Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 108 ผู้สาปแช่งที่ขุดหลุมฝังศพสองหลุม(4)
ไพมอนตัดสินใจดำเนินแผนการในวันนี้
เธอได้เตรียมเส้นทางการสื่อสารกับเจ้าหญิงจักรวรรดิผ่านออร์บเวทย์มนตร์ ฝ่ายนั้นตกลงแล้วว่า จะเดินทัพมาถึงก่อนรุ่งสางเพื่อจะได้ระบุได้ยากว่า ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายจู่โจมก่อน เพื่อจะได้อ้างได้ว่า ฝ่ายบาร์บาทอสนั้นเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน
อันที่จริงแล้ว ในโชคร้ายของไพมันก็ยังมีสิ่งดีอยู่ ทหารสอดแนมที่ยังทำงานอย่างแข็งขันในช่วงดึก และภาพของเหล่ามอนสเตอร์ที่สะท้อนในดวงตาดุร้ายของผู้ขี่หมาป่า
แต่เดิมนั้นเขาคิดว่า พวกมอนสเตอร์น่าจะอยู่ตำแหน่งนี้ กองทัพภาค 6 ของบาร์บาทอสนั้นน่าจะกำลังเกณฑ์ทหาร เนื่องจากมีข่าวลือว่า พวกมันจะได้รับค่าจ้างเป็นเนื้อมนุษย์ที่แสนอร่อย
‘อื้มมม ข้าไม่รักอะไรมากไปกว่าการได้กัดหนึ่งคำเต็มๆที่เนื้อน่อง’
ไม่มีทางที่ กองทัพภาค 6 จะมั่งคั่งพอที่จะมอบเนื้อส่วนน่องให้กับทหารทุกนาย แต่ข้อเสนอนั่นก็ชวนให้น้ำลายสอ
กองทัพภาค 1 ที่ผู้ขี่หมาป่าสังกัดอยู่นั้นจะไม่ต่อสู้กับมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่มีเนื้อมนุษย์ และหนักกว่านั้นอีก ผู้บัญชาการไพมอนนั้นออกกฏทหารที่ห้ามทำการปล้นฆ่าหมู่บ้านมนุษย์!
ไม่รู้ว่าเกิดบ้าอะไรกันขึ้นในหัวสมองของพวกตำแหน่งสูงๆกัน แต่มอนสเตอร์ของกองทัพภาค 1 จะต้องพยายามเข้าสมาธิระดับลึกเมื่อใดก็ตามทีที่เดินผ่านเมืองมนุษย์และหมู่บ้าน
นั่นไม่ใช่เนื้อมนุษย์ นั่นไม่ใช่เนื้อมนุษย์ นั่นไม่ใช่เนื้อมนุษย์
……. ความเลื่อมใสศรัทธาของผู้ขี่หมาป่ากลับกลายเป็นความน่าสังเวชไปแทน
พวกเขาจึงต้องทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ กองทัพภาค 1 เดินทัพแล้วกวาดล้างมอนสเตอร์ในพื้นที่หมู่บ้าน เนื้อก็อบลินและออร์คเองก็รสชาติดีเหมือนกัน
ผู้ขี่หมาป่าได้ตามหลังมอนสเตอร์ที่เขาเชื่อว่า น่าจะมุ่งตรงไปยังกองกำลังภาค 6 ของบาร์บาทอส เขาอยากจะเร่งกลับไปยังค่ายหลักเพื่อรับความดีความชอบเป็นอาหารเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้พบจุดหมายปลายทางสำคัญของพวกนั้น
‘พวกมันเป็นออร์คหรือก็อบลินกันนะ? รูปร่างออกจะใหญ่ไปหน่อย อาจจะเป็นออร์คล่ะมั้ง คุคุ หูของพวกมันนี่ออกจะเล็……ห้ะ!?’
ดาร์คเอลฟ์ตัวนั้นอำพรางกายตนกับในความมืดโดยสัญชาตญาณ เขาแนบกายลงบนแผ่นหลังของหมาป่า หน้าของเขายังคงมองตรงไปเบื้องหน้า ดวงตาของเขาสั่นไหวเป็นอย่างมาก
นั่นมันไม่ใช่มอนสเตอร์ชนเผ่ากลุ่มเล็กๆ
สิ่งที่เขาเห็นนั่นมันคือ จำนวนที่มีไม่มาก ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นไม่กี่ร้อย ไม่สิ ไม่กี่พัน แม้จะเป็นกลางคืนที่มืดสนิท พวกมันก็ยังคงเดินอย่างเป็นระเบียบใต้ธงที่โบกไสวอยู่บนหัว
“นะ-นะ-นี่มัน กลุ่มอัศวินนี่!?’
