Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 124 15 นาที ที่ยาวนานที่สุด(9) (จบ องก์ 2 )
เธอไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าชิ้นเดียวติดตัว
หน้าอกใหญ่ของสิตริและก้นอวบอั๋นของเธอโชว์ออกมาเต็มๆ ผมก็คิดอยู่ว่า ร่างกายของเธอนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สารรูปตอนนี้กลับดูน่าสงสาร ดังนั้นผมจึงหยิบผ้าห่มมาคลุมเธอไว้
“ข้ามาขอร้องท่านที่นี่!”
พอผมเข้าใกล้ตัวเธอ เธอก็รีบเกาะเกงเกงผมทันที ถ้ามีใครมาเห็นผมเข้าตอนนี้แล้วล่ะก็คงไม่วายคิดว่า ผมกำลังจะทำอะไรชั่วๆอยู่เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น……ผมเห็นมันชัดเจนมาก
ไอ้เจ้านั่นที่แขวนอยู่ตรงนั้นน่ะ!
มันมีอะไรหว่างขาสิตริด้วย
―อะไรบางอย่างที่ผู้หญิงไม่สมควรจะมี
―อะไรบางอย่างที่บิ้กเบิ้ม ทรงพลังที่เป็นที่รู้จักกันทั่ว!
“อ่าาาา!”
“แค่บอกข้ามานะ ว่าท่านจะให้ข้าทำอะไร! โบลวจ็อบไหม? หรือท่านอยากได้โบลวจ็อบ?”
“ไม่ดีกว่า ข้าโอเคดี!?”
ผมตะโกนจนเกือบจะเป็นการกรีดร้อง พอมาคิดๆดูแล้ว จอมมารลำดับ 12 สิตรินั้นเป็นที่รู้จักกันในเกมว่าเป็นพวกไบเซ็กช่วล
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่คิดว่าเธอจะมี ‘สอง’ ไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อนเลย
สิตรินั้นมีผมสีดำสนิท เธอทั้งยังมีหน้าอกใหญ่ เอวคอดงาม ก้นก็จ้ำม่ำ ส่วนโค้งส่วนเว้าของเธอนั้นอยู่ในระดับที่พอเหมาะพอเจาะ
แต่ถึงอย่างนั้นตรงพื้นที่ที่ควรเว้าเข้าไป กลับมีปืนใหญ่ต่างเพศแสดงความท่วมท้นล้นหลามเหนือสิ่งอื่นใดออกมา ขนาดตอนยังไม่ตื่นเต้นก็ประมาณ 15 เซนติเมตร…….
นี่ถ้าคนดำในโลกผมมาเห็นเข้าต้องหวาดผวาแน่ๆ…….
สิตรินั้นเงยหัวขึ้น เลือดไหลลงมาจากหน้าผากของเธอ แววตาของเธอเป็นประกายระยับจนน่ากลัวตอนที่พูดขึ้นมา
“หากท่านไม่อยากได้โบลวจ็อบแล้วล่ะก็……
เซ็กส์ล่ะ ท่านต้องการเซ็กส์ไหม หืม? โอเคเลยนะ ข้าเก่งเรื่องนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตั้มหรือฝ่ายโดนตั้ม หรือทั้งสองอย่าง แค่บอกข้ามาเท่านั้น!”
“เอ๋!?”
หน้าอกกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าผม มันเป็นหน้าอกที่น่าประทับใจมากจนผมคิดว่า ถ้าได้ซุกเข้าไปคงได้ขึ้นสวรรค์แน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น นอกเหนือจากความรู้สึกหื่น ผมกลับรู้สึกว่าชีวิตตัวเองตกอยู่ในอันตรายมากกว่า
มันไม่ปกติแน่ๆ มันเป็นเหมือนมอนสเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยนักวิทย์จิตวิปลาสที่เกลียดชังเพศหญิงมากเพราะถูกรังแกเมื่อสมัยเรียน ดังนั้นเขาจึงสร้างสิ่งที่จะทำลายอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงขึ้นมา
เขาไม่เพียงแค่หลงลืมไปว่า มันอาจไม่ได้ทำลายอวัยวะเพศเพียงอย่างเดียวแต่ยังสามารถทำลายของเพศชายได้ด้วยเช่นกัน
พูดง่ายๆ นี่มันเป็นต้นเหตุหายนะของมนุษยชาติชัดๆ ……. อาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถจะทำลายได้แม้แต่ตัวผู้สร้างเอง
“นรกสิวะ ไม่เอาโว้ย!”
