บทที่ 357 – ผลงานชิ้นโบว์แดงทางการทูต(2)
* * *
ผมถึงกับอ้าปากค้าง
“นี่มันทั้งใหญ่และงดงามมาก…….”
ตรงหน้าผมนั้นมีภูเขาทองและอัญมณีอยู่ลูกหนึ่ง
ความมั่งคั่งของจอมมารทั้งหก รวมถึงอาร์คดยุคทั้งสิบเอ็ด ที่สะสมต่อเนื่องมานานหลายสิบปีกองกันอยู่ ณ ที่ที่เดียว
ขนาดหลังจากเอาทรัพย์สินที่ยึดมาจากผู้ทรยศมาเติมในคลังของวังหลง ก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกมากโข
“อุฮ่าฮ่าฮ่า ! ดันทาเลี่ยนนน , ดูนี่เดะ ! ทองแม่งเยอะหยั่งกะขยะเลยว่ะ !”
บาร์บาทอสดูจะสนุกกับการเอาตัวมุดเข้าไปในกองเหรียญทองพลางหัวเราะร่วน
เหมือนในหัวของนางก็ไอเดียบรรเจิดขึ้นมาหลังจากเห็นทองคำจำนวนมาก เธอก็เลยแก้ผ้าแล้วกระโดดดำดิ่งลงกองทอง
ผมถึงกับตกใจและพยายามจะหยุดนาง แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะหยุด แถมยังพูดด้วยซ้ำว่า นี่เป็นสิ่งเธอใฝ่ฝันอยากทำสักครั้งหนึ่งในชีวิตมานานแล้ว
ไม่ดิๆ ผมเข้าใจนะว่า เธอรู้สึกยังไง …… แต่เอ้อ ท่านหญิงรักษาการณ์ครับ
อย่างน้อยก็ช่วยรักษาหน้ารักษาตาหน่อยได้ไหม ?
เอาล่ะ การขอร้องให้บาร์บาทอสมันยากเกินไป ไปขอให้หมาทำตัวน่ารักๆง่ายกว่าด้วยซ้ำ
อิวาร์อ่านเอกสารอยู่ข้างๆผมอย่างสงบ
“มีประมาณเก้าสิบล้านโกลด์ในแง่ของเงินสด และอัญมณีที่สามารถจำหน่ายขายได้ทันที ”
“กะ-เก้าสิบล้านโกลด์ …….”
ทำเอาผมหัวหมุนไปเลย
ถ้าผมแปลงหน่วยเงินเป็นเงินไลบร้า ก็เหลือติดไว้ประมาณ สามล้านโกลด์
ถึงอย่างไรเสีย , นามแท้ของเธอก็คือ อิวาร์ ล็อดบรอคอยู่ดี บุคคลที่รวยที่สุดในโลกปีศาจที่ตอนนี้กำลังขยับแว่นข้างเดียวด้วยเหตุผลบางประการขณะอ่านเอกสาร ทรัพย์สินรวมทั้งหมดตอนนี้ที่เธอครอบครองก็ราวๆห้าสิบล้านโกลด์แล้ว
“ทรัพย์สินส่วนมากมาจากเหล่าอาร์คดยุค
พวกจอมมารไม่สังกัดฝ่ายใดค่อนข้างจนทีเดียว ”
“เอ่อ , เท่าไหร่คุณถึงเรียกว่าจนกันครับ ……?”
ผมถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
ด้วยอะไรบางอย่าง ผมจึงเผลอหลุดพูดด้วยภาษาสุภาพออกไป
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นอาจเป็นเพราะสมัยช่วงที่ผมเป็นมนุษย์อยู่ผมได้สลักความทรงจำไว้ในดวงวิญญาณตัวเอง
อิวาร์ขยับแว่นข้างเดียว
“อย่างมาก จอมมารไม่สังกัดฝ่ายใดทั้งหกตนรวมกันก็ได้ราวๆ สิบล้านโกลด์
เอ หรือพวกนี้จะใช้ชีวิตยากไร้แต่ซื่อมือสะอาดกันนะ ?
