ปฏิทิน จักรวรรดิ,ปี 1507
เหล่านักปราชญ์นักการศึกษาในในโลกมนุษย์และโลกปีศาจต่างหวั่นเกรง
สงครามที่นำโดยกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราที่เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้วกลับเข้าสู่สภาวะหยุดนิ่ง
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งมนุษย์และปีศาจต่างก็เริ่มเกิดความขัดแย้งภายในฝ่านกันเองในช่วงสงบนั้น
มนุษย์และเหล่าปีศาจจะสู้รบกันไปทำไมเล่าในเมื่อสามารถร่วมมือกันได้?
‘หากอีกฝ่ายใช้งานได้ดีแบบนี้ ทั้งทวีปก็คงจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้วล่ะมั้ง’
นักปราชญ์ต่างยิ้มด้วยความเย้ยเยาะ
การสู้รบนองเลือดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฟรานเคียระหว่างฝ่ายจักรพรรดิและฝ่ายจักรพรรดินีโดวาเจอร์นั้นนำมาสู่การแทรกแซงของกองกำลังต่างชาติ
ในขณะที่ฮับบวร์กเองก็เกิดการแย่งชิงดินแดนกันระหว่างฝ่ายที่ราบที่เข้าปะทะกับอกาเรส
ณ เวลานั้นเองผู้ที่ควรจะเป็นหนึ่งเดียว และร่วมมือกันมากที่สุดกลับหันคมดาบเข้าใส่กัน…….
เป็นที่แน่นอนว่า การพูดเช่นนั้นย่อมเป็นการวิพากษ์อย่างไม่เป็นธรรมเท่าใดนัก
ใครจะกล้าสั่งให้จักรพรรดิฟรานเคีย ‘เสียสละตนเองเพื่อความสงบสุขของทั้งทวีป’ ในขณะที่เขาจะถูกแม่ของตนช่วงชิงอำนาจไปได้เล่า?
ใครจะกล้าบอกให้อกาเรส ‘ใจเย็น เพื่อเผ่าปีศาจทั้งผอง’ ตอนที่นางไล่ยึดดินแดนอย่างบ้าคลั่งราวกับหมาไล่ไก่เพียงเพราะบาร์บาทอสยึดดินแดนไปเป็นของตัวเองทั้งหมดเล่า?
สถานการณ์มันก็เป็นเช่นนี้แล
เช่นเดียวกับผู้คงแก่เรียนทั้งหลายที่ร่ำร้องหาสันติภาพของโลกด้วยมุมมองของตนเองไม่ว่าจะ ,เฮนรี่ จักรพรรดิแห่งฟรานเคีย,เฮนริเอตต้า ราชินีแห่งบริททานี่,จอมมารบาร์บาทอส และจอมมารอกาเรส ทุกคนนั้นต่างก็ยึดมั่นกับมุมมองความคิดของตนเองด้วยกันทั้งนั้น
ขณะที่ทุกคนง่วงวุ่นอยู่กับการเดินบนหนทางตน กลับมีชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มที่มองไปรอบข้าง และตอนนั้นเองที่พวกเขาได้ตระหนักถึงบางสิ่ง
“นี่มัน ฝีมือดันทาเลี่ยน”
หัวหน้าอลิซาเบธพูดขึ้นมา
อลิซาเบธนั้นกำลังอ่านใบปลิวด้วยดวงตาที่มืดหม่น ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนล้า แต่ยังคงตั้งใจมองอยู่
ที่นี่คือ ออฟฟิศผู้นำแห่งสาธารณรัฐ มีเพียงเจ้าหน้าที่พิเศษของส่วนกลางเท่านั้นที่อนุญาตให้เข้ามาได้
ทั้งโต๊ะ เอกสารและเก้าอี้ ของประดับตกแต่งทั้งหมดถูกเอาออกไป ดังนั้นห้องจึงให้บรรยากาศว่างเปล่าและเย็นเยือก
อลิซาเบธนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้
“อะไรนะคะ?”
