บทที่ 359 – ผลงานชิ้นโบว์แดงทางการทูต(4)
ยุคสมัยนี้น่ะเป็นยุคสมัยแห่งสังคมยศชั้นลำดับศักดิ์
เมื่อถูกแปะป้ายไปแล้วว่า ไม่ใช่แค่ทาสธรรมดา หากแต่เป็นทาสกาม ย่อมเป็นการมีมลทิลชนิดที่ไม่อาจชำระล้างได้
ชนชั้นสูง รวมถึงสามัญชนเองก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อทาสกามว่าเป็นมนุษย์
พวกเขาสงสัยถึงความเป็นอยู่ของลอร่ามาโดยตลอดในช่วงที่เป็นลูกนอกสมรส
แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้จักรวรรดิพยายามที่จะดันหญิงสาวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งลูกนอกสมรส และยังเป็นทาสกามให้ขึ้นเป็นดยุคอีกด้วย
คนอาจจะคิดว่า การรีเควสเรื่องแบบนั้นมันเป็นเรื่องน่าขำ
ช่างเป็นการตอบสนองจากทางฝ่ายราชอาณาจักรซาร์ดิเนียที่เยี่ยมไปเลยล่ะ พวกแกชนะการทะเลาะครั้งนี้แล้ว แต่โง่บัดซบเลยล่ะ
พวกแกน่ะลืมคิดไปว่า การแพ้การชนะในเรื่องนี้ครั้งนี้น่ะมันเป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นรอง
จักรวรรดิของพวกเรานั้นพยายามเต็มที่แล้ว
พวกเราใช้ทุกวิธีการที่ทำได้เพื่อธำรงรักษาสันติสุขแห่งผืนทวีป สอดประสานร่วมมือกันระหว่างทุกชนเผ่าเชื้อชาติ
แต่ถึงอย่างนั้น กลับมีชาติของพวกแกเพียงชาติเดียวที่ใช้การโจมตีเรื่องส่วนตัวขึ้นมาเพื่อหยามเกียรติและความเคารพที่พวกเรามอบให้ …….
ผู้คนอาจจะเข้าใจถึงสิ่งที่ซาร์ดิเนียพูดมา
ว่า พวกเขานั้นไม่อาจมอบศักดินาดยุคให้กับทาสกามได้
เรื่องนั้นอาจจะถูก
แต่อย่างไรก็ดี เสียงของผู้คนก็รังแต่จะถูกหมิ่นเหยียดหยามว่า มันสมควรแล้วหรือที่จะหยามหมิ่นเรื่องส่วนตัวท่ามกลางความกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวของทุกชาติทุกเผ่า ?
เธอก็เป็นแค่ทาสคนหนึ่งเท่านั้นเอง
แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปไม่ได้หรือไง ทำไมต้องยกมาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตระดับนี้ด้วย ?
การพักเรื่องนั้นไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องของ ความถูกหรือผิด ซาร์ดิเนียน่ะแสดงความใจคอคับแคบอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากจะใจแคบแล้วยังสายตาสั้น ไม่รู้จักมองการณ์ไกลอีกด้วย
ผู้คนน่ะไม่อาจลบภาพจำในทางลบพวกนั้นไปได้หรอก…….
มันไม่ใช่แค่การถอยก้าวเดียว หากแต่เป็นการถอยให้ถึงสองก้าว
จักรวรรดิอาจแพ้การตีฝีปากในครั้งนี้ แต่ก็ได้ใจประชาชน
และสิ่งเดียวที่ควรฉวยคว้าไว้
ผมยืมปากจักรพรรดิเพื่อออกมาบอกกล่าวแก่สาธารณชน
จักรพรรดิรูดอล์ฟเขียนคำประกาศยาวเหยียด แล้วส่งไปให้ฝ่ายการทูตของชาติอื่น
รัฐบาลกลางของชาติก็ได้อ่านคำประกาศที่ว่าเสียงดังๆ ณ ย่านใจกลางเมือง
– ตัวข้า ขอประกาศต่อผู้คนทั้งหลาย ผู้ละเมิดกฏหมายบ้านกฏหมายเมือง แล้วยังทำตัวหลบๆซ่อนๆราวกับเป็นผีร้าย จงฟังคำสัตย์สาบานขอข้า
– ขอให้ทราบโดยทั่วกันว่า นับแต่นี้ จักรวรรดิฮับบวร์กอันยิ่งใหญ่จะขอปลดปล่อยทาสผู้ได้รับการจองจำโดยวิธีการที่ผิดกฏหมาย และรุนแรง
เอกสารที่ครอบครองความเป็นเจ้าของทาสที่ได้ตราประทับและรับมาโดยมิชอบ ไม่เป็นไปตามกฏหมาย มีผลเป็นโมฆะ
– จงฟังให้ดีเถิด , ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย
พฤติกรรมของพวกเจ้าที่กระทำต่อครอบครัวที่พ่ายในความขัดแย้งภายในนั้นเป็นสิ่งที่ควรแก่การถูกประณาม
แม้แต่การประหารสามชั่วโคตร ทั้งผู้เฒ่าและเด็กเองก็ยังไม่โหดร้ายป่าเถื่อนเท่ากับพฤติกรรมการที่เจ้าเอาลูกสาวของตระกูลดยุคไปเป็นทาสกามเลยด้วยซ้ำ !?
