ออฟฟิศกลับเงียบ มันให้ความรู้สึกเหมือนอุณหภูมิลดต่ำลง
ผมได้ยินเสียงหัวเราะลั่นเอะอะมาจากนอกหน้าต่าง พอผมเหลือบมองผ่านหน้าต่าง
ผมก็เห็นพี่เบเลธถือไหเหล้าอยู่ในงานเลี้ยงขนาดเล็กพร้อมกับจอมมารตนอื่นในสนามหญ้าของปราสาท
พี่เบเลธคงเห็นผม เขาจึงโบกมือให้ ผมจึงยิ้มรับแล้วโบกมือกลับ
ภูมิทัศน์อันแห้งแล้งของป่าสนและเนินดินเหนียวสีแดงบนภูเขาทอดยาวออกไปตามแนวกำแพง
ผมดื่มวิสกี้ไปอึกหนึ่งก่อนจะมองหน้าต่างไปอีกสักพัก
ณ เวลานั้นของธรรมชาติมันเป็นเหมือนมันเป็นการหยุดพักไปตลอดกาลนาน
เสียงหัวเราะจากงานเลี้ยงได้เอื้อมคว้าและผลักดันช่วงเวลานั้นให้ดำเนินต่อไป
“ผู้บัญชาการไพมอนจะจบลงที่การทรยศโลกปีศาจ เธอจะโจมตีพวกเดียวกันเองซึ่งจะทำให้ทั้งฝ่ายเป็นกลางและจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดโกรธมาก
มันจะเป็นแบบนั้นจริงหรือคะ?”
“พวกเธอก็คงหาข้อแก้ตัวมาอีกนั่นแหละ
โลกปีศาจนั้นมีประสบการณ์เรื่องความล้มเหลวมายาวนานถึง 2,000 ปี
จำนวนปีศาจที่สงสัยในทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ไม่สิ จำนวนปีศาจที่สงสัยในตัวจอมมารเองก็มีไม่น้อย”
อิวาร์ ล็อดบร็อคเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ในฐานะเจ้าของบริษัทเคียนคุสก้าและแวมไพร์ลอร์ด เธอนั้นผิดหวังกับจอมมารเป็นอย่างมาก
สุดท้ายเธอจึงทรยศกองทัพจอมมารแล้วไปอุทิศตัวให้กับบริษัทอิสระที่นำโดยผู้กล้า
ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างมากว่า ตัวเธอนั้นเป็นประชากรเพียงคนเดียวในโลกจอมมารที่แยกตัวหนีออกจากกลุ่มจอมมารหรือเปล่า
“หากไม่มีความหวังว่าจะทำสำเร็จ แล้วจะมีประโยชน์อะไรในการเรียกระดมพล?
ในทุกครั้งที่ทัพพันธมิตรล้มเหลว ออร์ค ออเกอร์ ก็อบลิน ต้องตายไปมากมาย นี่จอมมารไม่ได้เอาชีวิตของเหล่าปีศาจมาเล่นพนันหรอกหรือไง……?
