Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 167 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (4)
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ว่าให้ง่ายๆสถานการณ์ตอนนี้มันยุ่งเหยิงไปหมด
ผู้สำเร็จราชการกับจักรพรรดิ,แม่กับลูกชาย,เพื่อนร่วมชาติกับกองกำลังต่างชาติ,ฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์กับฝ่ายสนับสนุนสาธารณรัฐ
ทุกฐานะทุกตำแหน่งต่างตีกันยุ่งจนกลายเป็นความวุ่นวาย
ชนชั้นสูงในประเทศจึงต้องเค้นสมองหาทางที่จะคิดให้ออกว่าควรเลือกอยู่ฝั่งไหน
การสู้รบเพื่อปกป้องดินแดนตามท้องถิ่นต่างๆก็คงเริ่มขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว
“หากฝ่าบาทไม่มีคำถามอื่นแล้ว ข้าจะอธิบายว่าต่อจากนี้กลุ่มเราจะมีบทบาทอย่างไรต่อไป พวกเราจะเดินทางต่อไปบนถนนของจักรวรรดิและ…….”
“หืม?”
ผมเอียงคอ
จากสิ่งที่ผมจำได้จากในเกม สงครามกลางเมืองในจักรวรรดิฟรานเคียนั้นมีเหตุการณ์ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ ความจริงที่แสนสำคัญยังไม่ถูกอธิบายออกมาเลย แจ็กเกอรี่ดูเหมือนจะอ่านสีหน้าผมออกจึงพูดขึ้น
“ฝ่าบาท มีอะไรในคำอธิบายของข้าที่ทำให้ท่านไม่พอใจหรือครับ?”
แจ็กเกอรี่สอบถามดู คนแคระนั้นเชื่อว่าตนได้อธิบายทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว
ผมเข้าใจแล้วล่ะ
ผมถึงได้มาตระหนักว่า ‘สิ่งนั้น’ จะยังคงเป็นความลับ ณ เวลานี้ แต่จะกลายเป็นความจริงที่รู้กันไปทั่วในอีก 10 ปีข้างหน้า มีน้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนั้นในตอนนี้
นี่เป็นอะไรที่แม้แต่ ไพมอนแห่งพันธมิตรแปลกที่มีสปายอยู่ทั่วทั้งทวีปก็ยังไม่รู้เลย
ไม่มีใครจะล่วงรู้――
ความรู้สึกรุ่มร้อนอันเกิดจากความตื่นเต้นดีใจผุดขึ้นจากข้างในตัวผม
ผมรู้ ผมรู้แล้วสงครามกลางเมืองจะฟรานเคียจะเป็นไปในทางไหนและมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อทั้งทวีปได้อย่างไร
ภาพร่างของเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าเบื่อในอีกสิบปีต่อจากนี้ ถึงอย่างนั้นข้อมูลดังกล่าว ณ ตอนนี้เป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
“ฮ่าฮ่า”
ผมหัวเราะออกมาดังๆซึ่งนั่นทำให้แจ็กเกอรี่และเจเรมิมองผมด้วยสายตาแปลกๆ
นับว่าเป็นเรื่องดีมากที่ทั้งสองกลุ่มนั้นต่างอยู่ใต้การสั่งการของผม ดังนั้นผมสามารถใช้งานพวกเขาอย่างไรก็ได้ตามที่ผมต้องการ
ทีแรกผมอยากตำหนิไพมอนที่ส่งสองกลุ่มนี้มีปัญหาขัดแย้งเรื่องสายบัญชาการมา……แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
ขอบใจนะ ไพมอน ผมไม่รู้หรอกว่า เธอคาดหวังอะไรจากผม แต่ผมจะแสดงความสำเร็จที่ไปไกลเกินกว่าที่เธอคาดหวังไว้อย่างแน่นอน
“แจ็กเกอรี่ สถานการณ์การเมืองภายในราชอาณาจักรบริททานี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ราชอาณาจักรบริททานี่หรือครับ? ข้ารู้แค่ว่า ราชินีเฮนริเอตต้า นั้นแพ้กองทัพพันธมิตรแล้วกลับประเทศตัวเองไป…….”
