Dungeon Defense (WN) - ตอนที่ 135 ฤดูใบไม้ร่วงที่อุดมสมบูร
ในขณะที่ทั้งทวีปต่างกำลังเจ็บปวดกับความอดอยาก ดินแดนของผมนั้นกลับเจอแต่ผลผลิตที่มีล้นเหลือ
ทุ่งข้าวสาลีที่เปล่งประกายเป็นแสงสีทองไสวไปตามลมพัด
เสียงของชาวนาที่หัวเราะลั่นผ่านข้าวสาลีเป็นดั่งระฆังศักดิ์สิทธิ์ เรื่องตลกของผู้หญิงที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างที่กำลังแกว่งเคียว
พวกเขานั้นเป็นเหมือนดั่งโลมาที่แหวกว่ายในทะเลสีเหลืองทอง…….
แหมที่รัก มันช่างสะเทือนอารมณ์ผมเสียเหลือเกิน การทำฟาร์มนั้นได้ฝังกลบพลังงานลบที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อเร็วๆนี้
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่ได้เห็น ‘สิ่งที่ผมเลี้ยงดูเติบโตขึ้นจนสามารถเก็บเกี่ยวได้’ ไม่แปลกเลยใช่ไหม หากผมจะทำตัวเหลวไหลไปสักหน่อย
แม้จะไม่ได้ดูน่าประทับใจหรือกว้างใหญ่ขนาดแปลงผักแต่มันก็เป็นสถานที่ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ด้วยสองมือของผมเอง เมล็ดข้าวสาลีมีมากมายเต็มไปหมด
ผมรู้สึกแน่นขึ้นมาในอก
“ฮุฮุฮุ”
พาร์ซินั้นยืนหัวเราะอยู่ข้างๆผม ในขณะที่ผมกำลังเก็บภาพประทับใจ เขาแตะไหล่ผมราวกับเข้าใจว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
“ตอนข้าเก็บเกี่ยวครั้งแรกก็ตื้นตันใจเหมือนกัน แม้แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ ท่านก็รู้สึกเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?”
“อืมฮึ รวงข้าวสาลีพวกนี้ช่างน่ารักเหมือนก็อบลินของข้าจริงๆ”
พาร์ซิทำหน้าขยะแขยงก่อนจะส่งเคียวให้ผม
“……ข้าไม่เข้าใจ รสนิยมความงามของท่านเลย แต่เอาเถอะ ถือว่า นายน้อย ท่านทำได้ดี คราวนี้ก็งานสุดท้ายแล้ว”
“อบิลิตี้ในการทำฟาร์มของข้าได้ไปแตะถึงระดับมืออาชีพแล้ว”
ผมพ่นลมออกจมูกอย่างพอใจ
ผมออกจะมั่นใจมาก ก่อนหน้านี้แรกๆผมอาจจะเงอะงะ แต่หลังจากได้รับการสอนจากพาร์ซิและมาได้ถึงระดับนี้ ผมถึงได้ตื่นตาตื่นใจกับตัวเองว่า ความสามารถในการทำฟาร์มนี้มันเป็นสิ่งที่เหมาะกับผมอย่างแท้จริง
แถมให้ด้วยนะว่า ผมมีอาชีพชาวนาในหน้าต่างสเตตัสด้วย
ไม่ใช่ว่า มันขึ้นมาอย่างเดียว แต่ยังมีเลเวลแซงทุกอาชีพอย่างมากด้วย!
