* * *
เหล่าสาวๆที่ออกมาจากห้องจอมมารกลับมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งหนึ่ง
มันเป็นห้องที่ลาพิสใช้เป็นออฟฟิศชั่วคราว เป็นห้องที่เต็มไปด้วยเอกสารเกี่ยวกับการก่อสร้างดันเจี้ยน
สาวๆพวกนั้นต่างท้อแท้ใจราวกับนักรบที่ต้องจากสมรภูมิออกมา ลอร่าพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“นี่ไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะฝ่าบาทบาร์บาทอสในฐานะคู่ต่อสู้ได้เลย พวกเราไม่มีความได้เปรียบอะไรทั้งนั้น
หากจะเทียบฐานะกับฝ่าบาทบาร์บาทอสที่เป็นหนึ่งในจอมมารระดับสูงสุดแล้ว ฐานะของพวกเรานี่มันน่าสังเวช
แถมนายท่านยังเป็นโลลิค่อนตัวพ่อเกินจะเยียวยาอีกด้วย พวกเราเลยแพ้ทั้งเรื่องร่างกายอีกต่างหาก……!”
ลอร่ามองหน้าอกตัวเองอย่างตำหนิ
“ทำไมร่างกายของฉันต้องโตขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปด้วยนะ? ช่างน่าอับอายเหลือเกิน! มันคงจะดีไม่น้อยหากข้าสามารถรักษาร่างกายให้เป็นเด็กสาวได้เหมือนตอนที่เจอนายท่านครั้งแรกได้!”
“…….”
“ฝ่าบาทบาร์บาทอสต้องฆ่าเธอแน่ หากได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของเธอน่ะ”
เจเรมิหัวเราะขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน
“พูดยากนะ เรื่องที่บอกว่า ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนน่ะ ชื่นชอบร่างกายเล็กๆมากกว่าน่ะ ดูอย่างฉันสิ”
“ไม่หรอก ฉันแน่ใจเรื่องนั้น คุณเจเรมิ ดูแม่หนูตรงนั้นสิ”
ลอร่าชี้ไปยังมุมหนึ่งของห้อง
จุดที่ลอร่าชี้ไปนั่นคือ เดซี่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือปรัชญาเงียบๆ
「ปรัชญาว่าด้วยการสำรวจธรรมชาติของมนุษย์ เสรีภาพและการเข้าถึงมัน」ที่บนปกเขียนด้วยลายมือสวยๆ
ระดับความเข้าใจของเดซี่นั่นไปถึงระดับที่สามารถเข้าใจหนังสือปรัชญาที่เขียนด้วยภาษาจักรวรรดิโบราณได้แล้ว
“ดูแม่หนูนั่นสิ เหมือนกันเลยไม่ใช่เหรอ แถมยังดูเด็กกว่าฝ่าบาท บาร์บาทอสอีก!?”
“……ไม่ใช่ดูเด็ก แต่เธอเป็นเด็กจริงๆ”
“นายท่านต้องมีรสนิยมแบบนั้นแน่ๆ!”
ลอร่าไม่ได้ฟังอีกต่อไป
“เอาจริงๆ ตัวฉันก็แทบอ้าปากค้างไปเลยตอนที่อยู่ๆเขาพาเด็กคนนั้นมาที่นี่แล้วบอกว่า เธอเป็นลูกสาวบุญธรรม
อ่าาาา หญิงสาวผู้นี้ต้องลำบากใจการดูแลนายท่านตอนกลางคืนก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะให้เป็นหน้าที่ของเด็กสาวอายุ 11 ปี! นี่มันเด็กเกินไปแล้ว!”
“เอ่อ คือ ฉันไม่คิดว่า ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจะพาคุณเดซี่ไปที่เตียงเพื่อ……. ถึงยังไงเสียเธอก็ยังคงเป็นเด็กที่เขารับเลี้ยงอยู่ดี ไม่ใช่เหรอ?”
