Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 169 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (6)
* * *
พวกเขาตื่นกันตั้งแต่เช้ามืด
“พวกเราจะขาย”
ชายแก่ในกลุ่มพ่อค้ามาเพื่อบอกพวกเราเรื่องนั้น ชัดเจนว่าเขานั้นครุ่นคิดตลอดทั้งคืน สีหน้าของเขาซูบลงเมื่อเทียบกับเมื่อวาน การตัดสินใจที่จะซื้อขายกับพวกเราหรือไม่นั้นเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสำหรับชีวิตพ่อค้า
แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขาก็แจ่มชัดและมั่นคง
แจ็กเกอรี่ดีใจยิ่งกว่าที่อีกฝ่ายตอบรับ
“เลือกได้ดี แล้วตั้งใจจะขายเท่าไหร่ล่ะ?”
“ตามที่ท่านต้องการเลย”
สองกลุ่มบรรลุข้อตกลง โดยปกติแล้วการแลกเปลี่ยนซื้อขายกันจะเคร่งเครียด พวกเขานั้นเป็นพ่อค้าอาวุธส่วนพวกเราก็เป็นทหารรับจ้าง แต่เนื่องจากพวกเขาต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธจึงตกลงราคาที่เหมาะสมกันได้เร็ว
หลังจากแยกจากกลุ่มพ่อค้าพวกเราก็เดินทางต่อไปยังเส้นทางหลวงของจักรวรรดิ พวกเรายังคงเจอแถบต้นไม้แห้งจำนวนมาก พวกเราเดินทางกันแบบสบายๆโดยลากรถพ่วงไปด้วย
แจ็กเกอรี่พูดขึ้นขณะที่นั่งบนหลังม้าสีดำ
“นับเป็นวันโชคดีของพวกเขา ถ้าผู้คนเห็นรถที่เต็มไปด้วยอาวุธในช่วงสงครามกลางเมือง พวกเขาก็คงจะปล้นชิงแล้วอ้างว่าจะจ่ายทีหลังอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แจ็กเกอรี่ เจ้าวางแผนที่จะมอบอาวุธพวกนี้ให้กับจักรพรรดินีโดวาเจอร์เพื่อให้พระนางประทับใจรึ?”
อาวุธนั้นเป็นสิ่งที่ต้องการเสมอในสงคราม หากสามารถมอบอาวุธจำนวนมากได้ในเวลาอย่างนี้ คุณก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย
จากเดิมที่เป็นผู้ถูกใช้งานในการรบเพียงอย่างเดียว คราวนี้ก็พอจะมีปากมีเสียงขึ้นมาบ้าง
ใช่ว่ามันเป็นไอเดียที่ไม่ดีหรอก แต่มันยังเพียงพอที่จะดันฐานะให้สูงขึ้นไปด้วยกลยุทธแค่นี้ การที่จะสร้างอิทธิพลให้กับหน่วยนั้นต้องการอะไรที่ดีมากกว่านี้
อัตราการรอดชีวิตของคนๆหนึ่งนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากโดยขึ้นกับการเลือกว่าจะอยู่ซ้าย หรือ ขวา แจ็กเกอรี่นั้นตัดสินใจถูกต้องในครั้งนี้
“ถูกแล้วครับ”
“เอาล่ะ ดีแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันไม่ใช่การกระทำที่ดีที่สุด”
“ท่านอธิบายได้ไหมครับว่าทำไม?”
แจ็กเกอรี่ดูไม่รำคาญใจกับความเห็นของผม
เขาดูจะสุภาพมากขึ้นหลังจากที่พวกเราประชุมกันเมื่อคืน
เมื่อวานเขายังคงทำตัวเป็นทหารรับจ้างที่แสดงความเคารพต่อนายจ้าง แต่ในวันนี้เขาก็ทำตัวเหมือนอัศวินที่รับใช้นายตน ผมยินดีกับความเปลี่ยนแปลงนั่น
“แทนที่จะเอาอาวุธทั้งหลายไปส่งที่ค่ายของจักรพรรดินีโดวาเจอร์ เอามันไปให้สามัญชนแทนดีกว่า”
“อะไรนะครับ?”