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
นามแท้: ดันทาเลี่ยน
เผ่า: จอมมาร ฝ่าย: กองทัพจอมมารดันทาเลี่ย
สถานะ: เป็นกลาง Neutral(-10)
เลเวล: 36 ชื่อเสีย: 4543
อาชีพ: ชาวนา(C), ผู้จัดการดันเจี้ยน(F), จอมมาร(D)
ความเป็นผู้นำ: 34/37 อำนาจ: 11/22 ความฉลาด: 32/37
ไหวพริบ: 35/35 เสน่ห์: 20/20 เทคนิค: 8/17
*ฉายา: 1. Demon Lord of Fear 2. ชาวนาโดยกำเนิด
*อบิลิตี้: เทคนิคการทำฟาร์ม(C), กลยุทธ(E), ทักษะยิงธนู(E), ขุดเหมือง(F)
*สกิล: การแสดง
[ความสำเร็จ: 3]
[ผู้ใต้บังคับบัญชา: 54 หน่วย/260 หน่วย]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
[Titles]
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
ชื่ออาชีพนั้นฉายเปล่งระยะเมื่อเทียบกับอาชีพ ผู้จัดการดันเจี้ยนแร๊งค์ F และจอมมารแร๊งค์ D มันเป็นแร๊งที่ศักดิ์สิทธิ์สูงส่งเกินกว่าจะพูดออกมาดังๆ……แร๊งค์ C ไงล่ะ
แม้แต่ทักษะการยิงธนูก็ยังปฏิเสธที่จะไปถึงแร๊ง E ทั้งที่ ผมฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง แต่ทักษะการทำฟาร์มของผมกลับกระโดดจากแร๊งค์F เป็นแร๊งค์ C เพียงเพราะทำงานแบกหามทั่วไปในช่วงฤดูร้อนและเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง ต้องขอบคุณเช่นกันที่ทำให้ค่า อำนาจของผมเพิ่มขึ้น 4 หน่วย
ผมนี่ช่างมีพรสวรรค์ในการทำฟาร์ม อัจฉริยะ ไม่สิ ไม่สิ ผู้มหัศจรรย์เหนืออัจฉริยะ……จะเรียกผมอย่างนั้นก็ได้นะ
นับตั้งแต่ผมได้ฉายากมา ระบบก็ได้ยอมรับในความสามารถการเป็นชาวนาโดยกำเนิดของผม ผมนั้นมีพรสวรรค์ขนาดที่โลกยังต้องประจักษ์ มันทำให้ผมตื่นเต้นจนขนลุก
แหม ผมยังกลัวตัวเองเลยนะ นี่โอเคจริงๆเหรอที่ผมจะยอดเยี่ยมขนาดนี้น่ะ จอมมารดันทาเลี่ยน!?
หุหุหุ
เสียงหัวเราะมันออกมาเอง พาร์ซิมองผมด้วยแววตาประหลาด แต่ผมไม่ใส่ใจหรอก เขาน่ะไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเจ้าคนเซ่อ เขาไม่อาจเข้าใจได้ถึงความยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ด้วยสมองของมนุษย์ยุคกลางแบบเขา……
.ในฐานะผู้ปกครองที่แสนจะมีน้ำอดน้ำทน ผมควรจะแสดงความเห็นอกเห็นใจเขาสักหน่อย
“ท่านรู้ตัวไหม? บางทีท่านก็ทำตัวน่ารำคาญเหลือหลาย”
“มะ-มันเกินไปแล้วนะ!”
แม้จะรู้สึกอย่างนั้นจริงก็เหอะ แต่ก็ควรจะเก็บไว้กับตัว อย่าพูดออกมาโดยไม่เคารพต่อหน้าเจ้านายตัวเองสิ!?
ข้ารู้ ข้ารู้ดีว่า ข้านั้นน่ารำคาญ แต่ถึงอย่างนั้น ……
แย่ตรงไหน หากจะโอ่อวดสักเล็กน้อยบ้าง!?
หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่ ผมมาสู่โลกนี้ ค่าสแตทสูงสุดของผมก็แค่ 37 ไม่ถึง 40 ด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็สามารถดันค่าอำนาจให้สูงถึง 20 หน่วย ในช่วงไม่กี่เดือนผ่านมา นับว่า เร็วอย่างมาก แล้วจะไม่ให้อวดสักหน่อยหรือไงกัน!?
“ข้าถามเพราะท่านนั้นเติบโตไวมาก ว่าแต่ท่านอายุเท่าไหร่นะ นายท่าน?”
“อืม……เดือนหน้าข้าก็อายุ 25 แล้วนะ ทำไมรึ?”
“ข้าอายุ 17 ปี”
พาร์ซิพ่นลมออกจมูก
“เอาจริงๆมันยากมากเลยสำหรับข้าที่คนที่แก่กว่าถึง 8 ปี จะมาโม้เรื่องที่ตัวเองโตได้ไวขนาดนี้
ถ้าท่านอายุ 27 ปี แต่ก็ยังเรียกตัวเองว่า เป็นผู้ชายเต็มตัวไม่ได้หรอก หากยังไม่ได้เก็บเกี่ยวได้ถึง 10,000 ตารางฟุตน่ะ?”
“…….”