“มันสำคัญตรงไหนกัน เป็นไปได้ว่า ความสัมพันธ์แบบป๊ะป๋ากับลูกสาว อาจทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาก็ได้”
ลอร่าประกาศ
เจเรมิยิ่งเรียนรู้ถึงภาพลักษณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆนับตั้งแต่เธอมาอยู่ที่นี่
มันคงไม่มีจอมมารคนไหนหรอกที่โดนข้ารับใช้ปฏิบัติต่อเจ้านายตนราวกับเป็นไอ้โรคจิตได้ถึงขนาดนี้
“……ไม่สิ นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้”
ลาพิสพูดกับตัวเอง
“ถ้าฝ่าบาทบาร์บาทอสนั้นกุมอำนาจศูนย์กลางได้ ก็ยากที่สาวคนอื่นๆจะเข้าหาท่านดันทาเลี่ยนแบบไม่ยั้งคิด
ไม่มีโล่ใดดีไปกว่าฝ่าบาทบาร์บาทอสที่จะลดจำนวนการเพิ่มขึ้นของชู้รักโดยไม่จำเป็นอีกแล้ว”
“ก็ใช่แหละ”
ลอร่าเห็นด้วย
“ถ้ามองในแง่กลยุทธแล้วน่ะ อืมมม พวกเราอาจจะเสียเปรียบหลายอย่าง แต่ก็มีข้อได้เปรียบหลายอย่างด้วยเช่นกัน
พวกเราอยู่ข้างกายนายท่านแทบจะตลอดเวลาผิดกับฝ่าบาทบาร์บาทอส”
“ใช่ เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย”
ลาพิสกับลอร่าต่างพูดถึงสิ่งที่จะทำต่อจากนี้อย่างเอาจริงจังจัง โดยแสดงออกมาบนใบหน้า
เจเรมิเฝ้ามองทั้งสองและคิดขึ้นได้ว่า
‘ยัยพวกนี้มันประหลาดไปแล้ว’
ปีศาจระดับต่ำแบบไหนกันที่บอกว่า จอมมารเป็นโล่?
เด็กหญิงมนุษย์ที่ชื่อว่า ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ่ ดันมีงานอดิเรกเป็นการสะสมกระโหลกมนุษย์ด้วยกัน นี่ยังไม่ได้พูดถึงความประหลายของเดซี่นะ
‘ไม่สิ นี่เธอสองคนพยายามตั้งใจจะก่อสงครามชิงรักกับฝ่าบาทบาร์บาทอสเนี่ยนะ? เอาจริงเหรอ? เอาจริงดิ?’
คู่ต่อสู้น่ะเป็นจอมมารลำดับ 8 พวกนี้มันบ้าไปแล้ว
ในขณะที่เดซี่กำลังพลิกหน้ากระดาษหนังสือปรัชญา โดยนั่งอยู่ไม่ห่างจากความวุ่นวายนี้
เจเรมิกลับตระหนักรู้ขึ้นมาทันที
‘เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่า ในที่นี้ฉันเป็นคนที่ปกติสุดอย่างนั้นเหรอ?’
เธอแทบไม่อยากเชื่อ
‘ฉัน……ที่ใช้ชีวิตเป็นมือสังหารฆ่าผู้คนมาเป็นร้อยปี และยังเปื้อนเลือดผู้คนในโลกใต้ดิน……แต่ฉันกลับเป็นคนมีเหตุมีผลที่สุดเนี่ยนะ……?’
นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย?
มีแต่คนบ้ามารวมตัวกันในกองทัพจอมมารดันทาเลี่ยน ที่รู้จักกันในนาม ดันทาเลี่ยน ฟามิเลีย(Dantalian Familia)
ดูแวบแรกลาพิสกับลอร่าก็ปกติดีอยู่หรอก แต่พอรู้จักนิสัยใจคอเข้าก็พบว่า น่ากลัวไม่ต่างจากเจ้านาย
“ฉันได้ยินมาว่า ฝ่าบาทบาร์บาทอสเองก็มีด้านที่เป็นมาโซคิสม์เหมือนกัน เรามาใช้ประโยชน์เรื่องนั้น แล้วก็…….”