เขาดูงงที่อยู่ๆผมก็ถามขึ้นมาแบบนั้น เพราะอย่างนั้นผมจึงแน่ใจแล้วว่า พันธมิตรปลดแอกนั้นไม่รู้สถานการณ์สงครามกลางเมืองในฟรานเคีย
“ติดต่อผู้จัดการพันธมิตรปลดแอกสาขาบริททานี่เดี๋ยวนี้ ยืนยันเรื่อง กองทัพกำลังเคลื่อนไปยังชายแดนราชอาณาจักรมาด้วย”
“อะไรนะครับ? ฝ่าบาท ข้าไม่เข้าใจว่า ท่านพูดอะไร…….”
“จักรพรรดิฟรานเคียขอให้ราชินีบริททานี่ส่งทหารมา”
ดวงตาของแจ็กเกอรี่เบิกกว้าง
“ท่านกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ!?”
“ก็ไอ้เด็กเวรที่เร็วๆนี้มันพึ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิ กับจักรพรรดินีโดวาเจอร์ที่ขับเคลื่อนประเทศนับสิบปี ก็เห็นๆอยู่แล้วว่าใครได้เปรียบ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่เพียงแต่จักรพรรดินีที่ได้รับการสนับสนุนจากทางฝั่งบ้านเกิดอย่างราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย
แต่เธอก็ยังสนิทสนมกับสาธารณรัฐบัตตาเวีย หากเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในสถานการณ์อย่างนี้
จักรพรรดิไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนนต่อจักรพรรดินีโดวาเจอร์”
ผมยิ้มกว้าง
“เจ้าคิดว่า จักรพรรดิจะไม่รู้เรื่องนี้หรือยังไง?”
“อย่าบอกนะว่า เขากำลังจะยืมกองกำลังทหารของต่างชาติเพื่อตอบโต้……?”
ถูกต้องเลยล่ะ
การยืมมือกองกำลังจากต่างชาติไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่มันเป็นเส้นทางลัดตัดตรงสู่หายนะชัดๆ แต่จากมุมมองของจักรพรรดิหนุ่ม การเสียอำนาจในประเทศไปบ้างเพื่อแลกกับได้ครองอำนาจเด็ดขาดนั้นคุ้มค่า
แถมให้ว่า ราชอาณาจักรบริททานี่นั้นเป็นศัตรูกับชาติที่เป็นสาธารณรัฐเป็นอย่างมาก
ในช่วงสงครามกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ราชินีเฮนริเอตต้านั้นกำจัดกองทหารของตัวเองทั้งหมด เพราะเธอกลัวแนวคิดสาธารณรัฐนิยมจะแพร่กระจายสู่ชาติตัวเอง
……. ดูราชินีจะไว้ใจได้มากกว่า หากเทียบกับขุนนางชั้นสูงของสาธารณรัฐที่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินีโดวารเจอร์
แจ็กเกอรี่มองผมด้วยแววตางุนงง
“แต่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ไม่สิ แล้วฝ่าบาททราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?”
“อย่าสนใจว่า ข้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การยืนยันกับสาขาบริททานี่ว่า มันเป็นจริงหรือไม่”
ผมยังคงยิ้ม
“แจ็กเกอรี่เอ๋ย เจ้าเป็นผู้จัดการสาขาของฟรานเคีย ข้าเชื่อว่า เจ้ามีหนทางในการติดต่อกับผู้จัดการคนอื่นๆ”
“…….”
แจ็กเกอรี่ลุกขึ้นและหายไปไหนสักแห่ง ผ่านไปไม่กี่นาที ผมได้ยินเสียงนกฮูกที่ร้องฮูกๆในป่าก่อนที่แจ็กเกอรี่จะกลับมา สีหน้าเขาดูเคร่งเครียด
“ราชินีเฮนริเอตต้านั้นออกจากเมืองหลวงแล้ว พระนางออกไปกับชนชั้นสูงบางคนพร้อมนำกองทัพขนาดใหญ่เพื่อไปล่าออเกอร์ที่โผล่มาตามแนวชายแดน
ปกติแล้วพวกราชวงศ์และชนชั้นสูงไม่ค่อยยอมเคลื่อนทัพเพื่อล่าสัตว์เยอะขนาดนี้แต่…….”
