บทที่ 273 – การร่วมมือกันครั้งยิ่งใหญ่(1)
“เหล่าสหายรักของข้า”
ผมยืนอยู่บนศพของบาอัล
ร่างนั้นเละเทะ ทั้งเนื้อตัวแขนขาโดนเฉือนเป็นชิ้นๆกระจัดกระจายจนยากจะทำให้กลับเป็นร่างสมบูรณ์ดังเดิม
มันชวนให้ผมนึกถึงจุดจบของ เซี่ยงอวี่(ฉู่ป้าหวาง,ฌ้อป้าอ๋อง) ยอดนักรบแห่งแคว้นฉู่ตะวันออก มันไม่ใช่เรื่องน่าเศร้าแต่อย่างใด
ตัวเขาเองนั้นอาจไม่ได้ต้องการให้การตายของตัวเองดูยิ่งใหญ่สูงศักดิ์ ซึ่งจุดจบแบบนั้นก็เหมาะสมกับบาอัลดี
ฟู่ ฟู่ววว…….
จอมมารตนอื่นๆต่างมองมาที่ผม
พวกเขามีลมหายใจที่หนักหน่วง ทั้งความระอุจากการต่อสู้,ความตื่นเต้นอันเนื่องมาจากรอดชีวิตในการต่อสู้เสี่ยงตายทำให้ทั่วร่างกายของพวกเต็มไปด้วยความตึงเครียด
มันก็ไม่น่าแปลกนักหรอกที่จะเป็นอย่างนั้น มีจอมมารห้าหรือหกตนที่ล้มตายไปจริงๆ
“ณ วันนี้ เวลาห้าโมงห้าสิบห้านาที
ตัวชั่วร้ายได้รับการลงโทษทัณฑ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์”
ในยุคสมัยที่ราชาเป็นผู้ปกครองผู้มีอำนาจมากล้นเหลือ
ยุคสมัยแห่งปกรณัมตำนานต่างๆก็จบลง ณ ที่นี่
“กองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราหารได้ล้มเหลวอันเนื่องมาจากความด้อยประสิทธิภาพไม่
หากแต่มีผู้ทรยศซุ่มซ่อน และทำการหักหลังพวกชาวเรา ทั้งยังก่อความขัดแย้งภายในเป็นการลับ
เจ้าพวกแมลงสาบสกปรกที่เข้มแข็งขึ้นด้วยพลังที่มีมาตั้งแต่เกิด และพวกนั้นมันยังใช้พลังอำนาจที่มีทำตัวประดุจดั่งเป็นตัวตนที่สูงส่ง”
อิวาร์ ล็อดบรอค ในตอนนี้กำลังใช้เมโมเรีย อาติแฟคในบันทึกสิ่งที่ผมพูด รวมถึงคำสาปภาพความผิดของบาอัลที่ทำลงไป ก็ถูกบันทึกด้วยเช่นกัน
วิดีโอดังกล่าวกำลังเผยแพร่ไปทั่วทั้งสังคมปีศาจหลังจากที่มีการแก้ไขเล็กน้อย
“ถึงอย่างนั้นคำโกหกทั้งหลายก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน”
ผมมองไปข้างหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น
“มันง่ายมากสำหรับจอมมารตนหนึ่งที่จะหลอกลวงผู้คนๆหนึ่ง
ในการปลุกปั่นยุยงผู้คนนับร้อยนั้นก็เป็นเรื่องง่ายเช่นกัน
ทว่า หากต้องโกหกผู้คนนับพัน นับหมื่น นับแสน นับล้าน คำโกหกดังกล่าวก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้”
ประโยคนี้จริงๆก็โกหกเหมือนกันอยู่ดี
การที่คนๆหนึ่งโกหกผู้คนนับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน ไปเรื่อยๆสุดท้ายคำโกหกนั้นก็ไม่ใช่คำโกหกอีกต่อไป
ความผิดของบาอัลนั้นไม่เคยถูกเปิดเผยเลยใน <Dungeon Attack>
ไม่มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์เรื่องนั้นได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
บ่อยครั้งที่ผู้คนมักเข้าใจผิด แต่ความแข็งแกร่งของความจริงไม่ได้มาจากตัวความจริงอย่างเดียว มันขึ้นกับจำนวนผู้ที่เชื่อในความจริงข้อนั้นด้วยฃ
ดังนั้นแล้ว ไม่สำคัญเลยว่า จะจริง หรือจะเท็จ นักปลุกปั่นยุยงจึงเป็นสิ่งจำเป็น
นี่คือ การสู้รบวัดกันด้วยพลังล้วนๆ บาอัลไม่ได้แพ้เพราะเขาโกหกแล้วโดนเปิดโปง หากแต่พ่ายแพ้เพราะผู้ปลุกปั่นอย่างผม อยู่ที่นี่ต่างหาก
“บาอัลคนทรยศนั้นหยามหยันพวกเรา และทั้งสังคมปีศาจมากว่าสองพันปี
จะไม่มีใครสักคนเลยอย่างนั้นหรือที่รู้สันดานแท้ของบาอัลในช่วงสองพันปีที่ผ่านมานี้
ไม่เลย จริงๆมีอยู่ แต่ยามที่พวกเขาพยายามจะเปิดเผยความจริง แต่ก็ต้องตกตายใต้คมดาบของบาอัล…….”