“ข้ากำลังบอกให้เจ้าส่งเสริมการปฏิวัติ”
แจ็กเกอรี่ขมวดคิ้วและคิดหนัก ในที่สุดเขาก็เปิดปากพูดออกมา
“ฝ่าบาท การปฏิวัตินั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ฟรานเซียนั้นต่างจากประเทศอื่นๆ สามัญชนนั้นมีสิทธิน้อยมาก แถมยังมีอัศวินอยู่มากมาย การปราบปรามการปฏิวัตินั้นเป็นอะไรที่จัดการได้ง่ายมาก
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนิยมสาธารณรัฐในฟรานเคียนั้นต่างอยู่ในการสนับสนุนของชนชั้นสูงแห่งสาธารณรัฐ พวกเขาไม่มีทางมองข้ามการปฏิวัติอยู่แล้ว”
แจ็กเกอรี่นั้นเป็นผู้จัดการสาขาหนึ่งของพันธมิตรปลดแอก เขารู้ดีเรื่องการทำงานในฟรานเคียยิ่งกว่าใครๆทั้งนั้น
เขาน่าจะเคยคิดมาก่อนอย่างหนักแล้วว่าเป็นไปได้แค่ไหนที่การปฏิวัติจะเกิดขึ้นในฟรานเคียแล้วนำประเทศสู่การเป็นสาธารณรัฐ
นั่นจึงเป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผลที่สุด เมื่อเขาได้กลายมาเป็นหนึ่งในผู้นำหลักของพันธมิตรปลดแอก
เขาเชื่อว่า การจุดประกายการลุกฮือขึ้นมาปฏิวัตินั้นมันยังเร็วเกินไป
“ถ้าระดับการปฏิวัติยังไม่ใหญ่พอมันจะถูกปราบปรามในทันที ซึ่งก็ไม่มีประโยชน์ที่ต้องทำแบบนั้น
แต่หากพวกเราสามารถกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติที่ครอบคลุมไปทั่ว
……แต่หากเป็นอย่างนั้นแล้ว ก็จะกลายเป็นพวกว่า พวกเราทำให้พวกนิยมกษัตริย์นั้นมีข้ออ้าง”
สุดท้ายแล้ว ฝ่ายพวกนิยมสาธารณรัฐเองก็ไม่ได้ต้องการจะทำลายความสัมพันธ์นาย-บ่าว
พวกนิยมกษัตริย์จะวิพากย์วิจารณ์พวกนิยมสาธารณรัฐว่าอย่างนั้น
ซึ่งนั่นจะทำให้ฝ่ายสาธารณรัฐสั่นสะเทือนใจถึงแก่นกลาง
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นชนชั้นสูง เช่นเดียวกับที่ชนชั้นสูงของสาธารณรัฐส่วนมากเองก็ไม่สนับสนุนการลุกขึ้นมาปฏิวัติของสามัญชน
“พวกนิยมกษัตริย์และพวกนิยมสาธารณรัฐอาจจะร่วมมือกันเพื่อหยุดสงครามกลางเมือง
ผลประโยชน์ที่พวกเราจะได้ก็หายไป ฝ่าบาท
ผู้น้อยขอไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะเอาอาวุธของพวกเราไปให้สามัญชนพวกนั้น”
“แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหาก ราชอาณาจักรบริททานี่เข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะ?”
ผมยิ้ม
“อะไรนะครับ?”
“ฟรานเคีย และ บริททานี่นั้นเป็นศัตรูคู่แค้นตลอดกาล สามัญชนพวกนั้นจะลุกฮือขึ้นมาโต้ตอบกองทัพของบริททานี่ด้วยตัวเอง”
พวกเขาไม่ได้ขึ้นมาต่อต้านชนชั้นสูงหรอก พวกเขาสู้เพื่อต้านการรุกรานของบริททานี่ แล้วทีนี้พวกชนชั้นสูงจะใช้ข้ออ้างอะไรมาหยุดพวกเขา?
“พวกเขาจะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นดั่งกองทหารแห่งความชอบธรรม”
“……!”
