บทที่ 274 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(2)
หลังจากกำจัดกองทหารที่เหลือของบาอัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ฉลองชัยชนะครั้งใหญ่นี้กันในเนฟเฮม
พวกเราสร้างซุ้มประตูชัย เสร็จภายในสองเดือนหลังจากเหตุการณ์นั้น
เนื่องจากพวกเรามีเวลาไม่มีมากนัก ประตูชัยจึงเล็กกว่าที่วางแผนเอาไว้ แต่ก็ออกมาดีก็ด้วยฝีมือของเหล่าช่างฝีมือคนแคระทั้งหลายนั่นเอง
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ฝ่าบาทบาร์บาทอสผู้เป็นอมตะ!”
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ฝ่าบาทไพมอนแห่งความบริสุทธิ์!”
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ฝ่าบาทบาร์มอนแห่งความสูงศักดิ์!”
พลเมืองชาวเนฟเฮมนั้นต่างหลั่งไหลกันเข้ามาพร้อมกันโปรยกลีบดอกไม้
กองทหารนับห้าหมื่นนายเดินกันด้วยความภาคภูมิอกภาคภูมิใจ เสียงโห่เชียร์ดังทั่วทุกสารทิศ
ถึงจะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ก็ยังมีพลุไฟหลากหลายสีสันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน ราวกับเป็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง พวกเราต่างโบกมือให้กับผู้คนทั้งหลายจากบนหลังม้า
การที่ได้เจอกับกองทัพขนาดใหญ่นี้มีความหมายแฝงอยู่เบื้องหลังมากมายนัก
อย่างแรกก็คือ สามตัวตนผู้เป็นระดับสูงสุดของกองกำลังจอมมารได้อุบัติขึ้น
บาร์บาทอสแห่งฝ่ายที่ราบ,ไพมอนแห่งฝ่ายภูเขาและมาร์บาสแห่งฝ่ายเป็นกลาง ต่างอยู่หน้าขบวน
ทั้งสามฝ่ายต่างโอ้อวดความแข็งแกร่งของกองทัพตน
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งบาอัลและอกาเรสกลับมีพลังเหนือฝักฝ่ายทั้งหลาย และยังปล่อยให้ทั้งสามฝ่ายลงสนามรบเพียงลำพัง
ซึ่งเหตุผลนั่นก็เพราะ เหล่าผู้นำแต่ละฝ่ายถูกปฏิบัติเยี่ยงดั่ง ‘หมายเลขสอง’ มาโดยตลอด
แต่คราวนี้บาอัลก็จากไปแล้ว ไม่มีอะไรสามารถมาหยุดยั้งการผงาดขึ้นมาของฝ่ายทั้งหลายได้แล้ว
ยุคสมัยได้พลิกโฉมโดยสิ้นเชิง
พวกจอมมารที่ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดชักเริ่มตกประหม่า บางคนก็ถึงกับเข้าร่วมกับฝ่ายเป็นกลางเพื่อมองหาผู้ทรงอิทธิพลที่จะสามารถปกป้องพวกเขาได้
เหล่าผู้ที่เข้าร่วมฝ่ายเป็นกลางต่างเชื่อว่า ฝ่ายเป็นกลางนั้นออกจะง่ายๆสบายๆไม่เคร่งนักในเรื่องทางการเมือง
ช่างเป็นภาพที่งดงามสำหรับเผ่าปีศาจ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจดีๆด้วย ที่ได้เห็นสามผู้นำฝ่ายเดินทัพไปด้วยกัน
ทั้งสามนั้นเป็นบุคคลที่เคยนำความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่ การระดมพลกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 2
สามผู้นำที่ครั้งหนึ่ง เคยถูกคนร่วมสมัยมองว่าวันหนึ่งเผ่าปีศาจจะต้องโดยพวกมนุษย์ฆ่าล้างเอาแน่ๆ
แต่ดูเหมือนผมจะเป็นคนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถทำให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้จริง…….
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ฝ่าบาทเวสซาโก้!”
“อ๊ายยย, ฝ่าบาทกามิกิน! มองมาทางนี้ด้วยเถอะ!”
