Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 331 หอมกลิ่นอะนีโมนี่(1)
บทที่ 331 – หอมกลิ่นอะนีโมนี่(1)
จอมมารดันทาเลี่ยนและท่านเค้าท์พาลาทีนแห่งจักรวรรดิฮับบวร์ก
ทั้งคู่ต่างเป็นชื่อที่ผมได้รับมาอย่างเป็นทางการ
อันที่จริงผมเองก็ได้รับฐานันดรอื่นมาเพิ่มนั่นก็คือ ดยุคแห่งทิวทัน
นั่นเป็นสิ่งที่ทิวทันได้มอบตอบแทนให้จากที่เรามอบดินแดนในช่วงสงครามการทูต
ราชสาส์นจากทางราชสำนักทิวทันส่งมาถึงในทันทีที่ผมกลับมาถึงปราสาทจอมมารตัวเอง
ชายผู้มีหนวดเครางามอ่านสาส์นด้วยเสียงอันกังวาล
“ในฐานะที่ดันทาเลี่ยนนั้นเป็นบุคคลผู้ยังให้ทวีปแห่งนี้เกิดสันติสุขแลเสถียรภาพ , ตัวข้า ,จอร์จ วิลเฮล์ม อัลเบอร์ อเล็คซานเดอร์ , ผู้แทนแห่งราชอาณาจักรทิวทัน ขอแต่งตั้งเจ้าให้เป็นดยุค และได้รับนามที่เหมาะสมฐานะที่เป็นผู้ดูแล นั่นคือ <ผู้ปกปักรักษาทวีป> ”
<Guardian of the Continent>
ผมถึงกับประหลาดใจที่อยู่ๆก็กลายเป็นดยุคผู้ครองดินแดน
อันที่จริงการเป็นพาลาทีนก็เพียงพอแล้วสำหรับผม
แต่ถึงอย่างนั้น ดูพวกราชสกุลของราชวงศ์ทิวทันคิดไม่เหมือนผม
แม้ผมจะได้รับการอวยยศเป็นขุนนาง แต่ถึงอย่างนั้นตำแหน่งก็ยังต่ำกว่า การเป็นเค้าท์พาลาทีนแห่งจักรวรรดิอยู่ดี
มันเป็นเรื่องปรกติที่ผมจะให้ความสำคัญกับบรรดาศักดิ์ขุนนางของจักรวรรดิมากกว่าขุนนางของราชอาณาจักร
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามที ตำแหน่งดยุคนี่มันผิดกันเลย
ถึงมันจะเป็นบรรดาศักดิ์ที่ทรงเกียรติอย่างมาก แต่นี่มันโลกที่เกียรติยศพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไรหากไม่มีอาหารอยู่บนโต๊ะกินข้าว
การที่บาร์บาทอสไม่รับตำแหน่ง ดยุคแห่งออสเตอร์ลิทซ์ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว
หลังจากที่ผมให้คำมั่นสัญญาแล้วว่า ผมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวการเมืองภายในของพวกเขา ทิวทันก็เลยตัดสินใจตบรางวัลใหญ่ผมด้วยยศขุนนางซึ่งมันไม่สำคัญเท่าใดนัก
“ท่านเค้าท์ผู้ดูแลดันทาเลี่ยน ท่านได้รับอภิสิทธิ์ 3 ประการ
อย่างแรก , ยามที่ท่านปรารถนาจะมาพบข้า ท่านไม่จำเป็นต้องนัดหมาย
อย่างที่สอง , ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพต่อธงราชอาณาจักรของเราเมื่อเข้ามาในเขตรัฐสภา
อย่างที่สาม , ท่านไม่จำเป็นต้องปลดอาวุธเมื่อเข้ามาในเขตวังหลวง”
เจเรมิถึงผิวปากออกมา
มันเป็นการกระทำที่ไม่งามในช่วงที่มีการประกาศแบบนี้ แต่ไม่มีใครให้ความสนใจในเรื่องนั้น
แม้แต่ทูตผู้ส่งสารเองก็ยังคงสงบนิ่ง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพิธีรีตรองและความเย่อหยิ่ง
ผมยิ้มขื่นขมขณะลงมาจากที่นั่งอันทรงเกียรติของตัวเอง ผมคุกเข่าลงตรงหน้าทูต
“ผู้ดูแลดันทาเลี่ยน
โปรดรับราชทินนามนี้ไปด้วยความเคารพและโปรดปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเหล่าทวยเทพโดยไม่ผิดพลาด
จงรับใช้องค์เทพีผู้อยู่เหนือท่าน และดูแลผู้คนที่อยู่ใต้ท่าน
อย่างไรก็ดี พึงระลึกเถิดว่า เกียรติภูมินี้มาจากนายเหนือหัวของพวกเรา
ขอให้คำอวยพรแห่งองค์เทพี และคำสรรเสริญของผู้คนจงอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ !”
