รุ่งเช้า เสียงแตรเขาดังลั่นจากอีกฝั่งของผืนทุ่งราบ
เริ่มด้วยเสียงแตรเขาเพียงเสียงเดียว แต่ตอนนั้นเองที่ฝูงนกกระจอกต่างโผบินขึ้นสู่ฟากฟ้า เสียงแตรจำนวนมากก็ตามมาเฉกเช่นเดียวกับฝูงนกพวกนั้น
แตรดังมากว่า 400 ปี ยามเมื่อหน่วยออเกอร์ของกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราถูกกำจัดสิ้นภายในการปะทะครั้งเดียว
ไม่ว่าจะ 500 หรือ 800 ปีผ่านไป แตรเขาก็ยังคงทำงานของมันตราบเท่าที่เหล่าทหารม้ายังคงได้รับชัยชนะจากการพุ่งเข้าใส่ข้าศึก
พวกเขายังคงประกาศศักดิด้วยท่าทางอันหยิ่งทระนงว่า พวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาอย่างไร
– ซู่วววววววววว
– กรรรรร, ซ่าาาา…….
เหล่าภูติวิญญาณแห่งป่ากำลังสั่นไหว
พวกนั้นคงหยั่งรู้ได้ว่า ทั้งพืชผลต้นหญ้านั้นจะโชกชุ่มไปด้วยเลือด?
ภูติวิญญาณทั้งหลายปล่อยแสงสีเขียวออกมาจากหลังต้นไม้ ก่อนที่จะเตลิดหนีกลับเข้าไปในป่าทันทีที่เสียงแตรเขาดังขึ้นอีกครั้ง
กิ่งไม้ไหวใบไม้ขยับแม้จะไม่มีกระแสลม
“พลหอกรุดหน้า! พลหอกรุดหน้า!”
เหล่าคนแคระได้กระตุ้นเหล่าทหารชาวนา ถึงคนแคระจะมีร่างที่เล็กแต่มีเสียงดังทรงพลัง
เผ่าคนแคระเป็นหนึ่งในทหารชั้นแนวหน้าบนโลกใบนี้ พวกเขาเป็นนักรบบริสุทธิ์ตั้งแต่กำเนิด ตลอด 150ปี ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับดินแดนติดภูเขานั้นมีแต่สนามรบ
“แกเข้าใจไหม? อย่าออกห่างรั้ว! ถ้าคนข้างหน้าแกล้ม ก็แค่ขึ้นหน้าไปแทนตำแหน่งที่รั้วถัดไป”
“ไม่ว่าไอ้พวกอัศวินพวกนั้นมันจะบินหรือคลานมา พวกมันก็ไม่สามารถทะลวงสิ่งกีดขวางของพวกเราได้
จำไว้ให้ดี จงปกป้องรั้ว! หากรั้วอยู่ เราก็ยัง หากรั้วพัง เราก็ตาย”
คนแคระเดินแทรกไปมาระหว่างทหารแล้วตบหลังพวกเขา นั่นเป็นการกระทำเพื่อให้พวกเขาหายประหม่า
คนแคระทั้ง 50 คน จากกองกำลังทหารรับจ้างขวานคู่ได้กลายเป็นหัวหน้าและนำทหารเข้าสู่สมรภูมิอย่างชำนิชำนาญ
ชาวนาจะรู้ดีว่า ควรใช้หอกต่อต้านก็อบลินกับออร์คอย่างไร หัวหอกเหล็กพวกนั้นนอกจากแทงทะลุมอนสเตอร์แล้วก็ยังสามารถแทงทะลุคนได้ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่พวกเขาต้องเรียนรู้ตอนนี้คือ เรื่องการประจำตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องการใช้อาวุธ พวกทหารรับจ้างเข้ามาช่วยทหารชาวนาเรื่องนั้น
“……ดูเหมือนราชินีแห่งบริททานี่จะงดการพูดปราศัยก่อนรบ”
ผมบ่นกับตัวเอง ผมที่ยืนอยู่ด้านหลังกองทัพจึงมองเห็นทหารที่มีทั้งหมด 12,000 คน
เจเรมินั้นวางตัวเหมือนองค์รักษ์ ก็ได้พูดแทรกขึ้นมา
“ยิ่งกว่านั้นคือ องค์จักรพรรดิไม่ปรากฏตัว”
“อืมม เธอคงไม่มั่นใจในการรบแบบนั้นสิ”
เธอละเลยแม้กระทั่งขั้นตอนที่เหล่านักบวชจะออกมาข้างหน้าแล้วร้องเพลงสวดสรรเสริญก่อนรบ
ถึงแม้พวกเขาจะมีนักบุญหญิงก็ตาม แสดงให้เห็นว่า เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ นั้นพุ่งเป้าไปที่การสู้รบล้วนๆ
– ฟู่ววววว!
