นักบุญหญิงลองวี่เปิดปาก
– ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งเดียวที่ข้าขอรับรอง
น้ำเสียงของเธอนั้นดังไปทั่วผืนฟ้าคราม เธอนั้นเฝ้ารออย่างเงียบๆมาตลอดทั้งการรบ
ตำแหน่งที่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นต่อประเทศ ดังนั้นจึงมีเพียง 12 ตัวตนเท่านั้นบนผืนทวีป
แต่จำนวนที่ว่าก็ลดลงไปจนเหลือ 11 เพราะนักบุญหญิงแห่งฮับบวร์กนั้นถูกประหารเนื่องจากการแอบติดต่อลับๆกับกองทัพจอมมาร
ดังนั้นหนึ่งใน 11 นักบุญหญิงจึงเริ่มร้องเพลงสวด
– จิตวิญญาณนั้นเป็นหนึ่งเดียวกับเทพเจ้าก่อนที่จะกลายมาเป็นสามัญชนและทาส
ได้โปรดเถิด องค์เทพี โปรดประทานพรของท่านเพื่อปัดเป่าชะตากรรมให้พ้นไป
โปรดร่ายรำเริงระบำด้วยเท้าของเผ่าชนผู้ยิ่งใหญ่แล้วให้อภัยทุกชีวิตที่มีมากมาย
เหล่าทหารม้าตั้งแถวเป็นแนวกว้าง
เสียงร้องของนักบุญหญิงไหลซาบเข้าไปยังช่องว่างของเกราะ ระหว่างหมวก และเกราะอก ผ่านแผงคอม้าที่เหนื่อยล้าที่ชุ่มไปด้วยเลือดและฝุ่นหนา
แม้แต่ภูตวิญญาณที่เคยเตลิดหนีเพราะเสียงปะทะยังแอบกลับมาส่องดูจากในป่า
เฮนริเอตต้านั้นมีทหารม้าเหลืออยู่เพียง 6,000 นาย
มันยากที่นักบุญหญิงเพียงผู้เดียวจะสามารถฟื้นฟูพลังกายของพวกเขาทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง ร่างของนักบุญหญิงนั้นราวกับถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับพัน
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเป็นนักบุญ สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนเสียด้วยซ้ำ เธอยังคงสวดภาวนาเช่นเดิมอย่างสงบ
– อันความจริง พวกเรานั้นห่างไกลความตาย แต่ถึงอย่างไรก็ดี พวกเรานั้นปรารถสิ่งเดียว เพียงอิสรเสรีเดียวที่คู่ควรกับพวกเรา ; นั่นคือ เสรีภาพในการเผชิญหน้ากับความตาย
พวกเรารู้ดีว่า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่าที่ ผู้เป็นอมตะ ผู้คู่ควรแก่การกำหนดชะตา โอ้ องค์เทพีเอเธน่า
ประกายแสงสีฟ้าปรากฏไปทั่วทั้งร่างของทหารและม้าศึกก่อนจะหายวับไป
มันให้ความรู้สึกราวกับว่า เหล่าทหารม้าผู้ที่เคยพุ่งชาร์จเข้าใส่แนวรบของศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าถึงสี่เท่าได้ฟื้นร่างกายกลับมา เช่นเดียวกับนักเดินทางที่ท่องเที่ยวไปในทะเลทรายแล้วได้ดื่มน้ำเย็นอันแสนสดชื่
ม้าศึกร้องลั่นออกมาอย่างทรงพลังเหมือนหกชั่วโมงก่อน
นักบุญหญิงประสานมือไว้ด้วยกัน
– ได้โปรดอนุญาตให้ความตายนั้นยังคงเป็นความตายต่อไป
นักบุญหญิงลองวี่หล่นจากม้าหลังพูดคำนั้นจบ เธอสลบไสลไร้สติ
ผู้ติดตามที่อยู่รอบกายเธอนั้นเข้าประคองร่างของนักบุญหญิง
ร่างทั้งร่างของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ นับตั้งแต่เริ่มสวดภาวนา ยาวนานกว่านาที
“ยอดเยี่ยมมาก แจ็กเกอลีน ลองวี่ เพื่อนข้า”
ราชินีเฮนริเอตต้าควบม้าไปข้างหน้า
ราชินีผู้มีเรือนผมสีแดงสการ์เล็ทนั้นหันหัวม้ากลับมาเพื่อเผชิญหน้ากับทหารม้านับหลายพันตรงหน้าเธอ
ราชินีหัวเราะเบาๆก่อนจะมองพวกเขาด้วยแววตาที่ตึงเคร่ง
“ทหารรักของข้า เมื่อใดกันที่กองทัพจะพ่ายแพ้?”