“ตะ-แต่ทำไมกันล่ะ? ข้าสามารถทำให้พอใจได้ทั้งแบบร่วมเพศและต่างเพศด้วยนะ! ไม่ว่าท่านจะเป็นรักร่วมเพศหรือรักต่างเพศ ไม่มีอะไรที่ข้าทำไม่ได้ ……อ่าาาา”
ดูเหมือนสิตรินั้นจะนึกบางอย่างขึ้นมาออก เธอเลยแอบมองผมอย่างระแวดระวัง และสายตาประหลาดๆ
“ข้าขอถามเผื่อไว้ก่อนนะ หรือท่านจะตื่นเต้นกับพวกสัตว์……? มันออกจะยากไปหน่อยที่จะให้ข้าตอบสนองแบบนั้นน่ะ
……. ไม่สิ, ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขอโทษ งั้นเรามาประนีประนอมกันด้วยการห่มหนังสัตว์แทนได้ไหม? ข้าจะพยายามร้องครางเสียงสัตว์ให้เหมือนที่สุดเลยล่ะ”
“รสนิยมทางเพศข้า มันปกติ และเป็นพวกค่าเฉลี่ยโว้ย!”
สิตริมองผมด้วยความงุนงงเข้าไปใหญ่
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่จับข้ากดล่ะ? ยังไงมีสองก็ดีกว่าหนึ่งอยู่แล้ว…….”
“อย่ามาตัดสินข้าเหมือนที่เจ้าชอบสิฟะ!”
มันไม่ใช่โปรโมชั่นแบบซื้อหนึ่งแถมหนึ่งสักหน่อย
“อืมฮุ ข้าก็ไม่อยากจะขี้โม้หรอกนะ แต่ส่วนผู้หญิงของข้าเนี่ย สุดยอดนะรู้ป่าว?”
สิตริพูดพลางดันหน้าอกใส่ต้นขาผมด้วย
“ข้าน่ะสามารถควบคุมได้ทุกส่วนตามที่ใจข้าต้องการเลยนะ จะให้แข็งแน่นจนบี้ผลวอลนัทแตกหรือให้นุ่มนิ่มเหมือนพุดดิ้งก็ย่อมได้! ถ้าหากท่านได้ลองโดนสักครั้ง ท่านจะไม่อยากหลับนอนกับใครอีกเลย! ขะ-ข้าพูดจริงนะ!”
“…….”
ณ ตอนนั้นเอง แค่ชั่วเวลาสั้นๆ ผมรู้สึกอยากขึ้นมา
( TTL : มีแอบหวั่นไหวด้วยอะ! 555)
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ส่ายหัวคืนสติกลับมา ถึงแม้สิตริจะมียอดเครื่องเพศที่สุดจะแจ่มว้าวเหมือนใครบนโลกหน้านี้
ผมก็ไม่อยากหลับนอนกับผู้หญิงที่มีกระบอกปืนยาว 15 เซนติเมตร มันเป็นเรื่องของการรับรู้มากกว่าพึงพอใจแล้ว
“ต้องให้ข้าบอก ท่านกี่ครั้งกันอีกล่ะ? ว่า ไม่เอาเฟ้ย”
“อ้ะ! เมื่อกี้มีลังเลด้วยใช่มะ ใช่มั้ยล่า? เห็นไหมๆ? แค่พูดก็อยากขึ้นมาแล้วล่ะซี่?”