หมอกชั้นบางๆในยามเช้าห้อมล้อมตัวพวกเรา มีแท่งลูกไฟราว 5 ถึง 6 แท่งพุ่งทะลุผ่านหมอกสีขาว นักเวทย์ของฝ่ายศัตรูเริ่มการโจมตีพวกเรา
เวทย์ไฟนั้นทรงพลังและสามารถทำให้รั้วไม้นั้นติดไฟ อย่างที่คิดไว้จริงๆ พวกเขารู้ว่าดีว่า รั้วพวกนี้น่ะเป็นอุปสรรคขัดขวาง
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ใช่ว่าพวกเขาจะมีนักเวทย์ฝ่ายเดียวเสียที่ไหน
– โปรเท้ค(Protege)!
– สคูตั้ม(Scutum)!
กองทัพของเรามีนักเวทย์ 25 คน นักเวทย์หอคอยนักโดยมากประกาศตัวเป็นกลาง แต่ชนชั้นสูงก็ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวนักเวทย์มาที่นี่ให้ได้
นักเวทย์นั้นกลับรังเกียจเวทย์มนตร์ของพวกเขา ทั้งที่พวกเขาใช้เวลาศึกษาวิจัยขัดเกลากันมานานหลายปี แต่กลับถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการสังหารหมู่ ดังนั้นการที่โดนเรียกตัวมาใช้งานโดยชนชั้นสูงนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย
ปรากฏโล่กว้างบนอากาศเหนือพวกเรา ลูกไฟถูกบล็อคไว้กลางอากาศ นักเวทย์บางส่วนก็แสดงความสามารถในการยิงสลายลูกไฟด้วยเวทย์น้ำอย่างแม่นยำ
“โว้ววววววววววววว!”
“ความยิ่งใหญ่แด่ฟรานเคีย!”
พอเห็นศัตรูทำพลาด ทหารของพวกเราก็ตะโกนเชียร์กันขึ้นมา คนแคระนั่นเองที่เป็นผู้นำในการร้องตะโกน
การปลุกขวัญกำลังใจทหารเป็นสิ่งที่ควรทำก่อนเข้าสู่การรบที่โหดร้าย
ในขณะเดียวกันศัตรูที่อยู่อีกฝั่งของหมอกกลับเงียบสนิท
“ดูเหมือนพวกนั้นจะเลิกโจมตีพวกเราด้วยเวทย์”
“แน่อยู่แล้ว! พวกนั้นคงสรุปแล้วว่า มันยากที่จะเผารั้วกั้นของพวกเรา”
ผมกำมือขวาแน่น เรื่องหน่วยเวทย์มนตร์พวกเรานั้นเหนือกว่า หรืออย่างแย่ก็นับว่าเสมอกัน
ในสมรภูมิที่ราบนักบุญเดนิสแห่งนี้ พวกเรามีความได้เปรียบหลายต่อหลายอย่าง
มีแม่น้ำทางฝั่งขวาและป่าอยู่ทางซ้าย ทำให้ภูมิประเทศนั้นแคบตื้น
เรื่องทางแคบนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก กองกำลังหลักของพวกเราอย่างพลหอกนั้นเมื่ออยู่ใกล้กันก็ยิ่งแข็งแกร่ง
“จากนี้ไปไพ่เดียวที่เหลือของราชินีก็มีแต่ใช้ทหารม้าพุ่งเข้ามาแล้ว……!”