ราชินีนั้นสั่งเปิดการใช้งานเวทย์มนตร์ขยายเสียงที่สร้อยคอแล้วพูดขึ้น
“ใช่ตอนที่พวกเขานั้นได้รับความพ่ายแพ้ในการศึกอย่างนั้นหรือ?
ใช่ตอนที่พวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ในการสงครามอย่างนั้นหรือ?
ใช่ตอนที่พวกเขาสูญเสียผู้บัญชาการไปหรือตอนที่ธงชัยถูกหักโค่งลงอย่างนั้นหรือ?
ไม่เลย ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย”
ราชินีส่ายหัว
“เหล่านักรบเอ๋ย การศึกของพวกเจ้านั้นมิได้อยู่ที่นี่”
เธอชี้ไปที่จมูกตัวเอง
“มันอยู่ที่นี่ต่างหาก นี่ต่างหากคือ สนามรบของพวกเรา นับตั้งแต่ที่พวกเจ้าตัดสินใจที่จะช่วยมิตรสหาย หรือเมินเฉยต่อพวกเขา ที่นั่นต่างหากที่เป็นสนามรบของพวกเจ้า
การต่อสู่ของเจ้าจะเป็นตัวตัดสินว่าจะชะงักชะงันรั้งรอในขณะที่หอกกำลังพุ่งเข้ามาหรือไม่
เจ้าจะยอมเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอันแสนสาหัสแล้วยอมรับความตายหรือไม่? นั่นต่างหากคือ สนามรบของพวกเจ้า”
ราชินีเฮนริเอตต้าชี้ที่ผืนดิน
“หากมีคนๆหนึ่งอยู่ที่นี่ เขานั้นใช้ชีวิตไปตามธรรมดา เกิดขึ้นตามวิถีคนธรรมดา ใช้ชีวิตอันแสนธรรมดากับครอบครัว และตายลงในช่วงอายุ 60 ปี ”
เธอยกมือซ้ายขึ้นชี้ไปบนฟ้า
“และยังมีอีกผู้หนึ่งเช่นกัน ที่กระโดดลงจากความสูงเสียดฟ้าไกลห่างดั่งมาจากดวงจันทร์ เคลื่อนคล้อยลงมายังผืนโลกอย่างเชื่องช้าหากแต่มั่นคงไม่สั่นไหว
ผู้นั้นร่วงหล่นลงมายาวนานถึง 60ปี ― ก่อนที่จะลงถึงพื้นแล้วตายลงไป
มนุษย์ผู้หนึ่งอาศัยอยู่บนผืนดินมากว่า 60 ปีก่อนจะตาย ในขณะที่อีกผู้หนึ่งตกลงเกือบ 60ปี ก่อนจะตาย
ความตายของทั้งสองนั้นแตกต่างกันหรือไม่?”
ทหารทั้ง 6,000 นาย ตั้งใจฟังราชินีของพวกเขาอย่างเงียบๆ
น้ำเสียงของเธอนั้นหนักแน่นและดังกังวาน เป็นเหมือนดั่งกิ่งรากของต้นไม้ที่หยั่งรากลึกลงไป
“มันอาจไม่มีอะไรต่างกันเลยด้วยซ้ำ ชีวิตหนึ่งดำรงอยู่ตามปรกติธรรมดาบนผิวโลกมา 60 ปี และอีกชีวิตที่ร่วงหล่นลงมาในห้วงเวลาเดียวกัน
แต่ขอถามหน่อยว่า ชีวิตของทั้งสองนั้นไม่เหมือนกันใช่ไหม?