ทูตมอบราชสาส์นให้ผมกับมือ
ผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ต่างเริ่มส่งเสียงตะโกนดีใจและปรบมือให้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เป็นเสียงปรบมือที่ดังนักหรอก เพราะมันมาจากผู้บริหารของผม ตัวอย่างก็เช่นลาพิส นั่นก็เป็นเพราะว่า ผมไม่ได้ชวนชาวบ้านในดินแดนผมมาอยู่ที่นี่นด้วย
พอมาคิดๆดูแล้ว นี่ก็เป็นช่วงปลายฤดูหนาวแล้ว ไม่มีใครอยากจะออกจากบ้านมาสู้ภัยความหนาวกันหรอก
แถมมันคงจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากเสียด้วยที่จะให้ผู้คนมารวมตัวกันเพียงเพราะเจ้าของดินแดนนั้นมีงานจัดเลี้ยง
สู้ปล่อยให้เจ้าพวกคู่รักซุกตัวในบ้านอุ่นๆของตัวเองจะดีกว่า หากพวกนั้นอยากจะมาแสดงความยินดีกับผม ก็แสดงความยินดีในใจก็พอแล้ว
ผมนี่ออกจะเมตตาประชาชนของตัวเองเหมือนกันนะ
“เฮงซวยชิบ แล้วทำไมท่านต้องเรียกตัวผมมาด้วยล่ะ ?”
……พาร์ซิที่หน้าตาเหมือนหมีเอาแต่ทำหน้าบูดขณะสรรเสริญผม
พวกเราจัดงานเทศกาลใหญ่ในตัวเมือง หลังงานพระราชทานยศจบลง
ทั้งชาวบ้าน,เด็กกำพร้าและนักผจญภัยยากไร้ ต่างก็มารวมตัวกันทันทีที่ได้กลิ่นหมูกลิ่นไก่ที่มีทั้งกลิ่นปิ้งย่างและตุ๋นต้ม
“เจ้าเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือยังไง? เจ้าน่ะเป็นลูกน้องข้า ”
“เฮ่อ ผมนี่ , ชาติก่อนผมไปทำอะไรไว้หนา เทพีถึงได้โหดร้ายกับผมอย่างนี้ ?”
“เจ้าควรจะดีใจมิใช่รึ แทนที่จะเป็นนายพรานก็ได้เป็นตัวแทนของลอร์ดแห่งดินแดน แล้วยังจะหวังอะไรอีก ?”
สีหน้าพาร์ซินั้นดูดีมีระดับขึ้นมากหลังจากที่เขาเป็นผู้บริหารจัดการดินแดน แม้จะอายุเพียงยี่สิบปีก็ตาม
งานการบริหารนี้ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้
ดวงตาพาร์ซิกลับเบิกกว้าง ตอนนี้เจ้าหมอนี่มันดูเหมือนหมีควายตัวดำที่พบรังผึ้ง
“เอ้อ จะว่าไปแล้ว, นายท่าน !”
“เช็ดเศษไก่ออกจากหนวดเจ้าก่อนแล้วค่อยพูด ”
เอ็งนี่มันกักขฬะเกินไปจริงๆว่ะ
“ท่านน่ะ มอบตำแหน่งดีๆให้ผม แล้ว แต่ทำไมถึงไม่หาแม่สื่อให้ผมเสียทีล่ะ !?”
