Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 144 ข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้(6)
รถม้าพลิกคว่ำ ทั้งลาพิสและผมต่างกระเด้งตัวไปมาเหมือนกระเป๋าสัมภาระ
คนขับร้องออกมาด้วยความตกใจขณะที่ประคองรถม้า
– แคร่กกก!
ด้านข้างของตัวรถของรถม้าเสียดเข้ากับตัวถนน ร่างของพวกเราพลิกแล้วกระแทกเข้ากับผนังห้องโดยสาร ต้องขอบคุณลาพิสที่ทำให้แรงกระแทกมันลดทอนลงไป ซึ่งนั่นก็แปลว่า แผ่นหลังบางๆของลาพิสนั้นจะถูกกระแทกแทน เธอร้องออกมาสั้นๆ
“ลาพิส!”
แม่งเอ๊ย! ผมรีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวลาพิสมาอยู่ในอ้อมแขน เธอไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงอะไรใช่ไหม?
“ท่าน ดันทาเลี่ยน”
ใบหน้าของลาพิสบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้นดวงตาของเธอยังคงแจ่มชัด
‘ไม่ต้องห่วงเรื่องของดิฉันค่ะ มีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าดิฉันที่ท่านควรเป็นห่วง’
ดวงตาเย็นชาคู่นั้นของเธอกำลังพูดอย่างนั้น ผมรู้สึกสงบลงได้ในทันที
ผมช่วยเธอขึ้นมา แล้วออกจากตัวคันรถเร็วที่สุด ผมไม่รู้ว่าใครจู่โจมพวกเราแต่ดูเหมือนจะเล็งไปที่ตัวรถ
ผมถีบประตูรถม้าออก ลาพิสพูดทั้งที่อ่อนแรงขณะที่เอนตัวพิงผม
“ท่านดันทาเลี่ยน ไปก่อน…….”
“หุบปาก”
ไอ้ที่บอกว่า ให้ไปก่อน นั่นหมายความว่ายังไง? เธอคงหมายถึงจะให้ผมหนีไปก่อน จะพูดจะทำอะไรไร้สาระก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย
ลาพิสยังคงพยายามจะพูดอะไรบางอย่างทั้งที่ผมประคองเธออยู่ แต่ผมไม่ได้ยิน มันไม่ได้มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น ผมมุ่งสมาธิไปที่อย่างอื่นแทนการฟังอะไรไร้สาระ
ผมตะโกนอยู่ในหัว ขณะที่พวกเราหนีออกมาจากคันรถได้
‘หัดทำงานทำการกันมั่งสิวะ ไอ้ห่า!’
ผมพูดกับเดธไน้ท์ของตัวเอง ปกติแล้วพวกมันจะอยู่ในเงาของผมในร่างวิญญาณ กลุ่มสสารมืดสีดำค่อยๆเคลื่อนอย่างเฉยชาในเงาเมื่อผมตะโกนใส่
แล้วพวกมันก็ออกมาจากเงาของผม เดธไน้ท์ทั้ง 10 ตัวก็โผล่มาในสภาพที่มีร่างกาย
– ดูเหมือนท่านกำลังเจอปัญหานะ นายท่านชั่วคราว
หนึ่งในเดธไน้ท์แสดงความเห็นออกมาด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน เดธไน้ท์เลิกร้องเหมือนสัตว์นับตั้งแต่อาชีพ<จอมมาร>ขึ้นจากแร๊งค์ E เป็น แร๊งค์ D พวกมันสามารถพูดปกติกับผมได้เแล้ว และโดยมากมันมักทำเสียงรำคาญแบบนี้
“พวกเราถูกโจมตี ปกป้องข้าและลาพิส”
ตอนนี้พวกเราอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีเวลามาสนใจวิธีการพูดของพวกมันแล้ว
เสียงหัวเราะคิกดังขึ้นหลังหมวกสีดำที่สวมโดยเดธไน้ท์
– ฝ่าบาทบาร์บาทอสสั่งให้พวกเราปกป้องนายท่านชั่วคราวเท่านั้น พวกเราได้อยากจะมาปกป้องซัคคิวบัสต่ำๆนั่น อย่ามาทำเหมือนพวกเราเป็นทหารรับจ้าง
“ฟังนะ ไอ้พวกเวร ถึงหัวจะเน่าแต่พวกแกก็มีหู แกก็ควรจะเข้าใจสิวะ ถ้าลาพิสตาย ข้าจะฆ่าตัวตายตามทันที เข้าใจไหมวะ? อย่ามาเถียง ปกป้องข้าและลาพิสซะ”
เดธไน้ท์ฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่พูดมากความ นี่ผ่านไปกี่วินาทีแล้ว?