เลขานุการหญิงที่นั่งอยู่ไม่ห่างนัก เงยหน้าขึ้นพอได้ยินอลิซาเบธพูดคำนั้นออกมา
เลขาหญิงตอบสนองกับคำนั้นช้าไปก็เพราะได้ยินชื่อที่ไม่คุ้นหู
“ขออภัยนะคะ ท่านคะ แต่เหมือนผู้นี้จะฟังสิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ไม่ชัดนัก”
“ดูนี่”
อลิซาเบธโยนใบปลิวให้กับเลขา มันเป็นท่าทีที่หยาบคายมากไม่สมกับเป็นผู้นำสาธารณรัฐ
เลขาหญิงรับใบปลิวด้วยท่าทางที่ลนลาน เอกสารนั้นมันออกจะบางไปหน่อยด้วยซ้ำ อะไรที่มันกวนใจ ท่านผู้นำได้ขนาดนั้นกันนะ?
“หนังสือเล่มนี้ไม่มีชื่อ…….”
“มีชื่อคนเขียนอยู่”
“จอน โบล? ความรู้ของฉันไม่ค่อยกว้างขวางนัก นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินชื่อนี้”
เลขานุการเปิดอ่านใบปลิวนั้นอย่างระวัง เธอใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีอ่านมันจนหมด อลิซาเบธถามทันทีที่เธออ่านจบ
“ยูเรีย เธอคิดว่ายังไง?”
“ค่ะ โดยส่วนตัวแล้วฉันว่าเป็นหนังสือที่ดีเลยนะคะ”
เลขาแสดงความเห็นอย่างจริงใจ
“แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าสิ่งนี้คือ เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเผยแพร่ลัทธิสาธารณรัฐนิยมหรอกเหรอคะ?
จอน โบล อาจเป็นนักเขียนนิรนามก็จริงอยู่แต่ฉันเชื่อนะคะว่า ในสาธารณะของเราก็มีคนที่เชื่อเหมือนเขา”
“อย่างนั้นเองรึ? เธอก็ไม่สังเกตเห็นสินะ”
มุมปากของอลิซาเบธเชิดขึ้น
สิ่งนั้นยิ่งทำมาซึ่งความประหลาดใจของเลขา ท่านผู้นำของเธอนั้นเป็นบุคคลที่ยากจะแสดงอารมณ์ทางลบออกมาให้เห็น
ไม่ใช่แค่ท่าทางที่โยนใบปลิวก่อนหน้า หากแต่รอยยิ้มที่ดูไม่งามบนใบหน้าของท่านผู้นำก็ยังไม่เหมาะกับเธอด้วย
ไม่ว่า อลิซาเบธจะรับรู้ความตื่นตระหนกของเลขานุการหรือไม่ เธอก็หันไปมองนอกหน้าต่าง
“ไอ้นั่นน่ะ เขียนโดยจอมมารดันทาเลี่ยน”
“นายท่านคะ ท่านกำลังหมายถึง ‘ฝันร้ายแห่งบรูโน่’ เหรอคะ?”
“……นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของข้านะ แต่โดยมากแล้วมักถูกเสมอ”
น้ำเสียงของเธอนั้นอ่อนลงกว่าทุกที
ปกติต่อหน้าคนอื่น ท่านผู้นำมักจะเปี่ยมไปด้วยความสูงส่งอยู่เสมอ
“ขอประทานอภัยนะคะท่านคะ แต่มีหลักฐานพิสูจน์เรื่องที่ท่านแน่ใจนี้ไหมคะ?”
“ไม่มีวันที่ข้าจะหลงสุนทรพจน์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้หรอก”
อลิซาเบธพึมพัมเหมือนกำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างในปากอย่างเจ็บปวด
“น้ำเสียงของเขา ท่าทางที่เขาขยับตัว วิธีการพูดของเขา……ทั้งหมดสลักอยู่ในความทรงจำของข้า ไม่มีวันลืม แม้กระทั่งถึงตอนนี้
ในทุกคืนโรเบิร์ตจะปรากฏกายพร้อมกับดันทาเลี่ยนในฝันของข้า เจ้าจอมมารนั่น…….”
