“ฟู่ววว”
ควันหอมหวานพวยพุ่งออกจากปากผม
เด็กสาวตัวน้อยผู้กำลังเมามายอยู่ตรงหน้า มีแก้มที่แดงก่ำราวกับผิวแอปเปิ้ล
ไวน์อันแสนนุ่มละมุนในมือขวา และสมุนไพรที่เป็นดั่งข้ารับใช้คนพิเศษในมือซ้าย
นี่แหละน้าชีวิต นี่แหละความหมายของลูกผู้ชาย
ช่างเป็นชีวิตที่งดงามเหลือเกิน
ผมได้ยืมถ้อยวลีของพวกชาวตะวันตกมาเพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกของผมว่ารู้สึกอย่างไร บางครั้งผมก็เหม่อลอยขณะที่มองกลุ่มควันที่ค่อยๆจางหายไปในอากาศ
อิวาร์ ล็อดบรอคดูเหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไปจึงหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ฝ่าบาท? ถ้าท่านไม่ไหวแล้ว ข้าไม่อาวให้ท่านแล้วหนา?”
“คึคึ เจ้าก็ยังจะมาขู่กันอีก ทั้งที่พูดไม่ชัดแล้วแท้ๆ”
“ลิ้นของผู่น้อยเน้ ยังหวายยยย━?”
“แน่ล่ะ เจ้ายังหวายยย”
มุมปากของนางแทบจะย้วยละลาย นางแทบจะคุมการแสดงอารมณ์สีหน้าไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
ผมคว้าขวดมาแล้วกระดกรวดเดียว แววตาที่มั่นใจของเด็กสาวกลับลดลงเรื่อยๆตามจำนวนน้ำในขวด
จนกระทั่ง สีหน้าของอิวาร์ กลับว่างเปล่าเช่นเดียวกับไวน์ในขวด
ตอนนี้ผมควรแกล้งแหย่เธอสักหน่อยดีไหมนะ?
“ฟู่ว…….”
ผมก้มหัวลงราวกับว่าตัวเองดื่มต่อไม่ไหวแล้ว เสียงของเด็กสาวดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นผมทำอย่างนั้น
“ตอนนี้ท่านไม่หวายแล้วช่ายหมายยย?”
“หึ ไม่ ไม่ไหวแล้ว……เอิ่ก,คงจะหนักไป”
ผมแกล้งทำขวดหลุดมือ เพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับการแสดง
ขวดเปล่าค่อยๆกลิ้งไหลลงไปกับพรมบนพื้นอย่างนุ่มนวล
อิวาร์ ล็อดบรอค ต้องคิดว่า ผมนั้นเมาเละเทะแล้วจริงๆ เธอจึงรีบลุกขึ้นมาจากฝั่งของเธอแล้วมานั่งข้างๆผมแทนย
เธอลูบหลังผมแล้วถาม
“ฝ่าบาท? พอละหรอออ? ถ้าง้านฉันชะนะละน้า?”
แม้คำพูดจะฟังดูคล้ายเป็นห่วงเป็นใย แต่น้ำเสียงนี่รื่นเริงสุดๆ
การได้เห็นเธออยู่ในเมาปลิ้นแบบนี้ทำให้เธอยิ่งดูน่ารักขึ้น
ผมแอบสงสัยเหมือนกันว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากผมผลักเธอล้มลงตอนนี้แล้วจัดการเธอซะ
อิวาร์ ล็อดบรอคนั้นเป็นคนฉลาด เธออาจดีใจที่ได้มีสัมพันธ์ทางกายกับจอมมารอย่างผม และเธอก็สามารถใช้ประโยชน์ทางการเมืองจากเรื่องนี้ได้
แต่มันยังเร็วเกินไป ผมไม่ควรลุ่มหลงไปกับรูปร่างอันงดงามของเธอ
ถึงแม้จริงๆ ผมล่ะอยากจะมีอะไรกับนางเอกจากเกมที่ผมสุดจะรักเหลือคนาก็ตาม
“เอาล่ะ เอาล่ะ ……ข้าขอยอมแพ้! ข้าไม่ไหวแล้ว ยอมแพ้แล้ว,มีอะไรอยากถามก็ถามมาเลย ถ้าจะตอบทุกคำถามที่ข้าตอบได้”
“ถ้าเช่นน้าน……ฝ่าบาท เสียมารยาทหน่อย ขอให้ข้าถามนะ”
อิวาร์ ล็อดบรอคลูบหลังผม
“ฝ่าบาทรู้เรื่องอดีตของข้าได้ยังไง……ทั้งเรื่องที่ข้าซ่อนร่างจริงละก็เรื่องที่คนรักที่ตายไปเมื่อนานมากแล้ว
ฝ่าบาทรู้วเรื่องนั้นได้ยังงาย?”