จอมมารเวสซาโก้และจอมมารกามิกินตามหลังทั้งสามคนนั้นมา
เป็นลำดับการเดินที่น่าสนใจน่าดู หากไล่ตามลำดับกันจริงๆแล้ว จอมมารลำดับ 3 เวสซาโก้และจอมมารลำดับ 4 กามิกิน สมควรที่จะเดินอยู่หน้าสุด
แต่พวกเขากลับอยู่ในแถวสอง เวสซาโก้กับกามิกินต่างยกยิ้มขณะโบกมือให้กับผู้คน แต่ เอาล่ะ ใครจะไปล่วงรู้กันได้ว่า ในใจทั้งสองนั้นคิดเรื่องอะไรอยู่…….
“ความรุ่งโรจน์จงมีแด่ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนผู้หลากหน้า!”
และก็มาถึงผม,ดันทาเลี่ยน
จากธงที่โบกสะบัดทั้งหกธงของจอมมารไปทั่วทั้งเมือง
ธงของผมเองนั้นก็เป็นใบหน้าที่มีหน้ากากเจ็ดอัดอยู่บนนั้น เอาจริงๆดินแดนของผมก็มีเทือกเขาหกเทือก ช่างเป็นอะไรที่เหมาะสมเสียจริงๆ
“โลกใบนี้ช่างน่ารังเกียจยิ่ง”
ผมได้ยินเวสซาโก้บ่นพึมพัมอะไรสักอย่างจากทางซ้ายมือของผม ใบหน้าของเขานั้นยิ้มร่า ทว่าน้ำเสียงกับเต็มไปด้วยความไม่พอใจนัก เขานี่ช่างมีพรสวรรค์เรื่องแบบนี้จริงๆ
“จอมมารระดับต่ำสุดกลับมาเดินเคียงข้างกับพวกเราที่แถวหน้า
นี่มันช่างเกินจินตนาการนัก”
“อดีตผ่านพ้นไปแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”
เวสซาโก้สบถออกมา
“อย่าสำคัญตนผิดไปนัก เจ้าพันธุ์ทางไร้มารยาท
อย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งเพียงเพราะหยิบยืมกำลังของบาร์บาทอสไม่ต่างจากปรสิตตัวหนึ่ง
ถึงข้าจะตื่นตระหนกในราตรีวัลเพอกีสที่ผ่านมา แต่ข้านั้นมีราชาภูตถึง สี่ตน…….”
“ท่านคงหมายถึง ราชาภูตไฟ,ราชาภูตน้ำ,ราชาภูตดินและราชาภูตลมกระมัง
ถึงจะไม่รู้กันทั่ว แต่ข้ารู้ว่า ท่านได้ทำสัญญากับราชาภูตความมืด”
สีหน้าของเวสซาโก้นั้นแข็งทื่อไปทันที
แหม ๆ นายควรจะรีบปั้นยิ้มได้แล้วนะ
ตอนนี้ผู้คนนับร้อยกำลังจับตาดูพวกเราอยู่ ถ้าอยู่ๆมายิ้มแข็งๆแบบนี้เข้า ความนิยมจะตกลงเข้าใจไหม?
เวสซาโก้นั้นเป็นผู้ใช้ภูต ตัวเขาเองไม่ได้เก่งกาจอะไรนัก แต่เขาก็เป็นตัวตนที่ยากจะจัดการด้วยได้เนื่องจากเขามีราชาภูตถึงห้าตนด้วยกัน
ถ้าหากตัวละครที่คุณปั้นนั้นเป็นนักเวทย์หรือนักดาบเวทย์ ขอบอกเลยว่า เป็นไปไม่ได้เลยที่จะปราบเขา
ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าทำไม แต่ปกติแล้ว ผู้ใช้ภูตน่ะจะมีภาพลักษณ์ที่เป็นบุคคลที่ ‘จิตใจใสสะอาด’
เวสซาโก้, ผู้ซึ่งเป็นสุดยอดของผู้ใช้ภูตกลับเป็นบุคคลที่ดำสนิทเน่าไปจนถึงเนื้อใน โลกนี้มันเพี้ยนสุดกู่จริงๆ
“ได้ยังไงกัน……? ข้าไม่เคยอัญเชิญออกมาก่อน…….”
“แหม แหม ข้าก็เคยพูดไปแล้วนี่นา ว่าคำโกหกต้องสิ้นไป”
ผมหัวเราะคิกคัก มองจากมุมไกลๆคงเห็นว่า พวกเรากำลังพูดคุยกันสบายๆ น่าขำเหลือเกิน
“ตัวฝ่าบาทเองก็เช่นกัน ความลับไม่มีทางเป็นความลับต่อไปได้ตลอดกาล
แค่เรื่องนี้ยังไม่พอที่จะเป็นบทเรียนให้ท่านเข้าใจอีกหรืออย่างไรกัน?”