มันฟังดูเหมือนเธอกำลังพูดกับตัวเอง มากกว่าที่จะพูดกับเลขาของเธอ สีหน้าของเธอมืดหม่นลงเรื่อยๆ
“ราชินีเฮนริเอตต้าส่งใบปลิวนี่มาให้ข้า เป็นไปได้ว่า นางก็ไม่สังเกตเห็นเรื่องนั้นเช่นกัน
ไม่สิ ไม่เลย ไม่มีใครรู้ตัวเลย แต่เขาหลอกข้าไม่ได้หรอก…….
อ่าาาา ดันทาเลี่ยนเอ๋ย เจ้าอาจหลอกคนได้ทั้งโลก แต่ไม่ใช่กับข้า
……เจ้าไม่มีวันหลอกข้าได้ เจ้าเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามกลางเมืองของฟรานเคียด้วยอย่างนั้นสินะ?
นี่เจ้าเกลียดมนุษยชาติมาก ขนาดที่ปรารถนาจะทำลายให้ย่อยยับถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
อลิซาเบธเริ่มพูดคนเดียวไปเรื่อย
“
คงมีใครสักคนปลอมสถานะให้ดันทาเลี่ยนเป็นนักบวช โบสถ์อย่างนั้นหรือ……
เป็นไปได้ว่า ดันทาเลี่ยนอาจมีเส้นสายหรือรู้จักกับใครในโบสถ์ ไม่เช่นนั้นก็คงเป็นไพมอน……แถมยังมีโอกาสที่นางจะทำตัวเป็นผู้เจรจาไกล่เกลี่ยให้กับพวกนั้นด้วย ข้าเข้าใจแล้ว มันเป็นไปได้จริงๆ…….
ข้าสัมผัสได้ถึงเขาทุกตัวอักษร ทุกถ้อยคำ ทุกประโยค แม้แต่ช่องว่าง อย่างน้อยโรเบิร์ตเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างข้า…….”
(TTL : ชิหัย อลิซาเบธ กลายเป็นแฟนคลับ(สติแตก)หมายเลข 1 ของพรี่ดัน ไปแล้ว! )
“ท่านคะ ”
เลขานุการมองอลิซาเบธด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
เป็นไปได้ว่า การที่นายท่านของเธอมีพฤติกรรมเช่นนี้อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้ามากเกินไปจากการที่ต้องทำงานกองโตสุมท่วมหัว
เนื่องจากสาธารณรัฐฮับบวร์กใหม่นั้นมีงานให้ทำตั้งมากมาย
อลิซาเบธรับรู้สายตาของเลขาหญิงจึงเงยหน้าขึ้น
“อ้า? โทษทีนะ ดูเหมือนข้าจะคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“คือมันก็โอเคนะคะ อาจจะเป็นการแสดงความอวดดีของฉันที่ต้องขอถามท่านสักหน่อย ท่านเหนื่อยล้าอยู่ใช่ไหมคะ ท่านผู้นำคะ?”
“เหนื่อยล้า? ข้าน่ะรึ?”
เลขาพยักหน้า
“ท่านทำงานไม่หลับไม่นอนมาสามวันติดแล้วนะคะ วงจรชีวิตวงจรการนอนท่านน่าจะปั่นป่วนแล้ว
ท่านต้องหยุดแล้วไปนอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าเลยค่ะ”
“เอาล่ะ ก็ได้ ก็ได้”
อลิซาเบธโบกมือ เธอแสดงออกชัดเจนถึงความรำคาญ
“จริงๆข้าไม่ต้องการพี่เลี้ยงเด็กมานานแล้วนะ แต่ดูเหมือนจู่ๆเลขานุการของข้าก็กลายเป็นพี่เลี้ยงข้าเสียอย่างนั้น แถมพยายามจะทรมานข้าด้วย
ยูเลีย, ข้าน่ะแอบงีบเป็นพักๆมาตั้งแต่อายุ 12ปีแล้ว เจ้าคิดว่า อยู่ๆข้าจะมาแก้นิสัยนี้ได้ตอนนี้อย่างนั้นเหรอ?”