“ใช่ค่ะ ลอร่า เธอควรมุ่งเป้าไปที่โอกาสในการเล่น 3P กับพวกเขา หากยึดตำแหน่งสูงสุดได้เมื่อไหร่ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
เผินๆฝ่าบาทบาร์บาทอสอาจเป็นเมียหลวง แต่ในวังแห่งนี้ เธอน่ะ…….”
นี่มันเป็นบทสนทนาที่โคตรอันตรายเลยไม่ใช่เรอะ!
เจเรมิถึงกับอ้าปากข้างตอนที่ฟังสิ่งที่พวกเธอกำลังคุยกันอยู่
“เอ๊ะ เดี๋ยว เดี๋ยวนะ คุณลาพิส คุณลอร่า เมื่อกี้พวกคุณบอกว่า จะดันตำแหน่งของฝ่าบาทบาร์บาทอสให้อยู่ในฐานะ ‘ทาส’ ……ส่วนคุณลอร่าก็รับบทบาทเป็นคนนำ ? นี่คือสิ่งที่คุยกันอยู่ตอนนี้ใช่ไหม?”
“ในเชิงการยุทธ มันเป็นพื้นฐานมากที่จะต้องโจมตีจุดอ่อนคู่ต่อสู้”
ลอร่าพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ตอนนี้ฝ่าบาทบาร์บาทอสอาจเป็นคู่รักกับนายท่าน แต่เดิมแล้วเธอน่ะเป็นเลสเบี้ยน
ถึงจะอายหน่อยๆที่จะยอมรับเรื่องนี้ แต่หญิงสาวผู้นี้ก็มั่นใจในความงามว่าไม่แพ้ใครหรอก ดังนั้นจะใช้ร่างกายนี้นี่แหละ”
“อะไรนะ……?”
เจเรมิตะโกนขึ้นมา
“หญิงสาวผู้นี้จะเป็นคนรักของฝ่าบาทบาร์บาทอสแล้วเปลี่ยนนางให้กลายเป็นทาสของฉันยังไงล่ะ!”
“…….”
“แล้วนายท่าน ในฐานะคนรักของฝ่าบาทบาร์บาทอสเองก็จะกลายเป็นคนรัก ของคนรัก ของหญิงสาวผู้นี้
ซึ่งนี่จะทำให้ตำแหน่งของหญิงสาวผู้นี้สูงกว่าทันที!”
ยัยนี่มันบ้าไปแล้ว
เจเรมิกดข่มความอัศจรรย์ใจขณะที่ปล่อยให้เหงื่อไหลหยดลงมา
สรุปง่ายๆ เด็กสาวมนุษย์กำลังพูดว่า เธอจะเปลี่ยนบาร์บาทอสให้เป็นคู่ขาSMของเธอเพื่อที่จะได้กลายเป็นภรรยาหลวงของดันทาเลี่ยน
แม้แต่เจเรมิผู้มีประสบการณ์ต่อความยากลำบากนานาประการ ก็ยังไม่เชื่อว่า สิ่งที่อยู่ในหัวเด็กสาวมันจะสรุปออกมาเป็นแบบนี้ได้
“เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ”
คนบ้าอีกคนกำลังเห็นด้วยและให้การสนับสนุนลอร่า
“ดิฉันเคยคิดว่า คุณลอร่านั้นไม่คุ้นเคยเรื่องอำนาจและการเมืองแต่ก็ต้องขอชมเรื่องแผนยุทธศาสตร์ของคุณค่ะ”
“อย่าห่วงเลยค่ะ พี่ลาพิส พี่น่ะยังจะคงเป็นพี่สาวของหญิงสาวผู้นี้ต่อไปเสมอ ความจริงนี้จะไม่เปลี่ยนไปแม้หญิงสาวผู้นี้จะเอาชนะฝ่าบาทบาร์บาทอสได้ก็ตามที”
เจเรมิเลิกคิดต่อแล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนยิ่งกว่าอะไรทั้งปวง ดันทาเลี่ยนฟามิเลียนั้นเป็นประตูตรงดิ่งสู่นรกอย่างแน่แท้ ทั้งลอร์ด ทั้งข้ารับใช้ ต่างไม่เต็มเต็ง น็อตในหัวต่างหลวมด้วยกันทั้งนั้น
ปัญหาจริงๆคือ ถ้าดูแต่ภายนอกมันก็ดูปรกติสุดๆด้วยกันทั้งนั้น
จอมมารดันทาเลี่ยนผู้นำกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราครั้งที่ 8 ไปสู่ความสำเร็จ
ลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ ดาวเด่นที่ปกป้องกองกำลังของฝ่ายจอมมารจากการถูกกวาดล้าง ณ ที่ราบ ออสเตอร์ลิทซ์
ลาพิส ลาซูลิ พ่อค้าผู้มั่งคั่งผู้นำตำนานความสำเร็จมาสู่บริษัทเคียนคุสก้า
แม้คนอื่นๆจะคิดว่า พวกนี้เป็นตัวตนที่สุดยอดขนาดนั้น แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เลย
ไอ้อีพวกนี้นี่มันผีเปรตอสุรกายที่ทำตัวเหมือนคนธรรมดาชัดๆ!