“ใส่ร้ายไร้สาระ ขอความกรุณาออกไปจากที่พักของข้า ณ บัดนี้เลย”
ผมสั่งให้เธอออกไป
“ตั้งแต่แรกแล้ว ไพมอนน่ะเป็นจอมมารลำดับสูง
ความจริงก็คือ เธอพยายามช่วยตัวตนอย่างนั้นด้วยร่างกายที่ผิดกฏสุดๆ ข้าจะทำเหมือนว่า ไม่มีบทสนทนาเช่นนี้มาก่อนก็แล้วกัน”
“ทะ-ท่านดันทาเลี่ยน”
เธอเอาหัวซุกรองเท้าผม แล้วผมกลับสัมผัสได้ถึงการจูบ มันเป็นสิ่งที่จอมมารลำดับ 12 ไม่ควรทำกับจอมมารลำดับ 71 นั่นแหละทำไมผมถึงได้รู้สึกว่า งานเข้า
“ข้าขอร้องท่าน พี่สาวไพมอนน่ะ……ท่านอาจไม่รู้จักเธอดี แต่เธอทำอะไรต่อมิอะไรมากมายเพื่อกองทัพจอมมาร เธออาจจะไม่ใช่คนที่รู้จักยางอายดี ถ้าท่านแสดงความเมตตาต่อเธอ เธอไม่มีทางลืมการตอบแทนบุญคุณเลย…….”
หากเธอมาบอกกับผมว่า ทั้งฝ่ายภูเขาจะหาทางแก้แค้นเมื่อผมฆ่าไพมอน ผมไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาเลยสักนิด จอมมารลำดับ 12 น่ะ มีอำนาจและความสามารถพอที่จะคุกคามผมแบบนั้นได้
แต่ถึงอย่างนั้นสิตริรู้เช่นกันว่า ตัวเธอกับไพมอนต่างทำสิ่งที่ผิดพลาดและร้องขอการให้อภัยจากผมอย่างสิ้นหวัง
มันเหมือนกับการที่ผู้นำประจำชาติกลับมาจูบเท้าสามัญชน ในขณะที่เปลือยด้วย หรือต่อให้ผมคิดจะเอาชีวิตไพมอน สิตริก็ยินดีที่จะทำให้ผมพิจารณาใหม่อีกครั้ง
แน่นอนแหละ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมน่ะตัดสินใจจะไว้ชีวิตไพมอน
ผมจะใช้งานตรงจุดนี้ยังไงดีล่ะ?
“อืมมม”
ผมขมวดคิ้ว ผมแกล้งทำเป็นคิดหนัก พอทำอย่างนั้น สิตรินางก็เชื่อว่า ผมกำลังคิดทบทวนเรื่องชะตากรรมของไพมอน อย่างที่เธอร้องขออย่างสุดกำลัง
“พี่สาวไพมอนน่ะไม่ใช่คนเดียวที่จะตอบแทนท่านนะ ข้าก็จะตอบแทนท่านด้วย ถ้าท่านไม่ชอบร่างกายข้า ขอเป็นอย่างอื่นแทนได้ไหม ข้าจะจ่ายให้ภายหลัง ไม่ว่าเงินหรืออะไรก็ตาม”
“…….”
“ข้าจะแสดงความนับถือท่านอย่างสูงเหมือนเป็นสาวเมด ที่ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ!”
“ท่านสิตริ”
ผมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าไม่แน่ใจว่า ท่านได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ไหม แต่ไพมอนนั้นพยายามที่จะวางแผนจัดฉากข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เดิมข้าหวังแค่จะให้ขอโทษต่อสาธารณะและชดเชยให้
แต่ถึงอย่างไรก็ดี ข้าได้รับการขอโทษเป็นการส่วนตัวเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของไพมอน เธอเป็นคนที่ข้าเคยยกโทษให้ไปแล้วครั้งหนึ่ง”
“นะ-นั่นมัน…….”
“มันไม่มีอะไรยืนยันเลยว่า สิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ……แต่ถึงอย่างนั้น มันก็มีโอกาสมากเลยถูกไหมที่มันจะเกิดขึ้นได้อีก หลังจากเกิดมาแล้วถึงสองครั้งน่ะ?”
“ข้าจะทำให้แน่ใจว่า สิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้อีกเลย!”
สิตรินั้นได้โขกหน้าผากลงกับพื้นอย่างแรงอีกครั้ง
“โฮ่”
ผมถอนใจออกมา
“……เอาล่ะๆ ถ้าอย่างนั้นข้าจะมองข้ามสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยชื่อเสียงของท่านสิตริก็แล้วกัน”
“จะ-จริงหรือ!?”
สิตริเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเธอนั้นเต็มเปื้อนไปด้วยความสุข มันเป็นอะไรที่ออกจะน่ากลัวไปหน่อยที่เธอมีรอยยิ้มสว่างสดใสทั้งที่ยังมีเลือดจำนวนมากจนน่ากลัวจากหน้าผาก ตอนนี้เธอประคองรองเท้าผมด้วยมือทั้งสองข้างแล้วระดมจูบ
“ขอบคุณมากๆ! ท่านดันทาเลี่ยน ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ! ข้าจะไม่มีวันลืมความใจดีนี้เลย!”
“มันไม่ฟรีหรอกนะ”
“แน่นอน! บอกสิ่งที่ท่านต้องการมาได้เลย! ตัวข้า สิตริผู้นี้จะถวายได้แม้กระทั่งชีวิตของข้า!”
ผมยังคงมองต่ำไปยังเธอ
“เมื่อถึงเวลานั้น ข้าต้องการจะให้ท่านตอบรับคำขอของข้าสองข้อโดยไม่มีเงื่อนไข”
“คำขอสองข้อ?”
“ใช่แล้ว”
ผมผงกหัว
“ไม่ได้มีอะไรมากมายกว่านั้นที่ข้าต้องการจากท่านสิตริ ข้าตัดสินใจให้อภัยไพมอนเพราะความจริงใจที่ท่านมาขอโทษข้า ข้าจะไม่ขอสิ่งอื่นสิ่งใดไปมากกว่านี้
แต่ถึงอย่างนั้น ในอนาคต ยามที่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่านสิตริ ข้าจะขอให้ท่านช่วยเหลือข้า สองครั้งนะ”
สิตริทุบอกตัวเองอย่างเชื่อมั่น
“ข้าสามารถทำได้แน่นอน!”
“ท่านเข้าใจหรือเปล่า? ท่านจำต้องรับคำสั่งจากข้าโดยไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร แม้คำขอของข้าจะเป็นผลให้ท่านต้องทำร้ายไพมอนก็ตามที”
“เอ่อ นั่นมัน…….”
เธอชะงักไปชั่วครู่ แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดและหัวของเธอก็กลับมาพยักต่อทันที
“……ข้าเข้าใจ ตรงตามตัวอักษรเลย ข้ายินดีเชื่อฟังทำตามความปรารถนาสองข้อไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอดูก็แล้วกัน”
“หากความแข็งแกร่งของข้ายังขาดไปและไม่สามารถทำให้ความปรารถนาของท่านเป็นจริงได้ ข้าจะขอชดเชยด้วยความตายของข้า ชีวิตของข้านั้นไร้ความหมาย หากไม่มีพี่สาวไพมอน”
สิตริมองผมด้วยแววตาที่จริงจัง
“ท่านดันทาเลี่ยน ท่านได้ไว้ชีวิตทั้งพี่สาวและตัวข้า คำขอเพื่อช่วยชีวิตนี้ หากท่านคิดเช่นนั้นจริง
ข้าจะสาบานต่อชีวิตและทุกสิ่งอย่างที่ข้ามี ข้าจะปฏิบัติตามในทุกสิ่งที่ท่านดันทาเลี่ยนร้องขอมา ทั้งสองข้อ”
ผมได้ฟังน้ำเสียงที่จริงใจของสิตริ
ผมรู้สึกพึงพอใจ ไม่ใช่เป็นเพราะผมได้รับการรับคำขออย่างดีจากจอมมารผู้ทรงพลังฟรีๆหรอก มันต่างอิวาร์ ล็อดบรอคเลย สิตรินั้นรู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดไป
เธอไม่ได้พยายามเล่นการเมืองเพื่อแก้ปัญหานั้น แต่กลับแสดงออกชัดเจนว่า ต้องการที่จะช่วยเหลือไพมอน ผมชอบความบริสุทธิ์ใจนี้
ผมที่เพิ่งเหนื่อยมาหลังจากตบตีวิวาทกับอิวาร์ก่อนหน้า ผมได้คลายความเครียดเมื่อคนที่อยู่ข้างๆนั้นไม่ได้วางตัวหัวการเมืองแบบนั้น
ตอนนั้นเองที่สิตริแสดงด้านใสซื่อของเธอออกมา―ผมไม่ได้จะยกยอหรือเยาะเย้ยเธอหรอก―สิ่งนั้นมันทำให้ผมสบายใจจริงๆ
ผมอาจจะเป็นขยะที่ไม่อาจนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ที่เอาแต่หาผลประโยชน์จากบุคคลที่ใสซื่อก็เป็นได้ ฮ่าฮ่าฮ่า
( TTL : พรี่ก็รู้ตัวดีนี่ครับ :v )
“แต่ท่านไม่ได้อยากได้ร่างกายข้าหน่อยเหรอ? มันสุดยอดเลยนะ รู้ไหม? มาลองดูด้วยตาใกล้ๆนี่สิ ตรงนี้กับ…….”