ไฟร์บอลพุ่งใส่พวกเราจากที่ไกลๆ พวกมันตั้งใจเล็งไปที่พวกเรา เดธไน้ท์ยกดาบขึ้นแล้วฟันไฟร์บอลทิ้ง
“เดธไน้ท์!”
“แยกกลุ่มออกไป! อย่าให้พวกมันเข้าใจแก!”
ผมได้ยินเสียงคำสั่ง
รถม้าของเราขับผ่านเส้นทางที่ไม่ค่อยมีใครสัญจร พวกมันเล็งโอกาสนี้ไว้ก่อนแล้ว
ฝ่ายที่บุกจู่โจมนั้นแต่งชุดดำและตะโกนไม่จบไม่สิ้นห่างออกไปร้อยเมตร พวกเขามีอย่างน้อยก็สามสิบคน
เดธไน้ท์พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
– ดาร์ค เอลฟ์ รึ? พวกเผ่าเวทย์มนตร์ ช่างเป็นศัตรูที่น่ารำคาญที่จะสู้ด้วย
เดธไน้ท์นั้นทนต่อการโจมตีทางกายภาพ แต่การต้านทานไม่มีผลต่อการโจมตีเวทย์ แม่งเอ๊ย พวกมันเตรียมการมานานแค่ไหนกัน?
ผมวางลาพิสลงอย่างระวัง ดูเหมือนเธอจะกระดูกหักและร้องออกมา ยิ่งเห็นเธอเจ็บปวดผมก็ยิ่งพุ่งความโกรธไปยังไอ้พวกลอบโจมตีนั่น ไอ้พวกระยำ!
ผมหยิบโพชั่นออกมา มันเป็นโพชั่นที่มีค่าสำหรับปีศาจ ผมเปิดขวดออก―ขวดที่เปิดยากทำผมหงุดหงิด―ผมค่อยๆบรรจงเทของเหลวสีเหมือนไวน์ไปที่ปากลาพิส ลาพิสลืมตามองผม
“…….”
อย่าห่วงดิฉันเลยค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่สายตาของเธอกำลังพูด
ความโกรธของผมกลับยิ่งพุ่งสูงขึ้น ไอ้ขยะไหนมันกล้ามาทำร้ายลาพิสกัน? คู่หูของผมต้องอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย ผมไม่สนใจแล้วว่า เดธไน้ท์จะต้องบาดเจ็บแค่ไหน ผมจะกำจัดพวกมันทุกตัวที่ทำร้ายเรา ผมจะควักไส้มันออกมาผูกเป็นปม
“เดธไน้ท์ ทะลวงไปไหวไหม?”
– โง่ชะมัด การทะลวงพวกมันไม่ใช่คำตอบ พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกนั้นมีกำลังเสริมหรือไม่ แทนที่จะโจมตีกลับ ควรจะมุ่งไปที่ป้องกันและหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแทน
หนีไป ว่าง่ายๆ พวกเราต้องหนี หนีจากไอ้ระยำห่าขั้วที่แม่งทำร้ายลาพิสต่อหน้าผมเนี่ยนะ? นี่ผมไม่มีทางเลือกอื่นแล้วหรือไง……?
ตอนนั้นเองที่ผมกำลังจะเปิดปากสั่งการให้หนี กลุ่มบุคคลหนึ่งที่เข้ามาทางถนนสายเดียวกับที่พวกเรามา มีกันราวๆ40 คน! ความเร็วที่วิ่งมาใกล้นั้นเร็วอย่างมาก
นั่นกำลังเสริมของศัตรูอย่างนั้นหรือ? หัวใจผมเต้นระรัว เดธไน้ท์ยืนข้างผมแล้วพูดขึ้น
– พวกเราไม่ใช่เป้าหมายของพวกนั้น
“อะไรนะ?”
– ดูเหมือนเทพธิดาแห่งโชคชะตาจะเฝ้าดูท่านอยู่ เจ้านายชั่วคราว โชคร้ายเหลือเกิน ที่พวกเราจะต้องอยู่ใต้การบัญชาของท่านต่อไปอีกสักระยะ
(TTL : พอฟังรู้เรื่องก็รู้ทันทีว่า เดธไน้ท์โคตรกวนตีน)
ก็เป็นอย่างที่เดธไน้ท์พูดนั่นแหละ พวกกลุ่มใหม่นั้นผ่านรถม้าของเราไปแล้วพุ่งใส่พวกที่โจมตีพวกเรา เดธไน้ท์ไปร่วมด้วยกับพวกนั้นโดยที่ผมไม่ได้สั่ง ผมอยากจะด่ามันสักยก แต่ก็ห้ามตัวเองได้ ได้แต่มองการฆ่าล้างศัตรู
แต่กำลังเสริมอย่างนั้นหรือ? พวกเขามาจากไหนกัน? ผมนั่งดูการต่อสู้อย่างเงียบๆด้วยความสงสัยและกังวลที่ปรากฏขึ้นในใจ…….
