ณ ช่วงเวลานั้นผมถึงกับพูดไม่ออก งุนงงสับสนไปหมด รถยิงหินนั้นยากที่จะเล็งยิงได้แม่นยำหากทัศนวิสัยไม่ชัดเจน
หากยิงหินก้อนใหญ่มาแแล้ว มันก็จะโดนความมืดและหมอกกลืนกิน
คุณจะไม่มีทางยืนยันได้เลยว่า มันยิงโดนหรือไม่
ผมจึงไม่เข้าใจวิธีคิดของศัตรูเลย
“กลางหมอกเช่นนี้นี่นะ? พวกเขาน่ะแม้จะมองยังมองพวกเราไม่เห็นเลย แล้วจะมีใครในหมู่พวกเราจะบาดเจ็บจากการโจมตีแบบนี้ได้ล่ะ?”
หรือพวกกองทัพจักรวรรดิมีวิธีการยืนยันว่า ยิงโดน?
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงสถานการณ์ก็จะพลิกไปอีกด้าน นั่นหมายความว่าศัตรูของเราจะระดมยิงอย่างต่อเนื่องได้ฟรีๆ จนกว่าเราจะหาทางจู่โจมรถศึกของพวกเขาได้
พวกเราได้ตั้งค่ายเพื่อเตรียมรอรับการชาร์จเข้ามาของทหารม้า
แล้วจบลงตรงที่ว่ากลับต้องมาวิ่งหนีหินที่โยนเหวี่ยงเข้าใส่แทน…….
นายพลเซปาร์นั้นกำจัดความกังวลของผมให้
–ในตอนนี้ กองกำลังปีกขวาของเรา ไม่บาดเจ็บเสียหาย ทุกหน่วยเตรียมตัวให้ดี อย่าคลายความระวังเด็ดขาด
หลังจากนั้น นายพลเซปาร์ก็ยังคงพูดกับเราซ้ำแล้วซ้ำอีก ว่าอย่าลดการ์ดลง อย่าทำลายกระบวนทัพ
เขาคงได้ข้อสรุปแล้วว่า ศัตรูนั้นพยายามสร้างความปั่นป่วนด้วยการใช้รถยิงหิน
อ่าฮะ ผมเห็นด้วยนะ ผมไม่คิดว่า ศัตรูจะมีเจตนาอื่นอีก
แต่ลอร่าคิดต่างออกไป เธอพูดในขณะที่กำลังม้วนผมบลอนด์ของเธอ
“ไม่มีทางที่ พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากรถยิงหินโดยไม่มีเจตนาอื่นหรอกค่ะ”
“แล้วการที่ใช้รถยิงหินโดยยิงไม่โดนอะไรนั่นเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ใดกัน?”
“ท่านอาจต้องเปลี่ยนวิธีคิดค่ะ ฉันเชื่อว่า ทหารจักรวรรดิคงคิดว่า ถึงจะยิงไม่โดนอะไรเลยก็ไม่เป็นไร”
พูดง่ายๆคือ หินที่ยิงมานั้นไม่ได้หวังจะให้โดนพวกเรา ผมรู้สึกได้ถึงความจริงจังขอลอร่าผมจึงลดเสียงต่ำ
“……หากพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะให้โดนเรา ถ้าอย่างนั้น”
“ตัวฉันเชื่อว่า เป้าหมายของพวกเขาคือ การหยุดการเคลื่อนที่ของพวกเราค่ะ
แม้ความแม่นยำจะถึงขั้นเลวร้าย แต่พวกเราก็ยังคงระดมยิงหินต่อไป ทำให้กองทัพของฝ่ายเราต้องหดถอยโดยอัตโนมัติ
พวกเราไม่สามารถที่จะขยับเคลื่อนทัพเร็วๆได้ ฉันไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลประการใด
แต่กองทัพจักรวรรดินั้นต้องการที่จะตรึงให้พวกเราอยู่กับที่ค่ะ”
ผมถูหน้าผากตัวเอง
การอนุมานของลอร่านั้นฟังดูสมเหตุสมผล แม้ลอร่าจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง
แต่ผมกลับเข้าใจเจตนาของศัตรูแล้ว ลอร่าอาจไม่รู้เพราะเธอไม่มีประสบการณ์ในสงครามใหญ่มาก่อน แต่อาการปวดหัวของผมเริ่มกลับมา
“ทหารจักรวรรดิน่ะ วางแผนจะเปิดศึกจู่โจมเต็มกำลังในตอนนี้”
“อืมม? ท่านทราบเรื่องนั้นได้ยังไงคะ?”
