บทที่ 299 – ฆาตกรผู้ฆ่าจักรวรรดิ (1)
หลังจากจักรพรรดิพูดจบผมก็รีบแนะนำ
“คราวนี้ไม่ต้องลังเลแล้วล่ะ ,ทุกคน เราไปไล่พวกนั้นกันเถอะ”
เมืองหลวงโดนยึดภายในวันเดียว มันย่อมเป็นสิ่งที่เกิดความคาดเดาของพวกนั้น ดังนั้นเราจะใช้โอกาสนี้ชิงความได้เปรียบแล้วลอบโจมตีโดยไม่ทั้งตั้งตัว
“ทหารบริททานี่รวบรวมกองเสบียงที่เหลืออยู่ในปารีส นั่นทำให้พวกนั้นมีเสบียงเหลือพอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยการที่ต้องนำเสบียงใส่รถจึงเดินทางไปได้ไม่ไกลนัก”
ไวเวิร์นของกามิกินที่ไม่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ จึงสั่งให้ไปสอดแนมทั้งหมด พูดง่ายๆได้ว่า พวกเราได้ใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของอีกฝ่ายแล้วตามสอดแนมส้นทางหนีทหารบริททานี่โดยไม่พลาด
“จากการสอดแนม กองทัพศัตรูเหลือไม่เกิน 30 กิโลเมตรก็จะไปถึงเมือง
ขอให้ติดตามพวกเขาไป แล้วจัดการกับจอมมารอกาเรส เราจะจบศึกนี้ด้วยมือของพวกเรา”
ผมยิ้มกว้างขณะพูด พอได้ฟังดังนั้นเหล่าจอมมารต่างร้องด้วยความตื่นเต้น
คำแนะนำของผมนั้นได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์
* * *
ประมาณชั่วโมงหนึ่งได้? ที่พวกเราใช้เวลาตระเตรียมทัพก่อนจะออกเดินทาง
ทหารกว่า 25,000 นาย ดังนั้นการเดินทัพย่อมเป็นงานที่ใหญ่ พวกเราเปลี่ยนจากขบวนสำหรับการปิดล้อมให้กลายเป็นขบวนเดินทัพ
ขณะที่ผู้บัญชาการคนอื่นๆกำลังจัดหน่วยรบ ประสานงานทหารตัวเอง ผมก็มีบางสิ่งที่ผมต้องทำ
ผมไปพบกับบารอนเบอร์ซี่
บารอนนั้นมาพร้อมกับทูตที่ขอยอมจำนน ทั้งยังออกมานอกเมืองในฐานะตัวแทนของทหารอาสา
ผมสวมหน้ากากมนุษย์และออกมาพบ โดยมีเดซี่ตามหลังมาเงียบๆ
“ท่านครับ”
“……นักบวชจอน โบล”
บารอนเบอซี่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เขาดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นเพราะเขาต้องสู้รบกับทหารบริททานี่ทั้งคืนก็เป็นได้ ?
น้ำเสียงของเขาเย็นชา
“นี่มันอะไรกัน?”
“ข้าเป็นห่วงมากเลยเมื่อคืน พอเห็นว่าท่านไม่บาดเจ็บอะไรก็โล่งใจ”
สีหน้าของบารอนเบอร์ซี่กลับชืดชา
“……โล่งใจ, โล่งใจอย่างนั้นหรือ? นายพูดว่า โล่งใจที่ร่างกายข้าไม่บาดเจ็บอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“แน่ครับ นายท่าน ไม่เพียงแต่ท่านคนเดียวเท่านั้น ข้ายังสวดภาวนาให้กับเหล่าผู้รักชาติแห่งฟรานเคีย”
ตอนนั้นเองที่บารอนเบอร์ซี่คว้าสาบคอผม
มือของบารอนที่ใช้ชีวิตในฐานะลอร์ดในหมู่บ้านแยกตัวนั้นแข็งแรงมาก
ผมไม่ตื่นตระหนกใดยังคงมองไปที่เขา
ใบหน้าของบารอนเบอร์ซี่นั้นเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“ไอ้คนที่มันฆ่าล้างผู้คนบริสุทธิ์กล้าดียังไงมาทำพูดจาเสแสร้งแบบนั้น……!”
“…….”
