Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 164 โลกที่จอมมารเท่านั้นที่รู้ (1)
วิหารอยู่บนหน้าผา
คลื่นความมืดกระแทกเข้ากับหน้าผาจนแผ่กระจายตัวออกไป เสาสีขาวบริสุทธิ์ที่เรียงรายต่อหน้าคลื่นที่ยังมาไม่ถึง กลับทรุดลงอย่างน่าเวทนา
หลังจากถล่มลงมา และบางส่วนของเสาก็เหลือแต่พวกส่วนคอคอด พวกมันไม่อาจทนต่อการทดสอบของกาลเวลาได้ จึงกลับสู่มิติแห่งความสาบสูญโดยมีกลิ่นหอมอ่อนๆมาจากทะเล
ครึ่งหนึ่งของวิหารถูกแดดสาดส่องในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งถูกความมืดห้อมล้อม
เช่นเดียวกับบุคคลที่มารวมกัน ร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยทั้งแสงและความมืด พวกเขายังคงมองไปที่พื้นที่ว่างเปล่าตรงกลางวิหาร พวกเขากำลังรอใครบางคนมาเติมเต็มที่ว่างดังกล่าวนั้น
“ในที่สุดก็ได้เวลาแล้ว”
เพื่อตอบรับความคาดหวังของพวกเขา
―จอมมารไพมอนอ้าปากพูดโดยมีแสงสว่างและความมืดมากมายปกคลุมเธออยู่
“ชาติของพวกมนุษย์แตกแยก กองทัพจอมมารระส่ำระส่าย ผีที่เร่ร่อนไปทั้งที่ราบ,ภูเขา และแม่น้ำตายแล้ว
มนุษย์เอ๋ย แด่ความเกรียงไกร ปีศาจเอ๋ย แด่ดินแดนอันอุดม
เหตุผลจอมปลอมพวกนั้นยังคงดำรงอยู่ตราบช่วงลมหายใจสุดท้าย”
เสียงคลื่นเป็นฉากหลังของคำพูดไพมอ แม้ ณ บัดนี้ คลื่นที่ทรงพลังยังคงกระทบเข้ากับชายฝั่งอย่างไม่ขาดสาย
“ตอนนี้พวกเราได้รับคำบัญชาจากสวรรค์”
ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของไพมอนมีพลังมากพอที่จะทำให้คลื่นกลับเงียบสงบ
“คำบัญชาจากสวรรค์ที่สั่งให้พวกเราแสดงจุดสิ้นสุดของเหตุผลจอมปลอมพวกนั้น
คำบัญชาจากสวรรค์ที่สั่งให้พวกเราทำลายมงกุฏและบัลลังค์ทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก”
ราวกับว่า วิหารนั้นกำลังย้อนเวลากลับไป กลับไปสู๋ช่วงเวลาที่ยังเจิดจรัสเฉิดฉายในขณะที่ไพมอนกำลังพูด
“คำบัญชาจากสวรรค์นั้นสั่งให้พวกเราปลดปล่อยผู้คนที่เจ็บปวดเพราะโซ่ตรวนที่ชื่อว่าการเกิดมาเป็นสามัญชน
คำบัญชาสวรรค์นั้นสั่งให้พวกเราจงอย่ายอมรับความไร้เหตุผลของโลกใบนี้ง่ายๆเพียงเพราะผู้คนต่างทำกันเป็นเรื่องปกติ
และพวกเรานั้นต้องทำลายความไร้เหตุผลนั่นลงเสียโดยไม่ถือว่า สิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องปกติ
สหายเอ๋ย พวกเราไม่ต้องการเหตุผลอื่นใดนอกจากนี้อีก”
ผู้คนที่มารวมตัวกันรอบไพมอนต่างผงกหัวอย่างเงียบๆ
“มีเหตุผลมากมายที่จะบอกว่า ทำไมความยุติธรรมถึงไม่มีอยู่จริง
มันยากเกินไปบ้างล่ะ มันเป็นไปไม่ได้บ้างล่ะ
พวกเราหาข้ออ้างได้นับพันเพื่อที่จะปฏิเสธความยุติธรรม หรือพูดอีกนัยหนึ่งความยุติธรรมนั้นมีเหตุผลเพียงข้อเดียวเท่านั้นที่จะดำรงอยู่”
ไพมอนยกแก้วขึ้น
“นั่นก็เพราะ มันเป็นสิ่งที่ชอบธรรม!”