“…….”
“วันนี้บาร์บาทอสจะขึ้นประกาศว่า ระบบระดับในหมู่จอมมารจะถูกยกเลิก”
เวสซาโก้กลับทำหน้าบึ้ง ไม่ยิ้มอีกต่อไปแล้ว
จริงๆก่อนหน้าผมก็พอจะเดาได้แหละ ในเรื่องที่จอมมารตัวท็อป สามอันดับแรกนั้น อ่อนด้อยเรื่องการเมืองเสียเหลือเกิน
ข้อพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดก็คือการมีบุคคลเช่น บาร์บาทอสกับไพมอน ก่อตั้งฝ่ายขึ้นมาได้นี่แหละ หรือจะเป็นเพราะว่า ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอ่อนหัดเรื่องการเมืองมากเท่านั้นกันนะ?
“ถูกยกเลิกรึ? นี่แกกำลังหมายถึง…….”
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ระบบจัดอันดับนั้นเป็นสิ่งบาอัล,ผู้ทรยศเป็นผู้สร้างขึ้น
แต่เดิมแล้วจอมมารทั้งหลายเท่าเทียมกัน แต่การมีระบบแบบนี้ขัดขวางไม่ให้กองทัพจอมมารรวมตัวกันเป็นหนึ่งได้
ระบบที่ชั่วช้าอย่างนั้นต้องถูกกำจัดไปให้เร็วที่สุด ท่านไม่คิดอย่างนั้นหรือไง?”
เวสซาโก้หน้าซีด ไม่ใช่แค่บาอัลคนเดียวหรอกที่เกี่ยวพันกับระบบจัดอันดับ เวสซาโก้เองก็ไม่ต่างกัน
การต่อต้านระบบนี้ก็หมายความว่า เวสซาโก้อาจกลายเป็นเป้าหมายในการล้มล้างต่อไป
ผมจึงแกล้งทำเป็น ‘อ้อ นั่นสินะ’ ขึ้นมาราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ฃ
“พอมานึกๆดูแล้ว สาเหตุที่ฝ่าบาทถูกเรียกว่า เป็นลอร์ดแห่งความยุติธรรมนี่……ก็เนื่องจากได้รับอันดับที่ยุติธรรมนี่นะ
ช่างเป็นปัญหาเสียจริงที่พวกเราตั้งใจจะปฏิเสธตัวระบบนั้นเสียแล้ว…….”
“นี่มันผิดจากที่คุยกันไว้”
เวสซาโก้พูดด้วยเสียงสั่น
“เจ้าสัญญาว่า เจ้าจะมองข้ามเรื่องทุกอย่างไปหาก ข้าลงมือกำจัดบาอัลเอง
ข้าจึงยอมเป็นคนที่เชือดคอบาอัล
แล้วทำไมข้าถึงต้องถูกปฏิบัติเหมือนกับผู้กระทำความผิดจากสังคมด้วย?”
“ถูกต้องแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ ‘ข้า’ สัญญาไว้จริงๆ”
ผมทำหน้าเสียใจ
“แต่ทว่าดูเหมือนเหล่าสหายคนอื่นจะไม่คิดอย่างนั้น
พวกเราจะไว้ใจในตัวฝ่าบาทเวสซาโก้ที่แทงหลังบาอัลไปแล้วครั้งหนึ่งได้อีกหรือ?
นับเป็นโชคร้ายเหลือเกิน แต่นี่เป็นความเห็นชอบของคนส่วนใหญ่น่ะ”
“มะ-ไม่มีทางน่า…….”
“ตรรกะพื้นฐานของสหายพวกเราก็ประมาณนี้:
จากเรื่องที่ว่า ฝ่าบาทนั้นเป็นผู้ลงดาบเชือดบาอัล
มองอีกแง่หนึ่งก็คือ ท่านน่ะหักหลังบาอัล
ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า คนแบบนั้นจะไม่หักหลังคนอื่นอีก”
ผมยิ้มออกมา
“เอาล่ะ ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าข้าจะตั้งใจทำให้มันเป็นอย่างนี้
ดังนั้นต้องขออภัยด้วยที่ไม่อาจช่วยคุ้มครองท่านได้”
“…….”
“อย่าตำหนิข้าเกินไปนักก็แล้วกันนะ
สหายของเรายังพอจะให้โอกาสกับท่านอยู่แล้ว หลังจากนี้ข้าพยายามสุดความสามารถเพื่อปกป้องท่านน่ะ”
“โอกาส…….”
