* * *
พอพวกเรารู้เป้าประสงค์ของเฮนริเอตต้า เรื่องทั้งหลายก็ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไป
หรือต่อให้ผมรู้สึกขัดใจอยู่สักหน่อย แต่คนอื่นกลับเอียงคอสงสัยราวกับอยากจะถามผมว่า ‘แล้วมันเป็นปัญหาที่ตรงไหนกันน่ะ?’
ดูจากภายนอกนั้นมันดูเหมือนจะไม่มีอะไร จริงอยู่ที่กองกำลังของฝ่ายเรายิ่งมีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลอร์ดทางเหนือ(ซึ่งส่วนมากเป็นพวกนิยมสาธารณรัฐ),ชนชั้นสูงของฝ่ายจักรพรรดินีโดวาเจอร์,ทหารรับจ้างที่พวกเขาจ่ายเงินจ้างมา……และกองกำลังของบัทตาเวียที่เพิ่มเข้ามาทีหลัง รวมทั้งหมดก็กองกำลังทหารเกือบ 30,000
“เอาเลย เฮนริอเอตต้า! หากเธออยากจะเล่นแบบนี้ ข้าก็พร้อมจะลงฟลอร์แล้วแสดงฝีเท้าอันยอดเยี่ยมไปกับเจ้า”
ผมได้ข้อสรุปหลังจากครุ่นคิดมาทั้งคืน
ทัพทหารม้าของบริททานี่นั้นทรงพลังอย่างมิต้องสงสัย พิสูจน์ได้จากการรบที่ผ่านมา กองทหารบริททานี่ 10,000 นายนั้นมีศักยภาพมากพอที่จะกวาดล้างทหารได้ถึง 30,000 นาย แต่ถ้าหากเป็นจำนวน 35,000 นาย ล่ะ?
อาจจะเริ่มตึงมือลำบากขึ้นมาสักหน่อย แล้วถ้า 40,000 นาย ล่ะ?
แล้วถ้าหากมากขนาด 50,000 นาย ล่ะ?
“เจ้าจะยังเชื่อมั่นในชัยชนะของตนอยู่อีกไหม โอ้ ราชินีผู้โอหังบังอาจและดื้อแพ่งเอ๋ย?”
ตอนนั้นเองที่แผนใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้น อีกฝ่ายนั้นตั้งเป้าไปที่กลยุทธทางการรบที่รุนแรงหนักหน่วง
ในขณะที่ผมเน้นการใช้กลวิธีที่ทำให้ฝ่ายเราเป็นปึกแผ่น
หากพวกเขาตั้งใจจะกลายเป็นหอกแหลมคมเพื่อที่จะพุ่งทะลวงผ่านเราไป
พวกเราก็ย่อมต้องแปลงเป็นขุนเขาแล้วบดขยี้อีกฝ่ายให้จมอยู่ใต้เท้าเรา
ไม่มีเหตุผลที่จะมาลังเลอีกต่อไปแล้ว เราจะจัดการกับเฮนริเอตต้าด้วยจำนวนทหารที่มีมากล้น!
