ทีแรกนั้น เหล่าอาร์คดยุคดีใจที่พวกเขาได้พบกับทั้งดันทาเลี่ยนและกามิกิน
จอมมารทั้งสองนั้นเป็นคนเด่นคนดังในวงสังคม ดังนั้นแล้วจึงไม่มีอะไรที่จะสร้างชื่อเสียงได้ดีไปกว่าการที่สองคนนั้นปรากฏตัวในงานเลี้ยงที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสัมพันธ์ดีๆ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขากลับกรีดร้องในหัว ด้วยความที่อยากจะถอนตัวออกจากสถานการณ์แบบนี้ไปให้โดยเร็วที่สุด
‘ทำไมเอ็งมาพูดถึง บาร์บาทอสตอนนี้วะ!?’
‘แม้แต่เด็กน้อยมันยังรู้เลยว่า ตอนนี้สมควรที่จะกล่าวชมฝ่าบาทกามิกินน่ะ!’
‘นี่แกคิดจะทำลายพวกเราเรอะ……?’
เหล่าอาร์คดยุคแอบตำหนิดันทาเลี่ยนอยู่ในใจ แต่ภายนอกก็ยังแสดงท่าทีสันติ ราวกับว่ามีสุสานตั้งอยู่ข้างชายทะเล…….
พวกเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คุมอารมณ์อยู่
จอมมารนั้นสามารถอ่านอารมณ์ได้ เมื่อเป็นดังนั้นแล้วพวกเขาจึงจำต้องคุมอารมณ์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จึงได้แต่ก่นด่าอยู่ข้างใน เหล่าอาร์คดยุคคุ้นเคยกับเรื่องอย่างนี้ดี
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า เรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับจอมมารลำดับ 4
“เฮ่อออ~”
กามิกินแสดงความรู้สึกมากมายอยู่ในใจ หากแต่น้ำเสียงยังคงสดใสร่าเริง
ใครจะไปสามารถมีอารมณ์สดใสในสถานการณ์เช่นนี้ได้อีกล่ะ?
“ดันทาเลี่ยน บางทีเจ้าก็ใจร้ายเหลือเกินนะ เจ้ากล้ากล่าวคำชมหญิงอื่นทั้งที่ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้าได้อย่างไรกัน? ถ้าเจ้ายังคงทำเช่นนี้อีก ข้าจะโกรธแล้วนะ”
เธอก้าวออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
ตำแหน่งของเธอนั้นเผชิญหน้ากับเขา ถือว่าเธอนั้นถูกดูถูกเป็นอย่างมากในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง เธออยากจะให้เรื่องนี้จบลง
อารมณ์ของเธอนั้นแสดงความขมขื่นออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เธอก็ไม่อาจทำอะไรกับมันได้
ดันทาเลี่ยนตอบรับคำของเธออย่างหยอกล้อเล่น
“ต้องขออภัยด้วย ข้าคงต้องเหงาแน่หากคุณกามิกินเกลียดข้า อภัยให้ข้าด้วยเถอะ”
“จ้า จ้า คราวหน้าก็ระวังๆล่ะ”
เธอทำเหมือนกับไม่ได้โกรธ ไม่ได้รู้สึกขมขื่นใจแต่อย่างใด
กามิกินได้ควบคุมได้ทุกอย่างตั้งแต่รายละเอียดของน้ำเสียงสูงต่ำของตน ไปจนถึงการปรายตามอง
มันคุ้นชินเสียแทบจะเรียกได้ว่า กลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้วกับการที่เธอควบคุมรายละเอียดของอารมณ์ได้ทุกจุด ทักษะการแสดงของเธอไร้ที่ติเสียจนลวงหลอกให้อาร์คดยุคหลงเข้าใจผิดได้โดยง่าย
“ฮาฮา ดันทาเลี่ยนนั้นออกมีรสนิยมที่เฉพาะทางนี่นา”
“ถูกแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธรสนิยมของฝ่าบาทนะ แต่ฝ่าบาทบาร์บาทอสนั้นไม่ออกจะมีรูปร่างเด็กไปหน่อยหรือไร?”