“อย่าบอกนะว่า……เจ้ายังไม่ได้หมั้นหมายน่ะ ?”
“อย่าว่าแต่หมั้นหมายเลยท่าน ไม่สาวคนไหนชายตามองผมด้วยซ้ำ !”
เจ้าสัตว์ป่าตัวดำเมี่ยมคำรามขึ้น
“ถึงจะเห็นผมรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ แต่ผมแข็งแรงนะ?
ผมไม่ได้เป็นนายพรานธรรมดาที่ดีแต่จับกระต่ายล่ากวาง ผมยังเป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้าน และตอนนี้ยังเป็นตัวแทนของลอร์ดอีกด้วย
แล้วทำไมถึงไม่มีผู้หญิงคนไหนมาสนใจผมเสียทีล่ะเนี่ย !?”
ผมออกจะประหลาดใจอยู่เหมือนกัน เขาอาจจะดูหยาบกระด้างไปสักหน่อย แต่เขาเป็นคนเก่งมีความสามารถคนหนึ่งเลย
ถึงจะดูอายุอานามเหมือนคนห้าสิบทั้งๆที่จริงๆอายุยี่สิบอยู่ก็เถอะนะ
ถึงแม้ขนตามตัวจะยุบยับจนทำให้หมอนี่ดูเหมือนออร์คภูเขามากกว่ามนุษย์
ถึงแม้ว่า มารยาทการกินจะเป็นเหตุให้เนื้อไก่ในซุปติดเปื้อนเต็มหนวดเคราไปหมด
……เอ๊ะ ? ทำไมผมถึงเจอแต่เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้แต่งงานเสียทีกันเนี่ย
“ไม่หรอก คนที่มีรูปร่างอย่างเจ้าน่ะ เป็นสามีที่ดีอยู่นะ,พาร์ซิเอ๋ย ”
“ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะเจ้าเด็กนั่น, ไอ้ลุค!”
ลุคงั้นหรือ? ทำไมอยู่ๆถึงยกเจ้านั่นมาพูดถึงล่ะ ?
“ไอ้หนูนั่นแม่งเที่ยวตั้มสาวๆในวัยกำลังแต่งงานไปทั่วเลย !
ไม่มีสาวไหนในหมู่บ้านเลยสักคนที่ไม่เคยหลับนอน หรือคิดจะหลับนอนกับไอ้เจ้านั่น !
ทำไมองค์เทพีไม่จับมันเผาทั้งเป็นเสียที?”
“อ้อ”
ผมก็เคยได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกันว่า ลุคนั้นเป็นเสือผู้หญิง
แม้จะอายุ สิบสี่ปีย่างสิบห้าก้ตาม แต่เขาก็เที่ยวออกล่าผู้หญิงด้วยความหื่นกระหายฃ
ผมหันไปมองลุคอีกฟากหนึ่งของย่านเมือง เห็นหมอนั่นห้อมล้อมไปด้วยสาวๆ
แต่เดิมลุคเองก็เป็นตัวเอกของเกม ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องหล่อเสียจนคุณยากจะเชื่อว่า เขานั้นเคยอยู่ในหมู่บ้านร้างมาก่อน
ความหล่อเหลาของเขานั้นเทียบได้กับรูปปั้นกรีกที่ถอดแบบออกมาแล้วขยับเดินได้
ทั้งผมที่ม้วนหยิกและนุ่มนวล หน้าผากที่เรียบกว้าง จมูกที่คมสัน ดวงตานักปฏิวัติที่ เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา แต่กลับกลายเป็นซีเรียสจริงจังได้ในทันที
ปากของเขานั้นสัญญิงสัญญาได้เสมอว่า จะมอบช่วงเวลาดีๆให้คุณ โทนเสียงของเด็กหนุ่มในวัยแรกรุ่นที่น่าฟัง
แถมเขายังมีทักษะบนเตียงเพราะได้รับการ ‘ฝึกสอนเป็นการส่วนตัว’ จากเจเรมิมาหลายต่อหลายปี
แถมเขาเองก็ยังได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผม ให้กลายเป็นรองหัวหน้าของทหารอาสาประจำเมืองด้วย
ถึงเขาจะอายุแค่ 15 ปีก็ตาม
อื้อมมม จะว่าไปเขาก็มีชีวิตดี๊ดีจริงๆนะ
เด็กสาวในดินแดนของผมก็โตมาด้วยการที่มีลุคเป็นค่ามาตรฐาน ดังนั้นแล้ว ผู้ชายธรรมดาๆคงไม่อาจทำให้พวกนางพอใจได้แล้วล่ะ
ผมหันหน้ากับมามองดู พาร์ซิที่ตอนนี้มีรองหัวหน้าลุคเป็นคู่แข่ง …….
