Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 346 ใจกลางจักรวรรดิ(6)
บทที่ 346 -ใจกลางจักรวรรดิ(6)
* * *
Ο
“เมื่อไหร่ดันทาเลี่ยนจะกลับมา !?”
กามิกินอาละวาดไปทั่ววังหลวง พร้อมกับตะโกนลั่น
ปลายชุดโทกะสไตล์จักรวรรดิโบราณลากยาวไปกับพื้น
เหล่าสาวใช้ที่ยืนประจำที่ทันทีที่รับรู้ถึงการมาของจอมมาร
มีทหารองค์รักษ์เอลฟ์หลายคนตามหลังกามิกินมาห่างๆ
“ฝะ-ฝ่าบาทขอรับ! หุนหันเช่นนี้มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับพวกข้ารับใช้นะขอรับ !”
“ท่านเค้าท์พาลาทีนไม่อยู่เพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องไปทำอยู่ที่แนวหน้า …….”
กามิกินหันขวับกลับมาในทันที
“จงเรียกข้า ว่าฝ่าบาทจอมมารด้วย , เด็กน้อย ”
“……!”
ปีศาจทั้งหมด รวมถึงทหารองค์รักษ์เองถึงกับคุกเข่าลงกับพื้น
พวกเขามิได้คุกเข่าลงด้วยเจตจำนงของตนเอง
หากแต่สมองของพวกเขาถูกแทรกแซงให้ต้องทำเช่นนั้น
เหล่าปีศาจทั้งหลายถึงกับตัวสั่นเทา ยามเมื่อถูกกดดันหนักด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งกว่าปรกติ
“ดันทาเลี่ยนเองก็เป็ฯจอมมาร มิใช่เค้าท์พาลาทีน
ดูเหมือนเด็กสมัยนี้จะลืมความจริงเรื่องนั้นไปเสียแล้วกระมัง ?”
“ขะ-ขอประทานอภัย , ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ ”
กามิกินสะบัดผม
“ข้ารู้ว่า ดันทาเลี่ยนกลับมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ไปเรียกเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้ ”
ปากของสาวใช้เผ่ามนุษย์สัตว์สั่นกึกๆ
อย่างที่กามิกินพูดไว้นั่นแหละ ท่านเค้าท์พาลาทีนได้กลับมาที่วังหลวงตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีคำสั่งอันเด็ดขาดที่ให้ไว้ว่า จงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ โดยเฉพาะกับบุคคลที่มีตำแหน่งสูงกว่าเค้าท์พาลาทีน
หากเธอตอบรับคำสั่ง กามิกิน ณ ตอนนี้มีหวังเธอได้ถูกฆ่าทิ้งแน่ๆ
“ฝ่าบาทเพคะ……ด้วยความเคารพอย่างสูง…….”
“แล้วเมื่อไหร่,”
พลังเวทย์มนตร์พุ่งทะลักออกมาจากดวงตาสีทองของกามิกิน
“เป็นแค่ข้ารับใช้ดาดๆแต่กลับกล้าต่อปากต่อคำกับจอมมารอย่างนั่้นหรือ ?”
“อ่า, อาาา, อ๊าาาา…….”
“ขอประทานอภัยด้วยค่ะ ”
หัวหน้าเมดบีบคอตัวเองไว้ด้วยสองมือ จนตัวเธอเองไอสำลักออกมาเพราะขาดอากาศหายใจ
หัวหน้าเมดพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอามือออกไปจากลำคอตัวเอง แต่มือทั้งสองปฏิเสธที่จะฟังคำสั่งของตัวเธอเอง
คอเรียวงามของเธอนั้นถูกบีบรัดด้วยพละกำลังของมนุษย์สัตว์
ไม่นานนัก ลมหายใจของเธอก็หมดลงจากนั้นเธอก็ทิ้งร่างลงกับพื้นหินอ่อนเย็นๆ
“ฟู่ววว”
รอยยิ้มแสดงถึงความพออกพอใจปรากฏบนริมฝีปากของกามิกิน การแสดงออกบนใบหน้าของเธอนั้นดูอ่อนโยนเสียจนคุณอาจไม่เชื่อด้วยซ้ำว่า เธอพึ่งบังคับให้ใครสักคนฆ่าตัวตายเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนนี้เอง เธอหันหน้าไปหาเป้าหมายต่อไป
ณ ตอนนั้นเองที่แรงกดดันที่ท่วมทับใส่ปีศาจก็มลายหายไปในทันที
เหล่าปีศาจกลับหายใจหอบหนักราวกับพึ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ
“ไม่น่าเชื่อ ทำไมเจ้าถึงทำอะไรป่าเถื่อนเช่นนี้ ……!?”
จอมมารอีกตนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องโถงใหญ่
“กามิกิน!”
บุคคลผู้นั้นคือ ไพมอนผู้มีเรือนผมแดงฉาน
เธอแอบนอนพักผ่อนอยู่ในห้องรับแขกอยู่หรือเปล่า? ถึงได้เร่งรีบมายังที่นี่เสียจนลืมจัดเสื้อผ้าที่ยังไม่เรียบร้อยดี
ไม่หรอก มันเกินคำว่า เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยไปไกลโข เธอมีเพียงผ้าห่มผืนบางๆพันรอบกายที่เปลือยเปล่าไว้
“โอ้? นี่ข้าทำให้เจ้าต้องฟื้นจากนิทรารมณ์อันหอมหวานอย่างนั้นรึ”
กามิกินยังคงฉีกยิ้มกว้าง
“นี่เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่า เจ้าทำอะไรลงไป !?”
“ข้าทำอะไรน่ะหรือ ? ข้าก็แสดงให้เจ้าพวกเด็กหยาบคายพวกนี้ได้รู้สำนึกไง ”
สีหน้าของไพมอนนั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“เจ้าฆ่าสาวใช้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ลงไป ”
“มันมีความผิดที่กล้าเรียกขานนามของจอมมารด้วยตำแหน่งฐานะของพวกมนุษย์ ทั้งยังขัดคำสั่งจอมมารทั้งที่เป็นปีศาจแท้ๆ
แค่นี้ก็ผิดมหันต์ตั้งสองอย่างแล้ว ”
“เจ้าฆ่าเด็กพวกนั้น ……!”
แหม ได้จังหวะพอดีเลย กามิกินคิดกับตัวเอง
เธอไม่เคยชอบใจนังปลวกตรงหน้าเธอเลย
ไม่ใช่ใครหรอก ก็ไพมอนนั่นเองแหละที่เป็นต้นคิดในการเผยแพร่อุดมคติบ้าๆบอๆที่บอกว่า จอมมารนั้นมิใช่สิ่งใดนอกจากผู้รับใช้ผู้คนในโลกปีศาจ
มีปีศาจมากมายที่ให้การสนับสนุนไพมอนเพราะดันไปเชื่อคำ เชื่อน้ำลายของเธอ
ก็สมแล้วแหละกับอีตัวจากเผ่าซัคคิวบัส
นังคนที่เที่ยวอ้าขาไปทั่วเพียงเพื่อหวังความนิยมจากผู้อื่น
กามิกินนั้นไต่ถึงลำดับ 4 ด้วยฝีมือและการวางแผนต่างๆด้วยความสามารถตัวเอง ดังนั้นสำหรับตัวเธอแล้ว ไพมอนมิได้ต่างไปจากกะหรี่ที่โชคดีเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะอย่างนั้นก็ตาม สิ่งที่กวนใจเธอที่สุดก็คือ ความจริงที่ว่า นังกะหรี่นั่นเป็นหนึ่งในคนรักของดันทาเลี่ยนด้วย
‘แม้เจ้าน่ะจะตั้งใจฆ่าเขาในทีแรก ’
แต่อยู่ๆก็กลับมาเสนอเรือนร่างให้เขาในทันทีที่เสียเปรียบ
เหอะ ก็เห็นๆกันอยู่นี่
(TTL : โอ้ย ช่วยด้วยชู้รักพี่แกใส่นัวกันแล้ววว)
หัวใจของกามิกินนั้นถูกแผดเผาด้วยเพลิงพิโรธ
ชายผู้ช่วงชิงหัวใจเธอไปนั้นไม่เคยพอใจกับแค่เธอคนเดียว จึงได้เที่ยวไปยุ่มย่ามกับหญิงอื่น
จากมุมมองของกามิกินนั้น สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บั่นทอนคุณค่าตัวเธอมากที่สุด
หากจะสั่งสอนบทเรียนแม่นี่สักหน่อย จะเป็นไรไป
กามิกินยิ้มสดใส
“แล้ว? แล้วเจ้าคิดจะลงโทษข้าอย่างนั้นหรือ ?”
“ข้าจะไปตามอัยการแห่งจักรวรรดิมา และฟ้องร้องเจ้า !”
“อุหวาา, กลัวจังเลย อัยการ ผู้คุมกฏหมายแห่งจักรวรรดิ?
จอมมารผู้อ่อนแออย่างข้า กลัวเสียจนคุมตัวเองไม่อยู่แล้วเนี่ย”
กามิกินยกแขนขวาขึ้น วงเวทย์สีทองอร่ามปรากฏขึ้นในอากาศ
“แต่เจ้ารู้อะไรบ้างไหม ยัยคนแสนดีไพมอนเอ๋ย ?”
เธอดีดนิ้วครั้งหนึ่ง
หัวขององค์รักษ์ระเบิดตูม
ชายผู้เคยเรียก กามิกินว่า ดัชเชสก่อนหน้านั่นเอง
“กรี๊ดดดดดด!”
สาวใช้ทั้งหลายกรีดร้องดังลั่นออกมา เลือดสาดกระจายไปทั่ว
ศพไร้หัวทรุดล้มลงในทันที
ปีศาจหลายตนถึงกับหมดสติล้มพับลงกับพื้นด้วยความตกใจกลัว
มีบางส่วนที่พยายามหนีในทันทีด้วยสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด แต่ถึงอย่างนั้น ก็นับเป็นเป็นโชคร้ายนัก หัวของพวกนั้นระเบิดแตกดังโพละทันที ณ ชั่วขณะที่กำลังจะออกจากห้องโถง
“…….”
ปากของไพมอนอ้ากว้างด้วยความตกใจ
ไม่นานนักความตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความขึ้งโกรธ
“เจ้าทำอะไรลงไป ……!?”
“หืมม? ข้าก็แค่ปฏิบัติตามกฏหมายของจักรวรรดิยังไงล่ะ ”
กามิกินจิ้มแก้มด้วยตัวเองด้วย
“เพื่อที่จะฟ้องร้อง กล่าวโทษผู้มีระดับเหนือกว่าเค้าท์ เจ้าก็ต้องมีพยานสามคนเป็นอย่างน้อย โดยต้องมีกึ่งชนชั้นสูงอยู่หนึ่งคน เจ้าก็คงจะเป็นพยานในตำแหน่งนั้น แต่อีกคนคนล่ะ ?”
ไพมอนหน้าซีดเผือด
สี่คนตายในชั่วพริบตา ณ ตอนนี้จึงเหลือคนเพียงหกคนอยู่ในห้องโถง
ทั้งสาวใช้และทหารองค์รักษ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในวังจะได้รับฐานะเป็นกึ่งชนชั้นสูง
แต่เหตุผลที่กามิกินยกกฏหมายตัวนี้ขึ้นมาก็เพื่อ …….
“มันจะดีมากเลยนะ ถ้าเจ้าปกป้องเจ้าหกคนนี้ไว้ได้น่ะ ”
เธอกำลังบอกให้ไพมอนลองพยายามหยุดเธอดู
เพียงสะบัดข้อมือหนึ่งครั้ง หัวของสาวใช้คนหนึ่งก็หลุดลงกองกับพื้น
กามิกินส่ายหัวอย่างร่าเริง
“เอ้ะ หรือควรจะบอกว่า ห้าดีล่ะ ? ฮิฮิ”
“…….”
ไพมอนกัดฟัน เธอไม่ได้เอายาเวทย์มาด้วยเนื่องจากเธอกำลังรีบร้อน
นี่นับเป็นความผิดพลาด
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า อีกฝ่ายจะกระทำการที่รุนแรงเช่นนี้
เธอก้าวเดินออกมาหน้าหน้าแล้วยืนอยู่ระหว่างเหล่าปีศาจและกามิกิน
ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้เลย
“เจ้าเองก็เสียสุดยอดวงเวทย์ประจำตัวของเจ้าไปจนหมดแล้วนี่ ข้าล่ะอยากรู้จัก เจ้าจะสั่งสอนอะไรข้าได้กันนะ ? หืมมม ไพมอนจ๋า? ข้าล่ะอยากรู้เสียจริงๆเลย ”
“…….”