– เกียรติภูมิของชนชั้นสูงนั้นสมควรยิ่งที่จะอยู่เคียงข้างกับองค์ราชา
นี่เป็นประเพณีอันดีที่สืบทอดต่อกันมายาวนานเพื่อธำรงค์ไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของชนชั้นสูง
หรือต่อให้พวกนั้นก่อกบฏ พวกนั้นก็สมควรได้รับเกียรติในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้สิ้นชีพไปพร้อมกับความเป็นชั้นสูง
– นี่เป็นเรื่องร้ายแรงระดับที่ข้ายังต้องขอการอภัยโทษจากองค์เทพีนีมอซินี่* (Mnemosyne) สำหรับการที่บางกลุ่มหลงลืมแม้กระทั่งการให้เกียรติแก่ชนชั้นสูง อย่าว่าแต่มนุษย์คนอื่นเลย
แม้แต่ในสงครามเบญจมาศเอง ยามที่ตระกูลฟาร์นาเซล่มสลาย แม้แต่สมาชิกในตระกูลที่มีอายุเพียง 4 ปีนั้นก็ตาม
–แม้เธอจะมิได้มีความเกี่ยวข้องกับการทะเลาะวิวาทดังกล่าว แต่พวกเจ้าก็ยังคงใช้อำนาจกดขี่นาง ทำให้นางกลายเป็นทาสกาม เพื่อสนองต่อการล้างแค้นอันน่าสังเวชของพวกเจ้า
– มาในวันนี้ พวกเจ้าเองก็ยังปฏิเสธที่จะแก้ไขเรื่องนั้น ทั้งยังตอบกลับด้วยเจตนาร้ายและความโกรธเกรี้ยว
พวกเจ้าแสดงความไร้ยางอายออกมาเสียจนข้าหมดคำที่จะเอ่ยกล่าว
– ข้านั้นไม่อายแม้แต่น้อยที่จะกล่าวว่า ตัวข้านั้นโมโหนัก และข้าภาคภูมิใจกับความเดือดดาลของตนเองยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเสื่อมทรามเช่นนี้
ขอให้องค์เทพีได้เป็นประจักษ์พยานด้วยเถิดว่าว่า ตัวข้าได้ให้สัตย์สาบานว่า จะนำความยุติธรรมกลับคืนสู่เหยื่ออธรรมผู้ชื่อว่า ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่
– จงฟังไว้ให้ดี เจ้าคนป่าเถื่อนที่กระทำการรุนแรงแม้แต่กับเด็กเล็กผู้บริสุทธิ์โดยอำพรางด้วยหน้ากากที่ชื่อว่า อำนาจ
ในฐานะที่ข้าเป็นองค์อธิปไตยสูงสุดแห่งจักรวรรดิ ข้าขอเตือนเจ้าอย่างจริงจัง
– มีความจำเป็นยิ่งที่ราชอาณาจักรซาร์ดิเนียจะต้องขอขมาโทษต่อเลดี้ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ แล้วมอบบรรดาศักดิ์ดยุคให้กับนางโดยมิรอช้า
พร้อมกันนั้น ข้าเรียกร้องให้คืนดินแดนพาร์ม่าสู่ผู้ปกครองโดยชอบธรรม นั่นคือ ตระกูลฟาร์นาเซ
สุดท้ายนี้ ขอบอกแก่ทุกคนให้ทราบโดยทั่วกันว่า เอิร์ลพาเวียต้องมาขอโทษข้าในข้อหาที่ว่าร้ายโจมตีนายพลผู้เปี่ยมด้วยความสามารถแห่งจักรวรรดิเรา
– นี่คำขาดของข้าที่ไม่มีวันจะแปรเปลี่ยน
– หากยังคงเพิกเฉยต่อคำเตือน โดยไม่เรียนรู้บทเรียนที่มีมาในประวัติศาสตร์ ก็จงน้อมรับชะตากรรมแห่งการล่มสลาย
ที่ประวัติศาตร์จะเป็นผู้สอนพวกเจ้าเอง !