“ทำไม? ทำไมท่านมองผมแบบนั้นวะครับ?”
เจ้าหมีที่ดูเหมือนหมีเสียยิ่งกว่าหมีตัวจริง มีขนเต็มตัว
……ถึงผมจะเป็นจอมมารที่ปกติไม่ค่อยจะร้องไห้ให้กับอะไรก็เถอะ แต่กับเรื่องนี้นี่ทำเอาผมอยากร้องไห้จริงๆนะ
“นายท่าน, หากเป็นอย่างนี้ต่อไป, ผมต้องโสดสนิทไปจนตายแน่ๆ ”
พาร์ซิขอร้องผมด้วยท่าทีที่สุดจะหมดหวัง
“แม้ผมจะต้องตาย แต่ผมก็อยากตายในขณะที่กำลังกอดลูกสาวตัวน้อยน่ารักไว้ในอ้อมแขน !
ได้โปรดหาคู่หมั้นจากที่อื่นที่ห่างไกลออกไปด้วยเถอะครับ !”
“พาร์ซิเอ๋ย,ข้าขอพูดกับเจ้า ไม่ใช่ในฐานะเจ้านายของเจ้า หากแต่เป็นบุรุษผู้หนึ่งก็แล้วกัน ”
ผมวางมือบนบ่าของพาร์ซิ
“การยอมแพ้ไปเลยง่ายกว่า
ที่เนินเขาวิมิน่อลน่ะมีซ่องอยู่เยอะรู้ไหม ?
เจ้าน่ะไปหาคนรัก สักคนหรือสองคนที่นั่นก็ได้ …….”
“อุว๊ากกกกกกก!”
สุดท้ายพาร์ซิก็ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นความโกรธของพวกเวอร์จิ้น
ถูกแล้วล่ะ เจ้าหมอนี่มันยังซิงอยู่ แม้รูปลักษณ์จะน่าเกลียดขนาดนี้ แต่พาร์ซินั้นมีคุณธรรมสูงส่ง เขาดื้อรั้นที่จะเก็บครั้งแรกของตัวเองไว้ให้กับคนที่จะเป็นภริยาของเขา …….ช่างเป็นชายที่น่าสงสารเหลือเกิน เขากำลังหาเรื่องให้ตัวเองชัดๆ
ณ ตอนนั้นเอง ผมได้ยินเสียงเหยียดหยันดังมาจากอีกฝั่ง
“เจ้าผู้ครองดินแดนที่แนะนำย่านโคมแดงให้กับชาวเมืองของตัวเอง จริยธรรมของนายช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินเสียจริง ”
เสียงนั่นเป็นของนักบุญหญิง แจ็คเกอลีน ลองวี่
เธอสวมชุดนักบวชหญิงสีขาวบริสุทธิ์
เหมือนผมกำลังคุยเล่นกับเพื่อนอยู่ดีๆแล้วมีคนมาขัด ทำเอาผมรู้สึกแย่นิดๆ
“……เพลิดเพลินกับงานเลี้ยงไหม ?”
“ก็พอสมควร ฉันประหลาดใจที่ได้รู้ว่า ถึงนิสัยของลอร์ดผู้ปกครองจะแย่ขนาดนี้ หากแต่ชาวบ้านชาวเมืองกลับมีความสุขและเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ”
ทำไมยัยคนนี้ถึงมาทำตัวแบบนี้ต่อหน้าพาร์ซิ ?