“ข้าเชื่อมาตลอดว่า นายเป็นนักบวชที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้
ไม่สิ ข้าคิดว่า นายน่ะ เป็นมนุษย์ปกติ นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ข้าร่วมมือกับนาย…….แก้ตัวมาสิ ,จอน โบล!
แก้ตัวมาสิ ว่าทำไมแกต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์พวกนั้น!?”
รู้สึกราวกับบารอนเบอร์ซี่อยากจะทึ้งกระชากคอผมให้หลุด
มันทำให้ผมรู้แล้วว่า ชายตรงหน้าผมไม่ได้เหนื่อยล้าเพราะการสู้รบกับทหารเมื่อคืน
“ทำไมกัน!? ทำไมผู้คนต้องหิวโหย ต้องทุกข์ทรมานเพราะจักรพรรดิ…ทำไมพวกเขาต้องตายด้วย!?”
บารอนเบอร์ซี่ตะโกนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
ชาวเมืองต่างต้องทนทุกข์จากสงคราม เพื่อนของเขาถูกฆ่าล้างโดยเฮนริเอตต้า และยังมีที่โดนกวาดล้างใหญ่นอกกำแพงเมืองอีก
นับเป็นหายนะภัยพิบัติต่อเนื่องมาติดๆ จึงเป็นการยากที่ชายคนเดียวจะแบกรับมันไหว
“หากไม่ตอบคำถามข้า,ข้าจะ—ข้าจะเอาชีวิตแก!”
บารอนเบอร์ซี่กำลังจะพังทลายลงไปตอนนี้แล้ว
ผมบอกได้เลยว่า ที่เขายังประคองตัวเองอยู่ได้นี่ก็ด้วยอารมณ์ล้วนๆ
ความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบที่มีต่อประเทศชาติและผู้คน ทำให้เขารู้สึกผิดบาปที่ไม่อาจช่วยเหลือพวกเขาไว้ได้ ทั้งยังมีความรู้สึกที่เขาเหมือนโดนผมทรยศ…….
ผมคิดแวบหนึ่ง
คงจะไม่เป็นอะไรมั้ง หากผมต้องตายด้วยน้ำมือคนๆนี้?
บารอนเบอร์ซี่เองไม่คิดจะทำร้ายผม เขาไม่เคยคิดคุกคามชีวิต หรือทำลายความเป็นอยู่สุขสบายของผมเลยด้วยซ้ำ
กลับกัน ผมนี่แหละหลอกใช้ความเชื่อใจของเขา ชายผู้นี้ย่อมต้องโกรธผมเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่, แล้วมันจะยังไงต่อล่ะ? ผมควรจะทดสอบอะไรอีกสักหน่อยดีไหม……?
“นั่นก็เพื่อฟรานเคีย, ท่านครับ”
“เพื่อฟรานเคีย……?”
“ใช่ ทั้งหมดนี้เพื่ออนาคตของฟรานเคีย และยิ่งไปกว่านั้น เพื่อศักดิ์ศรีของผู้คน”
ผมตอบกลับอย่างสงบนิ่ง
แรงบีบมือที่บีบสาบคอผมกลับยิ่งลงน้ำหนักมากขึ้น
มันทำให้ผมหายใจลำบาก แต่ก็ยังไม่เป็นไร ยังพอทนไหว
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย ผู้คนที่แกพูดถึง คือ ผู้คนที่ต้องตายไป!
ข้าเชื่อว่า เจ้าคงไม่ทำราวกับตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วพูดว่า การฆ่าล้างนั้นเป็นการตัดสินใจของพวกเบื้องบนในกองทัพ…….แกน่ะอยู่ในฐานะที่สามารถต่อรองกับพวกเราได้
แกอย่ามาทำตัวเหมือนเป็นผู้เฝ้าดูเฉยๆสิวะ!”
“ถูกแล้วครับ”
ริมฝีปากของผมยกยิ้ม
“ผมไม่คิดจะเป็นผู้เฝ้าดูอยู่เฉยๆอยู่แล้ว กลับกันด้วยซ้ำ ตัวข้า,จอน โบล ผู้นี้เองนี่แหละที่แนะนำให้ทำการสังหารหมู่เป็นคนแรก”
“……!”