ในช่วงสองพันปีนั้น
คนเหล่านั้นต้องเลือนหายไปโดยไม่ได้มีโอกาสได้ทิ้งนามไว้ในประวัติศาสตร์
ผมก้มหัวให้เล็กน้อยคล้ายกับกำลังแสดงความเคารพให้กับพวกเขาเงียบๆ
“การตายของพวกเขานั้นถูกหลงลืมไปโดยกระแสประวัติศาสตร์ คงไม่มีใครปฏิเสธเรื่องนี้ได้
ในยุคสมัยนั้น, ความยุติธรรมช่างอ่อนแอ, ความจริงนั้นกลวงเปล่า, และความกล้าหาญนั้นเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย
นั่นเป็นยุคสมัยแห่งซากร่าง
ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกไปจากสุสานเงียบๆที่มีดวงวิญญาณคั่งแค้นต้องครวญครางหวีดร้องนับล้านๆ”
ผมเชิดหน้าขึ้น
“เหล่าสหายที่รักของข้า”
ผมพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่ได้ใส่น้ำเสียงสำเนียงให้ดูเกินจริง
“ณ วันนี้ เวลาห้าโมงห้าสิบห้านาที
ตัวชั่วร้ายได้รับการลงโทษทัณฑ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์”
เสียงของผมไปถึงทั่วทุกมุมวังด้วยเวทย์ขยายเสียง
“ต่อจากนี้ไป ประวัติศาสตร์แห่งการเป็นสุสานวังเวงจะจบลง
ณ วันนี้ เวลาห้าโมงห้าสิบห้านาที ช่วงกระแสเวลาเช่นนั้นจะหยุดลงชั่วคราว
นักประวัติศาตร์ในรุ่นต่อๆไปจะระบุว่า วันนี้เป็นดั่ง ‘การหยุดพักอันยิ่งใหญ่’ นั่นก็เพราะต่อจากนี้ไปประวัติศาตร์จะกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”
จากยุคสมัยแห่งตำนานสู่ยุคสมัยแห่งแผนการ
จากยุคสมัยแห่งการดิ้นรนต่อสู้สู่ยุคสมัยแห่งความขัดแย้ง
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไม่ลืมความยุติธรรม
ข้าจะไม่พูดราวกับเป็นพวกมองโลกในแง่ดีผู้น่าสิ้นหวัง
บางครั้งฝ่ายยุติธรรมก็ชนะก็จริง แต่โดยมากแล้วมักพ่ายแพ้อย่างน่าเศร้า
━แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม, ความยุติธรรมจะไม่ถูกลบเลือน”
ต่อจากนี้ผมนี่แหละที่จะเป็นผู้ระบุเองว่า ฝ่ายไหนคือ ความยุติธรรม
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป ฝ่ายไหนคือ ความยุติธรรม,ฝ่ายไหนคือความชั่วร้าย,อะไรคือความจริง,อะไรคือ ความลวง,ใครคือผู้กล้า,ใครคือผู้ขลาดเขลา ,ทุกสิ่งอย่างจะถูกบันทึกไว้อย่างชัดแจ้ง
ผู้คนทั้งหลายจะไม่ตายจากการเผชิญหน้ากับทรราชย์อีกแล้ว”
ก็จะเหลือแต่เพียงสิทธิ์ที่จะจารึกนามของฮีโร่ผู้ลาลับไปบนป้ายหลุมศพเท่านั้น
“คำโกหกจะพังทลาย ไม่ได้เป็นเพราะคำโกหกนั้นไร้กำลังแต่อย่างเดียว
แต่นั่นก็เพราะพวกเรา เหล่าจอมมารและสังคมชาวปีศาจ จะลุกขึ้นเผชิญหน้าแล้วร่วมกันสู้กับคำโกหกพวกนั้น
หากมีใครสักคนหนึ่งกระซิบคำโกหก พวกเรานับสิบคนจะร่วมกันตะโกนความจริง
หากมีคนสิบคนเผยแพร่คำโกหก พวกเรานับร้อยคนจะสู้กลับไป
แม้ในยุคสมัยที่มีผู้คนนับร้อย นับพัน นับหมื่น ต่างไล่ตามคำโกหกด้วยใจที่มุ่งมั่น พวกเราก็จะสร้างกองกำลังที่ใหญ่กว่าพวกนั้นและร่ำร้องความจริงด้วยความหนักแน่นและกล้าหาญ”
ถ้าหากพวกนั้นหวังปฏิวัติพวกเรา พวกเราก็แค่ฆ่าล้างมันให้สิ้นด้วยกองกำลังที่มีจำนวนมากกว่าสิบเท่า
“การทำเช่นนั้น พวกเราต้องเปลี่ยนการรับรู้ของผู้คน
อยู่ๆคำโกหกจะไม่พังลงมาด้วยตัวเอง
พวกเรา, กองทัพจอมมารและสังคมปีศาจ จะเป็นหนึ่งเดียวกันในการทำลายคำโกหกพวกนั้น!”