“โอ้? เรื่องนั้นน่ะเหรอ? ง่ายมากเลย ข้ามีพลังเห็นอดีต”
ผมตอบเธอไปตามคำตอบที่เตรียมมาก่อนล่วงหน้าแล้ว
“พลังในการเห็นอดีต?”
“เวลาข้ามองใครสักคน……ข้าจะเห็นอดีตของคนๆนั้น
อืม มันไม่ใช่พลังที่วิเศษอะไรนักหนาหรอก ใช่ว่าข้าจะเห็นมันเสมอไปที่ไหน อย่างเช่นข้าไม่อาจอ่านอดีตจอมมารได้ แถมอ่านอดีตได้น้อย น้อยยยมากๆ”
‘ดังนั้นท่านก็ไม่ใช่ผู้พยากรณ์หน่าสิ…….’
เด็กสาวพึมพัมกับตัวเอง
“แล้วที่ฝ่าบาทพูดกับผู้หญิงคนนั้นที่มาจากราชวงศ์ฮับบวร์กที่ทุ่งราบบรูโน่ล่ะ?”
“ก็เหมือนกัน ตอนนั้นข้าโชคดีมาก ได้เห็นเหตุการณ์ในทันทีที่เห็นหน้านางเข้า
แต่ก็ยอมรับว่าอดีตที่ข้าเห็นนั้น……เป็นอดีตอันแสนเจ็บปวดของนางพอดี”
“เข้าใจล้าว”
อิวาร์ ฟังดูเชื่อสิ่งที่ผมพูด
“ฝ่าบาท……ท่านบอกว่า ตัวท่านสงสัยการมีอยู่ของจอมมาร ทำไมเป็นอย่างน้าน?”
“หืมมม? ข้าลืมบอกเจ้าเหรอ? จะปีศาจหรือจะมนุษย์
อ่าาาอือออออ
มีเหตุผลเดียวที่ต่างกันนั้นก็เป็นเพราะทริคชั่วร้ายของจอมมารทั้งนั้น”
ผมแกล้งครางขณะพูดเพื่อที่จะได้ดูเหมือนผมปวดหัว
เพื่อให้แน่ใจว่า จะสมจริงว่าผมนั้นเมาไร้สติ และสิ่งที่พูดออกมาเป็นความจริงที่ผมหลุดปากละเมอพูดออกมาเพราะฤทธิ์ไวน์
“ในแง่ความรู้สึก……
ช่าย ในแง่ของความรู้สึก ความเป็นสัตว์โลก มนุษย์หรือปีศาจก็ไม่ต่างกันเลย ที่ว่าความรู้สึกนั้นหมายถึงอะไร?
ทุกชีวิตต่างมีเจตจำนงเสรี มีสิทธิ์ในการคุมตัวเองได้ แต่เพราะอย่างนั้นแหละ เพราะจอมมารนั่นแหละ เพราะจอมมารอย่างเดียวเลยที่ปล้นชิงอิสรภาพไปจากปีศาจ…….”
“…….”
“หากเผ่าปีศาจอยากจะเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะเผ่าปีศาจจริงๆ จอมมารทุกตนก็ต้องหายไปให้หมด
ช่าย เป้าหมายของข้า……คือ การที่ทำให้จอมมารทุกตนหายไป”
ผมได้ยินเสียงเธอกลืนน้ำลายเอื้อก
“จอมมารทุกตน……?”