“นายท่ายน่ะยังอายุไม่ถึง 20ปีด้วยซ้ำ เวลาในฐานะผู้หญิงท่านเพิ่งจะเริ่มขึ้นเอง”
“ผู้หญิงรึ? ทำเอาข้าประหลาดใจเลยนะ ที่ได้ยินคำว่า ใช้ชีวิตในฐานะผู้หญิงสำหรับข้าน่ะ”
อลิซาเบธหัวเราะเอิ้ก
“คงจะเป็นอะไรที่บ้ามากที่คิดจะให้ข้าไปแต่งกับใครสักคน ดังนั้นเลิกคิดซะเถอะ ข้าแต่งงานกับประเทศนี้ไปแล้ว”
“เฮ่ออ ทั้งๆที่ท่านเกิดมาเป็นหญิงงามที่สุดคนหนึ่งในโลกแท้ๆ…….”
เลขาหญิงถึงกับกุมหน้าผากด้วยความปวดหัว
มีคนกล่าวว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายยิ่งกว่า คนที่โหมงานหนักอีกแล้ว และท่านผู้นำอลิซาเบธก็เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องนี้
“ฉันยังแอบสงสัยนะคะว่า ผู้ชายแบบไหนกันที่ท่านเห็นว่าคู่ควรกับการเป็นคู่ครองของท่านน่ะค่ะ?”
“อืมมม ผู้ชายที่ทำให้ข้าหลับลงล่ะมั้ง?”
อลิซาเบธพันผมขณะที่พูด
“หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรจะหิ้วหัวจอมมารทุกตนมาให้ข้าได้ล่ะมั้ง?
ข้าจะดีใจขนาดดียินดียกความบริสุทธิ์ของข้าใช้ชายผู้มีความสามารถคนนั้นเลยล่ะ”
“นี่ท่านกำลังจะบอกว่า ท่านไม่มีวันแต่งงานชัดๆเลยนี่คะ!?”
“ก็แค่โจ๊กขำๆน่า หึๆ”
อลิซาเบธยืดเหยียดกาย
“เอาล่ะ สักวันหนึ่งข้าก็ต้องแต่งงานทางการเมืองอยู่ดีนั่นแหละ ข้าจะดีใจมากเลยหากคนที่ข้าแต่งงานด้วยเนี่ยมีคุณสมบัติคู่ควร
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เร็วเกินไปที่จะใช้ไพ่ใบสุดแกร่งนี้
ข้าน่ะเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศหนึ่ง คุณค่าดังกล่าวจะไม่ลดลงไปหรอกแม้ว่าข้าจะอายุ 20 หรือ 30 ปีก็ตาม”
“ท่านนี่ช่างเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจจริงๆ…….”
เลขาผู้เลยวัยแต่งงานมานานแล้วก็ได้แต่บ่นอุบ
“ถ้าเจ้าคิดว่า มันไม่แฟร์ เจ้าก็ลองมาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศนี้ดูไหม?”
“ขออภัยค่ะ ฉันไม่อยากโดนข้อหากบฏค่ะ นายท่านได้โปรดไปพักสักเดี๋ยวเถอะค่ะ”
ก็ได้ ก็ได้ อลิซาเบธบ่นขณะที่ลุกขึ้น เธอดันตัวเองขึ้นไปที่เตียงนอนในห้องที่อยู่ข้างออฟฟิศ เกือบสามวันแล้วที่เธอไม่ได้หลับ
แต่ถึงอย่างนั้น แค่เพียง 20นาทีเท่านั้น ที่อลิซาเบธลุกขึ้นจากเตียงตัวเอง
เหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผาก อลิซาเบธหายใจหอบหนักขณะที่เอามือก่ายป้องหน้า
เสียงครางนั้นเล็ดลอดออกมาจากซอกนิ้วของเธอ
“……ขอโทษ โรเบิร์ต พี่ขอโทษ……พี่สาวของเธอ……พี่สาวคนนี้ของเธอ โรเบิร์ต…….”