บารอนเบอร์ซี่เหวี่ยงหมัด กระแทกเข้าแก้มผม
ดวงตาของผมสบตากับเดซี่ในขณะที่หน้าผมหัน เดซี่ชักมีดออกจากปลอกบางส่วนแล้ว ตราทาสทำให้เธอคอยปกป้องอันตรายใดๆที่เข้ามาใกล้ผม นั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธออยู่ในท่าเตรียมแบบนั้น
อย่าขยับ
ผมบอกเธอด้วยสายตา มือของเดซี่ก็หยุดกึก เธอมองมาที่ผมโดยหยุดมีดที่ชักออกมากลางทาง
ไม่เป็นอะไรจริงๆหรือคะ?
เธอถามผมด้วยสายตา
ใช่,ไม่เป็นปัญหาอะไรทั้งนั้น
เราโต้ตอบแบบนั้นไม่นาน ก่อนที่ผมจะหันหน้ากลับไปหาท่านบารอน
“ซัดข้าไปแล้วหายเครียดรึยัง?
หากปัญหามันแก้ได้ด้วยความรุนแรงข้าว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้นก็ซัดข้าต่อจนกว่าท่านจะรู้สึกดีขึ้นก็แล้วกัน”
“แก…….”
“แต่ออกจะน่าผิดหวังไปหน่อยนะ ,นายท่าน
กับการที่ท่านไม่เข้าใจเจตนาจริงๆของข้า?
หรือท่านน่ะเป็นคนที่ตั้งใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยกันแน่?”
ดวงตาของบารอนสั่นไหวน้อยๆ
ผมเข้าใจแล้ว…….เขามีข้อสันนิษฐานบางอย่างในใจอยู่แล้ว แต่เขาไม่แน่ใจนัก หรือไม่ก็คงไม่อยากจะเชื่อ
“หากพวกเราไม่ฆ่าล้างคนพวกนั้น
ก็ไม่มีทางจะกระตุกความกลัวของประชาชนชาวปารีสได้ขนาดนี้หรอก
พวกเขาจะยังยอมรับการโดนปิดล้อมต่อไป”
และสุดท้ายเมืองก็จะโดนยึดอยู่ดี
“และเมื่อเมืองโดนยึดเข้าแล้ว คนของจักรวรรดิฮับบวร์กและสาธารณรัฐบัทตาเวียก็จะได้รับความดีความชอบนั่นไป
ขณะที่ประชาชนของปารีสไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังห่างไกลชีวิตที่มีเสรีภาพ อิสระในตนเองอยู่ดี”
“…….”
“แล้วปารีสก็จะโดนกองทหารต่างชาติเข้าครอบงำอีกครั้ง
คราวนี้ก็แค่เปลี่ยนมือจากบริททานี่กลายเป็นฮับบวร์กกับบัทตาเวีย
อิทธิพลจากต่างชาติก็ยังดำเนินต่อไป ชาวฟรานเคียไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากต้องทิ้งความปรารถนาที่จะมีอิสระในตน หรือเป็นเอกราช”
บารอนเบอร์ซี่ไม่พูดอะไร เขายังโกรธอยู่แต่เขาก็เข้าใจ
เขานั้นทั้งหัวดี และยังมีวุฒิภาวะพอจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันด้วยซึ่งนั่นเป็นจุดสำคัญมาก
สำหรับเกณฑ์การประเมินของผม ถือว่า บารอนเบอร์ซี่นั้นสอบผ่าน
“อนาคตแบบไหนกันที่รอชาวฟรานเคียอยู่?
ก็คงจะเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของชาวต่างชาติ”
“นั่นน่ะ…….”
“ให้ข้าพูดต่อเถอะ ข้ายังพูดไม่จบ”
ผมมองบารอนเบอร์ซี่ด้วยแววตาขึงขัง
ท่าทีที่ผมมีต่อเขาเปลี่ยนไปในทันที ทำให้เขาต้องยอมฟังผมต่อ
“ตอนได้รัฐบาลหุ่นเชิดมาทุกคนอาจโล่งใจ กองกำลังทหารของพวกเราคือทัพพันธมิตรระหว่างฮับบวร์กกับบัทตาเวีย
สองประเทศที่มีความเชื่อแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง…….
ท่านเข้าใจไหม?