ถึงคนอื่นจะบอกกันว่ เรื่องทักษรเฉพาะตัวกับบุคลิกจะไม่เกี่ยวกัน แต่ดูเหมือนนี่จะเป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว ”
“จะ-จน…… สิบล้านโกลด์นี่เรียกว่าจน …….”
นั่นคือ การรับรู้เรื่องการเงินของบุคคลที่อยู่ยอดบนสุดของเหล่ากระฏุมพีในกระฏุมพีด้วยกัน
ในสายตาอิวาร์นี่ ผมดูเป็นเหมือนนักวิชาการที่อยู่ในเขตบ้านนอกหรือเปล่า ?
อิวาร์ ล็อดบรอค ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ากลัวเสียนี่กระไร …….
ขณะเดียวกันผมน่ะเกิดมาเป็นคนระดับล่าง ได้แต่ตัวสั่นข้างๆเธอ
อิวาร์ก็แสยะยิ้มออกมา
“ยิ่งกว่านี้ พวกอาร์คดยุคเองก็ได้สะสมเงินทองมากมายยิ่งกว่าจอมมารเสียอีก
สุดท้ายแล้วไม่ว่า จอมมารจะมีตัวตนอยู่หรือไม่ ปีศาจส่วนใหญ่ในโลกก็ยังคงโดนผู้ปกครองครอบงำอยู่ดี
ไม่ต่างเลยว่า จะใช่จอมมารหรือไม่
แทบไม่ต่างกันตรงไหนเลยด้วยซ้ำ”
เรื่องที่เธอพูดมาก็ถูกเลยล่ะ
แต่ผมกลับรู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่อิวาร์พูด
เก้าสิบล้านโกลด์เป็นเงินที่ได้รับมาจากการกำจัด อาร์คดยุคทั้งสิบเอ็ด , หากมองมุมอื่นนะ ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงความมั่งคั่งสองเท่าของอิวาร์อยู่ดี
ถ้าจะให้เทียบเป็นสูตรง่ายๆก็
6 จอมมาร + 11 อาร์คดยุค = 2 อิวาร์
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหมือนเธอกำลังเล่นสนุกกับพวกพวกเศรษฐีหน้าใหม่
ตอนนั้นผมถึงได้สำนึกได้ว่า อิวาร์น่ากลัวแค่ไหน โล่งใจจริงๆที่เธอเป็นผู้หญิงของผม
ผมเอนตัวแล้วสัมผัสกับเหรียญทอง
“แยกหนึ่งล้านโกลด์ออกมา ข้าตั้งใจจะมอบมันให้เป็นของขวัญกับอาร์คดยุคที่เหลืออยู่ ”
“อาร์คดยุคหรือคะ ……? อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ ท่านตั้งใจจ่ายมันเป็นสินไหมชดเชย ?”
“พวกนั้นต้องตื่นตระหนกมากแน่ๆหลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศ ”
ผมหัวเราะก๊าก
อาร์คดยุคพวกนั้นมีหวังต้องอยู่ไม่สุขเพราะเหตุการณ์กวาดล้างที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เผลอๆอาจจะพยายามแอบประชุมลับกันทันทีหลังจากทีกลับไปถึงโลกปีศาจเพื่อหามาตรการการป้องกัน
ผมอยากจะกระทุ้งเตือนเบาๆเพื่อให้ทิศทางการพูดของพวกเขานั้นไม่ไขว้เขวมากเกินไปนัก
“ข้านี่ช่างเป็นจอมมารที่รู้จักคิดเหลือเกินนะ ข้าแสดงถึงความเข้าอกเข้าใจ และหวังว่า พวกเขาจะรู้จักดูแลตัวเองให้ดี ”
“รับทราบแล้วค่ะ ”
“เงินสามสิบล้านโกลด์ทั้งหมดนี่กองไว้อย่างนี้แหละ เพื่อที่เราจะได้ใช้มันได้สะดวก ”
อิวาร์เอียงคอสงสัย
“ขออนุญาตให้ผู้น้อยนี้ถามได้ไหมคะว่า ท่านตั้งใจจะนำเงินก้อนใหญ่นี่ไปใช้อะไร ?”