‘ฉะ-ฉันอยากหนีไปให้ไกลๆ ฉันอยากหนีไปให้สุดกำลัง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับไอ้คนแบบนี้อีกแล้ว’
สัญชาตญาณในฐานะมือสังหารของเธอกำลังร้องเตือน ไม่มีอะไรดีเลยแม้แต่น้อยหากยังมาร่วมก๊วนรวมกลุ่มคนบุคคลแบบนี้
แต่ถึงจะอยากทำอย่างนั้น แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้ ตราบที่ยังมีตราทาสสลักอยู่ที่หัวใจ เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้จ้างวานเว้นก็แต่เธอจะตายไปแล้วนั่นแหละ
「โยนความหวังทิ้งไปให้หมด ผู้เข้ามาสู่สรวงสวรรค์เอ๋ย」
คำที่สลักไว้ตรงหน้าปากทางเข้าดันเจี้ยนนั้นพูดถูก ที่นี่น่ะมันไม่มีทั้งความฝันหรือความหวังใดๆทั้งนั้น…….
ในวันนั้นเอง
ผู้ปกครองอย่างดันทาเลี่ยนได้ประกาศชัดแล้วว่า เขาจะหลับนอนกับจอมมารหญิงทุกตนเพื่อจะได้ปกป้องสิทธิในการรักได้อย่างเสรี
และเหล่าข้ารับใช้ของข้าต่างวางแผนจะเอาชนะจอมมารบาร์บาทอสเพราะไม่อยากมอบตำแหน่งภรรยาหลวงให้
ทั้งหมดที่ว่ามานั่นแหละคือ ดันทาเลี่ยน ฟามิเลีย(Dantalian Familia)
* * *
เหล่าจอมมารต่างมารวมกันอยู่ ณ ในกลางคฤหาสถ์บริหารส่วนกลางของเนฟเฮม นี่ก็นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่ผมมาที่นี่
ครั้งแรกก็ตอนที่ผมถูกสอบสวนด้วยการฟ้องร้องของไพมอน
ณ ตอนนั้นผมเป็นจอมมารลำดับต่ำสุด ไม่มีฐานะอะไรทั้งนั้น
ครั้งที่สองผมมาที่นี่ตอนที่ ทุกฝ่ายแน่ใจแล้วว่าจะจัดตั้งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
และในครั้งนี้ผมเข้าร่วมในฐานะสมาชิกของฝ่ายที่ราบ
การเข้าร่วมครั้งที่สามนี้……ผมเป็นสมาชิกคนสำคัญของฝ่ายที่ราบ ทั้งยังเป็นผู้ช่วย ที่ปรึกษาสูงสุดของฝ่ายกองทัพพันธมิตร
ไม่มีใครรู้หรอกว่า อนาคตมันจะเป็นไปในทิศทางไหน พอลองย้อนกลับไปดูแล้ว มันเป็น 3 ปีที่ผมกระเสือกกระสนอย่างหนักเลยใช่ไหม?
“ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน ยินดีต้อนรับ ฮิฮิ ช่างเป็นเกียรตินักที่ข้าได้พบกับฝ่าบาท”
หญิงแก่ออกมาทักทาย ขณะที่ผมกำลังจ้องมองหน้าประตูคฤหาสถ์พลางรำลึกถึงความหลัง เธอยังคงเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตา
แม่มดคนเดิมยังคงออกมาทักทายยามที่ผมมาที่นี่ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน
“ฮัมบาบา นี่นา? ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“โฮ่โฮ่? ผู้น้อยเคยบอกชื่อต่อฝ่าบาทด้วยหรือเจ้าคะ?”
หญิงชราผู้มีเสียงเล็กแหลมเหมือนหนูพูดขึ้น เสียงนั้นชวนให้นึกถึงอดีตจนรู้สึกสบายใจจริงๆ
ผมจำได้ดีถึงความสิ้นหวังหลังจากแอบส่องค่า สแตทของแม่มดคนนี้ ตอนนั้นผมยังคงอยู่เลยว่า ถ้านางแม่มดคนนี้บุกดันเจี้ยนผมมีหวังได้ตายกันหมดแน่
แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมมีเดธไน้ท์
ผมจึงยิ้มอย่างสบายใจ
“จอมมารสมควรที่จะรู้ชื่อ คนของตัวเองสิ”
“สมแล้วที่เป็นฝ่าบาทดันทาเลี่ยน คิคิ
ท่านช่างเป็นตัวตนที่น่าเคารพนับถืออย่างที่รู้กันทั่วในโลกปีศาจ
ต่อจากนี้ ขออนุญาตให้ผู้น้อยนี้ได้นำทางท่านไปยังคฤหาสถ์ด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
หญิงแก่เป็นผู้นำทางไป
คราวนี้ผิดกับก่อนหน้าที่ใช้ข้ารับใช้ของหญิงแก่นำทางไป ผมนึกย้อนถึงตอนนั้นราวกับมันผ่านมานานในชีวิต ผมต้องใช้อะไรต่อมิอะไรมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้
ว่ากันตามตรงนะ แค่คำพูดประโยคสองประโยคมันไม่เพียงพอที่จะอธิบายทุกอย่างได้จริงๆ
“ลำดับ 71! จอมมารหลากหน้า ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนได้มาถึงแล้ว!”
ผู้เฝ้าประตูประกาศด้วยเสียงอันดังเรื่องการมาถึง ในงานเลี้ยง
ทหารยามโค้งให้ผมด้วยความเคารพอย่างที่สุดขณะที่ผมเดินไปพร้อมกับชุดคลุมที่โบกสะบัดอยู่ด้านหลัง
ผมสวมชุดโทนดำสนิทตั้งแต่ผ้าคลุมจนถึงรองเท้าบู้ท
จอมมารแห่งกาฬโรค บางคนต่างกระซิบกระซาบอย่างนั้นขณะที่มองมายังผม
ยังคงมีบางคนที่คิดว่า ผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกาฬโรค
สีดำนั้นทำให้ผู้คนนึกถึงกาฬโรค ผมกล้าที่จะสวมเสื้อผ้าสีดำแม้พวกเขาจะคิดเกินเลยไปกว่านี้ก็ตาม
เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีจอมมารคนไหนกล้าฟ้องร้องกล่าวโทษว่า ผมเป็นต้นเหตุของกาฬโรคอีกแล้ว
จอมมารตนอื่นๆคอยเฝ้าดูผมจากที่ไกลๆ
ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาผมในทันที
อย่างที่คิดไว้จริงๆ จอมมารฝ่ายที่ราบยังไม่มาถึงงานเลี้ยง ที่มาอยู่ในงานตอนนี้โดยมากก็เป็นฝ่ายภูเขา
สำหรับพวกเขาแล้ว จอมมารดันทาเลี่ยนไม่ได้เป็นอะไรอื่นนอกเสียจากฝันร้ายที่ทำให้ผู้นำของเขาต้องโดนโค่นล้ม
ผมเดาว่า พวกนั้นคงไม่กล้าหยอกล้อคุยเล่นกับผมแน่
ยุคสมัยที่ฝ่ายภูเขาเป็นผู้ควบคุมกองทัพจอมมารน่ะมันจบลงไแล้ว
เห็นได้ชัดแล้วว่า ตอนนี้ฝ่ายที่ราบน่ะ มีอำนาจทางการเมืองเหนือทั่วทั้งทวีป
พูดง่ายๆ ผมที่เป็นอาชญกรสงครามนี่แหละผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงนั้น รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่าชะมัด
แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนๆหนึ่งที่ไม่ใส่ใจบรรยากาศพวกนั้นแล้วเข้าหาท่ามกลางความตึงเครียดของจอมมารฝ่ายภูเขา
“ไม่เจอกันนานเลย ดันทาเลี่ยน!”