ทหารทุกคน นี่เป็นปัญหาของมนุษยชาติและจะยังคงเป็นปัญหาเช่นนั้นไปตลอดกาลนาน
คำถามที่ยอดยิ่งกว่าคำถามใด แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ?
พวกเจ้าทุกคนต่างต้องล้มตายเหมือนกันใช่ไหม?
มีสิ่งใดหรือที่ไม่เน่าไม่เปื่อยสลาย?”
ราชินีถอนใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วพูดต่อ
“การที่พวกเจ้ามายืนอยู่ในสนามรบในวันนี้ พวกเจ้าจะถูกบังคับให้ตอบคำถามดังกล่าว
เพราะนี่คือ สมรภูมิอันเป็นสถานที่ที่จะโยนคำถามพวกนั้นใส่เจ้าอย่างเข้มข้นไม่จบสิ้น
ช่างน่าเศร้าใจเสียเหลือเกิน!
ไม่ว่าเจ้าจะพยายามเลี่ยงคำถามพวกนั้นมากเท่าใด ก็ไม่อาจทำได้”
ราชินีเฮนริเอตต้าหัวเราะ
“ในทุกวินาทีที่ผ่านไป คำถามพวกนั้นจะถาโถมจู่โจมเจ้าเหมือนดั่งพายุ
เจ้าจะหันหลังหนียามเมื่อสหายตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?
เจ้าจะปิดตาตอนที่ศัตรูแทงหอกเข้ามาหรือไม่?
เจ้าจะแกล้งไม่รู้ไม่เห็นต่อความตายขณะมันกำลังคืบคลานมาพร้อมกับอาการบาดเจ็บอันน่าสยดสยองหรือไม่?”
เสียงม้าศึกนับพันๆกระทืบย่ำ เตะฝุ่นจนคลุ้ง
ทหารม้าทั้งหลายต่างหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปลุกกำลังใจตน ราชินีเฮนริเอตต้าเห็นดังนั้นจึงตะโกนขึ้น
“ทหารทุกคน ก่อนหน้านี้พวกเจ้ามิเคยได้มีชีวิตมาก่อนเลย
ที่นี่วันนี้ เวลานี้เจ้าจะได้รับการทดสอบครั้งสำคัญ การทดสอบว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือที่ผ่านมาเป็นเพียงซากศพไร้ชีวิต
นี่คือ ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของพวกเจ้า
สงครามและการสู้รบนั้นมาเป็นรอง การตอบคำถามนี้ให้ได้ต่างหากเป็นสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด!”
ม้าศึกสีดำของเฮนริเอตต้านั้นชูขาหน้าทั้งสองขึ้นกลางอากาศ ราชินีมองทหารของเธอจากมุมสูง
“เจ้าจะค่อยๆล้มตัวลงช้างๆหลังจากใช้ชีวิตมานานนับสิบปีหรือไม่!? หรือ เจ้าเลือกที่จะก้าวออกไปข้างหน้าอีกสักก้าว!?
เหล่านักรบเอ๋ย, จงเกิดใหม่ในฐานะมนุษย์บนทวีปที่เต็มไปด้วยกองศพเถิด!
จงก้าวไปข้างหน้าแล้วเผชิญกับความยากลำบาก ชีวิตนั้นจักมีค่าให้ดำรงอยู่ก็ต่อเมื่อเอาชนะเหนือความยากลำบากนั้น!”
ราชินีเฮนริเอตต้าชูปลายหอกขึ้นไปบนฟ้า
กองทหารของเธอต่างตะโกนดังลั่งพร้อมกับเสียงร้องของม้า หอกทั้ง 6,000 ด้ามชูแทงขึ้น ขาหน้าของม้าทั้ง 12,000 กีบ ต่างกระทืบไปบนพื้น
“มีเพียงมนุษย์ผู้ที่ปรารถนาที่จะตายในวันนี้จึงดำรงอยู่ต่อไปได้
ในขณะที่มนุษย์ผู้ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อจักต้องตายลง!