ผมเริ่มลงมือในทันทีที่ได้ตั้งเป้าหมาย โดยทำทุกอย่างในสิ่งที่จำเป็นต่อแผนการของผม
อย่างแรก ผมชักจูงเหล่าลอร์ดจากแดนเหนืออีกครั้งให้พวกเขาเผยแพร่คำแถลงการณ์ไปทั่วทั้งฟรานเคีย
“ข้าผู้น้อยนี้ขอรับรองว่า ข้าได้ทำตนเป็นดั่งทูตผู้คอยรายงานแก่โลกใบนี้
บริททานี่ ผู้เป็นศัตรูจากต่างชาติ ผู้ไม่สัตย์ซื่อลวงหลอกสวรรค์แลแบ่งแยกแดนดิน พวกเขานั้นตั้งใจจะฮุบกลืนชาติละยังล่อลวงองค์จักรพรรดิ
พวกเขานั้นเป็นเหตุให้วังหลวงต้องเผชิญกับความวุ่นวายสับสนและยังเริ่มทำการฆ่าล้างผู้บริสุทธิ์
แม้แต่ปลายหญ้ายังต้องสั่นไหว และไม่มีแม่น้ำสายใดที่จะไม่เชี่ยวกรากอาละวาดขึ้นมาเมื่อรับรู้ความเลวร้ายนี้”
“พวกเราได้รับราชสาส์นลับมาจากองค์จักรพรรดิให้นำกองกำลังอันชอบธรรมมาไว้ที่นี่ จวบจนจะสามารถขับไล่กองทัพต่างชาติที่ชั่วร้ายหยาบช้าไปได้
พวกเราสาบานว่าจะอุทิศตนให้เป็นดั่งม้าการสงครามที่ไม่หยุดพัก พวกเรานี้แหละที่รับพระประสงค์จากเบื้องบน!
ลุกขึ้นมาร่วมมือกันกับเราแล้วมาช่วยกันไถ่บาปให้แก่ผู้คนที่ติดหล่ม และปกป้ององค์จักรพรรดิของพวกเรา!”
โพรพากานด้าเข้าไป(โฆษณาชวนเชื่อ)
โพรพากานด้า ให้มากยิ่งขึ้นกว่านี้อีก!
เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่ ต่อให้เธอมาพร้อมจักรพรรดิก็ตามที แต่ตอนนี้เธออยู่ในกำมือพวกเรา
พวกนิยมกษัตริย์นั้นอาจจะเป็นคนส่วนมากในชาติ แต่ก็มีน้อยคนนักที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อกองกำลังทหารต่างชาติเช่นเธอ
ผมใช้ประโยชน์จากความเป็นไปได้ในแต่ละกลุ่มเพื่อขยายอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็น มือสังหาร กลุ่มลับอย่างพันธมิตรปลดแอก และข้ารับใช้ของเหล่าชนชั้นสูง เพื่อผลักดัน ผมได้ส่งคำแจ้งเตือนไปยังทุกเมืองในประเทศนี้
ผู้คนจากฝ่ายจักรพรรดินั้นตอบรับต่อแผนการนั้นแล้วก็ลุกฮือขึ้นมา ข้อมูลทั้งหลายปะปนกันมั่ว ชาวบ้านไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่า ข้อมูลไหนจริง ข้อมูลไหนเท็จ
แต่ถึงอย่างนั้น สถานการณ์อันยุ่งเหยิงเช่นนี้แหละ คือ สนามรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผม
คุณไม่อาจเข้าใจว่าอะไรเป็นความจริงแท้อย่างนั้นหรือ?
ยอดเยี่ยมไปเลย พลังอำนาจและวาทศิลป์เท่านั้นที่จะเฉิดฉายขึ้นมา ส่วนความจริงกลับมืดมัว
ผมไปเยี่ยมเยียนหลายเมืองและหลายหมู่บ้าน ทั้งยังพูดสุนทรพจ์ทั้งแดนเหนือและแดนตะวันออกระหว่างการเดินทางแสวงบุญ
“ผู้คนแห่งฟรานเคียเอ๋ย! พวกเราต้องทำอะไรบ้างเพื่อช่วยชาติจากความสับสนในครั้งนี้?
เทพีเอ๋ย พวกเราจะได้รับความเมตตาจากท่านหรือไม่?”
ผมยืมพลังของเวทย์มนตร์กระจายเสียงเพื่อให้เสียงผมนั้นดังก้องไปทั้งย่านการค้า
“องค์เทพีได้กล่าววจี
อย่างแรก หัวใจของพวกท่านจักต้องไม่ไหลไปตามร่างกาย พวกท่านต้องเคลื่อนร่างกายไปตามที่หัวใจของท่านเรียกร้อง!