ในขณะที่ทหารม้านั้นที่ยิ่งกว้างเท่าไหร่ก็ยิ่งแข็งแกร่ง
พวกทหารม้าปกติจะติดหอกยาว 3 หรือ 4 เมตร ทหารม้าของบริททานี่นั้นเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการใช้หอกยาวถึง 8 เมตร
และแม้จะเป็นทหารม้าธรรมดาที่ไม่สามารถใช้ออร่าได้ก็ยังใช้หอกยาว 4 หรือเมตร…….
ทหารม้ายืนเรียงแถวโดยมีหอกในมือ แค่เห็นก็ชวนขนลุกแล้ว
แต่หากพวกเขาจะต้องสู้ในพื้นที่แคบอย่างที่ราบ นักบุญเดนิส? มันจะลดทอนความสามารถในการพุ่งกระแทกได้มากเลยล่ะ
และยิ่งหนักหนาไปกว่านั้นด้วยการที่พวกเราตั้งรั้วไม้ไว้ต่อหน้ากองทัพศัตรู มีเพียงช่องทางแคบๆเล็กๆระหว่างรั้วเท่านั้น
พวกทหารม้าบริททานี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล็งไปที่ช่องแคบๆพวกนั้น ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งของทางม้าหดหายลงไปอย่างมาก
พลหอกในกองทัพของพวกเราเป็นเหมือนตอกฝาโลง โดยมีทั้งหอกยาว 5 เมตร ทั้งรั้วไม้ แถมพวกนั้นยังต้องสู้กับทั้งทหารม้าและอัศวินอีก ผมมั่นใจเลยล่ะว่า นี่จะเป็นสุสานของพวกเขา
– ฉึบ ฉับ, สึบ สับ, ฉึบ ฉับ…….
บางส่วนของทหารม้าปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลังหมอก พวกนั้นห่างจากแนวกั้นแค่ 200 เมตรเองรึ?
หนึ่งร้อยนาย ทหารม้าหนึ่งร้อยนายที่สวมหมวกและชุดเกราะหรูหราพาม้ามาวิ่งเหยาะ
เกราะเหล็กนับไม่ถ้วนที่เข้ามาใกล้มันให้ความรู้สึกเหมือนกับคลื่นสึนามิสีเงิน
“อะไรที่น่าตื่นตายังคงน่าตื่นตาอยู่เช่นเคยสินะ”
ผมกำไม้คทาออกคำสั่งแน่น
ทหารม้าพวกนั้นเข้าประชิดพวกเราขนาดนี้ มันเป็นสัญญาณบอกแล้วว่า การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“เจเรมิ สั่งให้พวกเขายิง!”
“รับทราล!”
ทันทีที่เจเรมิส่งสัญญาณมือออกไป มือสังหารทั้งหลายที่สวมชุดทหารต่างยกธงขึ้น
คนแคระที่อยู่ข้างหน้าที่ได้รับสัญญาณก็ตะโกนดังลั่น
เตรียมธนู! เตรียมธนู!
พลธนูกว่า 3,00 นายยกสายธนูขึ้นหลังคำสั่งเล็กน้อย
กองทหารของพวกเราไม่ไร้เดียงสาพอที่จะมีแต่พลหอกหรอก พวกเราส่งพลธนูทั้งหลายไปประจำตำแหน่งด้านหลังด้วยเช่นกัน
ขณะที่พลหอกของพวกเราขวางพวกอัศวินที่พุ่งเข้ามาชนรั้วไม้ พลธนูของฝ่ายเราก็ระดมสาดห่าฝนธนูใส่พวกเขาด้วย มันเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
พวกคนแคระตะโกนสั่งการอย่างแข็งขัน
“ยิงเลย! ยิง!”
ฝูงธนูที่ลอยขึ้นไปบนฟากฟ้าก่อนตกลงมาสู่ทหารม้าของบริททานี่
ทหารม้าเกือบ 20 นายตกจากหลังม้า ธนูอาจไม่ได้ผลกับทหารม้าเกราะหนัก และพวกที่สวมเกราะเหล็กแต่สำหรับตัวม้า นับเป็นโชคไม่ดีเลยที่มันต้องรับธนูไปแทน
ผมกู่ร้องออกมา
“ดีมาก! ระดมยิงต่อไปอย่าหยุด! ข้าจะจ่ายค่าธนูของพวกเราเต็มที่ไปเลย!”
“พลหอก! พลหอกเดินหน้า!”