ข้าไม่เคยเชื่อแม้สักครั้งว่า กองทัพของข้าจะประสบกับความพ่ายแพ้
ข้าไม่เคยเลย!
นักรบทั้งหลายของข้า บุตรธิดาแห่งพัลลัส เอเธน่า!
นักรบทั้งหลายผู้ได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่จากการรบจากการเผชิญหน้าพวกมัน!”
ราชินีเฮนริเอตต้าหันหัวม้ากลับไปเผชิญหน้ากับทหารม้า 12,000 นายของฟรานเคีย
ไม่เพียงแต่พวกเขานั้นมีกำลังพลเป็นสองเท่าของกองทัพราชินีเท่านั้นหากแต่พวกเขายังกะปรี้กะเปร่าเนื่องจากยังไม่ได้รบเลยสักครั้ง ราชินีเปล่งเสียงดังลั่นออกมา
“―พุ่งเข้าไป!”
ม้าของราชินีนั้นพุ่งทะยานไปก่อนใคร
ทหารม้าที่ตามหลังเธอนั้นต่างกู่ก้องร้องตะโกนขณะที่ตะบึงม้า
ม้าศึกของพวกเขานั้นคำรามออกมา ในหมู่พวกเขานั้นมีทั้งชาวบริททาน,ฟรานเคียน,เบอนิเชียนและเคสทิลเลี่ยน ทั้งอัศวินและทหารรับจ้าง
แต่ถึงอย่างนั้น ชั่วขณะนั้นเองทุกคนรับใช้ใต้ผู้ปกครองเดียวกัน นั่นคือ เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ พวกเขาอยู่ใต้การนำของราชินีผู้นั้นผู้เดียว
ทหารม้า 12,000 นายของฝ่ายศัตรูเริ่มขยับเคลื่อนด้วยเช่นกัน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างดยุคกุยก็ด้วย
สมแล้วที่เขาได้รับสมญานามว่า เป็นอัศวินผู้ทรงเกียรติและชนชั้นสูงที่ยอดเยี่ยม ดยุคผู้นั้นยืนเคียงข้างกับหน่วยทหารม้าของเขา
ดยุคกล่าวปราศรัยกระตุ้นกำลังใจให้กับเหล่าทหารม้าฟรานเคียให้มีความกล้าหาญ
ระยะระหว่างทหารทั้งสองกองทัพแคบลงเรื่อยๆ
“พวกมันมี 10,000!”
เฮนริเอตต้าตะโกนออกมา
เธอลดเสียงเวทย์ขยายเสียงลงให้ได้ยินกันเฉพาะชนชั้นสูงรอบตัวเธอเท่านั้น
“พวกมันมีจำนวนเป็นสองเท่าของพวกเรา! พวกเจ้ากลัวกันไหม ทหารข้า!?”
“ไม่!”
“พวกเราจะพุ่งชาร์จมันสองครั้งแล้วแบ่งทัพมันออกเป็นสี่ จากนั้นก็ค่อยๆบดขยี้ไปทีละส่วน ให้มันเหลือกลุ่มละ 2,500 นาย
เข้าใจกันหรือยัง? พวกมันไม่ได้มีจำนวนสองเท่าของพวกเรา เราต่างหากที่มีจำนวนสองเท่าของพวกมัน!”
ราชินีเฮนริเอตต้าคำรามลั่น
“นายพลใต้การบัญชาการของข้าสมควรที่สามารถกำจัดกองทหารที่น้อยกว่าเราถึงครึ่งหนึ่งได้โดยง่าย!”
“ฝ่าบาทพูดถูกแล้ว!”
“หากนายพลคนไหนไม่อาจหิ้วหัวได้ถึงสิบหัว รู้ไว้ซะนะ วันนี้แหละจะเป็นงานศพของเจ้า!”