โอเค ผมแก่ เจ้าชายมารยาทแย่ที่ดูเหมือนหมีมากกว่าหมีจริงๆด้วยซ้ำ
“เจ้าควรไปเก็บเกี่ยวให้มากกว่านี้อีก ขณะที่เจ้ายุ่งกับการเก็บเกี่ยวข้าว ข้าก็กำลังยุ่งกับการเก็บเกี่ยวความสามารถของตัวเอง”
“มันเขียนบนหน้าท่านเลยล่ะว่า ท่านคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดนั้นมันเท่มากๆ แต่มันไม่เท่หรอกนะ และข้าจะดีใจมากหากท่านเลิกพูดแบบนั้นเสียที นายท่าน”
“พูดเกินไปแล้วโว้ย!”
ผมน่ะมีลาพิสกับลอร่า ที่ทำตัวกระด้างกระเดื่องกับผมเป็นประจำ แต่ตอนนี้มีพาร์ซิเข้าไปร่วมด้วยอีก ผมยังคงเป็นจอมมารอยู่นะ ก็รู้นี่ ผมน่ะเป็น……
ผู้ปกครองดินแดนเลยนะ…….
เอาล่ะ ผมเป็นจอมมารลำดับ 71 ที่มีเพียงดินแดนที่ครอบครอง 7 หมู่บ้าน และ 8 เผ่า
ผมยักไหล่
“ฮึ ไม่สำคัญว่าใครจะว่ายังไง ตอนนี้ข้ากลายเป็นชาวนาผู้มีประสบการณ์ การทำให้เก่งขึ้นมาเนี่ยมันยาก แต่การเก็บเกี่ยวมันง่ายแล้วล่ะ ข้าใช้เวลาวันเดียวก็เก็บเกี่ยวเสร็จอยู่แล้ว”
“ท่านคิดว่า ท่านทำได้โดยไม่ต้องให้ข้าช่วย?”
“แน่นอน”
“โอ้?”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง พาร์ซินั้นยิ้มเยาะราวกับพบเรื่องน่าสนใจ
“ข้าจะคอยดูท่านไว้ โอ ท่านชาวนาผู้แก่ประสบการณ์
“ช่าย แค่ดูก็พอ!”
ผมถือเคียวในมือขวา จากนั้นก็เข้าไปใกล้ๆกับทุ่งตรงหน้าอย่างหาญกล้า ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงที่ผมได้เข้าใจถึงเบื้องหลังของรอยยิ้มพาร์ซิ
ไม่นานหลังจากนั้น―
“หละ-หลัง! หลังข้า!”
ผมนอนกลิ้งอยู่บนพื้นพร้อมกับแตะหลังตัวเอง
นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ผมต้องงุ่มงอตัวเพื่อเก็บเกี่ยวข้าวสาลี มัดมันเป็นก้อนไว้ แล้วย้ายมันไว้ในที่ๆเดียว หลังผมก็ปวดราวกับมีอะไรมาทิ่มแทงหลังจากทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกเกือบสามชั่วโมง
มอนสเตอร์มองดูผมด้วยความห่วงใยจากข้างๆ โกเลมดูจะมีประสิทธิภาพมาเมื่อมาเตรียมดิน
แต่น่าเสียดายที่มันทำงานอะไรไม่ได้มากนักเมื่อถึงจังหวะเก็บเกี่ยว แต่อย่างนั้น เจ้าบลิ้งกี้ก็ช่วยผมได้
จะบอกว่า ช่วยได้ไหม……? ก็ในเมื่อบลิ้งกี้ทำได้ดีกว่าผมด้วยซ้ำ ก็อบลินน่ะตัวเตี้ยกว่ามนุษย์ ก็เลยสามารถเกี่ยวข้าวด้วยเคียวได้แบบสบายๆ บลิ้งกี้นั้นทำเสร็จไปสิบมัด ส่วนผมเสร็จแค่ห้ามัด ผมเทียบกับมันไม่ได้เลย
“โอ้ว ไม่ ความภาคภูมิใจในฐานะเจ้านาย……!”
ผมพยายามที่จะฝืนลุกขึ้น ตอนนั้นเองที่ความปวดร้าวรุนแรงก็โถมใส่ผม
“อ๊าก”
ผมล้มกลับไปนอนต่อ ทำไมหลังผมถึงไม่เป็นอะไรทั้งที่มีเซ็กส์กับลอร่าสี่ถึงห้าชั่วโมงติด แต่ปวดแทบตายหลังจากที่ใช้เคียวแค่ สามชั่วโมงกัน?