“บางทีนั่นก็อาจเป็นข้ออ้างเพื่อซ่อนกองทัพที่จะทำไปใช้การสงคราม”
แจ็กเกอรี่กลืนน้ำลาย
“……ถูกต้องแล้ว”
“จักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นไม่ได้ต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองจริงๆหรอก ทั้งฝ่ายเธอและศัตรูนั้นต่างรู้อยู่แล้วว่า เธอกุมความได้เปรียบ”
เธอคงตั้งใจจะใช้กองทัพของเธอมาขู่ลูกชาย เมื่อเทียบกันแล้วจักรพรรดิไม่ได้มีเงินมากพอจะจ้างทหารรับจ้าง จักรพรรดินีต่างหากที่มีเงินถุงเงินถัง
เขาไม่มีทางสู้ได้ด้วยซ้ำ ขู่ให้ลูกชายของเธอกลัวสักหน่อยแล้วทำให้เขายอมรับว่าเธอเป็นผู้ปกครองตัวจริง นั่นเป็นแผนการของจักรพรรดินีโดวาเจอร์
“จะเกิดอะไรขึ้นกับการที่จักรพรรดิลากบริททานี่เข้าร่วมการรบนี้?”
“จักรพรรดินีโดวาเจอร์……ไม่อาจมองข้ามกองกำลังต่างชาติที่มายุ่งเกี่ยวได้”
“ต่อจากนี้สงครามของจริงกำลังจะมา”
แจ็กเกอรี่กระดกกลืนบรั่นดีลงไป มือของเขาสั่นเล็กน้อย
“ฝ่าบาทคิดว่า สงครามจะเป็นไปอย่างไร?”
“ฮุฮุ สิ่งที่แน่ใจก็คือ พวกเขาน่ะจะตกลงไปลึกยิ่งกว่าก้นหุบเหวใดๆเสียอีก”
ริมฝีปากของผมยกยิ้มขึ้นโดยไม่ตั้งใจ มันขยับไปเอง
ความตื่นเต้นที่ปรากฏในร่างกายกระตุ้นอกและลำคอ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น องค์จักรพรรดิก็ยังเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังค์ตัวจริงอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดิโดวาเจอร์น่ะมีสายเลือดคนต่างชาติ การอุทิศความภักดีให้กับนางนับว่าเป็นการทรยศต่อชาติ ผู้คนจึงสมควรที่จะอุทืศความภักดีให้กับจักรพรรดิ”
ผมพูดต่อ
“แล้วการที่สุดท้ายจักรพรรดิเรียกทหารต่างชาติเข้ามา
บริททานี่และฟรานเคียนั้นเป็นศัตรูแค่แค้นกันมานานแสนนาน
แล้วแบบนี้องค์จักรพรรดิเองไม่ใช่ผู้ทรยศเสียเองหรอกหรือ? มันยากมากสำหรับชนชั้นสูงที่จะเลือกข้าง”
“…….”
“สุดท้ายแล้ว พวกชนชั้นสูงนั่นจะมีแต่เสียกับเสีย
บางคนเลือกฝ่ายนี้ บางคนก็เลือกฝ่ายโน้น พวกเขาจะแบ่งแยกกันไปตามความเชื่อของตนเช่นเดียวกับที่ฮับบวร์กล่มสลาย
จักรวรรดิอื่นก็กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ความวุ่นวายเช่นกัน!”
พวกเขาน่ะต่างวิ่งไปสู่สถานการณ์สุดจะอลหม่าน แต่ถ้าพูดให้ชัดก็พวกสนับสนุนกษัตริย์ พวกเขานั้นสาบานตนจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิก็จริง แต่พอเป็นอย่างนั้นก็ถูกบังคับให้ร่วมมือกับราชอาณาจักรบริททานี่ ไม่มีทางหรอกที่ฝ่ายบริททานี่จะช่วยเหลือฟรานเคียฟรีๆ
อำนาจการควบคุมจักรวรรดิจะอยู่ในมือพวกบริททานี่ หากชนชั้นสูงทั้งหลายตั้งใจจะรับใช้จักรพรรดิแล้วก็ต้องยินดีทำให้ศัตรูของพวกเขาได้ผลประโยชน์ไปด้วย…….
เมื่อเป็นเช่นนั้น หากพวกเขาต่อต้านบริททานี่ โดยคิดจะสู้รบกับกองทัพของบริททานี่ก็หมายถึง พวกเขาเลือกที่จะร่วมมือกับจักพรรดินีโดวาเจอร์
พอเป็นอย่างนั้นก็กลายเป็นว่า ไปเข้าพวกกับชนชั้นสูงฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ
พวกเขาจะทำแบบนั้นก็ไม่ดี จะทำแบบนี้ก็ไม่ได้
นี่มัน เข้าสู่สภาวะที่สับสนอย่างสมบูรณ์
“นี่มันยังไม่นับว่า เป็นความบันเทิงอีกหรือ!?”