พลสอดนามพยายามนึกถึงตราสัญลักษณ์ในทุกหน่วยกลุ่มอัศวินที่มีบนทวีปแห่งนี้ให้ออก ดาร์คเอลฟ์นั้นจำตราเหล่าเหล่าอัศวินราชอาณาจักรทิวทันได้นับตั้งแต่ที่รู้ว่า กองทัพภาค 1 แต่เดิมนั้นจะต้องไปเผชิญหน้ากับพวกเขา
ดาร์คเอลฟ์นั้นสามารถมองเห็นได้ดีในที่มืด ตอนนั้นเองที่เขาได้สังเกตเห็นป้ายธงที่ถือมาโดยกลุ่มคนเหล่านั้น พวกเขานั้นเป็นฝ่าย <อัศวินโล่หนามสีชาด>
พวกเขาเป็นทหารหลวงแห่งราชอาณาจักรทิวทัน!
‘ตายละ ต้องรีบออกจากที่นี่……แต่เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะ’
ขณะที่ดาร์คเอลฟ์กำลังจะวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามอง กลับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกอปรกับหน้าที่ในฐานะทหารสอดแนมที่มาเหนือความกลัวเหล่าอัศวิน นี่ไม่ใช่แค่จากราชอาณาจักรทิวทันนี่นา พวกเขามาจากทางเหนือของจักรวรรดิฮับบวร์กด้วย
ทำไมอัศวินจากราชอาณาจักรทิวทัน อัศวินที่มีหน้าที่ในการปกป้องราชบัลลังค์ กลับมาอยู่ที่นี่กันได้ล่ะ?
ไม่สำคัญว่า เขาจะคิดยังไงก็ตามผลก็ออกมาแล้ว ดาร์คเอลฟ์ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า ชะตากรรรมแห่งการสู้รบกำลังจะอุบัติขึ้น เขารีบหยิบเครื่องเขียนออกมาเขียนรายงาน
– ระยะประมาณ 90 กิโลเมตรจากด้านหลัง ตรวจพบกองกำลังของราชอาณาจักรทิวทัน มีกำลังอย่างน้อย 1,000 นาย ชูตราสัญลักษณ์ <อัศวินโล่หนามสีชาด>
ดาร์คเอลฟ์ม้วนกระดาษชิ้นนั้นแล้วใส่ไปในกล่องที่ห้อยอยู่ที่คอหมาป่า เขาสั่งให้หมาป่ารีบกลับไปที่ฐานทัพ ส่วนตัวเขาจะแอบสะกดรอยตามหลังอัศวินพวกนั้น
ต้องขอบคุณการลงมือที่รวดเร็วของทหารสอดแนมขี่หมา เพียง 2 ชั่วโมงข่าวเรื่องที่จู่ๆกองกำลังอัศวินราชอาณาจักรทิวทันโผล่มาก็ส่งไปถึง
นอกจากนี้ จากการที่ผู้ขี่หมาป่าใจกล้าและลงมือรวดเร็ว ทำให้เขาพบว่า ไม่ได้มีแต่เพียงทหารของทิวทันเท่านั้น หากแต่ยังมีทหารของมาร์คกราฟแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กด้วย โดยมีอย่างน้อย 9 กลุ่มอัศวินคนละฝ่าย และ ทหารเดินเท้าอีก 20,000 นาย
เมื่อผู้ขี่หมาป่า เชื่อว่าตัวเองได้ข้อมูลมากเพียงพอแล้ว ก็รีบเผ่นหนีให้เร็วที่สุด นั่นทำให้กองทัพภาค 1 สามารถได้ข้อมูลกองกำลังทหารศัตรูได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น
ผู้ขี่หมาป่าผู้นั้นได้รับรางวัล ‘การตัดสินใจอันชาญฉลาดและเปี่ยมด้วยความกล้า’ และเมื่อพบว่า ข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นความจริง ดังนั้นเนื้อน่องของมนุษย์ที่เขากระสันอยากกินมานานก็ได้ตกรางวัลให้แก่เขา
แต่ถึงจะเป็นโชคดีส่วนตัวของผู้ขี่หมาป่า แต่เหล่าผู้นำของกองทัพภาค 1 กลับตกอยู่ในความวุ่นวาย ก็ในเมื่ออยู่ดีๆ กองทหารของทิวทันโผล่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