สอง เลิกตามหาความหมายของชีวิตที่อยู่ตรงหน้าของท่าน แต่ท่านต้องแผ้วถางทางไปสู่หนทางที่ท่านกำลังจะเดินไป!
สาม หลังจากท่านได้ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ทั้งหมดแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของฟ้าที่จะบันดาลให้ชัยชนะเป็นของพวกเรา!”
ผมยกมือขวาขึ้นแล้วตะโกน
“สวรรค์มีตา ไม่มีทางปล่อยให้ความดีต้องตกยาก และไม่เมินเฉยต่อผู้อ่อนแอ!
ปกป้องดินแดนของพวกเราจากบริททานี่!
ผู้คนแห่งฟรานเคียเอ๋ย ผู้คนอันมีสิทธิอันชอบธรรมของฟรานเคีย
―จงลุกขึ้นสู้!”
ฝูงชนนับพันนับหมื่นต่างส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างเร่าร้อนตามที่พวกเขารู้สึก
ผืนฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น ผืนดินสั่นไหว เมืองแทบจะถล่มทลายลงมาด้วยเสียงตะโกน
“ช่ายยยยยย! เพื่อความเกรียงไกรของฟรานเคีย! ความเกรียงไกรของฟรานเคีย!”
“เอาหัวศัตรูมาก! ฆ่าไอ้ชาติหมาบริททานี่!”
“จอร์น โบล! จอร์น โบล! จอร์น โบล! ”
เป็นอีกครั้งที่ความสามารถในการปลุกปั่นยุยงของผมไปถึงขีดสุดนับตั้งแต่ตอนที่ปราศัยในกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทรา
ผู้คนทั้งหลายต่างเต็มใจที่จะเป็นกองทัพศักดิ์สิทธิ์และตั้งใจจะคุ้มครองผมโดยที่ผมไม่ต้องออกคำสั่งกับพวกเขา
นักบวชแห่งเทพีอาร์เทมิส,จอร์น โบล ชนชั้นสูงและสามัญชนทั้งหลายที่ได้ยินข่าวลือ ต่างเร่งรุดมาแสดงตัวในที่ที่ผมเดินทางไป
พวกเขาแทบจะลืมหายใจยามที่ผมปราศรัยด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ และพวกเขากลับฮึดโกรธขึ้นมาตอนที่บทพูดของผมนั้นปลุกเร้าอารมณ์
ผู้คนนับหมื่นนั้นต่างส่งเสียงร้องว่า “แด่องค์เทพี!” อย่างพร้อมเพรียงกัน และจากนั้นก็กลับเงียบสนิทลงราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงภาวนา
ผมเผยแพร่ใบปลิวที่ได้เตรียมไว้ก่อนจะขึ้นพูดปราศรัยแล้ว
ผมไม่แบ่งแยกไม่ว่าพวกเขาจะเป็น พวกนิยมกษัตริย์,นิยมสาธารณรัฐ,ชนชั้นสูงหรือสามัญชน หลังจากที่แจกจ่ายไปถึง 3,000 ใบ ผู้คนก็เริ่มแจกต่อกันด้วยตัวเอง
“เสียไปเท่าไหร่ไม่สำคัญ แต่เราจะต้องทำลายความโกหกที่กีดขวางพวกเราไว้…….”
“เหล่าทวยเทพนั้นบัญชาพวกเราเพื่อให้เป็นเจ้าเป็นนายแห่งดินแดนนี้!”
“มนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในดินแดน และคู่ควรต่อการได้รับดินแดน”
สามัญชนผู้อ่านหนังสือออกแล้วได้รับใบปลิวไป ก็อ่านมัน ให้เพื่อนๆและครอบครัวฟัง เนื้อหาในใบปลิวพวกนั้นก็เริ่มแพร่กระจายออกไปเหมือนดั่งโรคระบาด และก่อให้เกิดกองกำลังอาสาสมัคร
พวกเขาไม่ใช่ทหารอาสาธรรมดาๆ หากแต่พวกเขาเป็นทหารติดอาวุธที่มีอุดมการณ์
ยิ่งไปกว่านั้นยังทรงพลังจะไม่ยอมแพ้แต่สิ่งใดเนื่องจากอุดมการณ์ที่เข้มข้นยิ่งกว่ากองทัพของใครหน้าไหน…….