ผมหัวเราะออกมา
“สุดท้ายแล้ว นี่แหละวิถีของอำนาจ มันไม่ใช่เรื่องความรักระหว่างแม่ลูก มันไม่ใช่เรื่องของศัตรูร่วมกันในชาติ มันไม่ใช่เรื่องอะไรทั้งนั้นไม่ว่าผู้คนจะจบลงด้วยการเสียเลือดเสียเนื้อในสงครามกลางเมือง
ทั้งหมดมันเป็นไปเพื่ออำนาจล้วนๆ
ผู้คนทั้งหลายต่างรับได้ที่จะบรรเลงเพลงเห่กล่อมด้วยการกรีดร้องโหยหวนและโชกเลือดจากมนุษย์คนอื่นเพียงเพื่อจะได้รับอำนาจมาไว้ในมือ!”
ดูสิพวกเขาน่ะ ทั้งกล้าหาญ และสัตย์ซื่อขนาดไหนกัน!
ผมสัมผัสได้ถึงเกียรติภูมิจากผู้แข็งแกร่งได้จากตรงนี้เลยด้วยซ้ำ พวกเขาจะประกาศว่า พวกเราน่ะแข็งแกร่งและคนอื่นที่ไม่ใช่พวกของเขานั้น ‘มีคุณสมบัติ’ ที่จะต้องถูกเซ่นสังวเย
ผมน่ะรู้สึกนับถือเสมอ ยามที่เห็นใครสักคนมั่นใจในความแข็งแกร่งของตน
ผมอยากจะดูผู้คนเหล่านั้นล่มจมลงด้วยสองตาตัวเอง!
แค่คิดถึงใบหน้าที่พวกเขาจะแสดงออกมา ตอนที่รับรู้ได้ว่า ตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แค่นั้นก็ทำให้ผมตื่นเต้นแล้ว
…….ยามที่พวกเขาถูกโค่นลงด้วยบุคคลที่พวกเขาคิดว่า อ่อนแอ โดยเยาะเย้ยถากถางโดยคนเหล่านั้น
พวกเขาจะยังรักษาท่าทีอันสูงส่งไว้ได้อยู่ไหมนะ?
อ่าาาา ผมกำลังสนุกเสียจน ไม่อาจหุบยิ้มได้เลยจริงๆ!
“บริททานี่เคลื่อนทัพทหารกว่าพันนายในช่วงสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
ในขณะที่ตอนนั้นฟรานเคียส่งทหารไปมากมาย
แม้บริททานี่อาจจะแพ้ฟรานเคียในแง่ของพลัง แต่ตอนนี้สองประเทศอยู่ระดับเดียวกันแล้ว การสู้รบแบบโต้ตอบไปโต้ตอบมาต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
และเมื่อเกิดสงครามขึ้น ประชาชนนับไม่ถ้วนในฟรานเคียจะโดนปล้นชิง
มันไม่สำคัญแล้วว่าจะเป็นทหารหลวง,ทหารราชอาณาจักร,ทหารรับจ้าง,คนเร่ร่อน หรือขโมยขโจร
จะเรื่องชาติไหนหรือฝ่ายไหนก็ไม่สำคัญ ทหาร ทั้งหลายจะล้างหมู่บ้านเพื่อตอบสนองความหิวโหยและความพึงพอใจ
มนุษย์ที่เอาชีวิตรอดได้จากกาฬโรค และความอดอยากจะต้องอดทนต่อหายนะจากภัยสงครามอีกครั้ง
พวกเขาจะไม่ยั้งตัวเองอีกต่อไปแล้ว
ช่วงนี้แหละเป็นช่วงเวลาที่เพอเฟ็คที่สุดในการเผยแพร่โรคระบาดที่ชื่อว่า ‘สาธารณรัฐนิยม’
แทบไม่ต้องใช้เหตุผลในการอธิบายรายละเอียดแนวคิดเสียด้วยซ้ำ
นั่นคือผู้คนในยุคสมัยนี้ที่เห็นแก่ผลประโยชน์
พวกเขาน่ะมันโง่ ไม่เข้าใจหรอกว่า อะไรคือดีคือชั่ว
ผมก็แค่พูดในสิ่งที่พวกเขาอยากได้ยิน
เสรีภาพ! ความเท่าเทียมกัน! ลุกขึ้นต่อต้านการกดขี่! ทวงคืนอำนาจที่ควรจะเป็นของพวกเจ้ากลับมา!