“นั่นแหละถึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง
อืมมม ช่ายแล้ว มีเพียงหนทางนั้นที่จะทำให้เผ่าปีศาจมีชีวิตอยู่ได้จริงๆ…….
พวกนั้นถึงจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆ”
“ตะ-แต่ ไม่ใช่ฝ่าบาททำให้กองทัพพันธมิตรสำเร็จครั้งใหญ่เหรออ?”
“สิ่งสำคัญคือ สมดุล”
ผมเงยหัวขึ้นแล้วมองตรงไปที่อิวาร์
“ในบรรดาสิ่งที่จอมมารพูดพล่ามมา มีอย่างนึงที่พูดถูก
…….ความจริงที่ว่า นรกนั้นแห้งแล้งทุรกันดารเกินกว่าที่เผ่าปีศาจจะใช้ชีวิตอยู่ได้ ดูออร์คนั่นสิ ออร์คที่ไปตั้งรกรากที่บนทวีป ทั้งรุ่งเรืองแถมมีลูกหลานมากมาย
……แล้วดูในนรกสิ ? ให้อย่างเยอะ อย่างมากสุดเลย ก็ไม่กี่พัน สภาพแวดล้อมของทวีปกับในนรกต่างกันแค่ไหนก็ลองเทียบดูสิ…….”
ผมคว้าขวดใหม่ที่อยู่บนโต๊ะแล้วกระดกไปอึกใหญ่
“คึก ลองคิดดูสิจะเกิดอะไรขึ้นหาก อยู่ๆจอมมารตายห่าไปให้หมดเลยตอนนี้?
โลกคงจะวุ่นวายครั้งใหญ่เลยล่ะ นี่จะเป็นโอกาสที่พวกมนุษย์จะขับไล่พวกปีศาจออกไปจากผืนทวีป พวกเราต้องทอนกำลังฝ่ายมนุษย์ก่อนที่จะกำจัดพวกจอมมาร”
“สมดุล อย่างน้านเหรอ…….”
อิวาร์ ล็อดบรอคพึมพัมกับตัวเอง
“สมดุล ทั้งสองฝ่ายต้องล้มตายในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันในสงครามที่ยืดเยื้อลากยาว
สงครามของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราเป็นก้าวแรกของแผนการณ์นี้
แต่พวกเราดันชนะขาดเกินไป นั่นแหละคือเรื่องที่นอกเหนือการคำนวณ.”
ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ
“นี่แหละคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมข้าถึงก่อสงครามกลางเมือง”
“ท่านหมายความว่ายางงาย……?”
เสียงของอิวาร์ ล็อดบรอคสั่นเครือ
“สงครามที่เกิดขึ้นระหว่างฝ่าบาทอกาเรสกับฝ่าบาทกามิกินหน่าเหรอ…….”
“โง่ชะมัด ถึงจะวางแผนในการรบกันแล้ว กามิกินก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากถูกลงโทษ ในขณะที่บาร์บาทอสแบ่งดินแดนบางส่วนให้นางไป เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ?”
“หรือฝ่าบาทกำลังจาบอกว่า สงครามท้างหมดนั่น คือสิ่งที่ท่านวางแผนไว้ตะแรกแล้ว!?”
ผมยิ้ม
“อกาเรสอาจไม่ฉลาดมากมายนัก แต่นางก็ไม่ได้โง่ไร้สมอง
หากข้าไม่วางกามิกินไว้เป็นพวกกับนาง นางไม่มีทางจะกล้าเริ่มเปิดศึกขึ้นมาก่อนหรอก
ที่พวกเราทำก็แค่ยกโมราเวียให้กับกามิกินเพื่อจูงใจเธอ แต่ก็นั่นแหละนะ การแลกเปลี่ยนกันครั้งนี้ ก็ไม่แย่นักหรอก”
“……!”
ดวงตาสีม่วงของเด็กสาวกลับสั่นไหว
“ก็ต้องขอบคุณเรื่องนั้นแหละ ที่ทำให้ข้าสามารถทอนกำลังฝ่ายจอมมารลงได้พอสมควร
ตอนนี้กองกำลังจอมมารก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะจัดกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งใหม่ได้อีกต่อไป
ไม่สิ หรือต่อให้อยากทำก็ทำไม่ได้ เจ้ารู็ไหมว่าทำไม?”