ผ่านไปกี่เดือนกันแล้วนะ?
นับตั้งแต่วันที่ดันทาเลี่ยนยั่วโมโหเธอ ณ ที่ราบบรูโน่ อลิซาเบธไม่อาจนอนหลับต่อเนื่องได้เกิน 2 ชม.
ุทุกครั้งที่เธอหลับ เธอจะถูกฝันร้ายนั้นทรมานให้ต้องทนทุกข์
แม้มันจะเป็นอดีตไปแล้ว แต่มันกลับหวนคืนกลับมา และรุนแรงขึ้น
แต่เดิมแล้ว
ชายผู้หนึ่งที่สมควรจะปรากฏตัวเพื่อช่วยเหลือเธอในอนาคต
ชายผู้ที่จะฆ่าล้างจอมมารทั้งทวีปและอุทิศตนเพื่อให้เธอกลายเป็นองค์ราชินี
อลิซาเบธสมควรจะได้รับความสบายอกสบายใจจากชายผู้นั้น และเลิกฝันร้ายเสียที
แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะบุคคลเพียงคนเดียว เธอไม่อาจเป็นเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิหรือราชินีได้อีกต่อ
ตอนนี้เธอจึงกลายเป็นผู้นำชาติสาธารณรัฐแทน ชายผู้ที่ควรจะมาช่วยเยียวยา ไถ่ทุกข์ให้เธอกลับเลือกเส้นทางอื่นแทน
“……ดันทาเลี่ยน”
ดวงตาคมกริบโผล่ขึ้นระหว่างนิ้วของเธอ
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ข้า ไม่มีวัน……ไม่มีวัน……”
อลิซาเบธยังคงพร่ำบ่นคำพูดที่คลุมเครือนั่นต่อไป เธอยังคงพูดคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนอ่อนล้าและผล็อยหลับไป
อีก 30 นาที เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา แล้วก็เป็นอย่างนั้น ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนครบสองชั่วโมง ณ สถานที่พักผ่อนที่เธอไม่ยอมอนุญาตให้ใครเข้ามา
* * *
ผมกลับสู่ปราสาทจอมมารหลังสิ้นสุดการเจรจาต่อรอง
การต่อสู้ทางการทูตจบลงด้วยความสำเร็จดี ผมได้ช่วยให้ฝ่ายที่ราบชนะและสวมปลอกคอให้กามิกินเชื่อง
อาจไม่ใช่ชัยชนะโดยสมบูรณ์ จะบอกว่า ชนะเกิน 50%ก็ไม่ผิดนัก ไม่หรอก ชัยชนะโดยสมบูรณ์ 100%นั้นไม่มีอยู่จริงหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็นับว่า ผมทำสำเร็จอยู่ดี
มีสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นได้เช่นกัน
โดยปกติแล้ว โอกาสพ่ายแพ้ของผมจะเพิ่มขึ้นสูงเมื่อผมก้าวเข้าสู่แสงไฟบนเวที ในขณะเดียวกันโอกาสชนะของผมก็จะเพิ่มขึ้นสูงเมื่อผมซ่อนตัวในเงามืด
“เฮ่อ ให้ตายเถอะ ข้าไม่ใช่นักกลยุทธประเภทที่จะไปสู้รบปรบมือกับพวกฮีโร่แบบนั้นสักหน่อย ข้าควรมุดซุ่มตัวพักผ่อนสบายๆอยู่ในมุมห้องเหมือนชายชรามากกว่า”
พูดให้ง่ายๆ ผมรู้ที่รู้ทางตัวเองนั่นแหละ