“……ใช่ ไม่เจอกันนานเลยล่ะ สิตริ”
บุคคลเดียวในกองกำลังฝ่ายจอมมารที่จิตใจใสสะอาด ไม่สกปรกเหมือนจอมมารอื่น ,จอมมารลำดับ 12 สิตริ
สิตริตรงดิ่งมาควงแขนผมทันทีที่เห็นหน้า ซึ่งนั่นสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนรอบๆ
จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิตริเป็นผู้นำฝ่ายภูเขา ณ ปัจจุบัน
จอมมารที่เป็นดั่งอริกันตลอดกาลกลับทักทายกันด้วยท่าทีสนิทสนมอย่างที่สุด
“ที่ผ่านมา นายไปทำอะไรมาน่ะ? ติดต่อไม่ได้เลยเนี่ย ข้าก็คิดว่า นายตายแล้วเสียอีก!”
“ฮ่าฮ่า ข้าน่ะมันคนอึดตายยากน่ะ เจ้าแทบไม่ต้องห่วงข้าเลย”
“แต่นายก็ควรระวังตัวไว้นะ มีคนไม่ชอบนายเยอะเลยล่ะ”
แก้มสิตริป่องขึ้นขณะที่มองผม ผมรู้สึกได้จากใจจริงว่า เธอนั้นกำลังเป็นห่วงผมอยู่
ผมจึงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นหน่อยๆเอาจริงๆนะ แม่สาวคนนี้ แม่นี่ไม่รับรู้ผลกระทบทางการเมืองจากการกระทำตอนนี้เลยสินะเนี่ย?
แต่ก็เพราะไม่รู้นี่แหละนะ ถึงได้เป็นสิตริยังไงล่ะ
ในขณะที่ตัวตนอีกตัวตนนั้นชั่วร้ายราวกับเลี้ยงงูพิษไว้ในท้องสักสองร้อยตัวได้
“ฮี่ฮี่ ว่างาย ดันทาเลี่ยน ไม่เจอกันนานเลยน้า”
จอมมารลำดับ 4 กามิกิน
ไม่เพียงแต่เธอมีปัญหาขัดแย้งกับบาร์บาทอส หากแต่เธอยังเป็นบุคคลที่ผมต้องเจรจาต่อรองในฐานะตัวแทนของฝ่ายที่ราบอีกด้วย
กามิกินสะบัดผมสีทองสลวยของเธอราวกับอวดโอ่ เธอยิ้มอย่างสดใส ขณะเดียวกันภายนอกแม้จะดูใสซื่อคล้ายสิตริ แต่ผมรู้ดีว่า ภายในของเธอมันโหดเถื่อนเช่นไร
“ไม่เจอกันนานเลยครับ คุณกามิกิน เป็นอย่างไรบ้างสบายดีไหม?”
“ช่ายยย ไม่มีวันไหนน่าเบื่อเลยล่ะ ต้องขอบใจบาร์บาทอสน่ะนะ!”
ปากที่แสยะยิ้มของกามิกินนั้นฉีกกว้าง
“วันนี้ก็ต้องให้เจ้าดูแลข้าแล้วล่ะ ดันทาเลี่ยน ถ้าเจ้าไล่ต้อนข้ามากๆเข้า ข้าจะโกรธนะ รู้ไหม?”
“ข้าต่างหากที่ต้องให้ท่านดูแล ฮ่าฮ่า”
เราต่างฝ่ายต่างจับมือกันด้วยรอยยิ้ม
MANGA DISCUSSION