ผมพยักหน้า
“ก็อย่างที่ท่านทราบนั่นแหละ ตอนนี้พวกเรากำลังไล่ตามอกาเรสคนทรยศ จากเครือข่ายส่วนตัวของข้า มีความเป็นไปได้ที่อกาเรสจะแอบไปติดต่อเป็นการลับกับจักรวรรดิฟรานเคีย
ซึ่งการจัดการกับภัยคุกคามแบบนั้นก็ไม่ง่ายเอาเสียเลย”
ถึงผมจะพูดว่า จักรวรรดิฟรานเคีย แต่ความจริงก็คือ ชาติที่ถูกชักใยโดยราชินี เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ต่างหาก
แถมยังเป็นไปได้สูงมากด้วยซ้ำที่ ราชินีเฮนริเอตต้ากับอกาเรสจะร่วมมือกัน
ไม่สิ มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่พวกนั้นจะต้องทำด้วยซ้ำ
ราชสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมนุษย์และราชสกุลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกปีศาจกำลังเป็นพันธมิตรกันอย่างลับๆ
มันเป็นเรื่องน่าสยดสยองอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ไม่ว่าจะอย่างไร อกาเรสต้องถูกลงโทษ
สิ่งที่อกาเรสทำนั้นไม่ต่างจากพวกเหลวแหลกที่พยายามบั่นทอนความสงบสุขและความเป็นหนึ่งเดียวในของกองทัพจอมมารโฉมใหม่นี้
ฝ่าบาทเวสซาโก้จะต้องออกไปเป็นแนวหน้าในสงครามที่ยิ่งใหญ่และจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ครั้งนี้”
“…….”
ไหล่ของเวสซาโก้สั่นเทา
“ข้าต้องไปยืนทัพหน้า……ในสงครามกับอกาเรส……?”
“ถูกต้อง หากท่านทำเช่นนั้น สหายเราก็จะไม่สงสัยในความจริงใจของฝ่าบาทอีกต่อไป ข้าขอให้สัตย์สาบานด้วยนามข้าเลย”
“แกมันบ้าไปแล้ว……. อย่ามาทำให้ขำกันน่า!
นั่นน่ะอกาเรส อกาเรสเชียวนะ!”
เวสซาโก้กัดฟันและตะโกน
“แม้แต่กองทัพบาอัลที่ใหญ่โตยังทำอะไรยัยหมูป่านั่นไม่ได้เลย!
ขนาดแกยังต้องเอาชนะแม่นั่นด้วยการที่เอาทั้งฝ่ายแกเอง ร่วมมือกับฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง
จะพูดว่า เอาชนะยังพูดไม่ได้เลย
ทำขนาดนั้นอกาเรสยังหนีรอดไปได้เลย! นี่มันบ้าไปแล้ว”
ผมยิ้มอย่างขมขื่น
“ข้าว่า ท่านคงเข้าใจบางอย่างผิดไปนะ ,ฝ่าบาท
นี่ไม่ใช่คำขอร้อง หากแต่เป็นคำแนะนำสุดท้าย”
“อะไรนะ?”
“แม้แต่เด็กน้อยก็รู้ซึ้งถึงพลังของอกาเรสดี พวกเราต่างรู้เรื่องนั้นดีแล้วตั้งแต่ที่ได้รบกันเมื่อสามปีที่แล้ว
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ถึงผลักดันให้ฝ่าบาทออกรับหน้า เพราะเป็นที่รู้กันว่า คนที่แข็งแกร่งถัดจากอกาเรสก็คือ ท่าน”
ถ้าพูดให้ชัดๆหน่อย ก็คือ พวกเราอยากใช้เขาในฐานะโล่เนื้อนั่นแหละ
เวสซาโก้ก็คงเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อ ใบหน้าเขาจึงแดงก่ำ
“คนอย่างแกกล้าดีอย่างไรมาดูถูกข้า?”
“ดูเหมือนท่านจะยังไม่เข้าใจ ข้าบอกท่านแล้วไงว่า นี่คือ คำแนะนำสุดท้ายของข้า
หากฝ่าบาทปฏิเสธ ก็ถือว่า เป็นโชคร้าย
ข้าไม่สามารถปกป้องท่านได้อีกต่อไป ข้าน่ะคงจะไปห้ามอะไรสหายของพวกเราอีกไม่ได้”
“ไอ้งูพิษนี่……!”