ราชินีเลื่อนกะบังหน้าหมวกเหล็กลงปิด ชนชั้นสูงคนอื่นต่างทำเช่นเดียวกัน เหล่าลูกน้องใกล้ชิดราชินีต่างก็ทำตามแม้จะไม่ใช่นักรบ
ม้าศึกของเฮนริเอตต้านี้เป็นที่รู้จักกันว่า ไร้เทียมทาน ยามเมื่อเธอนำทัพ ม้าของเหล่าผู้บัญชาการทั้งหลายที่ไม่ดีเท่าจึงตามหลังเธอไป
เบื้องหลังพวกเขาคือ ทหารม้า 6,000 นาย ในฐานะอารักขาองค์ราชินี พวกเขาสร้างรูปขบวนสามเหลี่ยม โดยเคลื่อนข้ามทุ่งราบไป
จากการวิ่งเหยาะ
ทหารม้าทั้่งหลายต่างเร่งความเร็วจนเข้ามาถึงระยะห่างจากศัตรูเพียง 200 เมตร
เสียงร้องตะโกนท่ามกลางฝุ่นควันที่ตลบอบอวน
สู่การควบวิ่งทะยาน
ทหารม้ากระชับบังเหียนในมือเร่งม้าจนอยู่ในระยะ 100 เมตร
เสียงย่ำกีบของม้าดังสนั่นยิ่งกว่าเสียงตะโกนของทหารหาญ พวกเขาชี้หอกไปด้านหน้า
“แด่องค์ราชินีของพวกเรา!”
“เกียรติยศแด่เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่!”
การวิ่งห้อ
ระยะห่างเหลือเพียง 40 เมตร ม้าศึกต่างเร่งความเร็วสูงสุด ธงเล็กน้อยแขวนปลายหอกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง ชั่ววินาทีที่เกือกม้าย่ำถี่―กองทัพทั้งสองก็เข้าปะทะกัน
– โครมม! เกร้งงง!
ทหารม้าต่อทหารม้า ปะทะกัน
ก่อนอื่น หอกที่ยาว 8 เมตรเคลือบหุ้มด้วยออร่าแทงทะลุหัวใจของทหารม้าอีกฝ่าย หอกที่ยาว 3 ถึง 5 เมตรก็แทงเข้าไปด้วยเช่นกัน
หอกเหล็กนั้นทะลวงไหล่ของชายผู้ชื่อ ปิแอร์ ความแข็งแกร่งของหอกทำเอาปิแอร์ตกจากม้าหน้าคลุกฝุ่น
หอกอีกเล่มเสียบเข้าที่ท้ายทอยของอัศวินที่ชื่อ แม็กซิมิเลี่ยน ทำให้ร่างใหญ่ของเขาหล่นตุบลงกับพื้น เกราะที่สวยงามของเขากระแทกกับพื้นดังแกร้งลั่น
ทหารที่มีชื่อว่า ดีโอเร นั้นหลบหอกได้ แต่ก็โดนม้าชนกระเด็นและไม่อาจทนต่อแรงกระแทกไหว ดีโอเรนั้นตกอยู่ท่ามกลางฝุ่นควันจนหายใจแทบไม่ออก เขายื่นมือออกไปพยายามควานหามิตรสหาย
ตอนนั้นเองที่ม้าศึกเตะฝุ่นใส่และเหยียบท้องของดีโอเร กีบม้าบดขยี้หน้าท้องของเขาอย่างไร้ปรานีทำให้เครื่องในทะลักออกมา ดวงตาของดีโอเรนั้นถลนออกนอกเบ้าขณะที่เขายังกรีดร้องอยู่
“อ๊ากกกกกกกกก!”
เฮนริเอตต้าโยนหอกทิ้งแล้วชักดาบออกมาแทน อกของศัตรูเป็นรู แขนของศัตรูลอยกระเด็น ทุกครั้งยามที่ดาบของเธอตวัดเปล่งแสงสีฟ้า
เลือดสีแดงสาดกระจายไปทั่ว เสียงบาดหูดังก้องทุกครั้งที่หอกและดาบปะทะเข้ากับเกราะ
นักรบทั้งหลายต่างส่งเสียงคำราม
การประสานงากันเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทั้งทุ่งราบนั้นเต็มไปด้วยเลือดและเครื่องใน
เสียงการเข่นฆ่าดังก้องรอบเฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ จนทำให้หูของเธอชา
ราชินีนั้นทำตัวกลมกลืนไปกับสถานการณ์รอบข้างขณะที่กวัดแกว่งดาบ ม้าตัวโปรดของเธอนั้นทั้งขบกัดและเตะม้าตัวอื่น
ราชินีกับม้ารวมกันเป็นหนึ่งเพื่อกำจัดกวาดล้างทุกอย่างที่กีดขวางเส้นทาง
ไม่ว่าจะมือ ,แขน หรือ หัว ต่างลอยปลิวในชั่วขณะที่แสงสีฟ้าของราชินีตวัดพาดผ่านอย่างไร้ปรานี
“องค์ราชินี! องค์ราชินี!”