“ไม่ต้อง ข้าโอเคแล้ว!”
ผมตะโกนจากก้นบึ้งของหัวใจ
ผมไม่ได้ต้องการจริงๆโว้ยยยยย
***
การพิจารณาคดีเกิดขึ้นอีกครั้ง ยามพระอาทิตย์ตก
จำเลยคือไพมอน มันเป็นหลักฐานชัดเจนในอาการบาดเจ็บที่เธอทำเนื่องจากระบบเวทย์มนตร์ของเธอนั้นพังยับ แต่เธอก็ยังลากร่างเจ็บๆนั่นเข้าร่วมการพิจารณาคดี
สีหน้าของเธอนั้นซีดเหมือนศพจนเธอไม่อาจพูดกับใครได้สักประโยคระหว่างการพิจารณาคดี
ในฐานะเจ้าทุกข์ ผมถามถึงว่า การลงโทษไพมอนควรเป็นอย่างไร
แต่เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจเมื่อได้คำตอบจากพวกเขา ทั้งที่ผมหวังว่า ไพมอนจะถูกปฏิบัติเยี่ยงคนที่ไม่ผิด
“……ดังเช่นที่ทุกท่านทราบดี ความก้าวร้าวรุนแรงของไพมอนที่มีต่อผมนั้นเป็นเรื่องจริง จึงเป็นเหตุขัดข้องที่จะต้องให้ฝ่ายภูเขานั้นไปเป็นแนวหน้าในวันนี้ เพื่อมีส่วนช่วยให้เกิดชัยชนะของพวกเรา
ไพมอน แม้จะสายเกินไป เธอก็ได้แก้ไขเส้นทางและเสียสละตนเองเพื่อกองทัพจอมมาร”
ผมพูดขณะที่ยังมองจอมมารที่อยู่รอบๆ
“อาชญากรรมที่เธอทำลงไปไม่อาจจะให้อภัยได้ แต่ไม่ว่าจะให้อภัยหรือไม่ มันก็ยังคงเป็นอาชญากรรมอยู่ดี มันไม่มีทางที่มลทินนั้นจะถูกชำระให้สะอาด
แต่ถึงกระนั้น ตัวข้าก็ได้เห็นว่า เธอนั้นได้ชดเชยต่อสิ่งที่ได้ทำลงไปด้วยการกระทำที่ดีมีประโยชน์เหนือความผิดของเธอ ดังนั้นข้าจึงปรารถนาที่จะมอบความเมตตาให้แก่ไพมอนและฝ่ายภูเขาว่า เป็นผู้บริสุทธิ์”
ผมโค้งหัวให้หลังพูดจบ
เสียงปรบมือดังลั่นขึ้นจากฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง สมาชิกฝ่ายที่ราบส่วนมากนั้นครางบ่นออกมา
พวกเขาปล่อยออร่าทันทีที่ผมบอกว่า จะมองข้ามไป ถึงแม้ผมจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้ แต่พี่ชายเบเลธก็ดูเหมือนจะไม่พอใจนัก จึงฮึดฮัดตลอดการฟังการพิจารณาคดี
บาร์บาทอสนั้น……ได้แต่ถอนใจออกมา โอ้ ช่างเป็นการแสดงความยิ่งใหญ่ที่เหมาะสม น่านับถือนัก
“ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจที่เอื้อเฟื้อใจกว้าง”
ผู้ไกล่เกลี่ยดำเนินการการพิจารณาคดีครั้งนี้ จอมมารลำดับ 5 มาร์บาสพูดขึ้น
“อกาเรส , กามิกิน , บาร์บาทอส และข้า พวกเรานั้นให้เกียรติการตัดสินใจของดันทาเลี่ยน ไม่มีใครที่ไม่เห็นด้วยใช่ไหม?”