นี่มันกลศึกพื้นฐานเลย
พวกเขาพยายามตรึงให้กองทัพของพวกเราอยู่กับที่ โดยใช้การกดดันต่อเนื่อง
พวกเขาตั้งใจรวมกองกำลังพวกเราแล้วเข้าตีในจุดเดียว
หากแนวรับของพวกเราพังทลายลง มันก็จะพังไปเรื่อยๆจนเราไม่สามารถหาทางรับมือได้อีก
และโชคร้ายเหลือเกินนะ……พวกเราน่ะเป็น ‘จุดเดียว’ ที่ว่านั่น ที่ทหารจักรวรรดิเลือก
เห็นกันชัดเจนมากว่า ปีกขวานั้นเป็นตำแหน่งเดียวที่ไม่มีหินลอยเข้าใส่
นั่นหมายความว่า กองทัพจักรวรรดินั้นกำลังเคลื่อนพลมาทางนี้
แม้แต่ให้ทักษะการใช้เครื่องยิงหินของพวกเขาจะขั้นเทพขนาดไหนก็ไม่มีทางที่ยิงกล้ายิงไปในทิศทางที่พวกพ้องของตนเองกำลังเคลื่อนไปได้หรอก
พวกเขาคงมาแอบสอดส่องกองกำลังของพวกเราตั้งแต่เมื่อวาน และได้พบว่า ทางฝั่งปีกขวาของเรานั้นอ่อนแอที่สุด
ผมรายงานไปในทันที นายพลเซปาร์รับฟังสมมุติฐานของผมอย่างจริงจัง เขาครุ่นคิดอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องนั้นและให้ข้อสรุปตามนี้
– ปีกขวานั้นจะต้องสู้รบกับอย่างดุเดือด และเป็นไปตามที่ท่านผู้บัญชาการปรารถนา…….
หน่วยปีกขวางนั้นได้รับการยืนยันให้เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ช่วงตอนตี 5
รอบข้างเราที่มืดและมีหมอกช่วยปกคลุมมอนสเตอร์ที่มองเห็นตอนกลางคืนได้เกินกว่า 100 เมตร
ขณะที่ทหารจักรวรรดิเชื่อว่า นี่เป็นโอกาสทองในการโจมตี
30 โกเลม , 10 แฟรี่ และ 12 เดธไน้ท์
หน่วยของผมมีมอนสเตอร์ทั้งหมด 52 ตัว โกเลมและแฟรี่ของผมนั้นเลเวลสูงสุดเท่าที่จะไปถึงได้ในบรรดามอนสเตอร์ระดับต่ำที่สุด นั่นคือ เลเวล 10
พวกมันจึงแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป
เพิ่มเดธไน้ท์ของผมที่เลเวล 50 อีก ตามมาตรฐานของพวกมนุษย์ กองทหารของผมประกอบด้วย ทหาร นักธนู และอัศวินชั้นสูง
ผมอาจมีจำนวนไม่มากมายเท่าใดนัก แต่ผมมั่นใจในความแกร่งของพวกเขา!
พวกเราอยู่ในความมืดและเป็นการรบนอกแบบแผน*อยู่แล้ว ดังนั้นจำนวนไม่ใช่เรื่องใหญ่ในตอนนี้
ศัตรูจู่โจมได้อย่างไรนี่แหละคือ หลักสำคัญ
พวกเขากำลังจะใช้กลยุทธตามแบบแผน เอาทหารเดินเท้าไว้หน้า
หรือจะจู่โจมฉับพลันโดยใช้ทหารม้าบุกเข้ามาก่อนล่ะ?
หากให้ทหารเดินเท้านำมาก่อน ผมก็ยังพอมีโอกาสชนะ แต่หากเป็นทหารม้าแล้ว……
ผมจึงขุดหลุมดักตำแหน่งของพวกเรา แล้วเตรียมสนามเพลาะไว้ แต่ผมบอกตามตรงว่า ไม่รู้สึกเลยว่า จะชะลอพวกเขาลงได้ แต่ก็ต้องทำไว้ก่อน
ในขณะที่ผมสู้ไปแล้วหนีไปด้วยโดยใช้หมอกต่างโล่กำบังตัว ผมต้องกำจัดหน่วยที่อยู่ล้อมรอบผม
– ฟามิลาร์ พบทหารของศัตรู
พวกเราได้รับข่าวที่หน่วยสอดแนมเห็น สถานการณ์เป็นไปตามที่ลอร่าและผมคาดการณ์ไว้
ทหารจักรวรรดินั้นเดินทัพเข้ามาหาปีกขวาของเราแล้วตั้งใจที่จะโจมปีกขวางทั้งปีก
พวกเขาคงตั้งใจจะทำให้ปีกขวาของเราพังทลายแล้วจากนั้นค่อยจัดการปีกซ้ายและตรงกลางไปทีละส่วน
จากการรายงานดังกล่าว ทหารจักรวรรดินั้นเคลื่อนพลโดยทหารเดินเท้าและทหารม้า นั่นหมายถึงว่า พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะจู่โฉมฉับพลัน
นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากของทั้งฝ่ายเราและฝ่ายศัตรู
เนินเขาออสเตอร์ลิทช์จะชุ่มโชกไปด้วยเลือดผ่านฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ
ผมเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจ
หินก้อนใหญ่ยังคงสะเทือนผืนดินต่อเนื่องอีกหลายนาที
ตอนนี้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ?