“……ผู้น้อยเน้ไม่รู้เลยย”
“ฮุฮุ เจ้าต้องเมาแล้วแน่ๆ ปกติแล้วเจ้าปะติดปะต่อข้อมูลเก่งจะตายไป
เหตุผลมันก็ง่ายๆ เมล็ดพันธุ์แห่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจโดนวางไว้ในกองทัพฝ่ายจอมมารแล้ว
อกาเรสได้เริ่มต้นสงครามขึ้นมาก่อน แล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่า จอมมารตนอื่นจะไม่หักหลังพวกพ้องล่ะ?”
ความจริงก็คือ กองกำลังฝ่ายเป็นกลางนั้นเลิกเข้าร่วมตั้งแต่ที่เกิดความแตกแยกภายในแล้ว
ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่เกิดจากการทรยศของฝ่ายเดียวกันฃ
ซึ่งมันเกิดขึ้นมาแล้วนับไม่ถ้วนในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆมา และแล้วอกาเรสก็ดันทำซ้ำในเร็วๆนี้อีก
จะพูดว่า การระดมพลกองทัพพันธมิตรนั้นจบเห่แล้วก็ได้
“ผลที่ได้ก็คือ พวกมนุษย์มีโอกาสได้หายใจหายคออีกสักพัก ไม่นับเป็นโชคดีสำหรับพวกนั้นหรือ?”
“แล้วพอพวกมะนุดฟื้นกำลังขึ้นมาละ……ละฝ่าบาทจะก่อสงครามอีกช่ายหมาย?”
“ถูกต้องแล้ว”
ผมกล่าวยืนยัน
“ในสงครามครั้งหน้า ข้าจะผลักดันให้ทั้งฝ่ายมนุษย์และกองทัพจอมมารเข้าสงครามกวาดล้างกันและกันและนั่นจะทำให้มนุษย์ไม่อาจก่อสงคราม ในขณะที่จอมมารก็ต้องล้มตายกันไป
ถูกแล้ว ถูกแล้ว หากเราดึงเบอนิเซีย(Bernicia)กับแคสทิล(Castile)เข้ามาร่วมวงด้วย……ก็จะสร้างสมดุลขึ้นมาได้”
“เน่มันบ้า มันเป็นเส้นทางที่บ้าไปแล้วว!”
เด็กสาวระเบิดอารมณ์ตะโกนขึ้นมา
“จะต้องมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องตายตกไป!? นับหมื่นๆ……ม่ายสิ นับแสนๆจะต้องตายกันหมด ท่านบอกว่าจะให้เสรีภาพกะเผ่าปีศาจ แต่ท่านกำลังบังคับให้พวกนั้นไปตาย……เน่ มันเกินไปแล้ว!”
“โอ้? เช่นนั้นรึ? หรือเจ้าจะบอกว่า ควรจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปดี?”
ผมยิ้มเยาะ
อิวาร์เองก็ไม่ได้รักเผ่าพันธุ์ตัวเองอะไรขนาดนั้นหรอก
ปัญหานี้มันแก้ง่ายจะตายไป
“จำนวนปีศาจและมนุษย์ที่ต้องตายไปในอดีต นับพันปีที่ผ่านมาเพราะสงครามพันธมิตรนั้นก็หลายล้านได้แล้ว
แล้วอีกพันปีต่อไปจะตายกันอีกเท่าไหร่กันล่ะ? หากเป็นเช่นนั้นแล้ว
พวกนั้นก็เป็นพันปีที่ไร้ค่า หากจอมมารยังมีชีวิตอยู่ และปีศาจก็ยังคงเป็นทาสที่ไร้อิสรภาพ”
“…….”
“นับแสนชีวิตยังไงก็ต้องตายตกอยู่ดี ควรจะดีใจด้วยซ้ำไปที่ตายแล้วดึงจอมมารไปตายด้วยกัน!