อาร์คดยุคคนอื่นกลับรีบไหลตามน้ำในทันทีที่กามิกินเปิดทางให้พวกเขา
พวกเขาแอบดีใจที่สถานการณ์นี้ไม่ได้เลวร้ายลงกว่าเก่า งานเลี้ยงคราวนี้ต้องพังทลายแน่หากเดินเกมผิดไป
“สุภาพบุรุษทั้งหลาย กรุณาอย่าตำหนิข้าให้มากไปนักเลย”
ดันทาเลี่ยนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
“ข้ามิได้ชอบ ท่านบาร์บาทอสเพราะข้าชอบเด็กสาว
หากแต่เป็นเพราะว่า คนที่ข้าชอบนั้นดูเหมือนเด็กสาวต่างหาก”
“บางครั้งคำพูดของฝ่าบาทนั้นฟังดูเป็นจริงเสียเหลือเกิน
พวกเราผู้น้อยนั้นยังไม่กระจ่างในเรื่องนั้น ได้โปรดมอบความเมตตา พวกเราอาจกำลังหลงไปผิดทางอยู่ก็เป็นได้!”
“เลิกเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ได้แล้วน่า”
ดันทาเลี่ยนและอาร์คดยุคต่างหัวเราะพร้อมกัน
(TTL : หึ ไอ้พวกโลลิค่อนซ่อนแอบ)
หลังจากนั้นงานเลี้ยงก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เรื่องราวที่พูดคุยกันในงานก็เป็นเรื่องอาหาร เชฟที่เป็นตัวแทนจากโลกปีศาจก็ได้เดินออกมาและเตรียมอาหารเลิศหรูราคาแพงทีละจาน ทีละจาน ราวกับงานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานแข่งประชัน
เป็นการดีที่มักคุยกันแต่เรื่องอาหาร อาหารจานใหม่ได้ออกมาเสิร์ฟเรื่อยๆทันทีที่บทสนทนาเดิมจบลง
“อู้ว จานนี้ช่างมีรสเฉพาะตัวนัก…….”
“ฝ่าบาทกามิกิครับ จานที่เพิ่งผ่านไปมีรสชาติที่เลิศมาก”
“เชฟ, เจ้าคิดอะไรอยู่ตอนปรุงจานนี้อยู่เนี่ย?”
ก็เป็นเช่นนั้น บทสนทนาจึงนำพาความรื่นเริงได้อีกครั้ง
ผู้คนที่ได้รับอาหารต่างมีชายหนุ่มหญิงสาวที่สุดหล่อสุดสวยอยู่เคียงข้าง
━อาร์คดยุคตั้งใจอย่างนี้
‘ให้แน่ใจว่า ได้จ้างเด็กสาวหน้าตาสะสวยมาอยู่ข้างๆเสมอยามที่ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนมาในงาน’
คำพูดก็เป็นดังเหล้า ที่จะมอมเมาความคิดผู้คนได้หากพูดไม่หยุดหย่อน หากเพิ่มเหล่าเข้าไปด้วย ผู้คนก็มีแต่จะสมองกลวงเอาแต่หัวเราะและพูดคุยกับคนอื่น
ถ้อยคำที่ออกมาโดยง่ายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างโอกาสให้คนเข้าใจผิดได้มากว่าสนิทพอที่จะพูดอะไรออกมาก็ได้ นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าอาร์คดยุคเตรียมเหล้าราคาแพงไว้สำหรับเหล่าจอมมาร
“อ้า อย่างที่ข้าคิดจริงๆ ข้าชอบไวน์ขาว”
“อย่างนั้นเองหรือ? อืม มันให้ความรู้สึกว่า มันมีรสชาติอื่นแฝงซ่อนอยู่นะ”
“ฝ่าบาทกามิกินนั้นช่างรับรสได้เฉียบแหลมยิ่ง ไวน์นี้เป็นสินค้าที่ขายในเฉพาะช่วงฤดูร้อนของเอิร์ลจากนรก…….”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าผู้คนได้โดยง่าย
ทุกคนต่างก็ดื่มแล้วพูดคุยเรื่องเหล้าไวน์ แล้วทุกคนต่างก็ไหลไปรวมเข้าด้วยกัน จริงอยู่ที่จอมมารไม่อาจเมาได้แต่ทั้งดันทาเลี่ยนและกามิกินสามารถเมาไปกับบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของทุกคนได้
“ดี ดีมากๆ”
กามิกินเขย่าแก้วไวน์ในมือเชิงเล่น
“เอาไวน์มาอีกแก้ว”
ประโยคนั้นของกามิกินแทบจะสรุปงานเลี้ยงวันนี้ได้ทั้งวัน
“ฝ่าบาทกามิกิน ข้ามีความสงสัยใคร่รู้มานานแล้ว ขออนุญาตถามได้หรือไม่?”