ความกังขาพวกนั้นอยู่ในใจผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่ฝ่ายภูเขาจะเขี่ยฝ่ายที่ราบแล้วขึ้นมาเป็นฝักฝ่ายที่ใหญ่ที่สุดในฝ่ายจอมมาร
การผงาดขึ้นมาของฝ่ายภูเขานั้นสะท้อนให้เห็นถึง กระแสความนิยมในสังคมปีศาจ แทนที่จะเสียเงินทองมากมายและชีวิตเหล่าปีศาจโดยไม่จำเป็น
พวกเราควรที่จะร่วมมือกันกับพวกมนุษย์―นั่นคือ อุดมคติที่จะเชิดชูขึ้นมาภายหลัง
“ในสถานการณ์อย่างนั้น ฝ่ายที่ราบนั้นจะร่วมมือกับฝ่ายเจ้าหญิงลำดับสามของจักรวรรดิ
ฝ่ายที่ราบจะตอบรับสัญญาสงบศึกของเจ้าหญิง และเธอก็ยอมรับดินแดนที่อยู่ใต้การปกครองของเรา
เธอเข้าใจไหมว่า มันหมายความว่ายังไง? ด้วยสิ่งนี้ กองทัพจอมมารจะไม่ได้พิชิตทวีปทั้งทวีป แต่จะได้ดินแดนมาเพียงบางส่วน”
การหวังพิชิตแผ่นดินทั้งผืนอย่างสิ้นหวัง หรือ การได้ดินแดนมาอย่างแน่นอน
ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ ก็เห็นๆกันอยู่ว่า สังคมปีศาจจะเลือกทางไหน โลกปีศาจนั้นเบื่อหน่ายกับการระดมกำลังในช่วง 2,000ปี ที่ผ่านมา
ผู้คนทั้งหลายก็จะปรบมือแสดงความยินดีให้กับการตัดสินใจอันยอดเยี่ยมของไพมอน
ซึ่งนั่นหมายถึงนั่นเป็นความสำเร็จที่จับต้องได้และยังได้มาในทันทีด้วย
‘จอมมารผู้ได้รับผลประโยชน์ก้อนโตแทนที่จะใช้วิธีโบร่ำโบราณ’
ไพมอนจะได้รับคำสรรเสริญอย่างนั้น
ผมยิ้มออกมา
“ความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ในช่วง2,000ปี นั่นคือ เหตุผลที่ว่าทำไมไพมอนถึงได้เป็นบุคคลที่น่ากลัวมาก
ไพมอนไม่ใช่ผู้ที่เสียเลือดเสียเนื้อลงไปสู้ ฝ่ายที่ราบต่างหาก
แต่ถึงอย่างนั้นไพมอนก็สามารถเก็บเอาความดีความชอบไปไว้กับตัวเองด้วย
การเจรจาตกลงกับอย่างลับๆกับเจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรวรรดิ
สงครามนั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าแผนการ
ลิ้นของคนหนึ่งคนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่ากำปั้นของผู้คนนับร้อยเสียอีก”
“……ผู้บัญชาการบาร์บาทอสจะไม่มีทางอยู่เฉยค่ะ”
ผมส่ายหัว
“แล้วเธอจะทำอะไรได้? ลอร่า
ก่อนหน้านี้พวกเราได้คุยกันไปเรื่อง ฟ้า,ดิน และคน ในมุมมองของการสงคราม เทียบกับกองทัพภาค 1 แล้ว กองทัพภาค 6 นั้นมีปัจจัยทั้งสามด้อยกว่าทั้งหมด
อย่างแรกเลย เหตุผลในการรบ
ในขณะที่กองทัพภาค 6 มีเหตุผลที่เก่าและเชยแสนเชยอย่างพิชิตทั้งทวีป
กองทัพภาค 1 นั้นใช้การนำเผ่าปีศาจไปสู่โลกใหม่ที่จับต้องได้ยิ่งกว่า
ถ้าทัพภาค 6 ไม่ได้มีอะไรเหนือไปกว่านั้น วิธีการของทัพภาค 1 ก็ถือว่าใช้ได้เหมือนกัน
ต่อมา ชัยภูมิดิน
ถ้าอะไรเป็นไปตามแผนที่ไพมอนวางไว้
กองทัพภาค 6 ก็จะถูก กองทัพภาค 1 และกองทัพเจ้าหญิงจักรวรรดิโอบล้อม
ความนิยมของผู้คนก็สูญสิ้นทันทีหากเราเสียดินแดนไป และนั่นก็จะนำไปสู่การปฏิวัติที่นี่ที่นั่นเต็มไปหมด เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในมือของเจ้าของคนใหม่
พวกเราจะมีศัตรูอยู่ทุกด้าน รวมถึงความขัดแย้งภายในเองด้วย มันไม่มีทางที่พวกเราจะชนะได้
ข้อสุดท้าย กำลังพล
กองทัพภาค 6 ฝ่ายที่ราบนั้นมีกองกำลังทหาร 18,000 นาย จำนวนลดลงไปมากจากการสู้รบกับทหารทั้งฝ่ายมาร์คกราฟและฝ่ายมกุฏราชกุมาร
ขณะเดียวกันนั้นเอง กองทัพภาค 1 ฝ่ายภูเขา นั้นมีกองกำลังฝ่ายจอมมารถึง 30,000 นาย
หากรวมทหารฝ่ายเจ้าหญิงลำดับสามไปด้วย
ฝ่ายที่ราบก็ต้องสู้รบกับกองกำลังที่มีจำนวนมากกว่า 3 ถึง 4 เท่า
ผลลัพธ์มันชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
“พวกเราถูกปิดล้อมและถูกกำจัด…….”