ผมยกมือขึ้น
“โอ้ ปีศาจทั้งผองเอ๋ย! จงรวมเป็นหนึ่ง!”
ยามเมื่อรวมพลังกัน พวกเราย่อมต้องแข็งแกร่งกว่า
“อาชญากรรมร้ายแรงของบาอัลนั้นหยั่งรากลงไปลึก ยังคงมีกองทัพนับหมื่นที่ยังตกค้างอยู่ในปราสาทจอมมารของเขา
อย่างที่พวกท่านก็ทราบดี พวกนั้นเป็นที่รู้จักกันในนามกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุด
แถมยังมี อาชญากรตัวใหญ่อย่างอกาเรส ผู้ที่ตั้งใจโจมตีคนของพวกเราเมื่อสามปีที่แล้ว ทั้งยังสร้างความตื่นตระหนกหวาดหวั่นให้กับสังคมพวกเรา
เจ้าอาชญากรนั่นยังคงมีชีวิตอยู่”
ผมเอนหลัง หลับสบายหลังจากนี้จัดการไอ้เจ้าพวกนั้นลงได้แล้ว
ผมเชื่อว่า จอมมารตนอื่นๆก็คงไม่ต่างกัน
อกาเรส,จอมมารผู้ทรงพลังราวกับตัวนางเองเป็นคนของทั้งฝ่าย ต้องถูกกำจัดลงให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ฝ่ายที่ราบและฝ่ายภูเขาไม่อาจจะเสี่ยงให้ตัวตนแบบนั้นคอยคุกคามฝ่ายตัวเองต่อไปได้
ส่วนฝ่ายเป็นกลางเองก็อยากที่จะกำจัดตัวก่อเรื่องก่อปัญหา ที่พยายามที่จะทำลายสมดุลของระหว่างฝ่าย
ในเมื่อความต้องการตรงกัน
“พวกเรามีทางเลือกเพียงสองทาง
ยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข หรือ จะร่วมมือเป็นหนึ่งกันอย่างสมบูรณ์
ทางเลือกนั้นเป็นของพวกท่านแล้ว
ท่านสามารถยอมแพ้ได้ตามสะดวก
แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งนั้นก็นับเป็น ‘เสรีภาพในการเป็นทาส’
ด้วยการเซ็นชื่อของพวกท่านลงไป แล้วอนาคตของพวกเราจะส่งต่อความเป็นทาส พวกเราจะย้อนกลับไปสู่ยุคสมัยแห่งความมืดมิดอีก 2,000 ปี”
ผมพูดต่อ
“เพื่อนพ้องเผ่าปีศาจทั้งหลาย , จงเป็นหนึ่งเดียวกัน”
นั่นก็เพื่อชัยชนะ
“ผู้นำของกองทัพจอมมารนั้นซื่อสัตย์โปร่งใส พวกเราเตรียมใจจะสละชีพตัวเองกันทั้งนั้น
หากความยุติธรรมร่ำร้องให้พวกเราต้องพลีชีพ พวกเราไม่เคยร้องขอให้ผู้ใดในสังคมปีศาจต้องพลีชีพแทนพวกเรา
สิ่งที่ยากลำบากคือ การที่พวกเราไม่อาจเฝ้ารอให้สิ่งนั้นส่งต่อไปยังผู้คนของเราได้”
ดังนั้นแล้วอย่าใส่ร้าย หรือวิพากย์วิจารณ์ เหล่าผู้นำเลย
“นับแต่นี้เป็นต้นไป ชีวิตของพวกเราทั้งหลายเป็นของเผ่าปีศาจ พวกเราจะเป็น ‘หน่วยแรก’ ที่กรีฑาทัพเพื่อโลกปีศาจ
มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเรานุ่งห่มเครื่องแบบอันศักดิ์สิทธิ์และล้ำค่านั้นอีกครั้ง”
ผมดึงเศษผ้าชิ้นหนึ่งที่เตรียมไว้ก่อนแล้ว