ผู้คนจำนวนมากต่างยกแก้วขึ้นเช่นเดียวกัน
“บางครั้งผู้คนก็น่ารังเกียจ บางครั้งฝูงชนก็เลวทราม ดังนั้นพวกเราจึงไม่เคยทำเพื่อผู้คนหรือฝูงชนใด
ในทำนองเดียวกัน พวกเราก็มิได้ทำไปเพื่อจะดูแคลนชนชั้นสูง มีเพียงเหตุผลเดียวสำหรับการกระทำของพวกเรา―”
“นั่นเพราะมันเป็นสิ่งที่ชอบธรรม!”
ใครบางคนตะโกนขึ้นมา พอทำอย่างนั้นแล้ว คนอื่นก็ส่งเสียงร้องตามมาด้วยเช่นกัน
“เพราะมันเป็นสิ่งที่ชอบธรรม!”
ไพมอนพยักหน้า เธอยกแก้วแตะริมฝีปากเนื่องด้วยเชื่อว่าเธอไม่มีเหตุผลที่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว ไวน์ไหลผ่านแก้วใสไปยังปากของเธอ
ไวน์บางส่วนไหลออกนอกทาง ไหลเป็นสายผ่านสันกรามของไพมอน
ไพมอนเขวี้ยงแก้วลงพื้น
“เพื่อการปฏิวัติ!”
หลังจากนั้นแก้วนับสิบไปต่างเขวี้ยงปาลงพื้นหินอ่อน แก้วกระจัดกระจายเป็นเศษนับสิบชิ้น
กลิ่นของทะเล กลิ่นของความเน่าเหม็นที่ห้อมล้อมเศษแก้วในชั่วขณะนั้นไว้
* * *
การก่อสร้างดันเจี้ยนนั้นเป็นไปตามที่ลาพิสแนะนำ
อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ รวบรวมตัวแทนจากบริษัทต่างๆแล้วบอกให้พวกเขาเสนอราคามา
โอ้ พระเจ้า ราคาแรกเริ่มราว 20 ล้านโกลด์กลับหดเหลือ 14 ล้านโกลด์ อยู่ๆมันลดลงไป 6 ล้านโกลด์ถ้วนๆ
คนแคระที่เป็นตัวแทนจาก <หินอ่อนแดงก่อสร้าง> เป็นคนแรกที่เรียกราคา 20 ล้านโกลด์ ดูงุ่นง่านกระสับกระส่ายจนไม่ยอมสบตาผม
แน่ล่ะ ผมไม่ใช่คนที่อยู่ๆจะมาพูดอะไรเรื่องนี้อยู่แล้ว
“แหม ดูสิหัวหน้า ข้ามีประสบการณ์มามากมายตลอดชีวิตข้า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำเงินได้ 6 ล้าน ภายใน 4 วัน ทั้งหมดนี่ต้องขอบใจเจ้า”
“……กะ-กลุ่มของเราสามารถสร้างที่พักของฝ่าบาทได้ด้วยเงิน 13,500,000 โกลด์นะครับ!”
คนแคระตอบทั้งที่ยังมีเหงื่อท่วม ผมยิ้มให้อย่างพอใจ
“เอาล่ะ ทุกผู้ต่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความโลภแฝงอยู่ลึกๆ ดังนั้นเจ้าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม หัวหน้าคนแคระ
ผู้มีอุปนิสัยที่ยอดเยี่ยมเอ๋ย มีไม่กี่คนหรอกที่ข้าจะชมนิสัยของเขา ดังนั้นจงภูมิใจเถิด”
“ผะ-ผมไม่สมควรได้รับคำชมอย่างนั้น”
“มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าคู่ควรหรือไม่หรอก ข้าเข้าใจเจ้านะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมวางมือไว้บนบ่าของเขา เหงื่อของคนแคระชุ่มโชกไปจนถึงปลายหนวด
การโต้เถียงที่แสนดุเดือดนั้นดำเนินมาค่อนวัน
มันคือ งานก่อสร้างดันเจี้ยนใต้ดิน 10 ชั้น แล้วจะออกแบบอย่างไร แล้วทางเดินควรจะเรียงตัวแบบไหน?
สำคัญยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาต่างรับคำขอผมด้วยแววตาที่สดใส มันคืองานที่สร้างดันเจี้ยนให้เป็นเหมือนเขาวงกต
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาได้สร้างหมู่บ้านสำหรับปีศาจอยู่หลังกำแพงหนาๆของเขาวงกต
แม้ก็อบลินและคนแคระจะใช้ชีวิตอยู่ในงานแบบนี้มานับพันปี แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้รับงานแบบนี้
การโต้เถียงยังคงดำเนินต่อไป ความเห็นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ก็อบลินและคนแคระ
ก็อบลินพ่นน้ำลายออกมาขณะที่ตะโกน
“เครุรุ! ไอ้โง่สมองดิน! ทำไมแกไม่เข้าใจอะไรง่ายๆ!? หากแกไม่ยกเพดานตรงทางเดินกลางให้สูง มันจะทำให้ปีศาจตัวโตเคลื่อนที่ได้ยาก!”