ลอร่าถอนใจออกมา ผมพยักหน้า
“หากท่านผู้บัญชาการบาร์บาทอสปฏิเสธสนธิสัญญาสงบศึก
พวกเราจะจบลงด้วยการสู้กันเอง และยังเป็นประเด็นวิพากย์วิจารณ์โดยฝ่ายปีศาจด้วย
พวกเขาก็จะบอกว่า จะโยนโอกาสทองในการได้รับดินแดนนั้นทิ้งไปเพื่อเห็นแก่อะไรเล็กๆน้อยๆอย่างอุดมการณ์เก่าๆแบบนั้นเนี่ยนะ”
ไพมอนก็จะหลั่งน้ำตาจรเข้ออกมาแล้วประกาศว่า:
……มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่พวกเราเผ่าเดียวกันจักต้องมาห้ำหั่นกันเอง แต่เพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่กว่า พวกเราต้องเดินหน้าต่อ เราจักโอบกอดโศกนาฏกรรมในครั้งนี้เพื่อเป็นแรงผลักดันเพื่อประโยชน์ในการบรรลุความปรารถนาของเผ่าปีศาจ…….
ผลที่ได้คือ ฝ่ายที่ราบโดนกำจัดหมด
ฝ่ายภูเขาก็ได้จะรับดินแดนฝ่ายเหนือของจักรวรรดิฮับบวร์กมา ฝ่ายภูเขาก็ได้รับรู้ว่าเป็นฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในกองกำลังจอมมาร
จากจุดนั้นทั้งฝ่ายเป็นกลาง และจอมมารที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมทำตามการตัดสินใจของฝ่ายภูเขา
ไพมอน ในฐานะจอมมารลำดับ 9 ถือว่าได้ครอบครองกองกำลังจอมมารทั้งหมดมีฝ่ายภูเขาครองอำนาจสูงสุดโดยสมบูรณ์
……. หากไม่นับเรื่องที่เธอเป็นคนที่เชื่อใจในคนของตัวเองมากจนเกินไป
ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถเป็นอย่างมาก
“แล้วแบบนี้สถานการณ์ไม่เลวร้ายหรือคะ?”
ลอร่าพูดขึ้นมาในทันที
“เมื่อเราหมดหนทางแล้ว ท่านวางแผนจะทำอะไรคะ?”
“ก่อนอื่น เรามาปรบมือให้กับแผนการของไพมอนกัน”
“……นายท่านคะ”
ลอร่าหรี่ตามองผม
ผมพูดจริงจังนะเนี่ย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม
การได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องต่อสู้ ก็นับว่าเป็นแผนที่น่าประทับใจสุดๆ สไตล์ของเธอนั้นต่างกับบาร์บาทอสผู้เชื่อว่าสงครามคือกลุ่มก้อนของการสู้รบโดยสิ้นเชิง
เอาจริงๆแล้ว ผมชอบวิธีการของไพมอนมากกว่าบาร์บาทอสอีก วิธีการที่มันชั่วร้าย เงียบเชียบ และแทงหลังฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้ปรานีเนี่ย
แหม ที่รัก
ลอร่าจ้องเขม็งเลย ดูเหมือนผมจะแกล้งมากเกินไปหน่อย
ผมจึงพูดขึ้นทั้งที่ยังยิ้ม
“กองทัพภาค 6 ของพวกเราจึงมีทางเลือกเหลืออยู่อีกทางหนึ่ง
พวกเราจะยอมรับสนธิสัญญาสงบศึกของเจ้าหญิงจักรวรรดิ พวกเราจะหยุดสงครามที่มีกับฮับบวร์กในทันที
พวกเราจะเอาชื่อเสียงของไพมอนทั้งหมดมาเป็นของตัวเอง”
“อืมมม”
ลอร่าม้วนบิดผมด้วยนิ้วมือ นั่นเป็นนิสัยที่เธอมักทำเวลากำลังใช้ความคิด
“เข้าใจแล้วค่ะ มันก็จะกลายเป็นว่า กองทัพภาค 6 ได้พิชิตแดนเหนือของฮับบวร์ก ไม่ใช่กองทัพภาค 1
แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพภาค 6 เองก็จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าปีศาจ…….ไม่แย่นี่คะ”
“มันไม่อาจทำให้พวกฝ่ายที่ราบพอใจนักหรอก เพราะพวกเขาปรารถนาที่จะพิชิตทั้งทวีปให้ได้
แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องสอนให้พวกสมาชิกในฝ่ายที่ราบรู้จักพอใจในชีวิตบ้าง”
โดยเฉพาะบุคคลที่สำคัญที่สุด บาร์บาทอส นังเอิร์ลโลลินั่นที่ละโมบโลภจนเกินไป
เธอเป็นบุคคลประเภทที่ว่า ถ้าไม่ได้ทุกอย่าง ก็จะไม่เอาอะไรเลย (all or nothing)
เธอต้องรู้จักใช้ชีวิตให้ฉลาดขึ้นสักหน่อย
“ถ้าพวกเราทำอย่างนั้น ผู้บัญชาการไพมอนก็จะไม่ได้อะไรเลยสินะคะ”
“ไม่เลย ไม่เลย ต่อให้กองทัพภาค 6 ตอบรับสนธิสัญญาสงบศึก ไพมอนก็ไม่ได้สูญเสียอะไรทั้งนั้น”
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะคะ?”
“ยังต้องถามอีกหรือ?”
ผมถามกลับไป ลอร่าแตะม้วนผมสีทอง
ไม่นานนักดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
“……! ราชอาณาจักรทิวทัน!(Teuton Kingdom)”
“ถูกต้องแล้ว”
อย่างที่ผมคิดนั่นแหละ ลอร่าเป็นคู่สนทนาที่ยอดเยี่ยม เธอมักโยนคำถามให้ผมและให้คำตอบที่ผมอยากได้ยิน
แถมคุณต้องมีความรู้อย่างน้อยก็พอๆกับลอร่า จึงจะสร้างความตึงเครียดในการสนทนาได้
การสนทนาที่มีการพูดอยู่ฝ่ายเดียวนั้นไม่ใช่อะไรที่น่าสนใจเลย
“กองทัพภาค 1 นั้นจะได้รับผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่จากการบุกผ่านเข้าไปทางเหนือของฮับบวร์ก
กองทัพภาค 1 นั้นจะผ่านป้อมปราการทั้งหลายที่ภูเขาดำเช่นเดียวกับที่พวกเราอยากจะบุกไปยังราชอาณาจักรทิวทัน
แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพภาค 1 นั้นได้เดินทางผ่านภูเขาดำไปได้สบายๆโดยไม่เสียเลือดสักหยดจากการที่ใช้เส้นทางที่พวกเราเบิกถางให้แล้ว
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น…….”
ลอร่าพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“หากสนธิสัญญาสงบศึกเป็นไปได้ด้วยดี กองทัพภาค 1 ก็จะชูธง แล้วบุกราชอาณาจักรทิวทันจากทางด้านทิศใต้ของประเทศที่ไม่มีการเตรียมการป้องกันเหล่าปีศาจไว้ก่อนเลย!
หากกองทัพภาค 1 ใช้โอกาสนี้ให้ดี พวกเขาก็สามารถที่จะยึดครองได้ทั้งอาณาจักร!”
ผมผงกหัวเบาๆในเชิงเห็นด้วย
ถูกต้องแล้วล่ะ สำหรับไพมอนนั้น ไม่สำคัญเลยว่า กองทัพภาค 6 จะตกลงหรือปฏิเสธสนธิสัญญา
หากพวกเราปฏิเสธ ก็แค่ระดมกำลังพันธมิตรกับเจ้าหญิงลำดับสาม แล้วฆ่าล้างกองทัพภาค 6 ทิ้งเสีย
ยึดอำนาจเหนือดินแดนตอนเหนือของฮับบวร์ก
หากพวกเรายอมรับ พวกเขาก็จะหันเหความสนใจไปที่ราชอาณาจักรทิวทัน ตามปรกติแล้วฮับบวร์กกับทิวทันนั้นเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นทิวทันจึงไม่ได้วางกองกำลังทหารป้องกันที่แนวฝั่งฮับบวร์กเลย
กองทัพภาค 1 จะจู่โจมเข้าไปจากข้างหน้า
ราชอาณาจักรทิวทันก็จะถูกบดขยี้อย่างน่าสังเวช
สุดท้ายแล้ว เมื่อเทียบกับ กองทัพภาค 6 ที่ยึดได้เพียงมุมๆหนึ่งของจักรวรรดิฮับบวร์ก
กองทัพภาค 1 ได้รับความสำเร็จครั้งใหญ่ที่ยึดได้ทั้งราชอาณาจักร
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฝ่ายภูเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก
ไม่ใช่แค่นั้น ฝ่ายที่ราบเองก็ไม่ใช่กลุ่มที่นำสัญญาสงบศึกไปให้เจ้าหญิงลำดับสาม แต่เป็นฝ่ายภูเขาต่างหาก
ฝ่ายภูเขาก็จะเป็นที่รู้จักกันในภายหลัง ดังนั้นฝ่ายภูเขาก็จะมาชิงความสำเร็จของฝ่ายที่ราบคืนไป
ไพมอนได้กำไรฝ่ายเดียวไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไป และยังเป็นความสูญเสียของบาร์บาทอส
……นี่มันยอดมากจริงๆ มันเป็นความสูญเสียอันประเมินค่าไม่ได้เลย
ลอร่าดื่มหมดแก้วในทันที ไหล่ของเธอสั่นเทิ้มนิดๆ
“นี่เป็นกับดักเหรอคะ?”
“แน่ละ นี่มันสงครามนี่”
พวกเขามักพูดว่า ผู้ชนะสงครามนั้นจะตรวจสอบให้แน่ใจก่อนถึงชัยชนะของพวกเขาแล้วจึงรบ
……. โดยหลักการพื้นฐานแล้ว มันแทบไม่ต่างอะไรเลยจากการต่อสู้ของพวกเรากับริฟและปาร์ตี้นักผจญภัยอีก70 คน ที่เขาเป็นผู้นำ
ลอร่าเริ่มจากความขัดแย้งภายในหมู่บ้านในภูเขา และทำให้ปาร์ตี้ของริฟนั้นพังทลายลง
ภารกิจของกองทัพภาค 6 คือ การบุกยืดภูเขาดำและเอาชนะมาร์คกราฟ พวกเราก็แค่มองฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู
ไพมอนนั้นต่างออกไป เธอมุ่งเข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ทั้งภายในจักรวรรดิฮับบวร์กและยังแยกแยะระหว่างผู้เป็นพันธมิตรและเป็นศัตรูของเธอ ดังนั้นเธอจึงวางแผนให้ฝ่ายของเธอได้รับความเหนือกว่า ไม่ว่ากองทัพภาค 6 จะทำอะไร
คิดล่วงหน้าก่อน ผู้ที่คิดล่วงหน้าแล้วจะได้รับชัยชนะก่อนที่ผู้นั้นจะได้ทันลงมือ
“……ดูเหมือนความเข้าใจของหญิงสาวผู้นี้จะเปิดกว้างขึ้นอย่างมาก”
“ยินดีด้วยนะ แล้วก็รีบโตไวๆล่ะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีช่องโหว่ในแผนนี้ค่ะ คือ ท่าน”
ลอร่าหันแก้วมาทางผม
“นอกจากนายท่านแล้ว ไม่มีใครในกองทัพภาค 6 ที่จะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เลย
ไม่สิ แม้แต่ในฝ่ายภูเขาเอง ก็คงมีแต่ไพมอนผู้เดียวที่เข้าใจถึงเรื่องนี้
แต่นายท่านกลับสามารถคาดการณ์ถึงมันได้
ในสนามนั้นจะเปลี่ยนไปตามการตัดสินใจของนายท่าน แต่ถึงอย่างนั้นนายท่านกลับไม่บอกอะไรใครเลย แล้วมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่คนเดียว
นายท่านคะ ท่านปรารถนาจะทำสิ่งใดให้สำเร็จกันแน่คะ?”