แจ็กเกอรี่ถึงกับอ้าปากค้าง ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ เขาคงมีนิสัยที่เผลอทำหน้าบูดเบี้ยวตอนที่พยายามใช้ความคิด
“มันเป็นไปไม่ได้……ไม่สิ มันอาจจะได้ผล!”
เขาพึมพัมเสียงเบา และกำลังตื่นเต้น
“จักรพรรดินีโดวาเจอร์และเหล่าชนชั้นสูงแห่งฝ่ายสาธารณรัฐจะให้การสนับสนุนพวกสามัญชนเต็มกำลัง!”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่าพลังอำนาจทางการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้คน”
สามัญชนต่างลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องประเทศชาติตน สิ่งนี้จะทำให้ฝ่ายนิยมสาธารณรัฐดูดีขึ้นมาอย่างมากในคราวเดียว
การรบเพื่อความชอบธรรมนั้นจะต้องรักษาสมดุลราวกับเดินบนเส้นลวด ทั้งยังต้องให้น้ำหนักกับทางฝ่ายของจักรพรรดินีโดวาเจอร์
การลุกฮือนั้นจะมีแต่รุนแรงขึ้น เข้มข้นขึ้นจนสงครามจบ ยิ่งนานไปทหารพลเมืองก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น กองกำลังที่ชอบธรรมก็จะเอาชนะกองกำลังต่างชาติได้
ชื่อเสียงและคุณงามความดีของกองกำลังอันชอบธรรมจะยกระดับฐานะขึ้นมาจนชนชั้นสูงไม่อาจแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ ซึ่งนั่นจะเป็นการทำให้สิทธิในฐานะชนชั้นสูงระดับล่างและสามัญชนกล้าแข็งขึ้น
หากกองทหารพลเมืองกลายเป็นทหารผ่านศึกหลังจากผ่านศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นก็คงจะพูดได้ว่า―
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามสักข้อ เจ้าว่า ชนชั้นสูงแห่งฝ่ายสาธารณรัฐจะเฝ้าดูกองกำลังของสามัญชนเติบโตขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“……ไม่ ต้องไม่แน่นอน พวกเขาต้องหาเรื่องกำจัดพวกสามัญชน”
“ถูกแล้ว”
ผมยิ้มออกมา
“แล้วข้าขอถามอีกคำถาม แล้วเจ้าว่า พวกสามัญชนพวกนั้นจะยอมอยู่นิ่งเฉยให้พวกชนชั้นสูงนิยมสาธารณรัฐพวกนั้นกำจัดง่ายๆไหม?”
“…….”
จากมุมมองของทหารชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะไร้เหตุผลมากไปกวา่นี้อีกแล้วพวกเขาทั้งเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อปกป้องบ้านเกิด
ชนชั้นสูงที่เคยให้การสนับสนุนพวกเขามาจนถึงตอนนี้ ชนชั้นสูงผู้เอาแต่พูดคำสวยหรูอย่างความเท่าเทียม เสรีภาพ อยู่ๆกลับหันหลังให้ทันทีเมื่อสงครามจบลง
ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่ามันเป็นการ จบหน้านาฆ่าโคถึก จบศึกฆ่าขุนพลเป็นเช่นไร ตอนนั้นเองที่พวกสามัญชนจะเกรี้ยวโกรธ
“หากไม่เคยมีประสบการณ์การรบหรือไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ไม่นานความโกรธของพวกเขาก็จางคลายไป
แต่หากกองทัพสามัญชนพวกนั้นกลายเป็นทหารแนวหน้าขึ้นมาได้ หากพวกเขาสามารถหาหอกคมๆมาไว้ในมือ”
“การปฏิวัติ……ขนาดใหญ่…….”
ถูกต้องแล้วล่ะ
นี่จะเป็นชนวนนำไปสู่การปฏิวัติของจริง
“จักรพรรดิแห่งฟรานเคียกลับมืดบอดด้วยความหลงไหลในอำนาจ และชักนำกองทัพต่างชาติเพื่อเข้ามาทำลายประชาชน
อำนาจของจักรพรรดิก็ตกต่ำลงฮวบฮาบ
ต่อให้ผลออกมาจักรพรรดินีโดวาเจอร์ได้รับชัยชนะแต่เธอก็ไม่มีสิทธิที่จะแต่งตั้งทายาทขึ้นสืบบัลลังค์ จักรวรรดินั้นขาดความชอบธรรม”
“…….”