ความวุ่นวายจบลงในที่สุด ทั้งทัพ 40 นายรวมกับ เดธไน้ท์ทั้งสิบตนของผมจัดการดาร์คเอลฟ์ทั้งหมดโดยไม่อาจขัดขืน
– พวกมันเป็นมือสังหารที่ถูกฝึกมาอย่างดี
เดธไน้ท์บ่นออกมาอย่างไม่พอใจตอนที่กลับมา มันหิ้วหัวเอลฟ์ด้วยมือขวา หัวที่ถูกฟันคออย่างดี ผมเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและตกใจ แต่แทนที่จะทำให้ความโกรธของผมทุเลาลง มันกลับพุ่งสูงขึ้นอีก
แค่เจ็บปวดและตกใจไม่เพียงพอ ไอ้ระยำนี่มันต้องได้รับประสบการณ์อันเจ็บปวดเกินกว่าจะจินตนาการได้ก่อนจะตาย
– ข้าจะจับเป็นพวกมัน แต่มันฆ่าตัวตายก่อน มันฆ่าตัวตายด้วยการร่ายเวทย์ ข้าผ่าอกมันออกมาแล้วก็พบว่า หัวใจมันแตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว นั่นหมายความว่า เวทย์นั้นร่ายใส่หัวใจตัวเอง
หึ มีกลุ่มมือสังหารไม่มากนักหรอกที่จะใช้วิธีชั่วร้ายอย่างนี้
“แกรู้อย่างนั้นหรือว่า พวกมันอยู่ในกลุ่มไหน?”
้นำเสียงเย็นชาออกมาจากปากผม
เดธไน้ท์ยักไหล่
– ข้าพอเดาได้ว่าพวกมันสังกัดกลุ่มไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางรู้ว่าใครจากพวกมัน ท่านอยากรู้ตัวตนของผู้จ้างวานสินะ ? เอาล่ะ ไม่ว่าจะมือสังหารหรือผู้จ้างวาน มันเกินกว่าที่ท่านจะจัดการไหว เจ้านายชั่วคราว ท่านไม่มีพลังพอจะแก้แค้น
“มันไม่สำคัญว่ะ”
ผมคุกเข่าลงวางมือซ้ายไว้บนพื้น ผมล้วงมีดแล้วดึงออกจากปลอก ผมได้ยินเสียงประหลาดใจมาจากเดธไน้ท์
– เจ้านายชั่วคราว? นี่ท่าน―?
ผมแทงมือซ้ายตัวเองด้วยมีด ถ้าพูดให้จำเพาะก็นิ้วชี้
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดไหลผ่านลำคอ ผมขบฟังทนต่อความเจ็บปวดมากมายที่แผ่ไปทั่วทั้งร่าง ผมยังคงไม่สนใจแล้วยังแทงมีดต่อไป คราวนี้ กระดูกนิ้วกลางเป็นแผลเหวอะ
เสียงร้องดังอีกระลอก
“อั่กกกก, อ……! อู่วววววว…….”
น้ำใสๆไหลจากตาของผม มันเป็นเหมือนดั่งลาวาปะทุขึ้นที่ริมตา ผมพยายามให้ตัวเองประคองลมหายใจอยู่ได้ท่ามกลางความเจ็บปวดมหาศาล ลมหายใจหนักๆของผมช่วยกดข่มความเจ็บเอาไว้
ผมเชิดหัวหน้าก่อนจะเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ
– …….
ความตื่นเต้นในการสู้รบจบไปนานแล้ว เดธไน้ท์และกองกำลังเสริมจากที่ไหนไม่รู้มองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ผมกัดกราม
“ไอ้พวกจองหอง แกจงเทเลพอร์ทไปหาบาร์บาทอสตอนนี้เลย แล้วแจ้งข่าวว่า ดันทาเลี่ยนถูกมือสังหารจู่โจมและมีบาดแผลหนัก เขาเสียไปสองนิ้ว”
– ยะ-อย่าบอกนะ……ท่านตั้งใจทำร้ายตัวเองเพื่อการนี้
“หุบปาก ข้ายังพูดไม่จบ”
เดธไน้ท์เงียบทันที ผมอดทนความเจ็บปวดจากแผลที่มือซ้ายแล้วพูดต่อ
“บอกเธอว่า แม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นคนสั่งมา แต่พวกเราคิดว่า เป็นหนึ่งในอาร์คดยุคจากนรก
บาร์บาทอสจะแบ่งกองทหารของเธอมาให้แก พร้อมกันนั้นจะส่งแกไปยังรังของมือสังหาร แต่ถึงอย่างนั้นให้พาทหารพวกนั้นกลับมาข้า ให้เร็วที่สุด เข้าใจไหม?”