“ได้ ถามาเลย ไม่มีคำถามอะไรไม่เข้าท่าแล้วล่ะถ้าไวน์จะดีขนาดนี้น่ะนะ~”
“จริงหรือไม่ที่ท่านมีความสัมพันธ์พิเศษๆกับฝ่าบาทดันทาเลี่ยน?”
กามิกินฮัมเบาๆขณะที่ยิ้มบางๆ
“สงสัยอย่างนั้นหรือ? ดันทาเลี่ยน? เขาสงสัยน่ะว่าพวกเรามีความสัมพันธ์พิเศษต่อกันไหมน่ะ”
“แน่ล่ะ พวกเรามีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกันเสมอ”
ดันทาเลี่ยนกระดกไวน์แดงภายในอึกเดียว
อาร์คดยุคชักเริ่มโมโห
“ได้ยินข่าวลือหลายข่าว เล่ามาตั้งแต่หลายปีก่อนเรื่อง ความสัมพันธ์ที่มีต่อฝ่าบาทจอมมารหญิงมากมาย! ดูเหมือนจะเป็นความจริง
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนอย่างที่ทุกคนรู้กันดี ……ไม่ใช่ว่า ท่านยังคงเป็นคนรักกับฝ่าบาทบาร์บาทอสอยู่อย่างนั้นหรือ?”
“อ้าา เจ้าพูดถูก”
อาร์คดยุคหลายคนเคยถูกดันทาเลี่ยนข่มขู่มาก่อน
พวกเขาเคยเห็นภาพบาร์บาทอสร้องครางราวกับทาสขณะที่ดันทาเลี่ยนกำลังเปลือยกาย มันเป็นความลับที่พวกเขาควรจะปิดให้มิดชิดจนวันตาย
“ข้าได้ยินว่า ฝ่าบาทไพมอนและฝ่าบาทสิตริเองก็อยู่ในกลุ่มนั้นของท่านด้วย…….”
“ข้าขอสาบานต่อเทพีอาร์เทมิสว่า นั่นเป็นเรื่องจริง”
“โอ้ พระเจ้า! นี่หมายความว่า ฝ่าบาทนั้นไปเที่ยวรักใคร่กับจอมมารมีชื่อเสียงผู้งดงามทุกคนในกองทัพจอมมารอย่างนั้นหรือ!”
‘ที่ฝ่าบาททำนี่ มันไม่เกินไปแล้วหรืออย่างไร’, อาร์คดยุคตั้งใจจะตำหนิในเรื่องนั้น
“พวกเจ้าต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายทำเกินไป”
ดันทาเลี่ยนหัวเราะคิก
“ข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้าต้องตำหนิข้าขนาดนี้กัน?”
“หากฝ่าบาทอยากจะผูกขาดผู้งดงามทั้งหลาย ก็ไม่ถือว่าผิดอันใด แต่พวกข้าน่ะไม่รู้เรื่องนี้น่ะสิ
โปรดบอกความลับในการพิชิตใจพวกนางด้วยเถิด?”
“สิ่งสำคัญคือ ใจของเจ้า ซึ่งพวกเจ้าก็คงรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ทุกคนต่างมีความป่วยไข้อยู่ในมุมหนึ่งในใจที่ไหนสักแห่ง
เจ้าก็แค่ค่อยๆโอบกอดส่วนนั้นของพวกนางอย่างอ่อนโยน
ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้แล้ว”
อาร์คดยุคถึงกับผิวปาก
“ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ แล้วฝ่าบาทกามิกินคิดอย่างไรกับที่ท่านดันทาเลี่ยนเพิ่งพูดไปครับ?”
“อื่มอืมมม~”
กามิกินฉีกยิ้มกว้าง
“ข้าจะดีใจมากเลยนะ หากมีใครฟาดหัวเขาตอนที่เขาเดินอยู่กลางถนนน่ะ”
“คุฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ดูเหมือนว่า จอมมารหญิงท่านอื่นก็น่าจะคิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน!”