มันไม่ได้เป็นอะไรไปเลยนอกจากถ้อยคำที่หวานหู สามัญชนมีปกติที่ไม่ชอบชนชั้นสูงอยู่แล้ว พวกเขานับถือความสูงส่งที่ชนชั้นสูงมีแต่ก็ยังคงต่อต้านพวกเขา
ชนชั้นสูงขโมยที่นาของพวกเขาไปในขณะที่พวกเขาต้องทำงานหนักเพื่อเก็บเกี่ยว และบังคับให้พวกเขารบในสงคราม
บทบาทของผมคือทำตัวเป็นพัดที่โหมกระพือไฟ โดยผ่านคำพูดหวานๆน่าฟังเพื่อจุดกระพือความโกรธเกลียดขึ้น…….
เราจะทำให้พวกเขารู้สึกว่า ที่พวกเขาปฏิวัติน่ะไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเกลียดชังชนชั้นสูงหรอก หากแต่เป็นเพราะความชอบธรรม ความยุติธรรมต่างหาก
เสรีภาพ! ความเท่าเทียมกัน! ลุกขึ้นต่อต้านการกดขี่! ทวงคืนอำนาจที่ควรจะเป็นของพวกเจ้ากลับมา!
ถ้อยคำตอแหลพวกนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะปิดบังความเกลียดชังของพวกเขา
ผมจะทำให้มันเกิดขึ้น
“แจ็กเกอรี่ ไพมอนสั่งให้เจ้าทำอะไร?”
“……เอ่อ ก็ให้ร่วมมือกับจักรพรรดินีโดวาเจอร์และสร้างภาพลักษณ์ดีๆให้แก่พวกเรา”
ฮ่าฮ่า อ่อนไปว่ะ ไพมอน นี่มันช่างอ่อนยวบยาบเสียเหลือเกิน
นั่นมันเป็นคำสั่งแบบไหนกัน? มันออกจะนามธรรมมากเกินไปไหม? สร้างภาพลักษณ์ดีๆ? ไอ้ที่ว่าน่ะหมายถึงอะไร? หรือเธอกำลังบอกให้พวกเราฆ่าพวกนิยมกษัตริย์ให้มากที่สุด หรือบอกให้พวกเราเที่ยวไปตามหมู่บ้านนิยมสาธารณรัฐแล้วพูดปราศรัย?
อย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ การวางแผนเนี่ยมันไม่เหมาะกับเธอเลย
การวางแผนนั้นเป็นเครื่องมือสำหรับผู้อ่อนแอ พระเจ้าได้สร้างแผนการทั้งหลายไว้เพื่อให้ผู้ที่อ่อนแอเกินไปสามารถสู้ได้อย่างสูสี
สำหรับไพมอน ผู้มีชีวิตอยู่มากว่า 2,000 ปี ความไม่รู้จักอดทนและความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยของผู้อ่อนแอ เป็นสิ่งที่เธอไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
เธอนั้นถูกชะตาลิขิตมาแล้วว่า จะไม่มีวันเป็นนักวางแผนได้
“ข้าจะแก้ไขคำสั่งนั่น”
ผมเกิดมาเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดที่รู้จักกันในนาม มนุษย์ และกลายมาเป็น จอมมารตนหนึ่ง แผนการทั้งหลายแหล่น่ะ เหมาะกับคนขี้ขลาดอย่างผม
“ข้า จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยน ผู้หลากหน้า จะอยู่ที่นี่เพื่อถ่ายทอดคำสั่งแก่เจ้า แจ็กเกอรี่แห่งกองกำลังทหารรับจ้างขวาคคู่และ เจเรมิ แห่งแผลแดง
ในฐานะปีศาจผู้มีชื่อเสียง พวกเจ้าจะต้องรับคำสั่งจากจอมมาร”
ทั้งเอลฟ์และคนแคระต่างเงยหน้าขึ้นในทันทีแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าผม
“เป้าหมายของเรา คือ การปะทุสงครามกลางเมืองในจักรวรรดฟรานเคีย ไปทำตามนี้มา พวกเราจะขยายขนาดของสงครามครั้งนี้ ก่อนอื่น แจ็กเกอรี่”
“ครับ! โปรดมอบคำสั่งให้ข้าด้วย!”