“ฮึ สมแล้วที่เป็นตุ่นสีเขียว พวกแกคิดแต่อย่างเดียว โดยไม่ดูอะไรอย่างอื่นเลย”
คนแคระฮึดฮัดขึ้นมา เสียงพ่นลมออกจมูกของเขาทำให้หนวดสีขาวกะพือ
“หากแกยกเพดานสูงเกินไป มันจะทำให้โครงสร้างไม่แข็งแรง ปราสาทจอมมารจะพังลงมาในเวลาไม่ถึงพันปี”
“นั่นมันเพราะพวกแกกากต่างหาก เครุก ก็แค่ค้ำยันแต่ละชั้นด้วย โอริคัลคุม*สิวะ”
“เฮ่อ สมแล้วที่แกเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีน้ำมะเขือเทศในกระโหลก ให้ค้ำยันแต่ละชั้นด้วยโอริคุลคุมเนี่ยนะ?
ข้าไม่อยากคิดเลยว่า ต้องจ่ายแพงขนาดไหน ไม่ใช่ 20 ล้านโกลด์ เผลอๆ 30 ล้านโกลด์อาจไม่พอด้วยซ้ำ”
“แกไม่ต้องสกัดมันสิวะ เครุรุก ก็ใส่มันไปทั้งแท่งแบบนั้นแหละ! พวกแกนี่ไร้หัวคิดสร้างสรรค์ซะจริงๆ นี่มันปราสาทจอมมาร ที่มีกระแสเวทย์ไหลเวียนจนแทบทะลัก! มันเทียบกับที่อื่นไม่ได้โว้ย”
ผมกลั้นหาวขณะที่ดูสองเผ่าเถียงกัน
ผมไม่รู้ว่า โอริคัลคุมคืออะไร แต่มันคงเป็นอะไรที่เป็นละเอียดอ่อนสุดๆหรือปัญหาสำคัญสุดๆในการก่อสร้าง
“ลาพิส ทำไมพวกเขาตั้งใจทำงานกันขนาดนั้น?”
ผมแอบกระซิบถามเธอ ลาพิสยืนอยู่ข้างๆผม เธอร่วมงานในฐานะเลขาและที่ปรึกษาใหญ่ของโปรเจคนี้
ลาพิสตอบกลับมาเบาๆ
“ก็อบลินกับคนแคระต่างดูถูกกันและกันค่ะ สองเผ่าต่างเป็นมืออาชีพในสายงานเดียวกัน เช่นเดียวกันกับซัคคิวบิและนิมพ์(nymphs)ที่ต่างเกลียดชังกันค่ะ ”
“หืม ? แล้วพวกนิมพ์นี่มีความชำนาญเรื่องอะไรน่ะ?”
“โดยธรรมชาติแล้ว คือการเป็นโสเภณีค่ะ”
อาฮะ อย่างนี้นี่เอง? อาชีพส่วนมากแล้วโดนกำหนดด้วยเผ่าพันธุ์
หืม? ลาพิสคงรับรู้ได้ว่า ผมสนใจเรื่องนั้นจึงอธิบายเพิ่ม
“โสเภณีเองก็มีระดับอยู่ค่ะ มาตรฐานจะต่างออกไปในแต่ละนรก แต่แบ่งคร่าวๆได้คือ ระดับ 3 ,ระดับ2 และระดับ 1
โสเภณีระดับ 3 จะมอบแต่ความพึงพอใจทางร่างกาย
ส่วนโสเภณีระดับ 1 จะตามลูกค้าไปงานเลี้ยงและงานสังคมด้วยกัน พวกเธอก็จะถูกเรียกว่าเป็น เหล่าดอกไม้แห่งงานเลี้ยง”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
“ส่วนมากแล้วเผ่าซัคคิวบิ จะเป็นโสเภณีระดับ 3 และระดับ 2 พวกระดับ 1 ส่วนมากจะเป็นพวกนิมพ์ค่ะ ดังนั้นแม้จะบอกว่า ทั้งหมดต่างเป็นโสเภณีเหมือนกันแต่ก็ยังมีการเยาะเย้ย ดูถูกระหว่างกัน”
การดูถูกและความริษยานั้นพบได้ในทุกสถานที่
ผมเยาะหยันพวกนั้น
“ช่างโง่เหลือเกิน”
“ใช่ค่ะ มันไร้เหตุผลอย่างมาก”
“หึ มันก็มีคนที่พยายามรักษาการมีตัวตนของตัวเองด้วยการดูถูกผู้อื่นด้วยนี่นะ”
พวกเราหันกลับไปมองการทุ่มเถียงอย่างเดือดดาลที่ยังดำเนินอยู่ เหล่าก็อบลินและเหล่าคนแคระนั้นแทบจะตะคอกใส่กันอยู่แล้ว
มันคงเป็นสิ่งที่เรียกว่า ศักดิ์ศรีของช่างฝีมือชั้นเซียนที่ทำให้พฤติกรรมของพวกเขาเป็นอย่างนั้น
ผมหันกลับมามองที่ลาพิสและหัวเราะเอิ้ก
“นั่นคือ สาเหตุที่เธอเรียกมาทั้งก็อบลินและคนแคระสินะ ลาพิส”
“อะไรนะคะ?”