“ตรงนั้นเองที่พวกเราจะเริ่มหาเหตุผลให้กับผู้คน”
การที่ผมโต้รุ่งเพื่อเขียนต้นฉบับก็ด้วยเหตุนี้แหละ
หากไม่นับคนไม่รู้หนังสือที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ ชนชั้นสูงระดับล่างๆและชาวบ้านผู้มีเงินมีทองก็จะเข้าร่วมกับการปฏิวัตินี้ด้วย
พวกเขาจะอ่านใบปลิวของผม และใช้มันเป็นแนวคิดของตน พวกเขาจะออกมาพูดต่อๆกันเรื่องความถูกต้อง
“เอาล่ะ มันก็อีกยาวไกลนั่นแหละ แต่ถ้าหากไม่นานนี้ก็คงราว 2 – 3 ปี พวกเราต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออนาคตเช่นนั้น”
ผมหัวเราะพลางหันกลับมามองข้างหลัง แจ็กเกอรี่และเจเรมินั้นมองผมด้วยแววตาที่ว่างเปล่า สีหน้าพวกเขาดูตลกสุดๆ
“มันจะเป็นปัญหาน่ะ หากพวกเจ้าเพียงแค่ไปประสานงานกับจักรพรรดินีโดวาเจอร์อย่างเดียว
เข้าไปพัวพันผ่านการชูธงปฏิวัติที่โน่นที ที่นั่นที ในขณะที่ธงจักรวรรดิฟรานเคียล่มสลายดีกว่า
ข้าจะทำให้ฝันนั่นของพวกเจ้าเป็นจริง”
* * *
กลุ่มของพวกเรามาถึงหมู่บ้านนี้เป็นครั้งแรก
เบอร์ซี่(Bercy)เป็นบารอนผู้ควบคุมดินแดนแห่งนี้
มีศพจำนวนมากกองสุมรอบถนนจักรวรรดิซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ชัดเลยว่า ฤดูหนาวที่นี่โหดร้ายเพียงใด ศพพวกนี้มาจากหมู่บ้านโดยมากเป็นศพคนแก่และเด็ก
“นั่นเป็นภาพที่เห็นได้ทั่วไปในนรกโลกปีศาจค่ะ”
บางคนก็ตั้งใจที่จะฆ่าครอบครัวตัวเอง เจเรมิแสดงความเห็น เด็กและคนแก่ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่ากำลังคนที่ใช้การไม่ได้
การกำจัดปริมาณปากที่ใช้กินอาหารเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำในช่วงโรคระบาดและความอดอยากผ่านเข้ามาในทวีป
พวกเขาต้องให้คำสั่งฉุกเฉินเมื่อเห็นกลุ่มของเราเกือบห้าสิบคนมาพร้อมม้าและรถม้าพ่วง
มีอัศวินเกราะเหล็กอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย เห็นได้ชัดว่า นั่นคงเป็นบารอน
“หยุด!”
ชายผู้ยืนข้างๆบารอนเดินออกมาหนึ่งก้าวและตะโกนขึ้น เขาเป็นผู้รับใช้ของลอร์ด เขาอาจเป็นทั้งผู้ช่วยคนสนิทและที่ปรึกษาที่จะนำทัพแทนลอร์ดหากมีเหตุจำเป็น เขาอาจเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ไหนสักแห่งใต้การดูแลของบารอนด้วย
การที่อยู่ๆพวกเขารวมทหารจำนวนมากไว้ด้วยกัน แสดงว่า เขาคงรู้ถึงการมาของพวกเราสักพักแล้ว
ผมเดาว่า นี่คงหมายความว่า ลอร์ดแห่งนี้มีอำนาจเหนือดินแดนพอสมควรเลยล่ะ
เหล่าทหารจึงไม่ได้ถืออุปกรณ์ทำฟาร์มหากแต่ถือหอกและธนู
“ดินแดนนี้เป็นของบารอนเบอร์ซี่ที่อยู่ใต้การดูแลขององค์จักพรรดิ! จงระบุตัวตนมา!”