“แถวนี้มีปราสาทจอมมารที่ตั้งอยู่ใกล้จักรวรรดิฟรานเคีย พวกเราจะต้องร่วมมือกับจอมมารเหล่านั้น พวกเราจะต้องทำให้พวกเขารุกรานดินแดนที่เป็นของพวกนิยมกษัตริย์”
พวกเราจะสู้โต้ตอบกับกองทัพของจอมมารตนอื่นในดินแดนนี้ และทำให้พวกชนชั้นสูงต้องเสียหาย
พูดง่ายๆคือก็ พวกเราจะบงการการรบนี้เพื่อให้ทหารรับจ้างของพวกเราได้รับชัยชนะ ชื่อเสียงของพวกเราจะขจรขจายไปทั่วในขณะที่ทางฝ่ายชนชั้นสูงจะตกต่ำลง
“ข้าจะรับผิดชอบในการเกลี้ยกล่อมจอมมารทั้งหลายเอง ต่อไป เจเรมิ”
“ค่ะ”
“มุ่งเน้นไปที่การลอบสังหารชนชั้นสูงที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ”
ดวงตาของเจเรมิเบิกกว้างทั้งยังยิ้มออกมา
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้รับภารกิจลอบสังหาร แต่ฉันจะพยายามสุดกำลังเนื่องจากมันเป็นคำสั่งของฝ่าบาท”
การลอบสังหารบุคคลที่มีความสำคัญอย่างเช่นเอิร์ลหรือไว้ส์เค้าท์
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราก็มีมือสังหารมืออาชีพถึง 20 นายอยู่ที่นี่ พวกเขาก็คงจัดการพวกบารอนได้สบายๆ
พอชนชั้นสูงของฝ่ายถูกลอบสังหารก่อนสงครามกลางเมืองปะทุ พวกฝ่ายนิยมกษัตริย์ย่อมต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวจักรพรรดิเอง
จักรพรรดิผู้ที่ไม่เพียงแต่สั่งให้ทหารต่างชาติเคลื่อนทัพเข้ามาหากแต่ยังลอบสังหารชนชั้นสูงชาติตนเองเพื่อให้ได้อำนาจ
ชื่อเสียงของเขาย่อมต้องตกต่ำลงอย่างไม่อาจจินตนาการได้
ผมอยากรู้จริงๆเขาจะแสดงสีหน้าอย่างไร
คืนนั้นเอง
ผมได้เขียนอะไรต่อมิอะไรมากมายในขณะที่นั่งตรงหน้ากองไฟ
ผมได้เขียนต้นฉบับมากมายเสร็จในคืนเดียว
ทั้งตรรกะแนวคิดและถ้อยคำชักจูงที่ผมพูดในพิธีการสุนทรพจน์ ก็ยังรวมไว้ในต้นฉบับนี้
ผมตั้งใจจะส่งมันไปให้กับบริษัทเคียนคุสก้าและให้จัดพิมพ์ในจำนวนมาก พวกเขาจะรับหน้าที่แพร่กระจายมันไปในทุกหมู่บ้านที่พวกเขาเดินทางไป
‘คราวนั้นจักรวรรดิฮับบวร์ก และคราวนี้จักรวรรดิฟรานเคีย’
ผมต้องมีอะไรสักอย่างในตัวที่ต่อต้านพวกจักรวรรดิมาในชีวิตก่อนแหงๆ
เอาล่ะ ผมก็คงจะโดนพวกเขารังแกฝ่ายเดียวมาก่อน
ผมจึงต้องตอบแทนสิ่งที่พวกเขาทำกับผม
พวกเขาคงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลยล่ะ หากได้รู้เรื่องนี้เข้า
(TTL : พอมาย้อนอ่านตอนเช็คคำผิด ก็ยังนึกขึ้นมาเลยว่า
‘นิยายเรื่องนึงมันต้องการเมืองเบอร์นี้เลยเหรอ’ (หัวเราะ)
แต่ก็ได้ข้อคิดว่า ในโลกเรามันก็มีคนแบบดันทาเลี่ยนอยู่ด้วยเหมือนในนิยายนี่นะ )