ฮับบวร์กกับบัทตาเวีย ที่ต่างฝ่ายต่างตั้งใจจะสร้างรัฐบาลของตัวเองขึ้นมาน่ะ”
สาธารณรัฐบัทตาเวียก็จะอ้างผลงานว่า ตัวเองสามารถยึดคลังเสบียงของศัตรูได้ ตรงนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่
ส่วนจักรวรรดิฮับบวร์ก ว่ากันตามตรงก็กองทัพจอมมารของพวกเขา รู้เรื่องนั้นดี
ผมจึงยิ้มอย่างประณามหยามเหยียดออกมา
“ฟรานเคียจะแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายอีกครั้งเหมือนสมัยสี่ปีก่อนตอนที่จักรพรรดิกับจักรพรรดินีโดวาเจอร์
พวกนั้นจะกลายเป็นหุ่นเชิดของจักรวรรดิ และของสาธารณรัฐ แล้วนำพาประเทศเข้าสู่การนองเลือด
……. ในที่สุดพวกท่านก็ได้เป็นอิสระจากบริททานี่แล้ว แต่ก็ต้องมาแบ่งแยกฆ่ากันอยู่ดี
ช่างเป็นเรื่องที่ชวนขำเสียจริงๆ”
ไหล่ของบารอนเบอร์ซี่สั่นเทา ไม่ทันได้รู้ตัว มือที่กระชับคอเสื้อผมก็คลายออก
ผมดันเขาติดมุม
“ต่อให้เป็นข้าเองก็ยากจะจินตนาการว่า การนองเลือดจะเกิดขึ้นมากน้อยเพียงใด…….”
“…….”
“นายท่าน ท่านเชื่อจริงๆหรือว่า ชาวฟรานเคียจะสามารถรักษาศักดิ์ศรีของตนได้ในท่านกลางสถานการณ์เช่นนั้น?”
ในที่สุดพวกเราก็ได้โอกาสแล้ว แต่สุดท้ายก็จบลงตรงที่ต้องแบ่งแยกกันเพราะจักรวรรดิกับสาธารณรัฐ
ผมแน่ใจเลยล่ะ ว่าพวกเขาต้องทุกข์ระทมอีกครั้งกับการที่ต้องลุกขึ้นมาฆ่ากันเอง
แล้วพวกเขาจะเป็นชาวฟรานเคียไปเพื่ออะไรกัน?
แล้วพวกเขาจะอุทิศชีวิตให้กับประเทศชาติไปเพื่อสิ่งใด?
พวกเขาจะสูญเสียจิตวิญญาณความรักชาติไป
สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่หลังจากสู้จบก็มีแต่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความรังเกียจความผิดหวัง พวกเขาจะกลายเป็นสุนัขที่ไร้ซึ่งความภาคภูมิใจ
“สุนัขไร้ที่พร้อมจะยอมจำนนให้ใครก็ได้ที่เอาอาหารมามอบ
พอทั้งฝ่ายนิยมกษัตริย์และฝ่ายนิยมสาธารณรัฐล่มสลายลง แล้วผู้คนก็จะเรียกร้องหาเผด็จการผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถในการเป็นผู้นำ
บารอนเบอร์ซี่ นี่คือ จุดเริ่มต้นของผู้นำทรราชย์”
“ไม่ มันไม่มีทาง…….”
“ท่านกล้าพูดไหมว่า เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นจริงๆ?”
ดวงตาของผมจริง มันไม่ใช่คำพูดไร้สาระ
มันเคยเกิดขึ้นในประเทศในอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกกันว่าเป็นสาธารณรัฐเก่า
ในช่วงที่ชาตินั้นล่มสลาย ทรราชย์ผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และอุดมการณ์รัฐชาติก็พังทลาย
บารอนเบอรซี่เป็นชนชั้นสูงมาก่อน ย่อมต้องรู้ประวัติศาสตร์ดี เขาจึงไม่อาจปฏิเสธได้
ผมจึงพูดด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“อย่างที่นายท่านพูดนั่นแหละ ข้าเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์
แต่ก็เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ปารีสยังคงธำรงรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้”
“…….”
บารอนก้มหน้าลง
อย่างนั้นเองหรือ? นายพูดอะไรไม่ออกเลยสินะ……?
ผมปัดมือของบารอนเบอร์ซี่ออก
ไม่เหลือแรงที่จะกุมเกาะอีกต่อไป แค่ปัดเบาๆมือของเขาก็หลุดจากสาบคอ
ผมจัดเสื้อผ้าตัวเองใหม่ ทั้งยังโล่งใจที่มันไม่ได้มีรอยยับย่นเกิดขึ้นบนเสื้อ
“ท่านบารอน พวกเรากำลังจะไล่ล่ากองทหารของบริททานี่
ท่านควรส่งกองทหารร่วมกับพวกเราด้วย”
“ข้าจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร……?”