มันเป็นธงที่มีสัญลักษณ์ของพระจันทร์เสี้ยว
ธงของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรานั่นเอง
“พวกเราจะไม่ถอดชุดเครื่องแบบนี้ออกจนกว่าจะถึงวันที่ ความยุติธรรมได้รับชัยชนะ และหากพวกเราไม่ชนะแล้ว พวกเราก็ไม่มีทางจะทนสู้หน้ากับความพ่ายแพ้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้
นับจากนี้เป็นต้นไป ,พวกเรา,เหล่าจอมมารและทหารหาญแห่งโลกปีศาจ ะดิ้นรนเพื่อชนหมู่มาก
จะมีถ้อยคำเดียวเท่านั้นที่จะพูดพร่ำออกมาในห้วงเวลาอันสิ้นหวัง”
ผมกระชับธงในมือแน่นแล้วตะโกน
“ปีศาจทั้งหลาย , จงเป็นหนึ่งเดียวกัน!”
มันมีรอยเลือดเปรอะอยู่บนธง ซึ่งทำขึ้นและดูเหมือนจะเป็นเลือดของผม
“พวกเรานั้นภาคภูมิใจยิ่งนักที่ปีศาจมิได้เป็นเหมือนทาส
ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม, เหล่าผู้เชื่อในเสรีภาพที่จะตกเป็นทาสนั้นไม่มีทางจะรอดชีวิตต่อไปได้!
เราจะไม่ไปติดต่อกับพวกคนทรยศ
เราผู้เชื่อมั่น ศรัทธาในหลักการของพวกเราที่รับประทานมาจากองค์เทพี หลักการที่กล่าวว่า
‘จงเป็นบุคคลผู้ทำตัวสูงส่ง’ ”
ผมได้สร้างจารีตให้พวกเขา
นั่นคือ ผู้ที่ให้ความร่วมกับกับพวกเราจะได้รับป้ายติดตัวว่า เป็นผู้ถูกต้อง,ในขณะที่ผู้ที่ต่อต้านพวกเราจะถูกเรียกว่า ผู้ทรยศ
“ไม่เหมือนเจ้าพวกมนุษย์นั่น ,พวกเราไม่กลัวความตาย
พวกเราหวาดกลัวที่จะใช้ชีวิตเหมือนอย่างพวกขี้ขลาด
สหายรักทั้งหลายของข้า ,ปีศาจผู้อยู่มาในฐานะนักรบ!
พวกเราต่างรู้ดีว่า การมีชีวิตนั้นยากแค้น และการตายนั้นเป็นปัญหาเล็กจ้อย
ปัญหาตัวแท้นั้น คือ การที่เผ่าปีศาจนั้นยังคงดำรงความภาคภูมิใจได้อยู่หรือไม่”
พวกเรานั้นต่างจากมนุษย์ผู้ต่ำต้อย
ผมกระตุกการแบ่งแยกเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติให้ฝังรากลึกลงไปในหมู่ปีศาจ
“หากพวกเราทั้งหลายกลายเป็นกองทัพหนึ่งเดียวกัน จงอย่าเบือนหน้าหนีความยากลำบาก และจงสาบานว่าจะไม่ยอมแพ้จนตกเป็นทาส แล้วเมื่อนั้นเสียงตะโกนร่ำร้องดังกึกก้องของพวกเราจะกลายเป็นเสียงของผองชนทั้งหลาย
พวกเรานั้นจะก้าวข้ามผ่านความทุกข์ร้อน พร้อมด้วยเสียงตะโกนของผู้คนนับร้อย นับพัน นับหมื่น และนับแสนครั้ง!”
แล้วทีนี้
“เพื่อนพ้องเผ่าปีศาจทั้งหลาย!, จงลุกขึ้น!”
จะย่ำฝีเท้านับหมื่นเพื่อความยุติธรรม!
ให้กลายเป็นท่วงทำนองที่นำพาไปสู่ยุคสมัยใหม่!