แล้วจู่ๆก็มีบางสิ่งพุ่งผ่าเข้ามาหาในบึงมืดของหมอกสีดำ มันไม่ใช่แค่ลูกเดียว แต่มาเป็นจำนวนมาก
มันแหวกอากาศเข้ามาหาพวกเราแล้วมาตกอยู่ตรงหน้าผม
ลูกธนูนั่นเอง
“…….”
“…….”
ลอร่ากับผมมองหน้ากันไปกันมา เราทั้งคู่พูดไม่ออก ไม่ใช่เป็นเพราะว่าธนูมันแปลกหรอก มันเป็นเพราะระยะห่างที่มากเกินกว่า 100 เมตร
เราได้ยินเสียงฝีเท้าม้า ธนูและเสียงฝีเท้าม้า
นั่นหมายถึง สิ่งเดียว มุมปากของลอร่าบิดเบี้ยวก่อนจะแสดงความเห็นที่ไม่น่าฟังนักออกมา
“……พวกนั้นไม่ใช่ทหารม้าธรรมดาสินะคะ?”
ศัตรูนั้นกำลังใช้ประโยชน์จากพลธนูบนหลังม้า
Ο
* * *
ทหารจักรวรรดินั้น ไม่สิ ผู้อาจจะแค่บัญชาการสูงสุด มาร์กราฟ ฟอน โรเซนเบิร์ก ในสถานการณ์แบบนี้เท่านั้นแหละ
ยุทธวิธีของมาร์คกราฟนั้นสุดแสนจะออริจินั่ลมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ลอร่าเสียความเยือกเย็นไปเหมือนกัน
“พอมาคิดถึง การที่พวกเขาใช้พลธนูบนหลังม้าในตอนกลางคืนอย่างนี้!”
ใช้รถยิงหินเพื่อกดดันกองทัพปีกซ้ายและตรงกลาง นั้นเข้าใจได้
แต่ถึงอย่างนั้น การใช้พลธนูบนหลังม้านี่มันเหนือจินตนาการจริงๆ
นั่นก็เพราะหลักการและเหตุผลพื้นฐานที่ว่า พลธนูบนหลังม้ามีไว้เพื่อระดมยิงศัตรูจากระยะไกลแล้วหนีทิ้งระยะห่าง ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า พลธนูหลังม้านั้นต้องการเงื่อนไขที่สมบูรณ์พร้อมมากๆ
หากยิงธนูโดยหันไปผิดข้าง ก็ไม่แปลกอะไรที่จะถูกศัตรูบุกทะลวงทีละคน
พวกเขาจะต้องรักษาระยะห่างระหว่างกัน และยังต้องยิงธนูไปยังจุดเดียวกันตามคำสั่งเพื่อให้ยิงได้แม่นยำ
มันไม่มีทางเลยที่การยิงบนหลังม้าจะแม่นยำได้ขนาดนั้น ดังนั้นจึงต้องเน้นจำนวนอย่างเต็มที่
พูดสั้นๆคือ นักธนูบนหลังม้านั้นยากที่จะทำให้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าใช้เป็นแค่กลุ่มเล็กๆก็ไม่ใช่งานยากนัก
……ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สมรภูมิตอนนี้มืดสนิท มันมืดเสียจนอาจสร้างความปั่นป่วนกันเองได้ด้วยซ้ำ
พวกเขาอาจชนกันเองระหว่างเหล่านักธนู
การใช้พลธนูบนหลังม้าในสถานการณ์ตอนนี้มันบ้าชัดๆ
ปัญหาก็คือ ไอ้วิธีบ้าๆแบบนั้นมันได้ผลกับพวกเรา
“ไอ้บ้าห่าลากนั่นมันไม่สนเลยหรือไงกันว่า จะต้องเสียธนูไปมากแค่ไหน……?”