“คิดว่า อะไรกันล่ะที่ทำให้จำต้องใช้เงินถึง 30 ล้านโกลด์?”
ผมยืดหลังเหยียดตรง
เหรียญทองกำหนึ่งที่ผมกำไว้เล็ดหล่นจากระหว่างนิ้วของผม เหรียญทองกลิ้งหลุนลงพื้นหลังจากส่งเสียงดังเกร้งกระทบพื้น
“กองทุนสงครามยังไงล่ะ ,อิวาร์ ข้าจะก่อสงครามเพื่อผู้หญิงที่ข้ารัก ”
(TTL : ใช่แล้ว!
บุกซาร์ดิเนียเพื่อบุคคลที่พรี่ดันรัก
เป็นความรักที่มีมาตั้งแต่แรกแล้ว
ใช่ครับ
คนๆนั้น คือ อลิซาเบธนั่นเอง ถถถ )
* * *
ผมส่งทูติไปในนามของจักรวรรดิฮับบวร์ก
เป้าหมายคือ ที่ราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย
พวกเขายังยืนกรานที่ต่อต้านกระแสส่วนใหญ่ในสังคมและให้การสนับสนุนสาธารณรับฮับบวร์กอย่างต่อเนื่อง
พวกเราต้องยับยั้งการที่พวกเขาสนับสนุนอลิซาเบธ เพื่อให้เธอไม่มีกำลังมากพอในการก่อสงคราม
ปัญหาหลักจริงคือ ความชอบธรรม เราจะอ้างเหตุอันชอบธรรมอะไรในการคุกคามซาร์ดิเนียดีนะ ?
ผมตัดสินใจจะงัดไพ่ความมีมนุษยชนขึ้นมาใช้
ความอลหม่านเกิดขึ้นทันทีที่ทูตของผมส่งถ้อยคำของผมไปถึง
ผู้คอยต้อนรับทูตของซาร์ดิเนียมายังพระราชวังด้วยการเทเลพอร์ท
เหล่าทูตพวกนั้นแสดงการต่อต้าน
“ท่านเค้าท์พาลาทีน แบบนี้มันเกินไปแล้ว
การทำแบบนี้มันเป็นการก้าวก่ายกิจการภายใน”
“ข้าไม่เข้าใจว่า พวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไรอยู่
ชาติของเราเรียกร้องจากชาติของท่านอย่างสมเหตุสมผล
มันเป็นความถูกต้องสากลที่ไปไกลเกินกว่าอาณาเขตดินแดน”
“แล้วพวกเราจะคืนตำแหน่งตระกูลที่ล่มสลายไปนานมากแล้ว เนื่องจากต้องข้อหาทรยศได้อย่างไรกัน……!?”
หนวดมันงามของทูตนั้นกระดิกด้วยความขึ้งโกรธ
ผมจิบชาเบาๆก่อนจะวางถ้วยชาลง
“ตระกูลฟาร์นาเซ มิใช่กลุ่มผู้ทรยศอีกต่อไปแล้ว
ฟาร์นาเซนั้นจะต้องได้รับเกียรติภูมิที่เคยสูญเสียไปกลับคืนมา
นี่เป็นความเห็นร่วมกันของจักรวรรดิของพวกเรา ,ท่านมาร์ควิส ”
ถูกแล้วล่ะ
ตระกูลฟาร์นาเซ ที่ลอร่าเคยอยู่มาก่อนนั้น ล่มสลายลงในช่วงสงครามกลางเมืองที่ชื่อว่า สงครามดอกเบญจมาศ
แถมสงครามนั้นทำให้ราชอาณาจักรโดนแบ่งเป็นสองส่วนแล้วเข้ารบราฆ่าฟันกัน ไม่ผิดจากการที่ชนชั้นสูงสองฝ่ายสู้กันเพื่อปกป้องอำนาจตัวเองเลย
พูดให้ลึกลับซับซ้อนกว่านั้นก็คือ ผู้ปกครองคนต่อไปจะมาจากสายตรงหรือสายรองก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่า หลังจบสงครามครั้งนั้น
ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากจะยกเรื่องความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจในอดีตมาพูดถึงกันอีก
และประเด็นสำคัญก็คือ เรื่องที่ตระกูลฟาร์นาเซ่ล่มสลายไปเพราะพวกนั้นให้การสนับสนุนสายตรง
ลองคิดๆดูจากการที่ ชนชั้นสูงอีกกลุ่มทำให้ตระกูลฟาร์นาเซ่ล่มสลายไม่พอ หากแต่ยังเปลี่ยน สมาชิกในตระกูลลำดับรองอย่างลอร่า กลายเป็นทาสอีกด้วย
ก็พอจะบอกได้เลยว่า อีกฝ่ายนั้่นเคียดแค้นชิงชังกันมากแค่ไหน
มันเป็นอะไรที่หาดูได้ยากมากเลยนะกับการที่ชนชั้นสูงฝ่ายหนึ่งผลักให้ชนชั้นสูงอีกฝ่ายกลายเป็นทาสเนี่ย
“ท่านเค้าท์พาลาทีน , เราขอบอกตามตรง ”
มาร์ควิส รูดี้(Marquis Rody) ผู้เดินทางมาที่นี่พร้อมคณะทูตพูดเสียงต่ำ
ถึงแม้มาร์ควิสในจักรวรรดิจะมีตำแหน่งสูงกว่าเค้าท์พาลาทีนแบบผมก็เถอะ แต่ในราชอาณาจักรซาร์ดิเนียนั้น จะบารอนที่มีอำนาจน้อยนิดแค่ไหนก็สามารถเรียกตัวเองว่า มาร์ควิสได้
แถมยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นยิ่งกว่านั้นหลังจากที่ชนชั้นสูงกว่าครึ่งตายไปในช่วงระหว่างสงครามเบญจมาศ
ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องรักษามารยาทอะไรต่อกันขนาดนั้นก็ได้
“ข้ายินดีรับฟังคำพูดของคนฉลาดเสมอนะ, มาควิส ”
“ตระกูลฟาร์นาเซน่ะ อ้างว่า ราชาของพวกเราไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังค์
การประกาศเช่นนั้นต่อราชสกุล เป็นการสร้างความระคายต่ออำนาจของฝ่าบาท
ไม่สิ แบบนี้มันคือ การคุกคามกันอย่างเห็นได้ชัด ……!”
ผมมองอย่างเย็นชา
“ข้าเข้าใจสถานการณ์ในชาติของท่านดี แต่เราไม่อาจถอยได้เช่นกัน
มาร์ควิสเอ๋ย, ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่เป็นตัวแทนของฝ่าบาทองค์จักรพรรดิ
เธอนั้นเป็นผู้บัญชาการสูงสุด มีอำนาจเหนือนายพลทุกคนในสายบัญชาการของจักรวรรดิฮับบวร์ก ”
“…….”
“แล้วนี่ท่านพยายามจะหยามเกียรตินายพลแห่งชาติเราด้วยการเรียกเธอว่า เป็นสายเลือดของผู้ทรยศอย่างนั้นรึ ?”
มาควิสถึงกับเช็ดหน้าผากตัวเองด้วยผ้าเช็ดหน้าผ้าไหม
ชายผู้หัวโล้นไปกว่าครึ่งดูรุ่มร้อนกว่าใครๆเป็นพิเศษ
“แน่นอนว่า หาได้เป็นเช่นนั้นไม่!
ตัวผมนั้นเข้าใจดีว่า ชื่อเสียงขององค์จักรพรรดิจะต้องมลทิลมัวหมองเพียงใด ทว่าได้โปรดเข้าใจด้วยว่า สิ่งนี้ก็เป็นปัญหาต่อราชา รวมถึงราชสกุลฝ่ายเราเช่นกัน”
“มาร์ควิส ”
ผมโน้มตัวไปหาโดยใบหน้าของพวกเราชิดกัน
“คำตอบน่ะมันเห็นได้ง่ายๆ และชัดเจนในตัวอยู่แล้ว
ก็แค่เลือกมาว่า จะรักษาเกียรติชาติของเราหรือชาติของท่านก็แค่นั้น ?