ดันทาเลี่ยนได้แต่ยักไหล่เนื่องจากจนด้วยคำพูด
ยิ่งดึกคนยิ่งเละเทะแม้แต่ในหมู่อาร์คดยุคเองก็มีคนที่เริ่มลวนลามสาวเสิร์ฟ แต่ก็ไม่มีใครตำหนิเขา
เพราะถึงอย่างไรเสีย ก็เป็นที่คาดเดากันได้อยู่แล้วว่าจะต้องจบลงเช่นนี้
“ข้าจะออกไปสูดอากาศสดชื่นสักหน่อย ดูเหมือนข้าจะมามากไปแล้วคืนนี้”
“อ๊าา ข้าด้วยน้าา~ หัวข้าร้องบอกให้ข้าไปสูดอากาศบ้างเหมือนกัน”
เมื่อเป็นดังนั้นไม่มีอาร์คดยุคคนใดพูดอะไรออกมาขณะที่ดันทาเลี่ยนและกามิกินออกจากห้องไป พวกเขาบอกคนอื่นกลายๆว่า ขอช่วงเวลาส่วนตัว
อาร์คดยุคที่ไม่ได้ดื่มเหล้าจนเมามายนักก็ได้แต่ยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าขณะที่มองทั้งสองคนจากไป
มีห้องที่เตรียมไว้มุมหนึ่งของงานเลี้ยงสำหรับ ‘ช่วงเวลาส่วนตัว’
มีโต๊ะหนึ่งตัว เก้าอี้หนึ่งตัว โซฟาหนึ่งตัว และยังมีแก้วไวน์กับถังน้ำแข็งเตรียมไว้บนโต๊ะกลม
ด้านหลังหน้าต่างบานใหญ่มีระเบียงทำด้วยหินอ่อน มันเป็นสถานที่สำหรับคู่รัก
“ข้ามาที่นี่เพื่อสูดอากาศจริงๆนะ”
ดันทาเลี่ยนพูดขึ้นขณะที่ทำการปิดประตู
ทั้งโทนเสียงและการแสดงสีหน้าของเขานั้นสงบราวกับไม่ได้ดื่มเหล้าเมาเลย
“ตอนนี้อาร์คดยุคน่าจะพอใจกับพอสมควรแล้วกับการที่พวกเรายอมตามน้ำมาถึงจุดนี้ จากนี้พวกเราควรไปที่บ้านพักของเธอดีไหม คุณกามิกิน?”
“หืมมมม~”
กามิกินไม่สนใจดันทาเลี่ยนแล้วเดินเลยผ่านไป
เธอคว้าขวดไวน์ออกจากถังน้ำแข็งแล้วรินใส่แก้วตัวเอง ไวน์นั้นไหลทะลักออกนอกแก้วเนื่องจากไม่อาจคุมแรงมือตัวเองได้
มือขวาของกามิกินชุ่มโชกไปด้วยไวน์ แต่เธอไม่ใส่ใจ ยังคงดื่มไวน์นั้นต่อ
“……คุณกามิกิน ขอถามอย่างหนึ่งก่อน แต่เธอเมาจริงๆหรือ?”
“ข้าไม่รู้ว่า เจ้าพูดอะรายยย”
“โอ้ แหม”
ดันทาเลี่ยนถึงกับขมวดคิ้ว
“ไม่มีทางที่จอมมารอย่างคุณกามิกินน่ะจะเมาได้อยู่แล้ว นี่เธอตั้งใจจะปิดระบบฟื้นฟูร่างกายอย่างนั้นรึ?”
“อืมฮึ ฮี่ฮี่”
“จะบ้าไปแล้วรึไง? พวกเรายังอยู่ในฐานะผู้ปกครองนรก พวกนั้นจะฉีกทึ้งเราเป็นชิ้นๆหากเราประมาท ข้าไม่เข้าใจเธอจริงๆ”
กามิกินรินไวน์อีกแก้วแล้วกระดกมันเข้าไป ของเหลวสีแดงบางส่วนไหลออกข้างปาก ผ่านกรามแล้วก็เปื้อนลงบนแถบคอเสื้อสีขาวน้ำนม
“แล้วจอมมารอย่างข้าสมควรเป็นแบบไหนกันล่ะ?”
“อะไรนะ?”
“ข้าน่ะ มันด้อยค่าด้อยราคากว่าบาร์บาทอสอยู่แล้วนี่ ใช่ไหมล่ะ? ไม่มีอะไรในตัวข้าที่น่าประทับใจเลย”
“…….”