“…….”
ผมเทวิสกี้ให้ลอร่าทั้งที่ผมยังแสดงสีหน้าประทับใจอยู่ ไม่นานแก้วของเธอก็เต็ม
แต่ผมก็ยังเทไม่หยุด เหล้าล้นทะลักออกมาหกลงพื้น
ผมยังคงเทวิสกี้ต่อไปเรื่อยจนหมดขวด
“มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องการ นั่นคือ อนาธิปไตย*”
“อนาธิปไตย……?”
“ลอร่า ขยายมุมมองให้กว้างไกลขึ้น ผู้บัญชาการทัพภาค 1 ได้ร่วมจัดตั้งพันธมิตรกับเจ้าหญิงลำดับสามแห่งฮับบวร์ก
และผู้บัญชาการทัพภาค 6 ก็เป็นผู้ลงนามด้วย เธอไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?”
ผมหัวเราะขึ้น
“นั่นก็หมายความว่า จอมมารมีการแบ่งแยกฝักฝ่ายกันอยู่ภายใน
จนกระทั่งถึงตอนนี้จอมมารและมนุษย์ต่างไม่เคยมองกันและกันเป็นอื่นเลยนอกจาก ศัตรูตัวฉกาจ
แต่ถึงอย่างนั้น ทันทีที่เปิดเผยต่อโลกว่า ทั้งปีศาจและมนุษย์นั้นสามารถร่วมมือกันได้ และต่อต้านกันเองได้
สงครามระหว่างเผ่าก็จะมาถึงจุดสิ้นสุด
จอมมารและมนุษย์จะไม่ต่อต้านเผ่าของอีกฝ่ายแล้ว
พวกเขาจะเริ่มทำตามผลประโยชน์ของพวกตัวเอง
กลุ่มจะถูกสร้างขึ้นแล้วก็แตกแยกออกไปตามแต่ความสนใจของแต่ละบุคคล”
ริมฝีปากนุ่มของลอร่าเปิดออก
ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ตกใจของเธอ
เธอคงรู้ตัวนั่นแหละ ผมยังคงบรรเลงความบันเทิงที่พุ่งพล่ามขึ้นต่อ
“อนาธิปไตย ลอร่า!
พวกเราจะเข้าสู่อนาธิปไตยที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความปรารถนาอันแสนยาวนานที่แต่ละฝ่ายจะสู้เพื่อเผ่าพันธุ์ของตนจะหายไป แล้วกลายเป็นผู้คนจะต่อสู้กันเพื่อฝ่ายย่อย ผลประโยชน์ และความเชื่อส่วนตัวของตนจะมาอยู่ตรงหน้าเรา
เธอยังไม่ได้ยินอีกหรือ ? เสียงแห่งยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงน่ะ!”
——
*อนาธิปไตย (Anachy) : การที่กลุ่มสังคมที่ไม่มีรัฐ ไม่มีส่วนกลาง ไม่มีผู้ปกครอง (รากศัพท์มาจากคำกรีกว่า Anachos แปลว่า ไม่มีผู้ปกครอง) ซึ่งในประวัติศาสตร์โลก อนาธิปไตยเป็นผลจากการที่รัฐล้มเหลวในการควบคุมอำนาจ ตามมาด้วยสงครามกลางเมือง การปล้นชิง เผาทำลายสถานที่ต่างๆอยู่กันอย่างไร้กฏหมาย ตัวอย่างการกลายเป็นรัฐอนาธิปไตย อย่างเช่น อัลแบเนียในปี 1997 และโซมาเลียในปี 1991-2006
MANGA DISCUSSION