และหากตกลงกันไม่ได้ทั้งสองฝ่าย เราก็ไม่มีทางอื่นอีกนอกจากการใช้กำลัง
……ท่านเห็นด้วยไหม ?”
“…….”
สีหน้ามาควิสแสดงถึงความไม่พอใจ ดวงตาของเขาปิดแน่น
มันเป็นช่วงเดธแอร์
พอมาควิสลืมตาขึ้นมาก็ปรากฏถึงความกระจ่างในการแก้ปัญหาของดวงตาคู่นั้น
“ผู้น้อยนี้อาจโง่เขลา และยังไม่อาจใช้ถ้อยคำที่ฟังแล้วระรื่นหู ได้โปรดบอกผมเถิด ท่านเค้าท์พาลาทีน
ทางเราควรตระหนักระวังระดับใดเพื่อหลีกเลี่ยง ‘คำเตือนสุดท้าย’ ของท่าน ?”
“แค่รู้จักระวังสักเล็กน้อยก็พอ ”
ผมยิ้มตอบ
“มาควิสเอ๋ย , หากการประนีประนอมอย่างเป็นทางการไม่ได้ พวกเราก็แค่ทำมันแบบไม่เป็นทางการเสียก็ได้
ข้าจะยินดีมากหากพวกท่านนำเรื่องนี้ไปคิดให้ดี ”
“ถึงเป็นองค์เทพีก็ไม่รับรู้สิ่งที่พวกเราคุยกันต่อจากนี้ ผมขอสาบานด้วยเกียรตินามแห่งตระกูล ”
ผมพยักหน้าเห็นด้วย ผมยินดีเสมอที่อีกฝ่ายเข้าใจอะไรรวดเร็ว
“ตัดการให้การช่วยเหลือสาธารณรัฐฮับบวร์ก ”
“…….”
“สาธารณรัฐฮับบวร์กปฏิเสธการยอมรับว่า องค์จักรพรรดิของทางเรามีสิทธิ์อันชอบธรรมในการครองบัลลังค์
พวกนั้นอ้างว่า พวกเราทำไม่ถูกต้อง แล้วก็หันไปสร้างชาติใหม่โดยใช้นามว่า ฮับบวร์ก
…….และเมื่อเราสร้างชาติของเราขึ้นมาได้ เราก็ปฏิเสธการมีอยู่ของอีกฝ่ายเช่นกัน”
ดวงตาของมาควิสยังคงนิ่งอยู่ เป็นไปได้ว่า เขาอาจกำลังคิดคำนวนอยู่ว่า การทำข้อตกลงไม่เป็นทางการกับทางเรานั้นยากง่ายเพียงใด ในขณะที่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้าสีหน้าก็เริ่มหม่นหมองลง
“เรื่องความชอบธรรมของราชวงศ์ซาร์ดิเนียที่เป็นปัญหาขึ้นมานั้น อันที่จริงนั่นมันก็เป็นปัญหาของชาติเราด้วยเช่นกัน
ข้าเชื่อว่า เจ้าน่าจะเข้าใจเรื่องนั้นดี ”
มาร์ควิสไม่รู้จะตอบอย่างไรต่อไป
เหตุผลเบื้องหลังที่ไม่อาจฟื้นฟูตระกูลฟาร์นาเซขึ้นมาได้ก็เพราะพวกเขาต้องการที่จะรักษาความชอบธรรมถูกต้องของราชวงศ์
ถึงอย่างนั้นก็เถอะต่อให้พวกนั้นพูดว่า จะไม่ตัดการสนับสนุนสาธารณรัฐ ก็เป็นการบอกกลายๆว่า พวกเขาสนใจแต่ความชอบธรรมของราชวงศ์ฝ่ายตัวเอง โดยไม่สนใจอะไรราชวงศ์ฝ่ายเรา
เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะฟื้นฟูตระกูลฟาร์นาเซ่หรือหยุดการสนับสนุนสาธารณรัฐ
มาควิสเองก็คงรู้ตัวแล้วว่า ทั้งสองตัวเลือกนั้นมันสุดโต่งทั้งนั้น เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“……เหตุผลที่ชาติของพวกเราให้การสนับสนุนสาธารณรัฐนั้น มิใช่เป็นเพราะต้องการจะหวังเป็นศัตรูกับชาติของท่าน”