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า จอมมารลำดับสูงนั้นต่างสนับสนุนผมทุกคน ไม่มีใครที่เปล่งเสียงไม่เห็นด้วยหลังจากการพิจารณาคดีจบลงอย่างนั้น มาร์บาสผงกหัวอย่างพออกพอใจก่อนจะประกาศขึ้นมา
“ตัวข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อประกาศความบริสุทธิ์ของไพมอน เรื่องน่าอายเกิดขึ้นในวันนี้แต่ไม่เปลี่ยนเรื่องที่ว่า กองทัพฝ่ายพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั้นได้รับชัยชนะ ซึ่งมันอาจจะมิได้มากมายนัก แต่ข้าได้เตรียมงานเลี้ยง ข้าหวังว่าพวกท่านจะสนุกสนานกับงานนี้”
การพิจารณาคดีจบลงอย่างราบรื่น ผลก็คือ พอใจทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง ซึ่งก็โอเคสำหรับผมอย่างที่คาดไว้ว่าพวกเขาจะทำดีกับผมนับจากนี้
สิ่งสำคัญกว่านั้น คือ มันหมายความว่า ต่อจากนี้จะไม่มีฝ่ายไหนที่จะมาคุกคามทำร้ายผม ดันทาเลี่ยนได้อีกแล้ว
ทั้งฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลางนั้นต่างติดหนี้บุญคุณผม และฝ่ายที่ราบนั้นอยู่ข้างผมอยู่แล้ว การไม่มีศัตรูเลยนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการมีชีวิตรอด
พี่ชายเบเลธจับไหล่ผม แล้วลากไปยังที่ๆก๊วนของฝ่ายที่ราบอยู่ ถึงผมจะโดนลากไปลากมา แต่ผมก็แอบเห็นแววตาของไพมอนชั่วแวบหนึ่งที่มองมาทางผม เธอโค้งให้อย่างสุภาพ นี่เธอกำลังขอบคุณผมอยู่หรือ?……?
ด้วยเหตุนี้ สงครามแรกของผมก็จบลง
แต่สำหรับจากมุมมองของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราเองนั้น สงครามมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผมน่ะมันจบแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องก้าวไปข้างหน้าต่อ เป้าหมายของผมคือ การให้กองทัพมนุษย์กับกองทัพจอมมารได้ปะทะกันเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
―นั่นคือเป้าหมายเดียวของผมในสงครามครั้งนี้
ฝ่ายมนุษย์อาจแพ้ในศึกสงครามแรก แต่ใช่ว่าพ่ายแพ้ไปโดยสมบูรณ์ จนถึงตอนนี้ กองกำลังสนับสนุนนับ 100,000 นาย ยังคงเดินทางมาจาก จักรวรรดิแฟร้งค์ , ราชอาณาจักรซาดิเนีย ,ราชอาณาจักรเบิร์นนิเซีย และอื่นๆอีก พวกเขากำลังจะรบครั้งยิ่งใหญ่ต่อกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา…….
“เอาล่ะ ตอนนี้แหละ ดันทาเลี่ยน! ฮีโร่ของพวกเรา! ดื่มอย่างฮีโร่ที่ควรจะดื่ม!”
“เอ้า ดื่ม! ดื่ม! ดื่ม!”
มันให้ความรู้สึกเหมือนผมสามารถเอาชนะสงครามวิวาทะได้อย่างเด็ดขาด โอ้ แต่ถึงอย่างนั้น ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนเสียหมด
จะว่าไปตอนนี้ผมควรคิดหาวิธีการรับมือกับไวน์ที่รินโดยพี่ชายเบเลธกันก่อนดีกว่า
( จบองก์ 2 )