ทหารม้านั้นพยายามที่จะหลบเลี่ยงธนูอย่างรวดเร็วหลังจากมาถึงตรงหน้าแนวรั้วของพวกเรา
20 คนที่หล่นจากหลังม้าอาจฟังดูเป็นจำนวนไม่มากนัก แต่นั่นก็แปลว่า มีคนถึง 20 คนที่ไร้ประโยชน์แล้วหลังจากยิงระลอกแรกออกไป
ถ้าเรายิงระลอกต่อไปอีก ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะทำให้นับร้อยคนนั้นทำอะไรไม่ได้อีก ความสูญเสียจะยิ่งมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆตราบใดที่พวกเขาไม่อาจทะลุทะลวงแนวเครื่องกีดขวางของพวกเราได้
“อ้าาา……!”
อยู่ๆเจเรมิกลับร้องลั่นออกมา ผมหันไปก็เห็นดวงตาของเธอเบิกกว้าง
“ฉันว่ามีอะไรแปลกๆแล้ว! ผู้บัญชาการ! พวกเขาไม่มีมัน!”
“ไม่มีมันอย่างนั้นหรือ? มันที่ว่านั่นคืออะไร?”
“หอกของพวกเขาน่ะค่ะ!”
เจเรมิตะโกนขึ้นมา
“พวกเขาไม่มีหอกมาด้วย!”
“อะไรนะ?”
ผมถึงกับผงะด้วยความประหลาดใจ เกราะสีเงินพวกนั้นไม่เปิดช่องว่างแม้แต่น้อย ม้าสงครามที่เลี้ยงม้าด้วยการผสมกับพวกมอนสเตอร์ พวกเขามีทุกสิ่งอย่างที่พึงจะมีสำหรับทหารม้าเกราะหนัก ━ เว้นไว้อย่างเดียวนั่นคือ พวกเขาไม่มีหอกยาว!
มันควรที่จะมี หอกยาว 8 เมตร ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริททานี่ ซึ่งปกติจะสร้างความหวาดกลัวให้กับทหารเดินทัพ หรือแม้แต่หอกทั่วๆไปที่ยาว 5 เมตรก็ไม่มีเช่นกัน
ิสิ่งที่ทหารม้าเกราะหนักถือกลับไม่ใช่หากแต่เป็นอย่างอื่นที่ต่างออกไป
“ธนู ธนูอย่างนั้นรึ……!?”
ณ เวลานั้นเองที่ธนูนับร้อยปลิวลอยมาในอากาศ กองทหารม้าของบริททานี่นั้นกลายเป็นพลธนูบนหลังม้าแทน!
พวกเขาอยู่ในระยะ 10 เมตร ตรงหน้าเครื่องกั้นก่อนจะระดมยิงธนู กองทหารของพวกเราถึงกับตกตะลึงในการโจมตีที่ไม่คาดคิดมาก่อน
“ธ-ธนู!”
เสียงกรีดร้องดังตรงนั้นตรงนี้ ทหารที่ยังเกาะกับแนวรั้วถูกยิงฟุบลงด้วยลูกธนู
นับโหลด ไม่สิ แค่มองผาดๆก็บอกได้เลยว่า พลหอกนับร้อยล้มตายลงไปแล้ว
ผิดกับพวกทหารเกราะหนักที่สวมชุดเกราะเต็มคราบ ฝ่ายเราโดยมากนั้นเป็นชาวนา จึงไม่อาจป้องกันการโจมตีจากลูกธนูได้เลย
พลธนูบนหลังม้าของบริททานี่เองก็ยังคงระดมยิง และหมุนเวียนเปลี่ยนผลัดกันในระยะไม่ไกลจากแนวกั้นของฝ่ายเรา แถวหน้าระดมยิงธนูจากนั้นก็ถอยไปเปลี่ยนให้แถวหลังออกมายิงต่อ
เมื่อเป็นแบบนั้นเข้า มันจึงดูเหมือนอีกฝ่ายระดมยิงกันมาไม่หยุดไม่หย่อน
ฝูงผึ้ง! พวกนั้นใช่กลยุทธฝูงผึ้ง!