ราชินีเฮนริเอตต้ากับจอมมารอกาเรสสองหน่อนั่นแทบไม่ต่างจากนิวเคลียร์ดีๆนี่เอง
แต่ในกรณีนี้ ผมแพ้เฮนริเอตต้า แต่เอาชนะอกาเรสได้ ถ้ามองจากมุมมองของนักกลยุทธแล้วมีอะไรลูกเล่นอะไรให้เล่นมากมายเลยตั้งแต่ที่มีสิ่งที่เรียกว่า ออร่าอยู่
“ตอนนี้ข้าเข้าใจตัวเองโดยสมบูรณ์แล้ว ข้าจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกลศึการศึกครามแล้ว
เจ้าจะไม่ได้เห็นข้ายืนอยู่ในสนามรบพร้อมไม้เท้าคำสั่งอีกต่อไป”
“เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดค่ะ”
ลอพิสตอบขณะที่รับเสื้อโค้ทไปจากผม
“มีอะไรอีกหลายอย่างมากที่ท่านต้องดูแลจัดการนอกจากเรื่องสงคราม ทั้งมันยังมีประสิทธิภาพกว่าที่จะให้เรื่องทางการทหารเป็นเรื่องของคุณลอร่า
นับแต่นี้ไปดิฉันขอแนะนำให้ท่านอยู่แต่ในปราสาทจอมมารค่ะ”
“ใจจริงข้าก็อยากทำเช่นนั้นแหละ แต่เหมือนโลกใบนี้ไม่อนุญาตให้ข้าทำในสิ่งที่ข้าอยากทำ”
เฮ่อออ
ผมได้แต่ถอนใจออกมา
“แล้ว? ตอนที่ข้าไม่อยู่นี่ มีปัญหาอะไรบ้างไหม?”
“ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่วางไว้แล้วค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ดี”
ลาพิสขมวดคิ้วเล็กน้อย
“อย่างที่คิดไว้ค่ะ ชาวบ้านมีปัญหา พวกเขาไม่ค่อยพอใจนักกับกฏหมายใหม่”
“เข้าใจแล้ว แล้วยังไงล่ะ? ระบบตัดสินคดีความนั้นทำงานไม่ดีอย่างนั้นรึ?”
“พวกชาวบ้านพยายามจะให้เป็นอย่างนั้นค่ะ”
นี่เธอกำลังจะบอกว่า เริ่มมีปัญหาใหม่ทันทีหลัง การเดินทางอันเหนื่อยยากจบลงสินะ?
ผมยืดเหยียดตัว อ้า งานแล้วงานเล่า
“ข้าเดาว่า มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ เอาเถอะไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะจัดการให้จบภายใน 3 วัน”
“……ดูฝ่าบาทจะกระตือรือร้นขึ้นนับตั้งแต่กลับมาจากโลกปีศาจนะคะ”
น้ำเสียงลาพิสดูจะประหลาดใจ
ผมถึงกับยิ้ม
“ปัญหาน่ะข้าค่อยไปแก้ วันนี้ข้าขอพักก่อน ที่ผ่านมาข้าทำงานหนักมากเลยเจ้าก็รู้นี่นา?
รู้ไหม นักบุญมากมายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยนะว่า เจ้าน่ะไม่ควรทิ้งงานที่เป็นของเจ้าในวันพรุ่งนี้ให้ตัวเจ้าในวันนี้เป็นคนทำ”
“…….”
ลาพิสถึงกับถอนใจน้อยๆ ดิฉันไม่ประหลาดใจแล้วล่ะค่ะ?
เหมือนเธอกำลังพูดอย่างนั้นออกมา
อะไรกันน่ะ? ทำแบบนี้ผมเสียใจนะรู้ไหม
ผมออกจะมีชีวิตเอาจริงจริงจัง และจริงใจตลอดเลย เธอก็รู้ดีนี่นาใช่ไหม?
MANGA DISCUSSION