“คนเราน่ะจะกลายเป็นพวกไร้เหตุผลทันทีที่มีเรื่องศักดิ์ศรีมาเกี่ยวโดยไม่จำเป็น
ถ้าพวกช่างก่อสร้างพวกนั้นร่วมมือกันทำงานแล้วขึ้นราคา ข้าก็ต้องจำใจจ่ายเงิน 20 ล้านโกลด์
หรืออาจจะเป็นเช่นนั้นหาก พวกเราคงเรียกมาแต่เฉพาะก็อบลินหรือคนแคระเท่านั้น”
ลาพิสจงใจเรียกสองเผ่าที่ขัดแย้งกันมา
พวกเราก็อบลินทำได้ดีกว่าเจ้าพวกนั้น! พวกเราคนแคระสร้างได้มีประสิทธิภาพกว่าเจ้าพวกนั้น!
……พวกเขาต่างแข่งขันกันโดยวางศักดิ์ศรีของตนเป็นเดิมพันเหนือผลประโยชน์
ผมจึงยิ้มออกมา
“หรือข้าควรจะเรียกว่า ความภูมิใจประจำเผ่าดีล่ะ? ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อต้องสู้โดยมีศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์เป็นเดิมพันจึงต้องยอมเสียผลประโยชน์เพื่อได้รับชัยชนะ
มันเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก ลาพิส ข้าจะมอบโบนัสให้เจ้าทีหลังนะ”
“……น่าสนใจจริงๆค่ะ”
ลาพิสมองจ้องผมด้วยแววตาฟ้าลาซูไร้ท์
“หืม?”
“จากที่ดิฉันดูมา ท่านน่ะไม่มีความรู้เรื่องการทำธุรกิจ และท่านก็ไม่มีความสามารถเรื่องกลยุทธทางการทหารด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นพอเรื่องการทำธุรกิจและการทหารมาเกี่ยวข้องกับการวางแผน ท่านก็เหมือนกลายเป็นคนละคนไปในทันที”
ผมไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ดูเหมือนเธอกำลังชมผมอยู่นะ
“เป็นอย่างที่ดิฉันคิดจริงๆค่ะ ท่านต้องมีกลุ่มคนทำงานอยู่ใต้การดูแลของท่านค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน
หากมีกลุ่มมืออาชีพที่มีความสามารถทำงานให้ท่าน พวกเขาก็จะสามารถแสดงประสิทธิภารออกมาได้อย่างไม่เชื่อ ผ่านการสั่งการของท่าน”
“เอ้อ ข้าก็วางแผนจะทำแบบนั้นหลังทุกอย่างที่นี่ลงตัวแล้วน่ะ”
การก่อสร้างดันเจี้ยนไม่ใช่สิ่งที่จะเสร็จได้ในวันสองวัน ก็เริ่มลงมือทำก่อน พอหลังจากนั้นผมก็วางแผนจะไปทั่วทั้งทวีปเพื่อเฟ้นหาคนมีพรสวรรค์ ผมต้องหามาให้ได้อย่างน้อยก็ 4 คน หากอะไรมันราบรื่นอย่างที่คิดน่ะ
เอาล่ะ เอาล่ะ แถมยังมีคำขอจากไพมอนที่ให้ผมด้วย ผมก็ทำมันไปพร้อมๆกันเนี่ยแหละ
การโต้เถียงอันดุเดือดระหว่างก็อบลินกับคนแคระนั้นสุดท้ายก็จบลงหลังผ่านไป 6 ชัวโมง
มันเป็นการโต้กันไปโต้กันมาโดยซัดไปคนละหมัดอย่างเผ็ดร้อน ผมไม่คิดห้ามพวกเขาเลยด้วยซ้ำ ทั้งผมและลาพิสต่างคอยดูพวกเขาระหว่างนั้นก็รินไวน์ไปด้วย
ผมเดิมพัน 5 โกลด์ว่า ก็อบลินจะชนะ ส่วนลาพิสเดิมพัน 5 โกลด์ ว่าคนแคระจะชนะ แล้วผลคือ คนแคระชนะ
ในตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจเลยว่า จะไม่เดิมพันอะไรกับลาพิสอีก