ทหารม้าของบริททานี่ที่ได้ชื่อว่า มีวินัยมากที่สุดในทวีปกลับใช้กลยุทธพลธนูบนหลังม้าที่พวกชนเผ่านักรบเร่ร่อนชอบใช้กัน
“อ๊ากกก! หลบ!”
“เจ้าโง่เอ๊ย ! ยกโล่ของมึงขึ้นสิวะ! ยกโล่ขึ้น!”
“อั่กก, แขน, แขนข้า!”
กองทหารของพวกเราปั่นป่วนในทันที พลหอกพยายามเต็มที่ที่จะปัดป้องธนูด้วยโล่ไม้เล็กๆ
พวกชาวนารีบยกโล่ขึ้นคุ้มหัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอกับห่าฝนธนูเช่นนี้ ย่อมเป็นปรกติที่พวกเขาจะเผลอลดหอกลง
ผมถึงกับอึ้งโง่จนพูดอะไรไม่ออกเลย ถ้อยคำที่ออกมาจากปากตอนนี้กลับเป็นเสียงที่บ่งบอกความอัศจรรย์ในแทนที่จะเป็นประโยคครบถ้วนสมบูรณ์
“แก เล็งสิ่งนี้อยู่สินะ เฮนริเอตต้า……!?”
“ผู้บัญชาการคะ! โปรดออกคำสั่ง!”
เจเรมิดึงสติผมกลับมา
แม่งเอ๊ย ผมแทบไม่มีเวลาให้โกรธด้วยซ้ำ รูปขบวนของพวกเรายังคงอยู่ได้ต้องขอบคุณเหล่าคนแคระจริงๆ แต่หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเราจะสูญเสียไปเรื่อยๆ ผมขบเคี่ยวเคี้ยวฟันแล้วตะโกน
“สู้ธนูด้วยธนู! ส่งพลธนูออกไป และให้พวกที่เหลือใช้โล่ปกป้องพลธนู!”
“ถ่ายทอดคำสั่งในทันที!!”
นับเป็นโชคดีอย่างมากที่พวกเขาเป็นมือสังหารแนวหน้าที่แย่งกันเป็นอันดับต้นๆขอโลกปีศาจ ถึงจะมีพลหอกนับพันแออัดกันทั่ว พวกมือสังหารก็สามารถพุ่งตัวอย่างช่ำชองแล้วไปมอบคำสั่งให้กับคนแคระ
ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำนับตั้งแต่ผมสั่งการออกไป คนแคระก็เริ่มตะโกนออกคำสั่ง
“พลธนูไปข้างหน้า! พลธนูไปข้างหน้าาาาาาา!”
“คุ้มกันพลธนูด้วยโล่! ทุกคน อย่าไปกลัว! พลธนูเอาชนะพลธนูขี่ม้าได้เสมอ!!”
“เชื่อมั่นใจพรรคพวก! ปกป้องพรรคพวก!”
ทหารต่างขยับตัวกันอย่างเร่งรีบ พลธนูได้เข้าไปรวมกับแนวหน้าแล้ว พลธนูที่เคยลนลานด้วยความตื่นกลัวกลับถูกพรรคพวกดันไปข้างหน้า และได้รับการช่วยเหลือจากสหาย
อาจจะช้าไปสักเล็กน้อย แต่พวกเราก็เริ่มยิงโต้ คนแคระเก่งมากเรื่องการปลุกกำลังใจ
“เล็งไปที่ม้า! ยิงไปที่ม้า!!”
พลธนู 3,000 นายเหล่านั้นโดยมากเป็นนักล่า ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยิงเป็นห่าฝนเหมือนดั่งพลธนูที่ฝึกทหาร แต่พวกเขาจะเล็งยิงอย่างแม่นยำ
พลธนูที่ไว้ใจว่าตนเองจะได้รับการปกป้องจากเพื่อนพ้องทำให้พวกเขาสามารถยิงธนูได้
“แม่งเอ๊ย!”
ผมไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธ จึงกระทืบพื้น ผมนี่มันโง่โดยแท้!