ดันทาเลี่ยนมองอีกฝ่ายราวกับจ้องผู้ป่วยจิตเวช
“……นี่เธอเมาจริงจังแล้วเนี่ย
เอาล่ะพอเข้าใจได้ว่า มีช่วงเวลาที่ใครก็อยากเมา แต่ข้าไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นวันนี้”
“คนอย่างนายน่ะ อืมฮึ เลวอย่างกับหมาเลย ดันทาเลี่ยน”
ดันทาเลี่ยนถอนใจขณะทรุดตัวนั่งลง นั่นเป็นข้อบ่งชี้ได้ชัดเจนแล้วว่า เขาไม่อยากยุ่งกับคนขี้เมา
แม้จะยากที่จะอธิบายเรื่องราวใดๆที่กามิกินกำลังรู้สึกอยู่ แต่อย่างน้อยสำนึกรู้ตัวสุดท้ายของเธอยังทำให้เธอนั้นร่ายเวทย์มนตร์กันเสียงคลุมทั้งห้อง
หลังจากตรวจสอบแล้วว่า ไม่มีอุปกรณ์ใดๆซ่อนอยู่ในห้อง กามิกินก็คำรามออกมา
“ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากแสดงอะไรแบบนี้อีกแล้ว
ข้าเบื่อ ข้าเหนื่อยด้วย มันน่าขยะแขยง”
“…….”
“นี่เจ้าน่ะจะเหยียบย่ำข้าต่อหน้าปีศาจตนอื่นอีกใช่ไหม? ข้ารู้แล้วล่ะว่า บาร์บาทอสน่ะสำคัญต่อเจ้า แต่มันก็ควรรู้กาละเทศกันบ้าง”
ดันทาเลี่ยนหยิบไปป์ขึ้นมาสอดปลายเข้าปาก จากนั้นก็มีควันกระจายฟุ้งทั่วห้อง
“ข้าน่ะก็มีศักดิ์ศรีในฐานะจอมมาร ไอ้ระยำต่ำตมอย่างเจ้าน่ะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร”
“คุณกามิกิน ได้เก็บเสียงห้องนี้แล้วรึยัง?”
“แหมพอเป็นเรื่องนี้ล่ะ สนใจเชียวน้ะะะะะ ดันทาเลี่ยนผู้ทรงเกียรติและหลักแหลมของพวกเราาา”
กามิกินพ่นลมออกจมูก
“อะไรกันน่ะ? นี่เจ้ากลัวเหรอ ว่าผู้อื่นจะล่วงรู้การกระทำของนายน่ะ? ไอ้ขี้ขลาด แกมันไอ้คนไร้ประโยชน์ที่สุดจะขี้ขลาด
สิ่งที่เจ้ารู้น่ะมีแค่วิธียั่วเยาะถากถางคนอื่นเท่านั้นแหละ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าจะดื่มเหล้ายังไงระหว่างงานเลี้ยงแบบนี้
บอกว่าข้าบ้าไปแล้วอย่างนั้นเหรอ? อย่าทำให้ขำกันเลยน่า แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าน่ะบ้าแค่ไหนกัน”
“เอาล่ะ ถ้าอยากพอแค่นี้ก็เลิกได้ตามที่ต้องการเลยนะ”
ิยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนริมฝีปากของดันทาเลี่ยน
“แต่เธอลืมไปแล้วหรือไงกัน? ว่าเธอทำตัวเองแท้ๆเลยนะ คุณกามิกิน”
“เออ ข้ารู้ข้าขอโทษที่ดันไปสมรู้ร่วมคิดกับอกาเรสเพื่อชิงดินแดนมา!”
กามิกินเหวี่ยงแก้วไวน์กระแทกพื้นหินอ่อน แก้วไวน์ส่งเสียงแตกกระจายดังลั่ง
“เจ้าควรจะรั้งข้าเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือไม่ก็หลายร้อยปีก่อนเลยล่ะ แล้วมาดูนี่สิ มันออกมาเป็นยังไงเห็นไหม?
ข้าสามารถบุกไปหวดนังยอดรักของเจ้าเมื่อไหร่ก็ได้ที่ข้าต้องการ
หากเจ้าคิดว่า อกาเรสเป็นจอมมารผู้เดียวที่ดูถูกบาร์บาทอสได้ ขอบอกว่า เจ้าน่ะผิดมหันต์!”
MANGA DISCUSSION