(TTL : ถ้ารักชีวิตอย่าคิดสู้เมียเลขา! (ฮา) )
“พวกเราขอเสนอวังที่พักของฝ่าบาทในราคา 17 ล้านโกลด์”
“ผู้น้อยจะสร้างปราสาทจอมมารให้ยิ่งใหญ่กว่าใครๆในราคา 12 ล้านโกลด์”
ราคาประเมินแบ่งเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายแรกนั้นราคาสูงกว่าก็เนื่องมาจากการสร้างโถงทางเดินที่ใหญ่กว่า ก็อบลินนั้นสนับสนุนฝ่ายแรก
พวกเขาบอกว่า เพดานที่สูงจะทำให้มอนสเตอร์ตัวใหญ่ๆนั้นเคลื่อนที่ไปมาสะดวกและยังสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าสำหรับมอนสเตอร์ด้วย
ตัวเลือกที่สองนั้น เป้าหมายคือ การประหยัดเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนแคระสนับสนุนแนวคิดนี้ พวกเขายกเพดานให้สูงเฉพาะชั้นที่มอนสเตอร์ตัวใหญ่พักอยู่เท่านั้น แล้วลดเพดานชั้นอื่นลง
ด้วยข้อเสนอทั้งสองที่มีต่อผมนั้น-
“ปราสาทจอมมารของข้ามีสิบชั้น ข้าจะมอบแต่ละชั้นให้แต่ละกลุ่มจัดการ”
ผมจึงเลือกจ้างทั้งสองเผ่าซึ่งนั่นเป็นคำแนะนำที่ลาพิสมีให้ผม
หากเราปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำงาน ก็จะไม่มีการแข่งขันกันอีกต่อไป
ทุกกลุ่มก่อสร้างที่มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ก็เป็นชั้นหนึ่งทั้งนั้น จึงไม่มีทางที่จะเสนอการออกแบบที่ผิดพลาดให้ผม ปัญหาคือ พวกเขาจะจริงใจและทำงานหนักแค่ไหน
ลาพิสกลายเป็นที่ปรึกษา บริษัทเคียนคุสก้ากลายเป็นคนกลางในการซื้อวัสดุ และจัดจ้างแรงงาน
ตราบใดที่ลาพิส ― พร้อมด้วยสุดยอดพ่อค้าในตำนานอย่างอิวาร์ ล็อดบรอค―มาเป็นที่ปรึกษาให้ ก็ไม่มีทางที่จะอู้ได้อยู่แล้ว
“ปะ-เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมากขอรับ”
ทั้งก็อบลินและคนแคระต่างผิดหวัง แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับ พวกเขาอาจจะไม่ได้เงินติดไม้ติดมือไปตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่พอจะข้าใจได้
งานก่อสร้างดันเจี้ยนเป็นงานที่ใหญ่จึงการันตีได้ว่า กำไรงามอยู่แล้ว
การเริ่มต้นสร้างดันเจี้ยนของผมเริ่มจากจุดนั้นแหละ
งานอื่นๆในการบริหารจัดการหมู่บ้านนั้นฝากไว้ให้พาร์ซิ เรื่องการบริหารจัดการปราสาทจอมมารให้เป็นหน้าที่ของลาพิสและลอร่า ผมรีบออกเดินทางในทันที
เป้าหมายของผมคือ จักรวรรดิฟรานเซีย สถานที่ที่ <พันธมิตรปลดแอก>ของไพมอนกำลังรอผมอยู่
―ที่นั่นน่ะ เป็นสถานที่ที่ฮีโร่ ,ตัวเอกของ <Dungeon Attack> อาศัยอยู่
—
*โอริคัลคุม(Orichalcum) หรือ โอริฮารูกอน (Oriharukon : オリハルコン)
แร่ที่ปรากฏในเกมดราก้อนเควส ใช้ทำอาวุธให้กลุ่มพระเอกปรากฏในช่วงท้ายเกมที่อาวุธที่ทำจากแร่นี้จะมีสีเหลืองหรือทอง