ฟังดูบ้าก็ไม่เห็นจะเป็นไรไป
นี่แหละเป็นหนทางที่ถูกต้องแล้ว!”
ผมกุมมือของเด็กสาวไว้ มือของเธอนั้นนุ่มและเล็ก
“อิวาร์ ล็อดบรอคเอ๋ย……เจ้าน่ะไม่พอใจอย่างนั้นรึ? บอกกับข้ามาสิ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าในอดีต เกิดเหตุการณ์ไม่ยุติธรรมใดขึ้นกับเจ้า
บอกข้ามาถึงความคับข้องใจเจ้ามีต่อจอมมาร!”
“I……I.”
ตอนนั้นเองที่ริมฝีปากของเด็กสาวกลับสั่น
“……ข้าเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มชนเผ่าที่อ่อนแอ ฝ่าบาทเวสซาโก้……เขาสัญญากับเผ่าของข้า เขาสัญญาว่าจะมอบทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งให้หากพวกเราช่วยเขา”
ในที่สุด ‘เรื่องราว’ ที่ผมต้องการจะได้ยินจากปากอิวาร์ ล็อดบรอคก็หลุดออกมาจากปากของเธอ
เวสซาโก้ จอมมารลำดับ 3
ในอดีตนั้นอิวาร์ ล็อคบรอคได้สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเขา
“ตอนนั้นสถานการณ์กำลังสุ่มเสี่ยง ใกล้ชี้เป็นชี้ตายระหว่างรบกับเผ่ามังกร……เวสซาโก้น่ะ เขา…….”
“เขาทำอะไร?”
ผมถามย้ำ
“เวสซาโก้ทำอะไรลงไปกันแน่?”
“เขาใช้เผ่าของข้า……เป็นตัวตายตัวแทน”
ิอิวาร์ ล็อดบรอคหลั่งน้ำตาออกมา
“เขาใช้พลังบงการของจอมมารน
…….บังคับไม่ให้พวกเราหนี สั่งให้พวกเราไปตายไม่หยุด ส่วนตัวเวสซาโก้ก็หนีรอดไปคนเดียว
…….พ่อข้า แม่ข้า และคนรักของข้า พวกเขาทั้งหมด…….ข้าเป็นคนเดียว
…….ที่แอบอยู่ใต้ซากศพแล้วรอดมาได้…….”
“…….”
“นี่แหละ สิ่งที่จอมมารเป็นจริงๆ…….มันทำให้ผู้นี้สาบานว่าสักวันหนึ่งจะต้องแก้แค้นให้จงได้!
ข้าจะต้องให้พวกนั้นชดใช้ให้สาสมกับที่เคย หยามหมิ่น ทำเหมือนพวกเราเป็นของเล่น และยังทรยศพวกเราอีก……!”
ดังนั้นแล้วหลังจากเสียพี่น้องในวงศ์ตระกูลทั้งหมดไป เธอก็เข้าสู่โลกธุรกิจตามลำพัง
จอมมารทุกตนต้องการเงินอยู่แล้ว เธอจึงกุมฐานการเงินของจอมมารทั้งหมดด้วยการสร้างบริษัทค้าขายขนาดใหญ่ขึ้นในโลกจอมมาร
เธอทำทุกอย่างที่ทำได้ในฐานะแวมไพร์ และทำทุกอย่างแม้แต่การสังเวยใครก็ตาม
ช่วงวิกฤตเหตุการณ์หลังจากอิวาร์ ล็อดบรอคทรยศจอมมารทุกตนใน<Dungeon Attack> สุดท้ายก็จบลงอย่างรุนแรง
บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกปีศาจจบลงที่พังพินาศในวันเดียว
บริษัทย่อยๆเล็กๆน้อยๆ ที่พึ่งพาบริษัทเคียสคุสก้าต่างล้มละลาย เป็นหนี้กันหมด เศรษฐกิจของเนฟเฮมฟองสบู่แตก และแน่นอนล่ะ กองทัพจอมมารถึงกับตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งใหญ่หลวง
อิวาร์ ล็อดบรอคแก้แค้นได้สำเร็จแล้ว
“ฮิก……อึกกก…….”