“ข้าคือ แจ็ค บอนโฮม แห่งหนวดเขียว ข้าเป็นหัวหน้าของกองพลทหารรับจ้างขวานคู่”
แจ็กเกอรี่ออกมายืนหน้ากลุ่มพร้อมกับม้าและดึงม้วนคัมภีร์ออกมา
“พวกเราเดินทางผ่านถนนจักรวรรดิหลังจากได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทจักรพรรดินีโดวาเจอร์
พวกเราอยากจะขอพักในดินแดนท่านสักคืนหนึ่ง ข้าหวังว่าท่านจะไม่เพิกเฉยต่อความปรารถนาขององค์จักรพรรดินี”
ผู้ช่วยเดินมาหาพวกเรา เขารับม้วนคัมภีร์ไปจากแจ็กเกอรี่และส่งมันให้กับบารอน บารอนเบอร์ซี่ถอดหมวกอย่างช้าๆและอ่านคัมภีร์นั้น เขาเป็นชายผู้มีผมสีบลอนด์สว่าง
บารอนเบอร์ซี่ผงกหัวครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้น
“พวกเราได้รับคำสั่งจากเมืองหลวงให้มาอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มทหารรับจ้างผู้เดินทางมา”
เขาอายุประมาณสามสิบหรือเปล่านะ? น้ำเสียงของเขาออกจะชัดถ้อยชัดคำดูจะคุ้นเคยกับวิถีชนชั้นสูง เดาได้เลยว่า หากเขาไม่ใช่บารอนของดินแดนนี้ก็คงเป็นยอดอัศวินสักคนหนึ่ง
“กองพลทหารรับจ้างขวานคู่อยู่ในรายชื่อด้วย แต่ถึงอย่างนั้น หัวหน้าทหารรับจ้างแจ็ค บอนโฮม ข้าไม่คิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้กันทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น
และข้าก็จะไม่รับคำสั่งจากเมืองหลวงด้วย โดยเฉพาะการที่มันมาจากผู้ที่ไม่ใช่องค์จักรพรรดิ”
“โอ้?”
ผมแอบผิวปากเบาๆ น้ำเสียงของเขานี่ดุดันนัก เป็นไปได้ว่า เขาอาจจะเชื่อมั่นใจกำลังตนเองหรือไม่อย่างนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากชนชั้นสูงที่มีอำนาจมาก
เอาล่ะ เขากำลังขวางถนนจักรวรรดิ จึงไม่มีทางหรอกที่เขาจะไม่สามารถ…….
แจ็กเกอรี่ตอบกลับไปแบบทื่อๆ
“ข้าไม่สนสถานการณ์ของเจ้า พวกเราเคลื่อนพลตามคำสั่งของจักรพรรดินีโดวอเจอร์ เจ้าตัดสินใจเองเถอะว่าจะให้ที่พักกับพวกเราหรือไม่
แน่นอน องค์จักรพรรดินีจะต้องใส่ใจกับการตัดสินใจที่เกิดขึ้นที่นี่ของเจ้าด้วย”
มันออกจะเป็นการข่มขู่คุกคามนั่นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้นบารอนเบอร์ซี่ก็ไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว
“ข้าจะขอพูดตามตรง ดินแดนแห่งนี้ไม่ยินดีที่จะให้ที่พักและอาหารสำหรับทหารห้าสิบนาย พวกนายไม่ต่างอะไรกับแขกผู้มิได้รับเชิญ”
“เจ้านี่พูดอะไรตรงไปตรงมาจริงๆ”
แจ็กเกอรี่หัวเราะเอิ้ก ลอร์ดท่านนี้ช่างเป็นสุภาพบุรุษที่น่าสนใจนัก
“แล้วเจ้าจะทำอย่างไร? จะขับไล่พวกเราออกไป? เจ้าควรจะรู้จักกลัวความโกรธแค้นจากเมืองหลวงบ้าง”
“แน่นอนว่า ข้ากลัว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ต่างกันเลยไม่ใช่หรือ หัวหน้าทหารรับจ้าง