“ธนูพวกนั้นทำขึ้นโดยเหล่าอัศวินของพวกเขาค่ะ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า จักรวรรดิฮับบวร์กนั้นฝึกฝนพลธนูขี่ม้าถึงระดับมืออาชีพ
พวกเขาอาจจะเป็นทหารม้าที่คอยรับใช้อัศวินของโรเซนเบิร์ก”
ลอร่าและผมนั้นพูดคุยกันหลังเครื่องกำบัง
พวกเราได้สร้างเกราะกำบังที่แข็งพอที่จะต้านการพุ่งเข้ามาของทหารม้า ทั้งยังสามารถใช้ป้องกันธนูได้ด้วย
ด้วยการหันประตูรถม้าที่เราเอามาจากหมู่บ้านต่างๆในแถบแบรนเดนเบิร์กมาไว้ที่นี่
ชาวเมืองในโลกนี้มีประตูบ้านที่ทั้งแข็งและหนามาก เพราะหลายครั้งต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากมอนสเตอร์ พวกเขาจึงเตรียมโล่ที่ดีที่สุดไว้ในยามฉุกเฉิน
ต้องขอขอบคุณพลเมืองโลกนี้จริงๆ ทำให้หน่วยของผมแทบไม่เจ็บอะไรเลย
แม้จะถูกห่าฝนธนูระดมยิงเข้ามาขนาดนี้ แต่ถึงธนูจะพุ่งเข้ามาถูกโกเลมตัวสองตัว
โกเลมที่มีค่าความต้านทานการโจมตีกายภาพ 50%แล้ว ธนูพวกนั้นก็แทบไม่ต่างจากยุงมากัด
ยิ่งไปกว่านั้น เดธไน้ท์เองก็มีลดความเสียหายกายภาพถึง 80% แฟรี่เองก็ตัวเล็กเท่าเม็ดถั่ว ไม่มีทางที่จะโดนธนูยิง
ถึงจะไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นก็เถอะนะ แต่หน่วยของผมเนี่ย ต้านลูกธนูได้โดยสมบูรณ์
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น
“……พวกเราขยับไปไหนไม่ได้เลยค่ะ”
ลอร่าคำราม นี่แหละที่เป็นปัญหา พวกเราต้องหลบซ่อนตัวเองหลังที่กำบังแล้วอยู่ตรงนั้นต่อไป
หน่วยของผมนั้นมีการป้องกันกายภาพที่สูงมากดังนั้นจึงสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนก็ได้ แต่หน่วยอื่นนั้นต่างกัน หน่วยอื่นโดยมากแล้วมักจะประกอบด้วย ออร์คและก็อบลิน
ทั้งสองประเภทนั้นไม่มีความสามารถในการป้องกันกายภาพเลยแม้แต่น้อย
พวกมันจึงได้แต่นั่งเงียบๆในที่กำบังขณะที่ธนูสาดเข้ามาหาพวกเรา
การสาดกระสุนไม่ได้เกิดที่ไหนเลยนอกจากฝั่งปีกขวาทั้งหมด นี่หมายถึง การเคลื่อนกองกำลังของปีกขวานั้นโดนตรึงไว้กับที่
เจตนาของกองทัพจักรวรรดินั้นชัดเจนแล้ว พวกเขาตั้งใจจะเคลื่อนไปรอบๆขณะที่กดเราลง
จากการรายงานของฟามิล่าที่กำลังสอดแนว พบว่า ทหารเดินเท้ากำลังมุ่งเป้าไป ณ จุดๆเดียวที่ปีกขวาง
พวกเขาตั้งใจที่จะแบ่งส่วนจัดการปีกขวาในขณะที่ใช้พลธนูบนหลังม้านั้นยับยั้งทุกคนไว้
ผมถอนใจออกมา
“เป็นไปตามที่โรเซนเบิร์กมันคิดไว้จริงๆ แผนนี้มันง่ายแต่มีประสิทธิภาพมาก”
ก่อนอื่นก็ รถยิงหิน แล้วก็ตามด้วย พลธนูบนหลังม้า
ทุกปฏิบัติการนั้นอยู่ภายใต้หลักการเดียว ตรึงกำลังศูนย์กลางและปีกซ้ายของกองทัพจอมมารไว้ด้วยการโจมตีของรถยิงหินอย่างไม่จบไม่สิ้น
ผนึกปีกขวาด้วยพลธนูบนหลังม้า แล้วจากนั้นก็ส่งกองกำลังเข้าไปสู่จุดๆเดียว ณ ปีกขวา
……’เพิ่มศักยภาพการเคลื่อนที่ของฝ่ายตน และทำลายศักยภาพการเคลื่อนที่ของฝ่ายศัตรู’
พวกเขาจัดการประหารเราด้วยกลยุทธนี้
สิ่งที่เป็นปัญหาคือ แม้เราจะเข้าใจแผนของพวกเขาแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย
หากเราจะทำอะไรได้ ก่อนอื่นเราต้องขยับให้ได้ก่อน!