คำประกาศดังกล่าวสร้างผลกระทบอันใหญ่หลวง
ในคำประกาศนี้มีประเด็นสำคัญครอบคลุม
ในเรื่องที่จักรวรรดิต้องการจะเข้าควบคุมการประมูลทาส ในโรงประมูลทาสผิดกฏหมาย ,
ทั้งเรื่องที่จักรพรรดิประณามราชสกุลซาร์ดิเนียอย่างเปิดเผย , และเรื่องที่สถานการณ์ระหว่างสองชาตินั้นระหองระแหงเป็นอย่างมาก …….
และก็เป็นไปตามที่คาดไว้ จุดใหญ่ใจความสำคัญจริงๆคือการได้รับเสียงความนิยมของประชาชน
จริงอยู่ไอ้เรื่องที่จะเอาอดีตทาสกามขึ้นมาเป็นท่านดยุคก็น่าขำ , แต่เรื่องที่ลูกสาวดยุคกลายเป็นทาสกามนั้นมันไม่ควรจะมีตั้งแต่แรกแล้ว !
ผู้คนจึงแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ทามกามไม่สมควรขึ้นมาเป็นดยุค ในขณะที่อีกฝ่ายก็ตำหนิติเตียนซาร์ดิเนียอยู่ โดยฝ่ายหลังพูดว่า ไม่ควรจะทำให้อีกฝ่ายอยู่ในสถานภาพทาสกามแต่แรกอยู่แล้วce.
ค่านิยมเรื่องชนชั้นที่ต่างกันทำให้แบ่งแยกเป็นสองฝักฝ่าย
— แต่ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ไม่มีใครเห็นชอบกับการกระทำของซาร์ดิเนียเลย
แล้วเราจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ?
ข้อแรก ซาร์ดิเนียพูดถูกในเรื่องที่ว่า พวกเขาไม่อาจยกอดีตทาสกามขึ้นมาเป็นดยุคได้
ข้อสอง แต่ถึงอย่างไรก็ดีซาร์ดิเนียก็ต้องรับผิดชอบที่ที่ทำให้ลูกสาวของตระกูลดยุคกลายเป็นทาสกาม
ข้อสาม ถึงแม้เห็นกันอยู่ชัดๆว่านี่เป็นความรับผิดชอบของใคร แต่ซาร์ดิเนียเองก็ยังทำเฉย ทั้งยังไม่ใส่ใจต่อภาพรวมแห่งความสงบสุขของทั้งทวีป รวมถึงความสมานฉันท์กันระหว่างเผ่า พวกเขายังคงดื้อด้านยืนกรานต่อโดยไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
ชนชั้นสูงทุกชาติต่างมีข้อสรุปเดียวกัน
โดยมากแล้วพวกเขาโกรธเพราะประเด็นหลัง
ต่อให้ชนชั้นสูงกลายเป็นคนทรยศจริงๆ แต่การขายลูกสาวดยุคเป็นทาสกามนี่มันเกินไปจริงๆ
ทีแรกอาจดูเหมือนจักรวรรดิแพ้
แต่เนื่องจากได้ใจประชาชน รวมถึงกระแสการสนับสนุนของชนชั้นสูง จักรวรรดิฮับบวร์กจึงกลับมายืนอยู่ ณ จุดที่ได้เปรียบอีกครั้ง
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว
รุกฆาตแล้วล่ะ
ราชอาณาจักรซาร์ดิเนียตอนนี้ทำได้เพียงเลือกสองทางคือ ตอบรับหรือปฏิเสธคำขาดที่จักรวรรดิยื่นให้
ผมตั้งใจจะให้คำประกาศของจักรพรรดินั้นมีโทนเสียงที่รุนแรงและหยาบคาย
เหตุผลน่ะหรือง่ายมากเลย
หากอยากให้ฝ่ายนั้นตอบรับคำขอ คงจะเป็นไปไม่ได้ที่เจรจาอีกแล้ว เพราะน้ำเสียงที่สุดจะเย่อหยิ่งอวดดีขนาดนั้น
การตกลงตอบรับจะกลายเป็นว่า ทำให้ภาพลักษณ์ของราชสกุลซาร์ดิเนียเป็นเหมือนหมาน้อยที่กระวีกระวาดหนียามที่โดนเจ้านายอย่างองค์จักรพรรดิตวาด
และพอเป็นเช่นนั้นชื่อเสียงราชวงศ์ก็จะตกต่ำลงอย่างมาก
นี่ต่างหากที่เป็นคำขาดของจริง
ดังนั้นจึงไม่อาจตอบรับต่อข้อเรียกร้องนี้ได้อยู่แล้ว
สุดท้ายลำดับเหตุการณ์ที่ดำเนินไป ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ไม่ว่าเขาจะต้องการมันหรือไม่
ราชาแห่งซาร์ดิเนียก็ต้องแสดงภาพลักษณ์เข้มแข็งให้เห็น
เขาอ้างว่าฝ่ายจักรวรรดินั้นหน้ามืดตามัวเพราะความชราและโรคที่รุมเร้า ทำให้เที่ยวไปปล่อยความไม่พอใจใส่คนอื่นเข้า
– จักรวรรดิต้องขอโทษที่แสดงความเคารพต่อพวกเราก่อน แล้วพวกเราจึงจะไปขอโทษต่อลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่
– พวกเราจึงค่อยฟื้นฟูตระกูลฟาร์นาเซขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ในฐานะเอิร์ล ลดระดับลงจากดยุคสองขั้น
– สิ่งที่เอิร์ลพาเวียพูดนั้นเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นแล้ว ไม่มีทางที่เราจะให้เขาขอโทษต่อท่านเป็นการส่วนตัว จะไม่มีคำขอโทษใดออกมาจากราชอาณาจักรเรา
สรุปสั้นๆละกันนะ พวกนั้นพวกเราว่างช่างมึงเหอะ
ผมพ่นลมออกจมูกขณะที่อ่านรายงานที่ส่งมาจากซาร์ดิเนีย
“ไม่ว่าข้าจะอ่านอย่างไร มันก็ไม่ต่างจากคำประกาศสงครามเลยนะ มาควิส ”
บุคคลที่ส่งสารรายงานให้ผมก็คนเดิมนั่นแหละ มาควิสรูดี้
เขาพยายามเช็ดเหยื่อบนหน้าผาก ขณะที่จับตาดูรีแอคชั่นของผม
ยังพอมีความจริงจังอยู่บ้างในแง่ที่อีกฝ่ายยังอยากจะฟื้นคืนตระกูลฟาร์นาเซ่ให้มีฐานะระดับเอิร์ล
มันเป็นความพยายามของทางนั้นที่พยายามหาทางรักษาเกียรติของราชสกุลไว้ ในขณะที่พยายามตอบสนองตามคำขอของฝ่ายเรา
ปัญหาก็คือ มันยังน้อยเกินไปฃ
ราชสกุลของซาร์ดิเนียอาจเชื่อว่าพวกเขานั้นได้หาทางออกเพื่อรักษาหน้าตัวได้แล้ว
ผมจะสอนให้พวกเขารู้ว่า ความเชื่อของพวกเขานั้นง่อนแง่นและมาจากความหลงตนโดยแท้
“เค้าท์พาลาทีนครับ ,ฝ่าบาทองค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิของท่านนั้นไม่ให้เกียรติชาติของเราแรงเกินไป …….”
“เกียรติ? เจ้าพูดว่า เกียรติกับข้าอย่างนั้นหรือ ,มาควิสเอ๋ย ?”
ผมยิ้มให้อย่างเย็นชา
“ข้าจะบอกให้เจ้ารู้นะว่า เกียรติคืออะไร เกียรติคือ การที่ปฏิเสธที่จะทำเป็นมองไม่เห็นความอยุติธรรม
เกียรติคือ การออกมาขอโทษอย่างจริงใจต่อความอยุติธรรมที่เคยได้กระทำไปในอดีตที่ผ่านมา
เกียรติเดียวที่ราชสกุลของชาติเจ้าแสดงให้เห็นนั้นไม่ต่างจากการเอาหมาข้างถนนมามอบให้ มันเต็มไปด้วยความไร้เกียรติโดยแท้ ”
“ท่านพูดเกินไปแล้ว !”
ผมควักม้วนคัมภีร์ออกจากเสื้อคลุมแล้วโยนให้กับมาควิส
มาร์ควิสผงะไปด้วยสัญชาตญาณแล้วคว้าม้วนคัมภีร์ที่โยนมาที่อกด้วยมือทั้งสองข้าง
“ท่านเค้าท์พาลาทีน , สิ่งนี้คืออะไร ?”
“ไม่มีอะไรเกินไปสำหรับพวกเราหรอก มาควิสเอ๋ย นั่นเป็นการประกาศสงคราม ”
มาควิสผู้นั้นหลับตาลงด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง
“โอ้ องค์เทพี …….”
“ฝ่าบาทของพวกเราคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้วพวกชาติของท่านจะปฏิเสธที่จะขอโทษอย่างจริงใจ
ประเทศหนึ่งจะไปสนใจอะไรกับชื่อเสียงเกียรติยศของเด็กสาวคนหนึ่งของชาติอื่นกันล่ะ ?
นี่เป็นถ้อยคำจากพระองค์เอง ”
ผมล้วงกระดิ่งเล็กออกจากลิ้นชัก เสียงดังฟังชัดนั่นทำให้เดซี่เดินเข้ามาที่ห้องรับรองแขก
“ท่านเรียกฉันหรือคะ,ท่านพ่อ ?”
“มาควิสผู้นี้จะกลับประเทศเขาแล้ว
พาเขาไปส่งที่นอกวังดีๆล่ะ !”
เป็นการขับไล่กันอย่างชัดเจน
มาควิสคนนั้นดูแก่ลงเกือบยี่สิบปี
อยู่ๆเขาก็กลายเป็นคนหลังค่อม เรี่ยวแรงทั้งหลายหดหายไปในพริบตา
เขาออกจากห้องรับรองแขกด้วยฝีเท้าที่เลื่อนลอย
ผมไปที่หน้าต่างและเฝ้าดูมาควิสออกจากพระราชวังไป
เขาหยุดชั่วครู่แล้วหันหลังกลับมาดูที่วัง
ก่อนจะป้องหน้าตัวเองด้วยมือขวาและอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อไป
“นักบุญหญิงลองวี่ ”
ผมเปิดลูกแก้วสื่อสารที่อยู่บนโต๊ะหลังจากยืนยันแล้วว่า มาควิสคนนั้นกลับไปแล้วจริงๆ
ม่านหมอกสีฟ้าไหลออกมาจากลูกแก้ว ในหมอกนั้นปรากฏภาพของนักบุญหญิงแจ็คเกอลีน ลองวี่
“ส่งคำประกาศสงครามไปแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ ”
– เหรอ สุดท้ายก็เกิดสงครามขึ้นจริงๆสินะ
แล้วเป็นไงบ้าง นายแฮปปี้ไหม ที่ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ?
นักบุญหญิงลองวี่หัวเราะแบบฝืนๆ
เธอนี่มันช่างเป็นมืออาชีพเรื่องการยิ้มปลอมและยั่วโมโหคนซะจริง
แค่รอยยิ้มเพียงอย่างเดียวของเธอก็มีพลังรุนแรงมากพอจะทำให้ชายคนหนึ่งเกิดอารมณ์ ใช่ อารมณ์โกรธจนอยากทึ้งผมตัวเองเลยล่ะ
เอาเข้าจริงหลังจากเราได้ดื่มเหล้าด้วยกันคืนนั้นผมก็ไม่รู้สึกโกรธอะไรเธออีก
ผมกลับตอบรับคำพูดยั่วแหย่ของเธอด้วยรอยยิ้มสบายๆแทน
“แน่ล่ะ ข้าย่อมต้องแฮปปี้
ข้าอยากจะมอบของขวัญแทนคำขอบคุณให้เธอด้วยซ้ำไป
ข้าหวังว่า มันจะทำให้เธอพอใจนะ ”
– ……ชิส์
เธอตั้งใจเดาะลิ้นให้เห็น
เฮ่อ เอาผู้หญิงแบบนี้เป็นนักบุญมันดีแล้วรึไงเนี่ย ?
ผมชักสงสัยแล้วว่า วิหารเอเธน่าเนี่ย มันมีแต่สาวกสายมาโซคิสม์รึยังไงกันนะ
– ก็ได้ ฉันจะไปติดต่อกับราชินีให้
“แค่นั้นไม่พอ จักรวรรดิฮับบวร์กจะประณามการค้าทาสที่ผิดกฏหมาย รวมถึงการค้าขายทาสที่ฝ่ายโบสถ์วิหารไม่เห็นด้วยมาตลอด ”
– ……นี่นายกำลังจะบอกให้ วิหารพวกเราประกาศต่อสาธารณว่า เราสนับสนุนจักรวรรดิอย่างนั้นหรือ ?