หรือถ้ามันใช้กล้ามเนื้อที่ต่างกัน มันจะต่างกันเกินไปไหม?
– คิวรุรุรุ!
แฟรี่ทั้งหลายบินไปรอบผมอย่างเริงร่า ทั้งที่เจ้านายของพวกนางกำลังจะตายอยู่แล้ว จริงอยู่ที่แฟรี่ของผมนั้นน่ารักเสียจนเป็นความผิดแต่มีแค่ตอนนี้แหละที่เสียงหัวเราะมันฟังดูเหมือนเยาะเย้ยกันเลย
แม่สาวน้อยผู้ช่วยอะไรไม่ได้เลยในช่วงการเก็บเกี่ยว!
ดูเหมือนพวกนางเจอสนามเล่นแห่งใหม่ พวกเธอจึงใช้ทุ่งข้าวสาลีเป็นที่เล่นซ่อนแอบกัน
โดยมุดเข้าไปในทุ่งสีทองแล้วโผล่ออกมาอีกฝั่ง แถมยังแอบโผล่หัวออกมาระหว่างเม็ดข้าวสาลีเพื่อยั่วแหย่คนที่เป็นฝ่ายหา
น่าสนุกจังเลยน้า…….
ผมก็อยากเล่นซ่อนหากับแฟรี่ด้วยจัง…….
ผมอยากจะกอดแฟรี่แล้วก็นอนลง…….
เนื่องจากมันเป็นงานหนัก ผมจึงเก็บเกี่ยวไปได้แค่หนึ่งในสี่ของทุ่งทั้งหมด
“อ่าา อย่างน้อยอีกเก้าชั่วโมง”
จำนวนที่สุดสิ้นหวังนั้นลอยมาตรงหน้าผม
ผมทำอะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว ถึงผมอยากจะทำแต่ก็ทำไม่ได้ถ้าหลังยังปวดอย่างนี้ ผมคงได้ตายจากอาการตะคริวกินพรุ่งนี้แน่ๆ ผมประกาศไปแล้วด้วยว่า จะทำเสร็จในวันนี้ แต่เอาเข้าจริงอาจต้องใช้เวลาสามหรือสี่วัน
“เห็นไหม? เหมือนอย่างที่ข้าบอกไหม ชาวนาผู้แก่ประสบการณ์ ? ฮ่าฮ่า”
ผมเห็นภาพเจ้าพาร์ซิชัดเจนอยู่ในใจ ไอ้ระยำนั่น ผมเอ็นดูเขาเพราะเขาออกจะฉลาด แต่ตอนนี้เจ้านั่นพยายามจะปีนขึ้นมาเล่นหัวผม สักวันผมต้องขยี้จมูกของหมอนั่นให้ได้…….
เฮ่อ หมอนั่นนี่ช่างมีความสุขเหลือเกินนะ
“นายท่าน ? ท่านมาทำอะไรที่พื้นที่?”
ผมได้ยินเสียงเรียก ผมหันไปก็เห็นลอร่ายืนอยู่ตรงนั้น เธอเป็นเหมือนสาวน้อยที่อยู่ในภาพวาดจากเนเธอแลนด์ เธอนั้นสวมชุดของสามัญชนที่มีสีเหลือง
ลอร่านั้นชอบเสื้อผ้าสามแบบ
เสื้อผ้าชุดหลักของเธอ คือ ตัวที่เธอสวมตอนที่ผมปล้นตัวเธอมา นั่นเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของชนชั้นสูงเลยล่ะ
หลังจากนั้นผมก็ซื้อเสื้อผ้าอีกหลายต่อหลายตัวให้เป็นของขวัญกับเธอ ชุดอื่นๆที่มีก็เป็นชุดที่เหมือนเครื่องแบบทหารสีดำ ที่ผมให้เธอใส่ตอนเข้าร่วมรบด้วยกันตอนอยู่กองทัพพันธมิตร
แบบสุดท้ายก็คือ ชุดสามัญชนที่ใส่อยู่ตอนนี้ มีครั้งหนึ่งผมกับลอร่าไปพักร้อนในบ้านที่สร้างอยู่ในหมู่บ้าน ผู้หญิงในหมู่บ้านนั้นเย็บชุดด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ
‘พวกเราได้เย็บสัญลักษณ์ที่งดงามที่สุดที่พวกเราได้รับสืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นในหมู่บ้าน’
นั่นคือ สิ่งที่พวกนางบอกเรา
แม้จะยังสงสัยว่า อะไรทำให้หมู่บ้านในภูเขามีรสนิยมหรูหราขนาดนั้น แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่า เธอทำมันขึ้นมาด้วยความใส่ใจ มันเป็นชุดสีส้มที่มีลายขาว ซึ่งมันเข้ากันได้ดีกับผมสีบลอนด์ของลอร่า เธอดีใจสุดๆตอนที่ได้รับของขวัญชิ้นนี้มา
‘หญิงสาวผู้นี้จะต้องเป็นหญิงสาวคนเดียวในโลกที่ได้รับของขวัญที่สุดยอดอย่างนี้แน่ๆ!’