“ข้ารู้ดี ต่อให้ไม่นับปัญหาเรื่อง ความมั่นคงของชาติ ก็ยังมีปัญหาสำคัญอื่นๆอยู่ดี ”
ริมฝีปากของผมยกขึ้นอย่างเชื่องช้า
“นั่นก็เพื่อที่จะให้สามารถเติมเต็มตำแหน่งที่ขาดหายไปของเหล่าชนชั้นสูงที่โดนกวาดล้างในช่วงสงครามดอกเบญจมาศ , พวกเจ้าเองจึงต้องแต่งตั้งพ่อค้าสามัญชนผู้มั่งคั่งขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
พวกนั้นยังชื่นชอบชื่นชมแนวคิดของการเป็นสาธารณรัฐอีกด้วย
เป็นที่แน่นอนล่ะว่า ประเทศของท่านย่อมต้องสนิทสนมพวกนิยมสาธารณรัฐ ”
“…….”
“การก่อตั้งรัฐบาลใหม่ย่อมได้การสนับสนุนหลักมาจากสาธารณรัฐฮับบวร์ก
ดังนั้นแทนที่จะมานั่งห่วงเรื่องว่าจะโน้มน้าวพวกราชสกุลอย่างไรดี
มาควิสเอ๋ย , เจ้าควรจะกังวลเรื่องการโน้มน้าวพวกรัฐบาลมากกว่าเสียด้วยซ้ำ”
มาควิสถอนใจออกมาครั้งหนึ่ง
“ท่านช่าง เข้าใจเรื่องกิจการภายในประเทศเราดียิ่งกว่าผมเสียอีก
ท่านพูดถูก การที่เราให้การสนับสนุนสาธารณรัฐไม่ได้เป็นเพราะเหตุผลทางการทูตอย่างเดียว แต่มันเป็นเพราะคนหนุ่มสาวต่างให้การเคารพนับถือท่านคอลซูลอลิซาเบธเป็นอย่างมาก ”
“ข้าเข้าใจดี ท่านคอลซูลเป็นผู้เขียนหนังสือพวกนั้นทั้งหมดเลยนี่นะ”
“ขอบพระคุณที่ท่านเข้าใจเรา ”
สถานการณ์ของราชอาณาจักรซาร์ดิเนียสุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมาก
หากเขารับข้อตกลงที่ว่าด้วย หยุดการให้การสนับสนุนสาธารณรัฐ พวกกระฏุมพีชนชั้นสูงใหม่ในภาครัฐก็จะลุกฮือขึ้นมาปฏิวัติ
แล้วก็จะจัดการกับพวกนั้นได้ยาก ทั้งยังเกิดปัญหาในการจัดการบริหารราชอาณาจักร
แต่หากพวกเขาปฏิเสธคำขอของเรา ก็ถือว่า มาสุดทางแล้วสำหรับการประนีประนอมทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ
“บางครั้งการเข้าเข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่ายมิได้นำไปสู่การเห็นใจเสมอไป
กลับกันด้วยซ้ำ ยิ่งเข้าใจมากก็ยิ่งเป็นเหตุให้ต้องรู้สึกผิดหวัง”
“……ช่างเป็นคำที่หลักแหลมครับ ท่านเค้าท์พาลาทีน ”
ช่วงเวลาแห่งการเจรจากันอย่างประนีประนอมจบลงแล้ว
ตัวเลือกที่เหลือเพียงตัวเดียวคือ สงคราม
“ท่านมาควิส มันดีแล้วหรือ ที่ในวันนี้พวกท่านทำให้ข้าต้องรู้สึกผิดหวังน่ะ?”
“…….”
เหยื่อเม็ดเป้งไหลลงมาที่หน้าผากมาร์ควิส
MANGA DISCUSSION