื่มฉลองหลังจากสิ้นสุดวันนี้
การสื่อสารจบลงที่ตรงนั้น
“ฟู่ววว”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ลมเย็นๆไหลเข้าปอดผม
จากจุดนั้นเองปีกขวาทั้งปีกยังคงประจำที่เพื่อตั้งรับยกเว้นผม
ไม่สำคัญว่า พวกพลธนูบนหลังม้าจะระดมยิงพวกเขาแค่ไหน พวกเขาก็ยังคงอยู่ในที่มั่น
พวกเขาจะอดทนจนกว่าในท้ายที่สุดสถานการณ์ทำให้เป็นดั่งป้อมปราการยักษ์
เพื่อรับมือกับการบุกของทหารม้า ทหารจักรวรรดิจะตกหลุมนี้และถูกทำให้ย่อยยับโดยลอร่า
“ต้องแข่งกับเวลาแล้วค่ะ”
“แน่นอน การรบนั้นแข่งกับเวลาเสมอ”
ทหารเดินเท้าของจักรวรรดิจะจู่โจมปีกขวาของเราได้ก่อน หรือการรบแบบกองโจรของผมจะทำให้พลธนูบนหลังม้าออกจากสนามรบไปได้ก่อน
ดูเหมือนการรบกันที่ออสเตอร์ลิทช์ จะเริ่มเป็นสถานการณ์ที่น่าสนุกขึ้นมาแล้ว
ความสบายใจที่เราได้รับรู้ว่า มีทหารเดินเท้าจักรวรรดิเดินเข้ามาหาเราอย่างเชื่อช้าในสายหมอก
สาเหตุที่พวกเขาเดินกันช้าๆนั่นไม่ใช่เพราะทัศนวิสัยที่จำกัด แต่พวกเขายังให้เวลากับพลธนูบนหลังม้าให้ล่อเราเข้าไปหาด้วย
พวกเขาไม่รู้ว่า ตอนนี้พวกเรารู้แล้วว่านั่นเป็นกับดัก
ึความมืดบอดของพวกเขาทำให้ผมโล่งใจ
มาร์คกราฟ โรเซนเบิร์ก เอ๋ย ความผิดพลาดใหญ่หลวงที่แกมองข้ามการมีอยู่ของลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่
เธอนั้นเป็นอัจฉริยะ แถมยังสาว แต่เธอก็มีความสามารถแฝงเร้นที่จะพิชิตสมรภูมินี้ได้ทั้งหมด
ผมจะแสดงให้แกเห็นเอง
(TTL : คนอวดน้อนนนน)
“นายท่าน ได้เวลาแล้วค่ะ”
พลธนูบนหลังม้ายิงเสร็จไปหนึ่งรอบก็เริ่มถอยกลับ พวกเราได้ยินเสียงฝีเท้าม้ากลับไปในหมอก
ลอร่าและผมออกจากที่กำบังพวกเราพุ่งตรงเข้าไปในหมอกนั่น
พวกเราไม่ได้เสี่ยงพุ่งเข้าไปเอง แต่มีเดธไน้ท์หนึ่งโหลคอยล่องหนตามอยู่ข้างหลังเรา หลังจากบุกไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว พวกเราก็หมอบลง
“…….”
คมของใบหญ้าที่เปียกชุ่มน้ำค้างนั้นบาดแก้มผม มีแมลงคลานอยู่ใกล้ๆ แต่ผมไม่สนใจ
ผมตั้งใจใช้หูแนบกับพื้นเพื่อฟังเสียงฝีเท้าม้าของพลธนูบนหลังม้า
ประมาณอีก 30 วินาทีต่อมา เสียงพื้นเขย่าเบาๆ เสียงฝีเท้าม้าเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว