Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 143 ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้(5)
* * *
ขากลับจากงานเลี้ยง
“คุฮุฮุ”
ผมหัวเราะกับตัวเองนับตั้งแต่ที่ก้าวเท้าขึ้นรถม้า
ลาพิสที่นั่งอยู่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามจ้องมองผม ชุดเธอใส่ไม่สบายหนือยังไงกันนะ เธอถึงได้ทำท่าเหมือนเก้งก้าง พลางจับปลายชุดเดรสตรงจุดที่แหวก
“มีอะไรตลกอย่างนั้นหรือคะ?”
“ก็นะ สีหน้าของหมอนั่นตอนที่ข้าเปิดเมโมเรียน่ะสิ ทีแรกเขาทำตัวเหมือนสุภาพบุรุษคนหนึ่งจนกระทั่งได้เห็นมันนั่นแหละ สีหน้าที่ปั้นไว้แทบจะพังทลายในเสี้ยววินาทีเลย”
“…….”
ลาพิสมองผมเงียบๆด้วยความขยะแขยง ผมไม่สนใจเธอแล้วยังคงนั่งนับนิ้วมือ
มาดูกันซิ บาร์บาทอสนั้นปากเปราะไปเที่ยวเล่าเรื่องที่เรา ‘เล่น’ ให้จอมมารผู้หญิงถึง 15 คน ฟัง ผมเจอดยุคจากนรกไปประมาณ 17 คน แต่ผมเปิดสิ่งที่บันทึกไว้จาก เมโมเรีย อาติแฟคให้ดูไป 7 คน ดังนั้น…….
“เอาจริงๆ ข้าปล่อยวิดีโอนั่นมากกว่าแม่นั่นไป 8 คนถ้วนๆ”
ผมหัวเราะหึๆ เสียงหัวเราะของผมขนาดตัวเองฟังเองยังรู้สึกเลยว่า ช่างชั่วร้าย แต่แหม ก็อย่างว่าแหละ จอมมารก็ต้องดูชั่วหน่อยสิ
เชื่อไหม คุณคงไม่สามารถหาจอมมารตนไหนที่จริงใจและน่าเชื่อถือเท่าผมอีกแล้ว ผู้เป็นสัญลักลักษณ์แห่งความไว้ใจได้ และน่าเชื่อถือ ดันทาเลี่ยนผู้นี้
แม้จะให้ทุกคนมาล้อมหน้าล้อมหลังสรรเสริญผมก็ยังไม่เพียงพอกับความยิ่งใหญ่นั้นด้วยซ้ำไป
“การที่เอาคืนในระดับที่เสมอกันพอดิบพอดี ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ทำให้ข้ารู้สึกได้ถึงสำนึกความรู้ผิดชอบชั่วดี”
“……อะไรนะคะ”
ลาพิสทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที
“ดิฉันอาจจะหยาบคายไปสักหน่อย แต่ดิฉันคิดว่า ดิฉันได้ยินคำว่า สำนึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
……จากความรู้ของดิฉัน บนโลกนี้ไม่มีใครห่างไกลคำนั้นมากไปกว่าฝ่าบาทแล้วค่ะ ดังนั้นดิฉันต้องได้ยินผิดไปเป็นแน่”
“ไม่เลย เจ้าได้ยินถูกต้องแล้ว ลองคิดดูซี่! ข้าสามารถเอาคืนในสิ่งที่ทำกับข้า แต่ข้าก็ทำไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไป สามารถแก้แค้นได้เท่ากับที่ถูกกระทำเลยเชียวนะ”
ผมสมควรจะได้รับการเลือกเป็นตัวแทนที่ให้แรงบันดาลใจด้วยความเที่ยงธรรมของผมเสียจริง
“ผู้ดำเนินการอันชอบธรรม ผู้พิพากษาผู้ชาญฉลาด และพาร์ทเนอร์ผู้ซื่อสัตย์ พวกนั้นเป็นแค่หนึ่งในไม่กี่ฉายาที่จะนิยามความเป็นตัวข้า แม้มันจะน้อยไปหน่อยก็เถอะ เดี๋ยวผู้คนก็ต้องประดิษฐ์คิดฉายาใหม่ให้ข้าอยู่ดี”
คลื่นอารมณ์แห่งความเสียใจซัดใส่ผมจนผมต้องอึ้ง มันเหมือนผมนั้นได้เป็นพยานของอะไรบางอย่างที่งดงามเสียจนเกินกว่าจะจินตนาการถึงได้ แม้แต่ความโศกเศร้าเช่นนั้นยังไม่อาจใช้ถ้อยคำคำได้บรรยายความงามจับตาแบบนั้นได้ด้วยซ้ำ
ผมพยักหน้าให้กับอารมณ์ที่ผสมผเสกันอยู่เบื้องหน้า
“แต่นี่แหละชีวิต เจ้าไม่สามารถแสดงตัวตนแท้จริงออกมาแม้จะปรารถนา ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใด ก็ไม่อาจแสดงธาตุแท้ได้อย่างเต็มที่
ความคับข้องใจอันไม่สิ้นสุดของการแข็งขืนและความซ้ำซาก…….ตัวข้านั้นได้กลายเป็นรูปลักษณ์แห่งตัวตนที่ยิ่งใหญ่จนไม่อาจให้ผู้ใดมานิยามได้แล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเหลือเกิน”
“…….”
ลาพิสมองผมอย่างเงียบๆ สีหน้าของเธอนั้นเป็นเหมือนส่วนผสมระหว่างความสับสนและความรำคาญใจ เธอคลายสายรัดชุดของเธอคล้ายกับเธอกำลังแน่นอึดอัด
ผมวางมือไว้ที่หน้าต่างรถม้าก่อนจะถามเธอ
“ที่นี่อึดอัดสำหรับเธอหรือ? จะให้ข้าเปิดหน้าต่างให้ไหม?”
“หากท่านเปิดหน้าต่างแล้วกระโดดออกไปนะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน ทำเลยค่ะ”
“ไม่ ข้าไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นสักหน่อย”
ลาพิสถอนใจออกมา เธอบ่นกับตัวเอง ผมได้ยินไม่ชัดหรอก แต่น่าจะเกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่ไม่ดีในอดีต และเรื่องไม่ดีของใครสักคนที่หน้าด้านสุดๆ พูดง่ายๆคือ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมนั่นเอง!
ผมเลิกหยอกล้อ ก่อนจะหยิบกระดาษมาจากแขนเสื้อ ผมเขียนลงไปว่า ‘อาร์คดยุคคาโคลา , 2,000,000, 6 เดือน’ เป็นภาษาเกาหลี มันมีชื่อของอาร์คดยุคอีกหลายคนที่สัญญาว่าจะให้การสนับสนุนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้น
“ตอนนี้ก็ได้รับสัญญาถึง 10 ล้านโกลด์แล้ว”
“……ดังนั้นพวกเราก็ไปถึงเป้าหมายแรกกันแล้วสินะคะ”
หน้าของลาพิสกลับจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงเงิน ลาพิสนั้นไม่ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำเลยแม้แต่น้อย หากเป็นเรื่องนี้เธอจะชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
“ต่อจากนี้ท่านตั้งใจที่จะขอความช่วยเหลือจากอาร์คดยุคหรือคะ?”
“แผนของเราได้ผลแล้วน่ะ”
ผมได้ขู่ไปว่าจะจัดการกับพวกอาร์คดยุค ด้วยการที่จอมมารระดับสูงได้แอบสร้างพันธมิตรลับๆขึ้น พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะจัดการกับโลกปีศาจก่อนจะพิชิตโลกมนุษย์และบาร์บาทอสเป็นฝ่ายค้านเรื่องนั้น……ทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก
มันไม่มีทางที่ไอ้พันธมิตรแบบนั้นจะตั้งขึ้นมาได้หรอก ผมเพียงแค่ทำให้กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราทำในสิ่งดูไม่น่าจะเป็นไปได้ ให้มันมีโอกาสเป็นไปได้เท่านั้น
ทำไมกองทัพทุกภาคส่วนถึงได้มารวมกัน ณ จุดเดียวล่ะ?
ทำไมกองกำลังฝ่ายที่ราบถึงได้ทำเป็นไม่รับรู้เรื่องความผิดร้ายแรงของฝ่ายภูเขาล่ะ? ทำไม……?
สถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือการคาดการณ์ของอาร์คดยุค ยิ่งอ่อนไหวต่อข้อมูลใหม่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพยายามคิดคำนวนอย่างสิ้นหวังหวาดกลัวเพื่อหาความจริงมากเท่านั้น
ผมโยนคำตอบที่พอจะฟังสมเหตุสมผลไปตอนที่พวกเขานั้นกำลังหมดหนทาง ผมบอกพวกเขาว่า มันเป็นแผนการที่หวังจะกำจัดอาร์คดยุคทั้งหลาย
“ข้าล่ะดีใจจริงๆที่พวกอาร์คดยุคฉลาด”
“ท่านดีใจหรือคะ? ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นปัญหา หากฝ่ายตรงข้ามฉลาดไม่ใช่หรือคะ?”
“เอาล่ะ ปกติก็เป็นแบบนั้นแหละ แต่ถึงอย่างนั้นกรณีนี้มันผิดไป ด้วยความฉลาดหลักแหลมของอาร์คดยุคพวกนั้นเองนั่นแหละที่ทำให้ตนเองหลงเข้าใจผิดไป”
พวกเรารู้ว่า สิ่งใดและเกิดได้อย่างไร แต่พวกเขาไม่รู้ว่า ‘ทำไม’ พอเป็นอย่างนี้คนฉลาดจะพยายามคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในทางที่เลวร้ายที่สุดแทนที่จะคิดในทางที่ดี พวกเขาต่างเฝ้าระวังสงสัยสิ่งที่เกิดขึ้น
มันก็ไม่ต่างจากเกมกระดานโกะ ที่มืออาชีพสองคนเผชิญหน้ากันแล้วฝ่ายหนึ่งเดินหมากที่ไม่คาดฝันมาก่อน
มืออาชีพอีกฝ่ายหนึ่งจะคิดอย่างไรล่ะ? มันอาจจะมีความหมายบางอย่างในการเดินตานี้ก็เป็นได้ ข้าไม่ควรคลายความระวัง ข้าควรจะใส่ใจให้มาก
“หากอาร์คดยุคพวกนั้นไม่ฉลาดพอ ก็จะบ้าหน้าด้านเข้ามาท้าทายตรงๆ แผนของข้าก็จะไร้ประโยชน์ไปทันที นั่นแหละจึงนับเป็นสิ่งดีที่เหล่าอาร์คดยุคนั้นฉลาด”
“ความฉลาดกลับทำร้ายเจ้าตัวสินะคะ”
ลาพิสบ่นพึมพัมออกมาทั้งที่เหม่อลอย เธอทำงานทั้งชีวิตด้วยความฉลาดหลักแหลม สิ่งที่ผมพูดคงกระทบเธอด้วยเช่นกัน
ฉลาดอย่างเดียวน่ะไม่พอ คุณต้องเชื่อในตนเองด้วย โลกนี้หมุนรอบตัวข้า ข้าจะทำให้มันเกิดขึ้นให้ได้ คุณต้องมั่นใจระดับนั้นเลยล่ะ จอมมารระดับสูงทั้งหลายแอบจับมือกันแล้วพยายามจะบุกโจมตีอย่างนั้นรึ?
ไร้สาระชิบหายเลยว่ะ!
คุณต้องมั่นคงแน่วแน่พอจะประกาศอย่างนั้นออกมาได้
ผมแอบหัวเราะเบาๆกับตัวเอง
‘แต่ ผมก็ไม่เคยเป็นคนแบบนั้นนะ’
น่าเสียใจนัก ที่ผมนั้นเป็นคนประเภทเดียวกับอาร์คดยุค ผมสงสัยมันทุกสิ่งอย่าง ผมจึงสามารถคาดเดาการกระทำอาร์คดยุคได้ก็เพราะผมเป็นคนจำพวกเดียวกับพวกเขา เช่นเดียวกับที่แผนนั้นได้ผลนั่นแหละ
สมญานามว่าเป็นฮีโร่ ผู้กล้านั้นเหมาะกับคนอย่าง เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอลิซาเบธ เธอนั้นทั้งฉลาดและยังใจกว้าง แถมยังมีพรสวรรค์ที่เปล่งประกายอีกด้วย
ผมล่ะอิจฉานัก แต่ผมไม่ยอมแพ้
มันยังมีสิ่งที่คนช่างระแวงระวังจะสามารถทำได้อยู่ แม้แต่ทาสผู้ต่ำต้อยที่สุดก็ยังมีโอกาสจะกระซวกมีดเข้าสู่หัวใจจักรพรรดิได้
“ท่านดันทาเลี่ยนคะ มีสิ่งที่ดิฉันอยากถามค่ะ”
“ถามข้าได้ทุกอย่างเลย ข้าจะบอกทุกอย่างยกเว้นกางเกงในของข้านะ”
“……ดิฉันรู้ดีอยู่แล้วค่ะว่า ท่านดันทาเลี่ยนไม่ได้ใส่กางเกงใน”
อะไรนะ?
“ธะ-เธอรู้ได้ยังไง?”
“คิดว่า ใครเป็นผู้ตระเตรียมเสื้อผ้าที่ท่านใส่มาจนถึงตอนนี้ล่ะคะ?
ไม่ว่าจะชุดคลุม กางเกง เสื้อ ดิฉันเตรียมให้ทั้งหมดเลยค่ะ กางเกงในเป็นสิ่งเดียวที่ท่านไม่เคยขอ”
ลาพิสจ้องมองผมด้วยสายตารังเกียจ
“ดิฉันยังตระหนักถึงเรื่องที่จอมมารนั้นมีระบบการเผาผลาญพลังงานที่ต่ำอยู่แล้ว หลายวันผ่านไปท่านก็ไม่มีเหงื่อออกแม้แต่หยดเดียว ดังนั้นการที่ไม่สั่งกางเกงในนั้นถือว่า…….”
“ข้าขอโทษ ถามคำถามมาเลย”
ผมก้มหัวขอโทษ ผมควรจะฟังคำถามของเธอดีๆแทนที่จะยิงมุกตลก สุดท้ายกลับโดนฟาดเสียเอง
การสวนกลับที่ผมไม่แม้แต่จะเปิดช่องให้อาร์คดยุคคาโคลาทำได้ด้วยซ้ำ แต่ลาพิสกลับทำได้สบายๆราวกับหายใจ จะไม่ให้มองว่า เธอนั้นน่ากลัวได้ยังไงกันล่ะ?
“ตอนนี้ท่านได้พบอาร์คดยุคทั้งหมด 17 คน”
“ฮืมฮึ”
“แต่ถึงอย่างนั้น ท่านก็ขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเพียงแค่ 6 คน ดิฉันไม่เข้าใจ มันไม่ดีกว่าหรือคะ หากท่านจะรับความช่วยเหลือจากทั้งหมด 17 อาร์คดยุคเลย?”
“ไม่”
ผมปฏิเสธทันควัน
“ลาพิส เธอกำลังจะบอกว่า มันดีกว่าหากได้รับเงิน ล้านหรือสองล้านโกลด์จากทั้งหมด 17 อาร์คดยุคใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ท่านรับการช่วยเหลือจากอาร์คดยุคเพียง 6 คนจากพวกนั้น แถมท่านยังตั้งใจจะหาให้ได้ 10 ล้านโกลด์ด้วย ใครจะไปรู้ว่า ท่านจะได้รับเท่าไหร่หากท่านรับมาทั้งหมดจาก 17 อาร์คดยุค…….”
“ฮ่าฮ่า”
ผมหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ
“นั่นก็เพื่อยกระดับความระวัง”
“ความระวัง……?”
“ถูกต้องแล้ว เหล่าอาร์คดยุคนั้นมิใช่คนโง่ พวกเขาส่งเงินมาให้ราว 1 ถึง 2 ล้านโกลด์ ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาน่ะจะไม่หาข้อมูลเลยทั้งที่จ่ายเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นไป”
เหล่าอาร์คดยุคจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้อมูลเพื่อยืนยันว่า สิ่งที่ข้าพูดไปน่ะใช่เรื่องจริงหรือเปล่า ดังนั้นก่อนถึงก็ต้องไปพบปะกับอาร์คดยุคคนอื่นที่รู้จัก
และเมื่อพบว่า มีแค่บางกลุ่มที่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งเงินให้กับดันทาเลี่ยน―และบางกลุ่มไม่ได้สัญญาว่าจะเสนอเงินให้
“เธอเข้าใจไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร?”
“ดิฉันต้องขออภัยค่ะ”
โอ้ แหม ดูเหมือนลาพิสจะไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลยสินะ จึงอยู่ที่เธอนั้นมีทักษะมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเรื่องทางการเงินแต่กลับอ่อนเรื่องเกมของอำนาจสินะ
เหมือนผมควรให้คำใบ้กับเธอสักหน่อย
“ลองคิดดูสิ อาร์คดยุคที่ให้การสนับสนุนจะเข้าใจว่าอย่างไร
พวกนั้นจะเริ่มเชื่อว่า บุคคลที่จ่ายเงินก้อนใหญ่ไปนั้น เป็นการจ่ายเพื่อ ยืนยัน ‘ความปลอดภัย’ ของตัวเอง”
“……!”
ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ดูเหมือนเธอจะคิดออกแล้ว
“เพื่อทำให้พวกเขาเข้าใจว่า ท่านน่ะเลือกปฏิบัติ……?”
ผมพยักหน้า
“จอมมารระดับสูงนั้นไม่ได้เรียกร้องความภักดีจากอาร์คดยุคทุกคน คำขอพวกเขานั้นต้องการจะพิสูจน์ความจริงใจจากอาร์คดยุคกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง
พอเป็นอย่างนั้นเข้า จะเกิดอะไรล่ะกับอาร์คดยุคที่ไม่ได้เสนอตัวจะสนับสนุนพวกเขา?
ทำไมพวกเขาถึงรับเงินแค่จากอาร์คดยุคบางคน ไม่รับเงินจากอาร์คดยุคคนอื่นๆทุกคนล่ะ……?”
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากผม
“แล้วจินตนาการได้ไหมว่า อาร์คดยุคที่เสนอเงินจะคิดยังไง?”
“ท่านกำลังแสดงตัวอย่างให้เห็น……อย่างนั้นหรือคะ?”
ในที่สุดลาพิสก็พูดคำนั้นออกมา
บิงโก!
“เหล่าจอมมารไม่ได้ล้มเลิกแนวคิดที่จะพิชิตโลกปีศาจไปทั้งหมดหรอก พวกเขาแค่ต้องการจะแยกพวกภักดีกับพวกไม่ภักดีออกจากกัน
ดันทาเลี่ยนไม่ใช่คนเก็บส่วยที่มาตามเก็บเงินทุกเม็ด แต่เขาเป็นดั่งทูตที่มีเป้าหมายเพื่อเลือกว่า ควรไว้ชีวิตอาร์คดยุคคนใด และควรฆ่าอาร์คดยุคคนไหน……. นั่นคือสิ่งที่เหล่าอาร์คดยุคคิด”
พวกเขาจะตัวสั่นด้วยความกลัว
พวกเขาจะตระหนักได้ว่า ควรจะหนีให้รอดพ้นจากการฆ่าล้าง
“ท้ายทอยและแผ่นหลังของพวกเขาจะชุ่มไปด้วยเหงื่อทันทีที่ตระหนักถึงเรื่องนี้”
พอมานึกถึงท่าทางของพวกเขาแล้วจะไม่ให้ขำออกมาได้อย่างไรกัน
“นั่นแหละทำไมข้าถึงไม่พยายามมากเกินไป ข้าเว้นอาร์คดยุคพวกที่เกลียดชังจอมมารอย่างเปิดเผย และข่มขู่นิดหน่อย ก่อนจะจบลงด้วยการพูดคุย ข้าจะรับเงินมาจากอาร์คดยุคที่อ่อนน้อมต่อจอมมารเท่านั้น”
“นั่นเป็นสาเหตุที่ท่านเรียกใช้งานสปายเพื่อหาข้อมูลในโลกปีศาจเมื่อเดือนก่อนน่ะหรือคะ?”
“นั่นก็เพื่อดูว่า พฤติกรรมปกติของพวกอาร์คดยุคนั้นเป็นยังไงน่ะ.”
ผลที่ได้ก็คือ ผมพบว่า มีเพียงอาร์คดยุค 9 คนที่ออกจะนับถือเหล่าจอมมาร ที่เหลือนั้นไม่ให้ความร่วมมือเลย
ไม่สิ ถ้าพูดให้ตรงประเด็นกว่านั้น พวกเขานั้นไม่ให้ความร่วมมือกับกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
แถมบางคนในกลุ่มนั้นยังสนับสนุนทางการเงินให้กับจอมมารระดับล่างด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกจอมมารจากฝ่ายภูเขาถึงได้มีกำลังใจมากมายซะเหลือเกิน พวกมันช่างหน้าด้านเสียจนผมพูดไม่ออก
“เอาล่ะๆ ถึงอย่างไรซะนั้นก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายเดียวของผม ในเร็วๆนี้อาร์คดยุคพวกนั้นก็จะ―”
ตอนนั้นเอง ที่มีเสียงระเบิดดังขึ้นตรงหน้ารถม้าของพวกเรา รถม้าสั่นก่อนที่จะเสียสมดุลแล้วคว่ำ ลาพิสรีบลุกขึ้นเอาตัวกำบังผม
“ท่านดันทาเลี่ยน ก้มหัวไว้ค่ะ”
ผมไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป ลาพิสก็ประคองหัวผมแนบไว้กับอกของเธออย่างรอบคอบก่อนที่จะกระแทกกับพื้นรถม้า
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเสียงระเบิดก็ดังอีกระลอก คราวนี้มาจากทางฝั่งขวาของรถม้า
ตอนนั้นผมรู้ขึ้นมาทันทีโดยสัญชาตญาณว่า เกิดอะไรขึ้นในขณะที่ผมถูกลาพิสประคองไว้
‘นี่มัน การก่อการร้าย!’