แผนที่ตั้งใจจะบุกโจมตีก่อนรุ่งสางเป็นอันม้วนพับเก็บไปในทันที จอมมาร 28 ตน รวมถึงไพมอนที่ได้ตื่นขึ้นมา แล้วมารวมกันอยู่ใต้หลังคาค่ายหลัก
จอมมารบางตนยังไม่ทันได้ล้างหน้า หน้าตาผมเผ้าเลยดูยุ่งเหยิงไปหมด
ไพมอนพูดด้วยน้ำเสียงซีเรียส
“นี่มันไม่ปกติแล้ว ทำไมกองทหารของราชอาณาจักรทิวทันถึงได้มาโผล่ด้านหลังเรา? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเอาอัศวินของพวกเขามาด้วย”
จอมมารตนอื่นยังคงเงียบ ไม่มีทางที่จะตอบคำถามนี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่ทุกคนในที่นั้นต่างเห็นพ้องต้องกันโดยปริยาย นั่นคือ กองทัพของราชอาณาจักรทิวทันนั้นมิได้มาเป็นมิตรกับพวกเขาแน่
จอมมารตนหนึ่งพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“หรืออาจเป็นได้ว่า เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิฮับบวร์กเรียกมาเป็นกำลังเสริม?”
“แล้วปิดไว้เป็นความลับจากพวกเราเนี่ยนะ?”
“ใช่ ความจริงแล้วยากที่จะเชื่อว่า เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิจะไว้ใจพวกเราเต็มที่ สำหรับมนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะกองทัพภาค 1 หรือกองทัพ ภาค 6 นั้น พวกเราก็เป็นปีศาจในมุมมองพวกเขาอยู่ดี เธออาจจะเตรียมการณ์เฝ้าระวังไว้ก่อนเผื่อกรณีที่พวกเราทรยศเธอแล้วกลับไปเป็นพันธมิตรกับกองทัพภาค 6 …….”
ไพมอนเอามือแตะคาง ก็พอฟังขึ้น
มีความเป็นไปได้ที่หลังจากมาเป็นพันธมิตรกับกองทัพภาค 1 แล้ว จะไปเจรจากับกองทัพภาค 6 อีก
เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินั้นสามารถทรยศพวกเขาได้ทันที หลังจากรวมพันธมิตรกับราชอาณาจักรทิวทันแล้วจู่โจมพวกเขาจากทั้งสองฝั่ง
แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
ไพมอนไม่เปิดโอกาสให้มีการทรยศ นับตั้งแต่เธอถูกทรยศหักหลังจากพรรคพวกตัวเองในช่วงกองทัพพันธมิตรครั้งที่ 2
―ผู้ทรยศอาจอ้างได้ว่า มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขาและพยายามหาหลักฐานมายืนยัน แต่ไพมอนไม่ได้อ่อนหัดขนาดที่จะหลงเชื่อคำพูดพวกนั้น
―เธอทำให้แน่ใจทุกย่างก้าวแล้วว่า ได้ป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกทรยศอีก
ตอนนั้นเองที่เธอได้ติดตั้งอุปกรณ์เวทย์มนตร์มากมาย ขณะที่ร่วมมือกันกับเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิ
ระหว่างพวกเธอนั้นได้มีคำสาบานว่า จะไม่ปิดบังข้อมูลทางการทหารต่อกัน หากไม่มีนักเวทย์สิบวงเวทย์มาเกี่ยว ก็ไม่มีทางที่จะทำลายคำสัตย์สาบานนี้ได้
“แน่ใจได้อย่างหนึ่ง”
จอมมารตนอื่นได้ให้ข้อมูลเพิ่ม
“พวกเขาจะเข้ามาหวดหัวพวกเราจากข้างหลัง”
“แต่มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไง? พวกเขารู้ได้อย่างไรว่า เราอยู่กันที่นี่……?”