ณ วันนี้ เวลาห้าโมงห้าสิบห้านาที ห้วงกระแสเวลาที่หยุดลงจะเป็นที่จดจำ จากนี้เป็นต้นไป ประวัติศาสตร์จะไม่ถูกควบคุมด้วยคำโกหกและการหลอกลวงทั้งหลายอีกแล้ว
━ณ ชั่วขณะนี้ที่จะมาถึงพวกท่าน จะเป็นสิ่งที่พวกท่านได้ขับเคลื่อนไปในประวัติศาสตร์ด้วยสองมือสองขาของพวกท่าน!”
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
“เหล่าทวยเทพต่างต้องการความช่วยเหลือนั้นจากพวกเรา
เหล่านักรบทั้งหลายเอ๋ย, เราจงมาเป็นหนึ่งเดียวกันเถิด!”
* * *
พวกเราเร่งเดินทัพ รวมกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อกวาดล้างกองทหารที่เหลืออยู่ของบาอัล
ปราสาทจอมมารของบาอัลนั้นตั้งอยู่ที่ใจกลางเขตแดนของจอมมาร ดังนั้นพวกเราจึงสามารถนำทัพไปโดยไม่ต้องเป็นห่วงเป็นกังวลเรื่องเสบียง
พวกเรามีกองกำลังทหารถึง 50,000 นาย
ส่วนกองทัพใต้การบัญชาของบาอัลที่ต้องมาสู้กับพวกเรามีประมาณ 22,000 นาย
จอมมารตนเดียวกลับเป็นผู้นำทัพถึง 22,000 นาย แสดงให้เห็นแล้วว่า บาอัลนั้นทรงพลังเพียงใด
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราแค่รออยู่เฉยๆก็ได้ชัยมาเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว
“พวกเราจะรอให้มานาหมดไปจากปราสาทจอมมาร”
บาร์บาทอสพ่นลมหึขณะพูด
ปีศาจรอบข้างปราสาทจอมมารนั้นอยู่ได้ด้วยมานา
ผมเองก็ไม่แน่ใจเรื่องหลักการเหมือนกันแต่ทว่า มานาในปราสาทจะสลายไปยามที่จอมมารตายลง
ดังนั้นถึงฝั่งนั้นจะมีกองกำลังถึงสองหมื่น แต่เมื่อสูญเสียมานาซึ่งไม่ต่างจากเสบียงอาหารไปแล้ว
ไม่สิ การที่กองกำลังขนาดสองหมื่นกลับเป็นอุปสรรคด้วยซ้ำ การที่มานากลับถูกผลาญไปจำนวนมากขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องตลกแต่อย่างใด
พวกเราล้อมปราสาทจอมมาร และเฝ้ารออยู่ยี่สิบวัน
เพื่อให้แน่ใจว่า กองทหารของฝ่ายศัตรูจะทะลักออกมาทางประตูหน้า เพราะไม่อาจทนหิวได้อีกต่อไป พวกเราก็แค่ปิดล้อมให้แน่นหนาก็ฆ่าพวกนั้นได้ง่ายๆ
“อย่างกับล่าไก่งวงเลยเนอะ”
นั่นเป็นสิ่งที่สิตริให้นิยาม มันก็คล้ายกับการล่าสัตว์จริงๆนั่นแหละ
กองทัพศัตรูหนีไปไหนไม่ได้นับตั้งแต่บาอัลตายจากไป ในขณะที่จอมมารฝ่ายเราสามารถเคลื่อนคนของตัวเองได้
จึงเป็นความต่างชั้นอย่างมหาศาลระหว่างกองกำลังที่มีจอมมารเป็นผู้นำกับกองกำลังที่ไม่มี
กองกำลังมหึมาของบาอัลละลายหายไปภายในช่วงเวลาเพียงสองเดือน
การชนะสงครามนั้นเป็นวิธีการที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในการจัดการกับสังคมที่กำลังอลหม่าน
ทั้งการเปิดเผยความผิดของบาอัล,การพูดของผม แล้วตอนนี้ยังเป็นชัยชนะทางการทหารของพวกเรา
สังคมปีศาจจึงเต็มใจให้การสนับสนุน การเดินทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งใหม่นี้
ส่งท้านจากผู้เขียน
ดูเหมือนจะมีบางคนเดาได้ว่า นิยายของผมที่พูดถึงใน บทที่ 266 จะมาจาก ผลงานของอิมมานูเอล ค้านท์ <Perpetual Peace>!
เป็นที่รู้จักกันในทฤษฏีสันติสุขตลอดกาล หากเปลี่ยนคำว่าผู้ปกครองเป็นประธานาธิบดี ก็แทบไม่ต่างจากระบบประชาธิปไตยแบบตัวแทนเลย
MANGA DISCUSSION