ต่อหน้าสาธารณชน ผมกับนักบุญหญิงต่างเป็นที่รู้กันว่า สนิทสนมเป็นอย่างมาก
พาร์ซิอาจเป็นลูกน้องของผมก็จริง แต่มันก็ยังเสี่ยงมากที่จะแสดงให้เขาเห็นว่า เราไม่ค่อยดีต่อกันเท่าไหร่นัก ผมมองแรงใส่เธอ
นักบุญหญิงลองวี่ก็ยังคงไม่สนใจ เธอกลับยิ้มอ่อนโยนให้กลับพาร์ซิ
“คุณคือ พาร์ซิ, ถูกไหมคะ? ฉันแจ็คเกอลีน ลองวี่, ข้ารับใช้ผู้ต้อยต่ำแห่งเทพีเอเธน่า
ฉันได้ยินมาว่า คุณเป็นผู้ตัดสินใจในธุระต่างๆในดินแดนแห่งนี้ ฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณมาหลายครั้งและนับถือคุณมากด้วย ”
“นะ-นะ-นับถือเลยเหรอ?”
พาร์ซิถึงกับอึ้ง แก้มของเขาแดงก่ำ
……เฮ่อ ไอ้เจ้าซิงนี่ โดนสาวน่ารักหยอดหวานเข้าหน่อยก็ไปเสียแล้ว
“โอ้ สวรรค์! ข้าเป็นเพียงลูกน้อง เป็นข้ารับใช้ของฝ่าบาทเท่านั้น ! อย่าได้ให้เกียรติอะไรผมขนาดนั้นเลย ”
“ฟุฟุ เผอิญฉันได้ยินสิ่งที่ท่านสนทนากับฝ่าบาทน่ะ ”
นักบุญหญิงป้องปากตัวเองแล้วหัวเราะคิกคัก
พาร์ซิเฝ้ามองเธอด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
เฮ่ออออ แค่นี้ก็หลงหัวปักหัวปำแล้ว
“ฉันเชื่อนะคะว่า คนเราสมควรที่จะรักษาความบริสุทธิ์ไว้จนกว่าจะถึงคืนวันแต่งงาน
ไม่เพียงแต่คุณจะทำหน้าที่ได้ชนชั้นสูงได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว หากแต่คุณเองก็ยังมีศรัทธาในหน้าที่ที่พึงมีแด่ทวยเทพอีกด้วย
นั่นทำเอาฉันปลาบปลื้มใจเลยค่ะ ”
“อ่า เอ่อ,คือ ,ผม…….”
แก้มของเจ้าพาร์ซิแดงจนจะกลายเป็นสีแอปเปิ้ลอยู่แล้ว สายตาของหมอนั่นกวาดไปรอบๆก่อนจะเปล่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมา
“มี-มีเรื่องที่ข้าต้องไปรายงานกับหัวหน้าหมู่บ้านคนอื่น ! ขออภัยด้วยครับ !”
พาร์ซิวิ่งหนีไป พระเจ้านี่มันเป็นข้ออ้างประเภทไหนกันวะเนี่ย พาร์ซิ?
สมองแกหาข้ออ้างดีกว่านี้ไม่ได้รึอย่างไรกัน?
ผมล่ะอับอายในฐานะเจ้านายแกจริงๆ …….
ผมได้แต่ถอนใจออกมา
“แกล้งเจ้าหนุ่มจิตใจใสซื่อ สนุกไหม?”
“สนุกสิ สนุกกว่าต้องมารับมือกับจอมมารอย่างนายเสียอีก ”
“เหอะ อย่ามาวุ่นวายกับพาร์ซิดีกว่า ”
นักบุญหญิงลองวี่จ้องมาที่ผม ตั้งใจทำเป็นหูทวนลมสินะ หา?
“ข้ากำลังจะบอกว่า เจ้าไม่ควรใช้พาร์ซิเป็นแหล่งข่าวของบริททานี่
พาร์ซิอาจเป็นคนอ่อนโยน แต่เขาก็เป็นบุคคลที่ตัวข้า,ดันทาเลี่ยน เลือกให้เป็นตัวแทนของข้า เธอเข้าใจความหมายไหม? ?”