“……แน่นอนล่ะเรื่องนั้นยังคงเป็นปริศนา”
พวกเขาคาดเดาไม่ได้ไขไม่ออก
หลังจากทหารสอดแนมขี่หมาป่ามาถึงในรุ่งเช้าและให้รายงานเกี่ยวกับกองกำลังศัตรูที่มีการผนวกรวมกับกองทัพของมาร์คกราฟ พวกเขาจึงได้ข้อสรุปชัดแล้วว่า ‘มาร์คกราฟคนนี้แหละ ที่พากองกำลังชาติอื่นมาด้วย’
ตัวตนของมาร์คกราฟผู้นี้คือ มาร์คกราฟเวสฟาเลีย(Westphalia) ผู้ปกป้องฉนวนดินแดนระหว่างฮับบวร์กกับทิวทัน ต่างจากมาร์คกราฟโรเซนเบิร์กที่ปกป้องป้อมปราการอยู่ในภูเขาดำ
ไม่ว่าจะยังไง ความจริงที่ว่า กองกำลังศัตรูปรากฏตัวจากด้านหลังพวกเขานั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ กองทัพภาค 1 จึงเร่งรีบตั้งแนวรับขึ้นจากด้านหลัง
สถานการณ์กลับกลายเป็นหาความแน่นอนไม่ได้ จากเมื่อวานนี้ กองกำลังของเจ้าหญิงอลิซาเบธ และกองกำลังภาค 1 แห่งทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ได้เป็นฝ่ายล้อมกองทัพภาค 6 ของบาร์บาทอส
แต่ตอนนี้กองทัพภาค 6 และทหารราชอาณาจักรทิวทัน กลับเป็นฝ่ายล้อมกองทัพภาค 1 ของไพมอนเสียเอง
ไพมอนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่มันไม่ง่ายเลยภายในเวลาไม่กี่วัน ยิ่งไปกว่านั้นไม่กี่วันนั้นเองที่พวกเขาพึ่งได้รับข้อมูลใหม่
“ทหารหลวงแห่งจักรวรรดิแฟร้งก็มาด้วย!?”
– ถูกต้องแล้ว แม้แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่เข้าใจว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ภาพของเจ้าหญิงลำดับสาม อลิซาเบธ ที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้วเวทย์ขมวดคิ้ว เธอเองก็เพิ่งได้รับข้อมูลว่า มีทหาร จำนวน 4,000 นายมาจากจักรวรรดิแฟร้งค์ ที่โผล่ขึ้นเมื่อตอนเช้านี้ ดูเหมือนพวกนั้นจะผ่านมาทางชายแดนของราชอาณาจักรทิวทัน ไม่ใช่ฝั่งของเขาเอง
– ในตอนนี้ พวกเราส่งทูตไปโดยด่วนแล้ว พวกเราจะเข้าใจสถานการณ์หลังจากที่พวกทูตกลับมา……
แต่ถึงอย่างไรก็ดี การที่พวกเขาบุกรุกดินแดนเข้ามาโดยไม่แจ้งเตือนให้ทราบก่อน ไม่น่าจะเป็นเจตนาที่ดี
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว……เธอกำลังจะบอกว่า พวกเขามาร้าย?”
– เป็นการดีที่สุดหากมีการเตรียมรับมือไว้ก่อน
แสงสีฟ้าจากลูกแก้วเวทย์มนตร์หายวับไป
สถานการณ์กลับกลายเป็นเลวร้ายลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับทหารราชอาณาจักรทิวทันที่มี 20,000 นาย ทหารจักรวรรดิแฟร้งค์ที่มี 4,000 นาย นั้นก็ดูไม่ได้เยอะแยะจนน่าตกใจขนาดนั้น แต่ความจริงที่ว่า กองกำลังจากหลากชาติได้เข้ามารวมกัน ณ จุดจุดเดียวก็ยังเป็นปัญหาใหญ่หลวงอยู่ดี
เช่นเดียวกับการที่มีการรวมตัวพันธมิตรครั้งใหญ่ขึ้น ไพมอนสังหรณ์ใจว่าอาจมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น เบื้องหลังเหตุการณ์ตรงหน้านั้นมีแผนการบางอย่างซุกงำอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เธอมองไม่เห็น
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้กองกำลังหลากหลายชาติประเทศมาสนับสนุนกันและกันได้ และมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีข้ออ้างอันชอบธรรมและมีความเข้าใจบางอย่างร่วมกัน
ไม่สิ สิ่งสำคัญคือ การรู้ให้ได้ว่า จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร
ด้วยเจตนาต้องการจะกำจัด กองทัพภาค 6 ของบาร์บาทอสอย่างนั้นหรือ? หากเป็นกรณีนั้น มันก็แปลกที่ว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่ร่วมมือกับอลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามล่ะ?
ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือที่ว่า สิทธิในการจัดการแก้ไขปัญหาในดินแดนตัวเองเป็นของผู้คนแห่งฮับบวร์ก การทำแบบนั้นนี่มัน ละเมิดอำนาจอธิปไตยกันชัดๆ
ด้วยเจตนาต้องการจะกำจัด กองทัพภาค 1 หรือ? ไม่น่าใช่ นี่มันก็แค่ 4 วันเองที่กองทัพภาค 1 เพิ่งมาถึงที่นี่ แล้วพวกเขาจะเตรียมกองกำลังติดอาวุธแล้วเดินทางมาที่นี่ในกรอบช่วงเวลานั้นได้อย่างไรกัน? มันเป็นไปไม่ได้
“…….”
ไพมอนครุ่นคิดอย่างหนักขณะที่มองไปยังแผนที่ จอมมารฝ่ายภูเขาตนอื่นก็กำลังอยู่ในสถานะเดียวกัน
พวกเขาทั้งหมดหากไม่เดินวนไปวนมาอยู่ในค่าย ก็วุ่นวายกับการกดดันทหารสอดแนม
สำคัญยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังทั้งสองฝ่ายนั้นเกือบจะเท่ากันด้วยซ้ำ
ทหาร 30,000 นาย จากกองกำลังภาคที่ 1 ของไพมอน และเพิ่มมาจากกองกำลังทหารของเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอีก 10,000 นาย รวมกันฝั่งนี้ก็มี ราว 40,000 นาย
พูดอีกอย่างหนึ่ง ฝ่ายศัตรูก็มี กองทหาร 18,000 นาย จากกองทัพภาค 6 ของบาร์บาทอส , กองทหาร 20,000 นายจากราชอาณาจักรทิวทัน และ กองทหารอีก 4,000 นาย จากจักรวรรดิแฟร้งค์
รวมเบ็ดเสร็จแล้วกำลังพล 42,000 นาย ……หากมาเทียบให้ชัดๆ ของกำลังพันธมิตรฝ่ายเจ้าหญิงจักรวรรดิและไพมอนนั้นเสียเปรียบอยู่
“นายท่านครับ!”
หัวหน้าหน่วยลาดตระเวณวิ่งมาที่เต๊นท์บัญชาการ ปรกติแล้ว ทหารสอดแนมมักเป็นดาร์คเอลฟ์ และผู้ที่วิ่งเข้ามาใต้หลังคาค่ายนั้นก็เป็นดาร์คเองเช่นกัน
ใบหน้าที่แตกตื่น ทำให้ไพมอนรู้สึกแย่อยู่ข้างในทันทีที่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย
“นี่มันอะไรกัน?”
“มีอีกกองกำลังอยู่ด้านหลังพวกเราครับ”
“ฮ่าช”
ไพมอนถูหน้าผาก ลางสังหรณ์ว่าเรื่องแย่ๆจะเกิดขึ้นของเธอนั้นถูกต้องเสมอ อีกกองกำลัง ณ ตอนนี้เนี่ยนะ มันเป็นของฝ่ายไหนกัน? สาธารณรัฐบัทตาเวีย? ราชอาณาจักรโพลิช-ลิทัวเนีย? หรือกำลังเสริมของทิวทันหรือฟรานเซียล่ะ?
การคาดเดาของเธอผิดหมด
“พวกเขาถือตราสัญลักษณ์กระทิงไร้หัว มันเป็นป้ายตรากระทิงไร้หัวครับ!”
“……อะไรนะ?”
แม้ไพมอนจะเผลอเปล่งเสียงตกใจออกมาดัง กระบวนความคิดทั้งหมดของเธอมันกลับหยุดนิ่ง เธอเอาแต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของดาร์คเอลฟ์ที่รายงานต่อเธอ
ตอนนั้นเองที่ปากของไพมอนเปิดกว้างออกเมื่อเธอเข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
“มันเป็นความจริงครับ พวกเราเจอธง มันเป็นธงของกองหมาป่าแห่งทุ่งหญ้า(Meadow Wolves)”
“ไม่ใช่ แต่ มันเป็นไปไม่ได้!”
เธอตะโกนขึ้นสุดเสียง
“ทำไม―มาร์บาสแห่งกองทัพภาค 2 ถึงมาอยู่ที่นี่!?”
ทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา กองทัพภาค 2 ที่นำโดยหัวหน้าจอมมารฝ่ายเป็นกลาง ,มาร์บาส
กองกำลังมอนสเตอร์จำนวน 20,000 นาย ก็ได้มาปรากฏอยู่ด้านหลังพวกเขา