“ไม่จำเป็นต้องประกาศอย่างเป็นทางการจากโบสถ์ก็ได้น่า
ถ้ามันลำบากนักสำหรับตัววิหาร ก็แค่ให้นักบุญหญิงกระทำการสนับสนุน เป็นการ ‘ส่วนตัว’ ไปแทนสิ ”
นักบุญหญิงลองวี่ขมวดคิ้ว
นี่ล่ะน้า ผู้หญิงสวยน่ะทำคิ้วขมวดก็ยังสวยอยู่ดี
– คำกล่าวใดๆของนักบุญหญิงเองก็ไม่ต่างจากเป็นส่วนขยายของโบสถ์วิหารเองนั่นแหละ
คำพูดของนักบุญหญิง มันไม่ได้เป็นของๆนักบุญหญิงแต่ผู้เดียวอีกต่อไปแล้ว
นี่นายเข้าใจเรื่องพื้นฐานแบบนี้ไหมเนี่ย ?
“ไม่เป็นไร ต่อให้มันเป็นคำพูดไม่ทำให้เป็นทางการอยู่แล้ว เราก็สามารถยกระดับให้มันเป็นคำพูดทางการขึ้นมาได้ ”
– เอาคำพูดที่ไม่เป็นทางการ ให้กลายเป็นคำพูดที่เป็นทางการเนี่ยนะ ?
ผมยิ้มออกมา
“จำตอนที่เรามอบที่ดินให้พวกวิหารพวกนั้นฟรีๆในช่วงการเจรจาความขัดแย้งที่เครือจักรภพโพลิชลิทัวร์เนียได้ใช่ไหม ?
ถึงจะเป็นแต่ในนามก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรเสียมันก็เป็นการเพิ่มพื้นที่ในเขตใต้การปกครองของวิหารพวกนั้นอยู่ดี
แล้วพวกนั้นจะไม่ตอบแทนเราสักหน่อยหรือ ?”
– ……เข้าใจละ ดังนี้แล้วพวกเขาก็ต้องชดใช้ด้วยการให้นักบุญหญิงทั้งหลายนั้นแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่เป็นทางการแทนมติทางการของพวกเอง …….
“ถูกต้องแล้ว ”
นักบุญหญิงลองวี่ถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง
– นายนี่มันน่ากลัวชะมัดฃ
ฉันได้แต่สวดภาวนาต่อองค์เทพีว่า สักวันหนึ่งนายจะไปนอนตายอนาถข้างถนนเข้าสักวัน
“องค์เทพีรักข้าจะตายไป , ชักสงสัยจังเลยน้า พระองค์จะตอบรับคำขอนั้นของเธอหรือเปล่า ”
นักบุญหญิงลองวี่ส่งเสียงร้องเหอะออกมาครั้งหนึ่งก่อนตัดการสื่อสาร
วันต่อมา จักรวรรดิฮับบวร์กประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย
นักบุญหญิงลองวี่ประกาศว่า เธอให้การสนับสนุนจุดยืนจักรวรรดิในเรื่อง การค้าทาสตามกฏหมาย
นักบุญหญิงคนอื่นก็ให้การสนับสนุนเช่นเดียวกัน เพราะพวกเธอไม่อยากน้อยหน้านักบุญหญิงแห่งวิหารเอเธน่า
การสนับสนุนดังกล่าวนี้ไม่ต่างจากการแสดงออกว่า พวกเขาสนับสนุนการประกาศสงครามของจักรวรรดิ
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับราชอาณาจักรซาร์ดิเนียล่วงหน้า
ยอมแพ้เสียเถอะ
คู่ต่อสู้ของพวกนายน่ะออกจะชั่วร้ายไปสักเล็กน้อย
คิดเสียว่า พลาดท่าเหยียบขี้หมากลางถนนก็ได้
โอ้ะ แต่แน่นอนว่า การพลาดท่าครั้งนั้นมันทำให้พวกแกลื่นจนหัวฟาดกระโหลกแตกเลยล่ะ …….
…
*Mnemosyne นีโมซีเน่
ชื่อของเทพีกรีก เป็นเทพีแห่งความทรงจำ สายเลือดไททั่น ธิดาของยูเรนัสกับไกอา เป็นมารดาของเหล่าเทพมิวส์
MANGA DISCUSSION