และนับตั้งแต่วันนั้น ลอร่าก็สวมชุดสามัญชนนี้บ่อยที่สุด แม้แต่ตอนนี้เธอก็สวมมันอยู่
อืมม ดูเหมือนเธอจะมีความสุขจริงๆสินะยิ่งกว่าตอนที่ผมให้ชุดอื่นเป็นของขวัญเสียอีก
…….ผู้หญิงนั้นเข้าใจยาก และลอร่านั้นซับซ้อนยิ่งกว่าพวกผู้หญิงคนอื่นใดเสียอีก
จิตใจของหญิงสาวเทียบได้กับภาษาเยอรมัน ที่ผมไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ข้ากำลังรับสัมผัสจากธรณี”
“สัมผัสจากธรณี……? มี โนม(gnome)อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ?”
“ทุกสิ่งที่มนุษย์กินเข้าไปในทุกวันนั้นเป็นพรที่ประทานมาจากธรณี ข้าใช้ชีวิตอย่างนี้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผืนดิน ข้าทำด้วยร่างกายของข้า”
ลอร่าเอียงหัว
“ตัวฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่า นายท่านน่ะบูชาเทพีดีมีเทอร์ด้วย ความศรัทธาของท่านก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่มากินมื้อเที่ยงกันก่อนไหมคะ?”
“โอ้วว ข้ากำลังรออยู่เลย”
ลอร่าถือตระกร้าด้วยแขน เธอพาผมมากินมื้อเที่ยงเบาๆด้วยกันทุกวัน ผมร้องโอดโอยขณะที่ดันตัวขึ้น
มื้อเที่ยงวันนี้เป็นแซนวิช มันไม่ได้เป็นแซนวิชสามเหลี่ยมสีขาวสะอาดเหมือนที่ผมเคยกินในโลกก่อน
มันเป็นแซนวินข้าวสาลีที่มีเบค่อนและมีผักบด แล้วประกอบด้วยแป้ง ลอร่านั้นทำกับข้าวไม่เก่ง บ่อยครั้งเธอจึงทำมื้ออาหารจากวัตถุดิบพื้นๆ
กินข้าวเที่ยงหลังวันทำงานหนักแล้วทำให้อาหารอร่อยมาก
“โอ้ อร่อยเหลือเกิน! ทำได้ดีมากเลย ลอร่า”
“……ฉันมีความสุขที่ได้เห็นนายท่านมีความสุข”
ลอร่ายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
ในเวลานี้รอยยิ้มของเธอช่างงดงามอย่างไม่น่าเชื่อ
ลอร่าส่งกระบอกน้ำให้ทันทีที่ขนมปังข้าวสาลีลงคอผมไป ผมกระดกน้ำตามไปด้วย
นี่เธอไปได้น้ำมาจากบ่อน้ำหรือนี่? น้ำสะอาดสดชื่นไหลลงลำคอ ทำให้ร่างกายทั้งร่างเย็นฉ่ำ ทั้งที่เพิ่งโดนแดดเผามา
ช่างสดชื่นสุดๆไปเลย!
พอผมกินจนอิ่ม ผมก็รู้สึกเหมือนได้มีชีวิตใหม่
“โอ โอ โอ้ว”
แม้ผมจะไม่สามารถเก็บเกี่ยวเสร็จในวันเดียวก็ตาม แต่ก็ต้องเสร็จได้ในสองวันอยู่ดี ถ้าไม่อย่างนั้นพาร์ซิคงล้อผมตายเลย
ลอร่าพูดขึ้น
“หลังยังปวดอยู่หรือเปล่าคะ นายท่าน?”