เด็กสาวนั้นร้องไห้
ไหล่เล็กๆของเธอนั้นสั่นเทา ขณะที่เธอย้อนระลึกถึงวันที่ครอบครัวและคนรักของเธอตายจากไปนานมากแล้ว
พันปีที่ผ่านมาน่าจะทำให้ความปรารถนาของคนผู้หนึ่งที่จะแก้แค้นเพื่อคนรักและครอบครัวจางหายไป
แต่ทว่า อิวาร์ ล็อดบรอคยังคงเดินอยู่บนเส้นทางนั้นต่อไปโดยแบกรับคำสาบานจะล้างแค้นนั้นไว้บนบ่า
“ข้ารู้ดี”
ผมกอดเธอไว้แน่น
“ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า เจ้าผ่านอะไรมาบ้าง และข้ายังได้รับรู้ถึงความโหดเหี้ยมของจอมมาร
นี่แหละจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมข้าถึงปรารถนาที่จะร่วมมือกับเจ้า
ข้าเชื่อว่า เจ้าเป็นผู้เดียวเท่านั้นที่เข้าใจความเกลียดชังที่มีต่อจอมมาร.”
“……ฝ่าบาททท”
“อิวาร์ ล็อดบรอค สหายรัก ข้าอาจเป็นจอมมารและเจ้าเป็นปีศาจ แม้พวกเราจะมีชาติกำเนิดต่างกันหากแต่พวกเราต่างรู้สึกอย่างเดียวกัน”
ผมลูบผมสีบลอนด์ของเธอและกระซิบข้างหู
(TTL : อิวาร์ ล็อดบรอค ส ห า ย รั ก )
“เรามากำจัดจอมมารบนโลกนี้ด้วยกันเถอะ
เรามาสรรสร้างโลกใบใหม่ที่ไม่ต้องมีใครต้องเสียน้ำตาเพราะจอมมาร
ให้เราเชื่อในเหตุและปัจจัยที่ว่า ทำไมเราถึงเกิดมาในโลกใบนี้
หากแม้นจะต้องหลั่นเลือดผู้คนนับแสนนับล้านก็ตามที…….”
ผมสัมผัสได้เลยว่า เด็กสาวกำลังพยักหน้าอยู่บนอกผม
เป็นที่แน่ชัดแล้วล่ะ
ว่าที่ไอ้พูดมาทั้งหมดน่ะ
ผมโกหกทั้งเพ
‘คึคึ’
เธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตอนนี้ผมกำลังยิ้มอยู่
กำจัดจอมมารทุกตนอย่างนั้นเรอะ? มันก็ต้องรวมผมไปด้วยสิวะ
มันใช่เรื่องตลกเสียที่ไหนกันล่ะ
ผมไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการฆ่าตัวตายสัก ผมแค่ตามน้ำตามอารมณ์ของอิวาร์ ล็อบรอคไปเฉยๆแล้วบอกแต่คำพูดที่เธออยากได้ยินได้ฟัง
‘ผมทำได้แล้วโว้ยยย! ผมเคลียร์ทุกเงื่อนไขแล้ววว!’
ผมได้เคลียร์เงื่อนไขที่จะทำลายขีดจำกัดในการเพิ่มค่าความชอบของอิวาร์ :
เงื่อนไขแรก – ผู้เล่นกับอิวาร์นั้นต้องดื่มเหล้าด้วยกัน ‘ตามลำพัง’
เงื่อนไขที่สอง – ผู้เล่นกับอิวาร์นั้นต้องดื่มเหล้าด้วยกันนานเกินกว่า ‘สามชั่วโมง’ ในเกม
เงื่อนไขที่สาม – ต้องเกิดขึ้นอย่างน้อย ‘หนึ่งปี’ หลังจากที่ผู้เล่นได้พบกับอิวาร์ ล็อดบรอค
เงื่อนไขที่สี่ – ผู้เล่นต้องได้ฟัง ‘เรื่องราวนั้น’ จากอิวาร์ ล็อดบรอค เอง
หากทำได้ครบทั้งสี่เงื่อนไข ก็สามารถเพิ่มค่าความชอบของอิวาร์สูงกว่า 50
ผมสามารถเพิ่มมันไปสูงถึง 99 หน่วย แล้วผมก็ต้องบรรลุอีกเงื่อนไขหากจะให้ไปแตะถึง 100
ยิ่งไปกว่านั้น เงื่อนไขที่สำคัญในการทะลุขีดกำจัด ค่าความชอบ 99 ก็คือนี่:
‘เห็น ‘ร่างจริง’ ของ อิวาร์ ล็อดบรอค!’