“……ว่า ไม่ควรประเมินเขาต่ำเกินไปสินะ”
ผมยกยิ้มที่มุมปาก
“คิดว่า พาร์ซิทำแบบนั้นเพราะไม่สามารถหาภริยาได้จริงๆน่ะหรือ ?
เขารู้ฐานะตัวเองดี หากพาร์ซิไปแต่งงานกับตระกูลหรือครอบครัวที่มีอิทธิพลในหมู่บ้าน ก็เกิดความเสี่ยงว่า คนในหมู่บ้านจะมีอำนาจมากเกินไป
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเขาถึงยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ ”
“แต่เขาก็บ่นให้ท่านฟัง …….”
“เขาขอให้ข้าช่วยเขาหา คนรักที่มาจากดินแดนอื่น ”
เขาอยากได้ภรรยาที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีเครือข่ายที่นี่ พาร์ซิน่ะก็แกล่้งบ่นขำๆไปอย่างนั้นแหละ มันเป็นนิสัยของเขา
ถึงเขาจะไม่อยากแต่งงานกับตระกูลใหญ่ตระกูลโตที่มีชื่อเสียง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกลูกสาวชาวบ้านที่สามารถเป็นภรรยาเขาได้ก็ดันโดนลุคฟาดไปเกลี้ยงแล้ว
มันไม่ยุติธรรมเลยนะ เขาทำผิดตรงไหนกัน ? ……นั่นคือ บริบทของสิ่งที่พวกเราพูดคุยกัน
“ ‘จากที่ไหนก็ได้ไกลๆ’, นั่นคือ สิ่งที่เขาอยากได้จากคู่แต่งงานของเขา คำพูดนั่นไม่ได้ออกมาพล่อยๆหรอก ”
นักบุญหญิงเงียบกริบ
การที่เธอเองตามผมมายังดินแดนใต้การปกครองของผมนี้ มีเหตุผลทางการเมืองอยู่เบื้องหลังเช่นกัน การที่เธอเที่ยวตามเกาะติดผมแบบนี้ เป็นการจับตาดูผมด้วยเช่นกัน บางทีราชินีเฮนริเอตต้าอาจสั่งเธอมาให้ทำแบบนี้
สำหรับคนทั่วไปแล้ว เธอมาอยู่ที่นี่เนื่องจากงานสร้างวิหารเอเธน่าหลังหนึ่งในดินแดนของผม ผมจึงอ้าแขนต้อนรับเธอ เพราะนี่มันหมายถึง การสร้างบุคคลสำคัญทางศาสนาและการเมือง ที่เต็มใจจะเดินเข้ามาในดินแดนของผมด้วยตัวเอง
เธออาจจะมองข้ามหัวพาร์ซิไปก่อนหน้านี้ เพราะอยากจะหาจุดอ่อนในดินแดนใต้การปกครองของผม
แต่ผมจะดีใจมากหากเธอไม่ประเมินผมต่ำไปขนาดนั้น ใช่ว่าผมจะเลือกใครก็ได้มาเป็นลูกน้องเสียเมื่อไหร่
“เอาล่ะ พวกเรายินดีต้อนรับเธอ ข้าขอแนะนำว่าวันนี้ลืมๆเรื่องการวางแผนใดๆไปก่อน แล้วเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงในวันนี้จะดีกว่า
เพราะนั่นเป็นดั่งคำอวยพรของเธอที่มีให้กับคนของข้า ”
“……ถ้าอย่างนั้น ”
ผมยกแก้วขึ้นมา นักบุญหญิงชนแก้วผมเบาๆเสียงดังเคร้ง
“แด่อนาคตอันสดใสขององค์เทพี ”
“แด่ความปลอดภัยของผู้คน”
ขณะดื่มไวน์ผมก็มองไปรอบๆ ผมถึงได้รู้ตัวว่า ไม่เห็นหนึ่งในผู้บริหารของตัวเอง ผมนึกออกขึ้นมาได้เพราะผมเห็นลุค
พอมาคิดๆดูแล้ว ผมไม่เห็นเดซี่มาสักพักแล้ว