ราชินีเฮนริตต้ารู้ดีอยู่แล้วว่า พวกเราจะต้องทำการตั้งรับ ฝ่ายพวกเรานั้นเปี่ยมไปด้วยกำลังใจเพราะได้สู้ในที่ราบนักบุญเดนิส แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็เป็นสิ่งที่ราชินีเฮนริเอตต้าคาดไว้เช่นกัน
ผมขบฟัน ทั้งๆที่ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้มาก่อนอยู่แล้ว
มาร์คกราฟ โรเซนเบิร์ก เขาได้ฝึกทหารม้าให้กลายเป็นพลธนูบนหลังม้า
“หรือนี่กำลังจะซ้ำรอยกับออสเตอร์ลิทช์กัน……!?”
พลหอกนับหมื่นที่ออกันอยู่ในที่ราบแคบๆ
นั่นเป็นโอกาสล้ำค่าที่จะทำให้ฝ่ายเราสูญเสียให้มากที่สุดด้วยการใช้ธนูระดมยิงใส่
พวกเรามัวแต่กังวลกับทหารม้าของบริททานี่พุ่งเข้ามาจนไม่ได้เตรียมการรับมือกับพลธนูบนหลังม้า
“ผู้บัญชาการคะ พวกเรายังคงได้เปรียบอยู่”
เจเรมิพูดกับผมอย่างนิ่งสงบ เธอไม่ได้แสดงสีหน้าปลอมๆ อารมณ์ปลอมๆเหมือนอย่างทุกที
ความสงบนิ่งเยือกเย็นของเธอแสดงออกมาทางสีหน้า
“หากพวกเรายังคงปกป้องพลธนูของฝ่ายเราด้วยโล่ต่อไป พลธนูหลังม้าของอีกฝ่ายก็มีแต่ต้องล่าถอน ดูนั่นสิคะ รั้วไม้ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี”
เจเรมิพูดถูก ผมแน่ใจเลยล่ะว่า รั้วของพวกเรานั้นแข็งแรงทนทานเป็นอย่างมาก แถมพวกมันยังทำหน้าที่เป็นโล่กันธนูได้เป็นอย่างดี
นักธนูจำนวนหนึ่งเอาร่างแนบกับรั้วไม้เพื่อเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย แล้วแอบมองลอดช่องเล็กๆระหว่างรั้วเพื่อหาจังหวะยิงสวน พลหอกนั้นค่อยๆถอยตัวออกห่างมายังจุดที่ลูกธนูพุ่งมาไม่ถึง
“ข้ารู้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็รู้สึกแย่ที่ปล่อยให้ตัวเองโดยราชินีเฮนริเอตต้าปั่นหัวเอา!”
“การจู่โจมฉับพลันของพวกนั้นได้ผลดีทีเดียว แต่ก็ไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ราชินีเฮนริเอตต้ายังเสียเปรียบอยู่ หากพวกเรายังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ได้…….”
เจเรมิมองไปเบื้องหน้าของพวกเรา ผมกลับสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บา่งอย่างของเธอและมองตามเธอไป
พวกพลธนูบนหลังม้าถอยกลับไปแล้ว มีเพียงม้าศึกไม่กี่ตัวนอนแผ่อยู่ตรงนั้นตรงนี้กระจายบนพื้น
จากที่ดูแล้ว ดูเหมือนพวกนั้นต้องถอนตัวเพื่อเลี่ยงธนูของพวกเรา
“แนวรบที่สองของพวกนั้น……!”
ทหารม้าที่อยู่แนวรบที่สองได้ขึ้นมาข้างหน้า สลับกับแนวรบแรก
ทหารม้าที่สวมเกราะอย่างดีกว่าพลธนูบนหลังม้าได้ก้าวออกมาเต็มตัว
นั่นแหละ อัศวินของพวกนั้น อัศวินที่สวมชุดคลุมและมีการปักลวดลายเป็นดอกลิลี่สีดำซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบริททานี่
แม้แต่ม้าก็ยังสวมเกราะครบครัน
นี่ต่างจากแนวรบแรก ทหารม้าในชุดสองนี้สวมเกราะเต็มยศ ใช่แล้ว สมเกราะเต็มยศ! พวกเขามาพรอมกับหอกยาว 8 เมตร!
ทหารของฝ่ายเรากู่ร้องออกมาในทันที
“อัศวิน! ทหารม้าจะพุ่งเข้ามาแล้ว━!”
MANGA DISCUSSION