ถูกแล้วล่ะ ตอนที่อิวาร์ ล็อดบรอคนั้นเข้าเป็นพวกกับฝ่ายฮีโร่ เธอไม่ได้ใช้ร่างจริงตั้งแต่แรกหรอก
เธอใช้ร่างที่พามาให้ผมดูก่อนหน้านั่นแหละ ร่างที่มีเรือนร่างเหมือนๆกันหากแต่สีตาคนละสี
เธอช่างเป็นคนที่ระมัดระวังตัวแจเสียจริงๆ
โอ้ แหม ตัวข้านี่น้า
ผมปิดท้ายด้วยการได้เห็นร่างจริงของอิวาร์ ล็อดบรอค
‘พูดง่ายๆ……ผมทำลายเงื่อนไขการปลดล็อคค่าความชอบของเธอทั้งหมดในเวลาเดียวกันยังไงล่ะ!’
จนผมอยากจะที่จะลุกขึ้นมาร้อง ร้องเพลงว่า ผมอยากจะเห็นร่างจริงของเธอ มาก มากมายแค่ไหนนนน
ผู้ชนะเนี่ยมันได้กำหนดมานับตั้งแต่เสี้ยววินาทีที่อิวาร์ ล็อดบรอคมาหาผมด้วยร่างจริงแล้วล่ะ
อย่างที่ผมบอกไปแล้วยังไงล่ะ? เกมนี้มันเห็นผู้ชนะกันตั้งแต่แรกแล้ว
แน่นอนอยู่แล้ว ยังไงล่ะ!
「ความสัมพันธ์แน่บแฟ้น! อีกฝ่ายตระหนักว่า ท่านเป็นสหายตัวจริง ฉายาใหม่จะได้มอบให้อีกฝ่ายเนื่องจากความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้」
「 เชื่อใจโดยสมบูรณ์! อีกฝ่ายตระหนักว่า ท่านนั้นเป็นคู่หุ้นส่วนชีวิตระยะยาว ฉายาใหม่จะได้มอบให้อีกฝ่ายเนื่องจากความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน และความเชื่อใจดังกล่าวนี้」
การแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อผมสามารถทำลายขีดกำจัดค่าความชอบปรากฏต่อหน้าต่อตาผม
แม้ค่าความชอบของอิวาร์ ล็อดบรอคจะยังไปไม่ถึง 20 ก็ตามที แต่การแจ้งเตือนทำลายขีดกำจัดก็โผล่มาแล้ว
นี่คือ ทริคที่ยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่เหนือทริคใดที่มีมา
ตอนนี้ผมสามารถเพิ่มค่าความรักความชอบโดยไม่มีอุปสรรคใดมากั้นขวางแล้ว
มันก็จะขึ้นพรวดๆได้เร็วกว่าเดิมอันเนื่องจากฉายาใหม่นี้ฃ
การพิชิตใจเธอนั้นจะยิ่งง่ายราวกับแย่งขนมเด็กทารก
“ฮึก……ฮิก, ฮือออ…….”
ผมยิ้มอย่างมีสุขขณะกอดเด็กสาวผู้ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขน
ผมโกหกไปหน่อยเดียว แต่ผมก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองรู้สึกผิดกับการโกหกครั้งนี้
ความจริงที่ผมนั้นสามารถพิชิตใจนางเอกคนสำคัญของเกมได้นั้นทำให้ผมเปี่ยมไปด้วยความสำเร็จที่ล้นหลาม
มันเป็นช่วงเวลาที่ผมสามารถเคลียร์รูทของนางเอกเกมได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
MANGA DISCUSSION