เวสซาโก้ยกมือขึ้นราวกับอยากจะกระชากปลอกคอผม
ถึงอย่างนั้นเขาไม่อาจทำอะไรเกินไปกว่านั้น
กามิกินที่เดินอยู่ข้างๆ หันหัวตัวเองเล็กน้อยเพื่อมองมาที่เวสซาโก้
สีหน้าเวสซาโก้กลับบิดเบี้ยวก่อนจะวางมือลง
“ฝ่าบาท ถึงจะปฏิเสธก็ไม่เป็นอะไร ท่านอยากทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว
ท่านสามารถกลับไปยังปราสาทตอนนี้แล้วนั่งรอก็ได้”
ผมพยายามกระซิบให้ดูสุภาพที่สุดเท่าที่ทำได้
“แต่ข้าไม่รู้ว่า ท่านจะอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน แม้แต่บาอัลยังถูกสหายของเรารุมฆ่า
ความเห็นของผู้คนส่วนใหญ่ในโลกปีศาจนั้นโน้มเอียงมาทางพวกเรา
บาร์บาทอสอาจประกาศขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ว่า ฝ่าบาทนั้นเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง ของพวกเราทุกคนในวันต่อ…….”
“…….”
นายน่ะสามารถหนีไปร่วมมือกับอกาเรสก็ได้นะ แต่ขนาดกองทัพบาอัลยังละลายภายใน 2 เดือนเลย
แล้วนายน่ะ แน่ใจแล้วเหรอที่จะหันหลังให้กับพวกเราหลังจากเห็นอย่างนั้นแล้ว?
นายกล้าพอที่จะเป็นศัตรูกับทั้งกองทัพจอมมารและโลกปีศาจจริงๆหรือ?
ผมแตะบ่าเวสซาโก้
“อย่าเพิ่งรู้สึกแย่กับเรื่องนี้มากไปเลยนะ
ถึงอย่างเราพวกเราก็ไม่โง่พอที่จะฆ่าสุนัขล่าเนื้อก่อนออกล่าสัตว์อยู่แล้ว
อกาเรสนั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง
พวกเราจะให้การสนับสนุนท่านเต็มที่เลยฝ่าบาท เตรียมใจไว้ได้เลย”
“…….”
เวสซาโก้พยักหน้าอย่างอ่อนแรงหลังจากเงียบมานาน
ผมรีบส่งข้อความบางอย่างให้บาร์บาทอส ตัวข้อความน่ะไม่ได้มีความหมายอะไรนักหรอก แต่มันเป็นการกระทำที่ทำให้เวสซาโก้คลายกังวล
คุณน่ะต้องแสดงสัญญาณบางอย่างเพื่อที่จะได้ไม่ก่อปัญหาขึ้นระหว่างทาง
ด้วยการแสดงท่าทางแบบนั้นให้พวกเขาเห็น จะทำให้อีกฝ่ายคิดไปว่า
‘ใช่แล้ว ข้าไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาด นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว’
ผมพูดออกมาทั้งรอยยิ้ม
“ท่านบอกว่า ข้าเป็นนั้นไปปรสิตเกาะบาร์บาทอส แต่ฝ่าบาทเองก็ไปปรสิตเกาะบาอัลมาตลอดเลยมิใช่รึ?
ถือว่า ต่อไปนี้ข้าและฝ่าบาทต่างก็เป็นสหายแห่งการเกาะกินชาวบ้าน
นับจากนี้เราก็จะเกาะกินในกลุ่มเดียวกันทั้งคู่แล้ว”
“…….”
“สนิทกันไว้เถอะ ว่ากันตามตรงนะ ข้าออกจะชอบฝ่าบาทจะตายไป”
มีเพียงไหล่ที่สั่นเทาของเวาซาโก้เท่านั้นเป็นดั่งคำตอบ เขายังคงเงียบจนกระทั่งจบงานฉลองนี้
ในวันนั้นเอง ที่ระบบจัดลำดับในกองทัพจอมมารโดนประกาศต่อสาธารณะให้ยกเลิก
ภายใต้ค่านิยมใหม่ที่ว่า < ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความเท่าเทียม>
(TTL : ความเป็น ห นึ่ ง เ ด ี ย ว(ของอำนาจดันทาเลี่ยน) และความ เ ท่ า เ ที ย ม (ในการตกเป็นหมากให้ดันทาเลี่ยนช่วงใช้) )
MANGA DISCUSSION