“การเกี่ยวข้าวสาลีนี่ ยากกว่าที่ข้าคิดไว้อีก …….”
“หืม ท่านตัดข้าวสาลีด้วยเคียวหรือคะ?”
ผมผงกหัวรับ
“พอมาคิดว่า ท่านตั้งใจเลือกวิธีที่ยาก หญิงสาวผู้นี้ที่เคยคิดว่า นายท่านเป็นคนขี้เกียจที่น่าสิ้นหวังมาตลอด
ตอนนี้รู้แล้วว่า ฉันนั้นคิดผิดไป นายท่านน่ะตั้งใจที่จะเรียนรู้ความรู้สึกของชาวนาชาวไร่”
ผมเอียงคอ
“ขอบคุณที่ชมกันนะ แต่ข้าไม่แน่ใจว่า เจ้าหมายถึงอะไร”
“ก็ท่านสามารถตัดข้าวสาลีได้โดยง่าย ด้วยการใช้แฟรี่นี่คะ? ถึงอย่างนั้นท่านเองก็ยังเลือกที่จะสู้กับความลำบาก นั่นทำให้หญิงสาวผู้นี้ถึงกับอึ้งกับความมุมานะของนายท่าน”
แฟรี่งั้นเหรอ?
“แล้วจะใช้แฟรี่ได้ยังไง? ในเมื่อแขนของพวกนางอ่อนแอเกินกว่าจะถือเคียวได้น่ะ”
“……นายท่านคะ ดูเหมือนท่านลืมเรื่องเวทย์มนตร์ไปแล้วใช่ไหมคะ? ท่านสามารถตัดทุกอย่างพร้อมๆกันได้ด้วยใบมีดสายลมไม่ใช่หรือคะ?”
“…….”
ผมหันหัวไป แฟรี่ที่กำลังเล่นซ่อนแอบกันอยู่ในทุ่ง ผมก็มอบคำสั่งในหัวให้เงียบๆ
‘ยิงออกไปหนึ่งชุด’
แฟรี่เงยหน้ารับคำสั่งในทันที พวกเธอกระพือปีกไปอยู่ในสุดมุมหนึ่งของทุ่งข้าว พอรวมกลุ่มได้ ก็เคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกันเพื่อยิงวินด์คัตเตอร์
ใบมีดที่มองไม่เห็นทะลุผ่านทุ่งข้าวสาลีรวดเร็วแหวกไปในอากาศ ด้วยการร่ายเวทย์เพียงครั้งเดียว ทุ่งข้าวสาลีก็หายไปหนึ่งในสาม
“ฟัคคคคคคคคค!”
ผมจับหัวตัวเองแล้วตะโกนออกมา ทำไมผมไม่คิดออกให้เร็วกว่านี้ฟะ!?
– เคียรุรุรุ
แม้ผมจะดูเศร้าระทมใจแต่แฟรี่ทั้งหลายที่บินผ่านไปผ่านมาก็หัวเราะคิกคัก ผมคงดูตลกสำหรับพวกนางแน่ๆ
บ้าเอ๊ย อย่าดึงผมสิ แล้วก็อย่าดันหลังด้วย ทำแบบนั้นมันยิ่งทำให้ผมดูแย่ไปอีก!
ลอร่าบ่นด้วยความอึ้ง
“อย่าบอกนะคะว่า ท่านไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน?
นายท่านนี่ช่าง …….บางทีท่านก็ฉลาดหลักแหลม แต่บางทีท่านก็กลายเป็นคนโง่งมโดยสมบูรณ์จริงๆ
เอาล่ะ ฉันก็สงสัยอยู่ว่าทำไมนายท่านถึงลุกขึ้นมาทำงานหนักแบบนั้น”
“หลังข้าาา สามชั่วโมงแห่งเลือดและหยาดเหงื่อของข้าาา!”
ลอร่าฮึดฮัดขึ้นมา
“ถ้าหัวไม่ดี ร่างกายก็ต้องเหนื่อยค่ะ หญิงสาวผู้นี้ขอย้อนคำพูดที่ท่านชอบ”
แหม แม่คนฉลาด
นี่แหละน้า ทำไมพวกอัจฉริยะถึงน่ารำคาญเหลือเกิน!
(TTL : ชีวิตสโลวไล้ฟ์ของของจอมมารนารวม ดันทาเลี่ยน <<<ชื่อตอนนี้ )