หนึ่งในชนชั้นสูงตะโกนขึ้น ราชินีจึงกลับมาได้สติอีกครั้ง
ไม่มีทหารศัตรูคนใดอยู่ตรงหน้าเธออีกแล้ว
ตอนนี้เธอเห็นรั้วไม้ของศัตรูและพลหอกอยู่ไม่ห่างนัก พวกเขาต้องทะลวงผ่านไปให้ได้!
ราชินีเฮนริเอตต้านั้นหันหัวม้าเพื่อวนดูรอบๆก่อนจะยกดาบขึ้น
“หันหัวกลับมา! ตามข้ามา!”
กองทัพของราชินีนั้นทะลวงผ่านทหาร 12,000 นาย ราวกับเป็นใบมีดที่แหวกผ่านม่านมนุษย์
ได้เวลาแล้วที่จะแบ่งกองกำลังอีกฝ่ายเป็น 4 ส่วน
ตอนนั้นเองที่ราชินีเห็นอะไรบางอย่างเข้า ท่ามกลางกระบวนทัพของข้าศึก มีธงกุหลาบสีขาวอยู่ที่ตรงนั้น
ราชินีเฮนริเอตต้าตะโกนขึ้น
“แกอยู่นั่นเองรึ เฮนรี่ เดอ กุย!”
ม้าศึกของเธอพุ่งไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ โดยไม่ต้องรอคำสั่ง
เจ้ากาดำของเฮนริเอตต้า นั้นรู้โดยสัญชาตญาณว่า เหยื่ออันโอชะอยู่ตรงหน้าแล้ว
ม้าศึกที่มีสายเลือดพ่อเป็นมอนสเตอร์เปล่งเสียงร้องอย่างน่ากลัวขณะที่พุ่งเข้าไป
—–
*พัลลัส เอเธน่า(Pallas Athena)
ชื่อเต็มของ เทพีเอเธน่า
หนึ่งในเทพีองค์สำคัญของเทพนิยายกรีก
บุตรีของซุสที่เกิดจากการที่ซุสกลืนเธธีสลงไป แล้วเกิดอาการปวดหัว และเฮเฟตัส(เทพแห่งช่างเหล็ก)เอาขวานมาจามหัวเพื่อแก้อาการปวดนั่นให้ เทพีเอเธน่าออกมาจากหัวซุสพร้อมกับชุดนักรบ(หมวก เกราะ โล่ หอก) และกลายเป็นเทพีที่เป็นตัวแทนแห่งสติปัญญา และการรบ สัตว์ประจำตัวคือ นกฮูก มีวิหารส่วนตัว มีประชาชนชาวเมืองที่เคารพและใช้ชื่อเมืองตามนางคือ เมือง เอเธน(Athen) และยังเป็นหนึ่งในแคนดิเดทผู้ที่จะโค่นล้มบัลลังค์ของซุสในอนาคตตามคำทำนายของโพรมีธีอุส
แต่น่าเสียดายที่มหากาพย์เรื่องนี้ไปไม่ถึงตรงจุดนั้น(อาจเพราะชาวกรีกสูญสิ้นไปก่อนหรืออาจเพราะเอกสารถูกเผาไปเสียมาก) จึงไม่รู้ว่า ใครเป็นผู้โค่นบัลลังค์ซุสลงตัวจริงกันแน่
ชื่อละตินของ เอเธน่า คือ มิเนอร์ว่า (Minerva)
MANGA DISCUSSION