แม่งเอ้ย กองกำลังศัตรูเดินทัพอย่างระมัดระวังในสายหมอก
แต่พวกเราก็ได้แต่หลบซ่อนอยู่หลังประตูไม้แล้วลอบถอนใจออกมา
“แล้วการขอกำลังหนุนจากท่านผู้บัญชาการล่ะคะ?”
“มันต้องถูกปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว”
ผมส่ายหัว
“บาร์บาทอสนั้นต้องการใช้ปีกขวาเป็นตัวล่อให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากเธอส่งทหารมาจากกองทัพศูนย์กลาง หรือใช้ปีกซ้ายป้องกันปีกขวา มันจะกลายเป็นแบบแผนมันสลับกันไปหมด”
ถ้าหากยังปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างนี้ ถึงจุดหนึ่งส่วนหนึ่งของปีกขวาก็ต้องแตกพ่ายอย่างช่วยไม่ได้
พวกเราไม่อาจร้องขอกำลังหนุนและปีกขวาเองก็เคลื่อนตัวอย่างอิสระไม่ได้ด้วย
ท้ายที่สุดแล้ว หน่วยของผมเป็นตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ ตัวเลือกที่เฮงซวยที่สุดเสียด้วย
“หน่วยของพวกเราจะกำจัดนักธนูบนหลังม้าด้วยพลังของพวกเราเอง”
“……มันดีหรือคะ? กองทหารของนายท่านอาจเป็นอันตราย”
“ข้าก็ไม่อยากหรอก แต่มันช่วยไม่ได้ หากข้าไม่ทำอะไรเลยเพราะข้าไม่อยากเสียทหารของข้าไป สุดท้ายทหารเดินเท้าศัตรูก็จะมากวาดล้างพวกเราทิ้งอยู่ดี”
เอาจริงๆนะ นี่ช่างเป็นศัตรูที่ช่างกวนใจเสียจริง มาร์คกราฟโรเซนเบิร์กนั้นเป็นระดับที่สูงกว่า เคิร์ช ชไลเออมาร์ช จากป้อมปราก้อนที่ภูเขาดำ
แต่ก็เหมือนกันกับเจ้าเคิร์ชนั่นแหละ
ผมกำลังจะฆ่าโรเซนเบิร์กเพื่ออนาคตของตัวเอง
ผมกระชับเกราะแล้วพูดขึ้น
“ไปเตรียมตัว,ลอร่า ดูเหมือนหน่วยพวกเราจะถูกเลือกให้เป็นความหวังของงานเลี้ยงคืนนี้แล้วล่ะ ที่นี่ ที่ออสเตอร์ลิทช์”
ลอร่าผงกหัว
เธอคงครุ่นคิดอย่างหนักขณะที่สายตาของเธอนั้นมองทอดไปเบื้องหน้า
เธอกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่กันนะ?
จะใช่ความสำนึกเสียใจที่ย่างเท้าก้าวเข้ามาสู่สมรภูมิขนาดใหญ่นี้เป็นครั้งแรกหรือเปล่า?
หรือจะรู้สึกเหมือนจะเยาะเย้ยกันที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ศัตรูของมนุษยชาติ ด้วยการต่อสู้กับทหารจักรวรรดิ ?
ผมไม่มีทางรู้ได้เลย
—–
*การรบตามแบบแผน และการรบนอกแบบแผน
การรบตามแบบแผน คือ การที่ทั้งสองกองทัพ ระดมกำลังกันมาอยู่ในสนามรบหรือสมรภูมิที่เป็นที่ราบ ทัศนวิสัยเปิดกว้าง เห็นกันทั้งสองฝ่าย เข้าประจัญหน้ากันตรงๆแล้วแปรขบวนทัพ
ส่วนการรบนอกแบบแผน คือ นอกเหนือไปจากการรบตามแบบแผน ไม่ว่าจะเป็นการซุ่มโจมตีตอนระหว่างเดินทัพ ในม่านหมอก ผันน้ำทำลายค่าย ลักลอบเผาค่าย และอื่นๆทั้งหมด
MANGA DISCUSSION