“เพื่อฆ่าจักรพรรดิฟรานเคีย”
บารอนเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
เขาดูแก่ลงไปเกือบ 20 ปี เมื่อเทียบกับตอนที่เขายังโกรธเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
“องค์จักรพรรดิ……?”
“เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสงครามกลางเมือง และปล่อยให้ผู้ปกครองชาติอื่นช่วงใช้ด้วยความเต็มใจ
สุดท้ายแล้วเขาก็ทอดทิ้งเมืองหลวงแล้วหนีไป ไม่มีใครคิดว่า เฮนรี่ที่ 3 เป็นจักรพรรดิอีกต่อไปแล้ว
ดีกว่าด้วยซ้ำหากจะทำให้จักรพรรดิที่สร้างปัญหาหายไปให้เร็วที่สุด”
หรือเขาคิดว่า การทำแบบนี้มันไม่สมควรหรือ?
บารอนเบอร์ซี่ตัวสั่น
“หากท่านคิดว่าการทำแบบนี้มันไม่สมควร? ก็อย่ากังวลเลย
การที่ท่านไม่ยอมลงโทษข้าก็ไม่ผิดจากเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับข้าแล้ว”
ผมกระซิบอย่างอ่อนโยน
“ท่านครับ จุดจบแบบนายพลทาบาร์นนั้นไม่สมควรแก่ท่าน
โปรดทนทุกข์เพื่อประชาชนชาวฟรานเคียต่อไปตลอดชีวิตของท่านเถิด”
หลังจากบอกให้เขาส่งทหารมาร่วมทัพกับพวกเราหลังจากนี้ 30 นาที ผมก็จากไป
บารอนเบอร์ซี่ไม่คิดจะห้ามอะไรผม
พระอาทิตย์รุ่งอรุณลอยขึ้นเหนือปารีส
* * *
“เหล่าสหายที่รัก”
ลอร่ายกแก้วไวน์ขึ้น
หลังจากวันคืนการฆ่าล้างที่แสนบ้าคลั่งผ่านไป ดวงอาทิตย์สาดส่องท่ามกลางอากาศที่เย็นสบายในตอนเช้า แก้วไวน์ส่องประกายแดด
จอมมารสามสิบคนต่างทำท่ายกแก้วไวน์ขึ้นเช่นเดียวกันกับลอร่า
“แด่ชัยชนะ”
“แด่ชัยชนะ!”
ทุกคนดื่มไวน์ในแก้วรวดเดียว แล้วก็เหวี่ยงแก้วเปล่าลงกระแทกพื้น
เสียงแก้วแตกดังเพล้งดังสะท้อนพร้อมๆกัน
พวกเราตัดสินใจปล่อยกองทัพสาธารณรัฐบัทตาเวียไว้ด้านหลัง เพื่อปกป้องกองเสบียง
แถมเป็นเจตนาที่หวังให้สาธารณรัฐแอบทำสัญญากับปารีสด้วย
พวกเราขังนักโทษที่เหลือไว้ในป้อมปราการ เพื่อตัดความรำคาญออกไป
กองทหารของฝ่ายกองทัพจอมมารทั้งหมด 25,000 นาย ออกตามไล่ล่า
ผู้นำหน่วยแรก ,อดีต จอมมารลำดับ 5 มาร์บาส
ผู้นำหน่วยสอง ,อดีต จอมมารลำดับ 3 เวสซาโก้
ผู้นำหน่วยสาม ,อดีต จอมมารลำดับ 8 บาร์บาทอส
ผู้นำหน่วยสี่ ,อดีต จอมมารลำดับ 9 ไพมอน
ผู้บัญชาการการรบ ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ
เสนาธิการ อดีต จอมมารลำดับ 71 ดันทาเลี่ยน
เหล่าตัวตนผู้ทรงอำนาจที่ปกครองทวีป ผู้นำที่เคยเป็นอริต่อกันในฝ่ายของปีศาจ และฮีโร่ที่ไม่เคยได้มีโอกาสรบร่วมผืนธงเดียวกันมาก่อน ตัวตนเหล่านั้นกลับร่วมเดินทัพกันในฐานะพันธมิตรผู้แข็งแกร่ง
จุดจบของสงครามใกล้จะมาถึงแล้ว
MANGA DISCUSSION