“แค่คิดว่า วิธีการเดียวที่จะสั่งสอนข้าได้ก็ด้วยการใช้กฏหมายนี่ เจ้าไม่รู้สึกอายตัวเองบ้างหรืออย่างไรกันนะ ?”
กามิกินดีดนิ้ว
เสียงสายลมคมกริบสะบัดฉิวผ่านสาวใช้คนหนึ่งไป
ศีรษะของสาวใช้ผ่าแบ่งเป็น แปดชิ้น ไพมอนยกมือขวาขึ้น
สายลมนั้นพุ่งเข้าไปหาที่ปลายแขนของเธอ
“เอ๊ะ?”
กามิกินร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
เลือดกระเซ็นไปในอากาศ
แขนข้างที่เสริมพลังด้วยเวทย์มนตร์ไม่ถูกตัดจนขาด แต่แผลก็ลึกมากราวกับโดนฟันด้วยคมดาบ
ไพมอนปิดปากแน่นในขณะที่ร่างกายสั่นด้วยความเจ็บปวด
“อย่าบอกนะว่า……เจ้าจะใช้ร่างกายนั่นของเจ้า ทนเจ้านี่น่ะหรือ ?”
“…….”
ไพมอนมองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
ดวงสีแดงที่แน่แน่วคู่นั้น ทำให้กามิกินอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาเมื่อเห็นดังนั้น
“อ๊ะ, ฮ่าฮ่าฮ่า! ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! นี่มันผลงานชิ้นเอกแท้ๆเลยนี่นา !”
“…….”
“ไพมอนผู้ยิ่งใหญ่ ! จอมมารผู้ชักใยกองทัพจอมมาร !
กลับตกต่ำถึงขนาดที่ต้องเอาร่างกายมาป้องกันเวทย์ให้พวกนังสาวใช้กระจอกๆ !
อ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า !”
กามิกินถึงกับหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
ความโกรธในหัวใจมลายหายไปในทันที
เธอกลับรู้สึกสดชื่นขึ้นมาด้วยความพึงพอใจ
กามิกินพยายามนึกย้อนอยู่ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รู้สึกแบบนี้มันเมื่อไหร่กัน
ความเครียดสะสมที่ก่อตัวขึ้นมาโดยไม่ทันได้รู้ตัวมายาวนานกลับสลายหายไปในทันที
เธอหัวเราะดังลั่นราวกับทำสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จลุล่วงแล้ว
“แหม แหม , ดูเหมือนจะมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นสินะ ?”
ดันทาเลี่ยนเดินมาจากอีกฝั่งหนึ่งของห้องโถงหลังจากได้ยินเสียงของกามิกิน
ดันทาเลี่ยนหยุดกึกกลางทางขณะที่มองไปรอบห้องโถง
มีศพไร้หัวถึงห้าศพกระจัดกระจายทั่วพื้น และแขนขวาของไพมอนก็ได้รับบาดเจ็บหนัก
ดันทาเลี่ยนพยักหน้า
“ที่นี่ไม่เหมาะสมนักที่จะเป็นลานวิวาทกันของสาวๆ”
“ฮ่าฮ่า…… ทั้งหมดนี่เป็นเพราะนายมาช้างเองนะ ดันทาเลี่ยน ”
กามิกินหันหน้ากลับมาจ้องดันทาเลี่ยน
“มันจะไม่หนักหนาขนาดนี้ ถ้านายมาให้เร็วกว่านี้”
“ดูเหมือนข้าจะไม่มีเวลาให้ได้อยู่คนเดียวบ้างเอาเสียเลย
หลังจากกลับมาจากแนวหน้าที่ เครือจักรภพโพลิช-ลิทัวร์เนียพร้อมกับกองทหารของพวกเราแล้ว ก็มีคนมาเยือนกันกลางค่ำกลางคืนไม่หยุดหย่อน
การเป็นข้านี่ช่างลำบากเสียจริง ”
ดันทาเลี่ยนยักไหล่
กามิกินขมวดคิ้วมุ่ยยามได้ยินคำนั้น
“……เมื่อคืนวาน ?”
“ถูกต้อง บาร์บาทอส กับไพมอนก็มาหากันตามลำพังแบบนั้น ก่อกวนกันเก่งเสียเหลือเกิน”
หัวใจของกามิกินเย็นเฉียบ
เธอหันหัวช้าๆไปจ้องไพมอน
ไพมอนที่ไม่ได้สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเหมือนปกติ กามิกินคิดว่า ไพมอนเร่งรีบมาที่นี่หลังจากงัวเงียตื่นขึ้นมา
แล้วถ้าไพมอนนั้นอยู่ด้วยกันกับดันทาเลี่ยนเมื่อคืนล่ะ ?
แล้วถ้านั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมนางถึงมาที่นี่พร้อมกับผ้าห่มบางๆห่อรอบตัวผืนเดียว ?
“…….”
ความโกรธก่อตัวขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
หากเป็น บาร์บาทอส เธอยังพอเข้าใจได้ ดันทาเลี่ยนนั้นก้าวหน้าเติบใหญ่ขึ้นมา ประสบความสำเร็จด้วยฝ่ายที่ราบ เขาย่อมต้องภักดีต่อบาร์บาทอสเป็นธรรมดา
แต่เธอไม่อาจอภัยให้ไพมอนได้
เธอไม่ยอมปล่อย — นังอีตัวตรงหน้าเธอไปได้โดยง่าย
“แล้วนายก็กลับมา โดยไม่บอกข้าน่ะรึ ”
กามิกินบ่นกับตัวเอง
“……อ่า”
ดันทาเลี่ยนสัมผัสได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของเธอ ทำเอาเขาขมวดคิ้ว
“นายไม่ยอมบอกกับฉันว่า นายกลับมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว แต่กลับบาร์บาทอสและนังนี่ กลับรู้ว่านายกลับมาแล้ว? ได้ยังไงกัน? ทำไมกัน? ”
“กามิกิน เย็นไว้ มันมีเรื่องที่ข้าต้องรีบจัดการก่อน ”
“หลับนอนกับอีกะหรี่นี่ คือ สิ่งที่ต้องจัดการก่อนอย่างนั้นเหรอ หาาา? ”
กามิกินเย้ยหยันด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ดันทาเลี่ยนถอนใจออกมา
“กามิกิน เราไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว เธอน่ะ หัวร้อนโกรธง่ายเกินไป
ข้าก็แค่งานยุ่งนิดหน่อย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเมินเธอ ”
“เจ้าเมินข้า แถมนังนั่น!”
กามิกินชี้ไปที่ไพมอน
“นังนั่นมันรู้ แต่ข้าไม่รู้ ! ข้าคงจะเป็นนังโง่ที่เฝ้ารอต่อไปหาไม่มีหูมีตาอยู่ในวังหลวง !
แล้วจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง ในเมื่อทุกอย่างมันโจ่งแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้แล้ว —.”
“ใช่แล้วล่ะ”
ไพมอนแทรกบทสนทนากลางคัน เธอยิ้มออกมาอย่างไม่สบายใจนัก
“ดันทาเลี่ยนบอกข้าก่อนแล้ว ”
“เดี๋ยวก่อน, ไพมอน มาพูดอะไรกันตอนนี้ ?”
ดันทาเลี่ยนพยายามห้ามไพมอน ด้วยท่าทางตื่นตระหนก
แต่ถึงอย่างนั้นไพมอนกลับเข้ามาชิดใกล้ดันทาเลี่ยน เอนร่างแนบกับแขนของเขา
ไพมอนยกยิ้มที่มุมปากขณะหันหน้าหากามิกินราวกับเยาะหยันอีกฝ่าย
“พวกเราน่ะ คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้กันทั้งคืนเลย
เจ้าคงจะพอจินตนาการได้ใช่ไหม ว่าข้าตื่นขึ้นมาที่ไหนในตอนเช้า ?”
“แก……!”
“ข้าไม่เหมือนเจ้านะ กามิกิน ,ข้าไม่ได้ผูกมัดเขาไว้กับตัวแบบเจ้า ”
กามิกินสติขาดจนไม่มีเหตุผลอยู่ในหัวอีกต่อไป
กามิกินปล่อยคมมีดสายลมออกมาชุดใหญ่
มุ่งตรงไปที่หัวของไพมอน