ฟรานเคียมีพระอาทิตย์สองดวง การตัดสินใจของเราไม่มีทางมีผลกระทบต่อสถานการณ์อันดุเดือดในเมืองหลวงอยู่แล้ว”
ว่าง่ายๆ เขากำลังประกาศตัวว่าไม่ต้องการที่จะยืนทั้งฝ่ายจักรพรรดิและจักรพรรดินี
“ข้าจะอนุญาตให้พวกท่านตั้งค่ายตรงหน้าหมู่บ้านได้ พวกเราจะแจกจ่ายซุปร้อนๆให้
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราจะไม่อนุญาตให้พวกท่านเหยียบย่างมาในหมู่บ้าน ได้โปรดเข้าใจสถานการณ์ด้วย หัวหน้าทหารรับจ้าง”
“ไม่มีสถานการณ์ใด ที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้นะท่าน”
แจ็กเกอรี่ยิ้มออกมา ดูเหมือนการเจรจาจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
เมื่อกางความต้องการของทั้งสองฝ่ายออกมาตรงหน้า ตอนนี้ก็มีแต่ต้องโน้มน้าวด้วยวิธีการสักอย่างแล้ว
“พวกเราน่ะหลับอยู่ข้างนอกมาหลายวัน กล้ามเนื้อก็ล้าสะโพกก็ปวด ข้าว่า นายท่านต้องเข้าใจความต้องการที่อยากให้ร่างกายของเราได้พักอุ่นๆได้นอนดีๆ”
“แล้วข้าจะไปเข้าใจสถานการณ์ของท่านได้อย่างไร?”
“กลุ่มของพวกเรานั้นมีการขนส่งสมุนไพรดำด้วย”
นั่นเป็นความจริง กาฬโรคยังคงแพร่ระบาดไปทั่วทั้งทวีป และมันคงเป็นจุดจบของกองทหารหากมีทหารแม้สักนายหนึ่งติดโรคเข้า นั่นแหละคือสาเหตุที่ว่าทำไมจึงมีสมุนไพรดำอยู่ในขบวนรถม้าของพวกเราด้วย
“หืมม”
บารอนเบอร์ซี่กอดอกและกระดิกเท้าขวากับพื้น
“ช่างเป็นการเสนอที่ดึงดูดใจนัก ดินแดนของข้ากำลังต้องการสมุนไพรดำ หากท่านสามารถแบ่งให้พวกเราบ้าง พวกเราก็จะแบ่งไก่ในซุปให้ด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ได้รับกับค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมันไม่คุ้มกันเลยกับการที่ทำให้องค์จักรพรรดิโกรธ จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”
“ตัวตนผู้นี้มิใช่ทหารรับจ้าง หากแต่เป็นนักบวชจากวิหารอาร์เทมิส”
แจ็กเกอรี่ทำท่าทำทางให้ผม ผมที่ได้สวมชุดคลุมดำมาเมื่อหลายชั่วโมงก่อนเพื่อปลอมตัวตามที่เจเรมิเตรียมไว้ให้ผม
มันคงไม่มีอะไรน่าขำเกินไปกว่าที่จอมมารแบบผมได้กลายเป็นนักบวชแห่งวิหารใดสักแหง่อีกแล้ว
ผมออกจะสนุกกับสถานการณ์สุดตลกนี่ ผมจึงพยักหน้าให้กับลอร์ดผู้นั้น
“เขาอยู่ระหว่างจาริกแสวงบุญเพื่อเยียวยาดวงวิญญาณที่น่าสงสารท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากแค้น”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มิได้ให้ที่พักทหารรับจ้าง หากแต่เป็นคาราวานผู้จาริกแสวงบุญอย่างนั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“อื้มมม…….”
บารอนเบอร์ซี่มองมาที่ผม
“ยอดเยี่ยม”
เขากางแขนออก
“โอ นักบวชแห่งอาร์เทมิส! และนักรบผู้ศักดิ์สิทธิ์ผู้ปกป้องเขา! พวกเรายินดีต้อนรับท่าน!”