ผมเอามือขวาสอดเข้ากระเป๋า มือของผมสั่นไม่หยุด ดังนั้นจึงยากที่จะหยิบจับของได้ดังใจ ผมพยายามคว้าไอเทมที่ต้องการขึ้นมา คัมภีร์เทเลเพอร์ท ผมโยนมันให้เดธไน้ท์
แล้วผมก็หยิบนิ้วที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยมือขวา แล้วโยนให้มันด้วย
“ให้แน่ใจว่า บาร์บาทอสเห็นมัน”
– …….
เดธไน้ท์เอนตัวลงหยิบนิ้วและคัมภีร์ มันยังคงมองผมด้วยความงุนงง ผมจ้องกลับไป
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย ต้องให้กูเจาะรูบนกะโหลกมึงหรือยังไง ถึงจะเข้าใจ?”
– ……ตามที่ท่านบัญชา
เดธไน้ท์โค้งให้ มันม้วนคัมภีร์และร่ายเวทย์ วงเวทย์มนตร์ดำปรากฏขึ้นปกคลุมร่างของเดธไน้ท์ เขาหายไปในทันที ที่ทำต่อมา ผมมองไปยังกองหนุนและถาม
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
“นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเรา ฝ่าบาท”
บุคคลในกลุ่มนั้นเดินเข้ามา มันเป็นเสียงของผู้หญิง เธอสวมชุดโร้พสีเทา ผมไม่เห็นหน้าเธอ เธอคุกเข่าลงแสดงความเคารพผมอย่างสูง
“พวกเราเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมมือสังหารในเนฟเฮม พวกเราได้รับการว่าจ้างจากลูกล้าง ให้แอบปกป้องฝ่าบาทอย่างลับๆตั้งแต่เจ็ดเดือนที่แล้ว”
“เจ็ดเดือน?”
แม่งเอ๊ย นี่มันหมายความว่ายังไงกันวะ?
เจ็ดเดือนที่แล้วผมยังอยู่ในช่วงพักของกองทัพพันธมิตรอยู่เลย แล้วใครสักคนจะมาสั่งให้ปกป้องผมตอนนั้นเนี่ยนะ? ผมงงไปหมด
นับเป็นโชคดีที่จอมมารนั้นอึดทน เลือดจึงหยุดไหลอย่างรวดเร็ว ผมไม่ตายง่ายๆด้วยอาการเสียเลือดเพราะแผลแค่นี้หรอก
“ใครจ้างกลุ่มของพวกเจ้ามา? ใช่บาร์บาทอสไหม?”
“ตามปรกติแล้ว พวกเราจะถูกห้ามมิให้บอกชื่อ ผู้จ้างจาน แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ ผู้จ้างวานขอให้เผยชื่อของนางต่อฝ่าบาท ถ้าหากมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น”
ผู้หญิงคนนั้นถอดฮู้ดออก ผมสีฟ้าของเธอสยายอย่างอิสระ เธอมีใบหน้าที่สวย แต่ครึ่งหนึ่งถูกเผาอย่างรุนแรง มันเป็นภาพที่ไม่น่าดูอย่างมาก แต่สำหรับคนที่โดนลอบทำร้ายและปวดมือซ้ายอยู่ ผมไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะถูกไฟเผาที่น้ำหรือโดนน้ำมันร้อนๆสาด
ผมยังคงเงียบรอให้เธอพูดต่อ
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นกว้างขึ้นเล็กน้อย
“ท่านไม่ตกใจกับใบหน้าของผู้นี้ ”
“ข้าไม่สน รีบบอกมาใครจ้างพวกเจ้า”
“……มิใช่ฝ่าบาทบาร์บาทอส ผู้จ้างวานนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับท่านผู้นั้น”
่มือสังหารหญิงโค้งให้ขณะตอบ
คนที่มีความสัมพันธ์ไม่ดีกับบาร์บาทอส? มันยิ่งทำให้ผมสับสน
“สิตริอย่างนั้นรึ?”
“มิใช่ฝ่าบาทสิตริเช่นกัน ฝ่าบาทคะ ผู้จ้างวานพวกเรานั้นมิใช่ใครอื่นใดนอกจากฝ่าบาทไพมอน”
“ไพมอน!”
ผมตกตะลึง
ไพมอน
ทำไมชื่อของผู้หญิงคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้!?
( TTL : ไม่โลลิก็เงียะแหละ ส่งคนมาช่วยพรี่ดัน พรี่ดันยังไม่ถูกใจเลย :v )