ถึงแม้การสุนทรพจน์จะทรงพลังชั่ววูบ แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาภายหลังอยู่เพียงไม่นาน
ในขณะเดียวกับ การใช้แผ่นพับใบปลิวนั้นให้ผลที่ยาวนานกว่า ใบปลิวพวกนั้นยังคงอยู่ตามสถานที่ต่างๆแม้ผมจะจากไปแล้ว ดังนั้นผู้คนจึงสามารถสร้างแรงกระตุ้นขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
ผลที่ได้ ก็มีทหารอาสา เกือบ 12,000 นาย ลุกฮือขึ้นมา
เหล่าชนชั้นสูงต่างประหลาดใจ
พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่า สามัญชนจะตอบรับสิ่งเหล่านี้แรงกล้าได้ถึงขนาดนี้
กำลังใจของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นเพราะกองกำลังเสริมที่มากขึ้นโดยไม่คาดคิดมาก่อน
“ไม่ต้องสงสัยเลย เหล่าทวยเทพนั้นประคองมือพวกเขาไว้เพื่อให้งานใหญ่ของพวกเราในครั้งนี้”
“พวกเราบุกไปจับตัวราชินีบริททานี่กันได้แล้ว!”
ผมแทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากพูดกระตุ้นพวกเขา ทั้งชนชั้นสูงที่เริ่มเป็นห่วงกับอนาคตก็ด้วย
“ข้าอยากจะสรรเสริญความเป็นสุภาพบุรุษที่เป็นสาเหตุให้พวกเขานั้นต้องลุกขึ้นสู้เพื่อองค์จักรพรรดิ แต่ทว่า…….”
“สิ่งนั้นมันมิทำให้พวกนิยมสาธารณรัฐเรืองอำนาจมากไปอย่างนั้นหรือ?”
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายจักรพรรดินีโดวาเจอร์หรือฝ่ายจักรพรรดิ พวกเขาก็ยังคงเป็นชนชั้นสูงอยู่ดี พวกเขาเป็นห่วงเรื่องที่ประชาชนจะติด ‘โรคภัย’ มากกว่าสิ่งอื่นใด ดังนั้นผมจึงชักชวนคนกลุ่มนี้ด้วยวิธีการที่ต่างออกไป
หากพวกเราฆ่าล้างชนชั้นสูงของศัตรู พวกเราก็จะได้ดินแดนของพวกเขามาด้วย แต่ก่อนที่พวกเราจะทำอย่างนั้นได้ พวกเราต้องกำจัดพวกบริททานี่ก่อน
เพื่อให้ได้รับชัยชนะ พวกเราจะมองข้ามกองกำลังที่รวมตัวขึ้น พวกเขานั้นเป็นชาวบ้านที่ไม่ได้เข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่ให้ตะโกนเสียงดังโวยวายอะไรขึ้นมา สักพักเดี๋ยวก็ลืม…….
ไม่ว่าอย่างไรชนชั้นสูงน่ะก็อยากขยายดินแดนของตนให้กว้างไกลขึ้น นั่นแหละเป็นความตั้งใจหลักของการเชื้อเชิญในครั้งนี้
การเจรจาต่อรองนั้นเกิดขึ้นหลายต่อครั้ง ชนชั้นสูงได้แต่งตั้งให้ผม จอร์น โบล นักบวชผู้เป็นขวัญใจสามัญชนให้เป็นผู้บัญชาการทัพทหารอาสาสมัคร
“พวกเรารับรู้ถึงการเสียสละในการเชื้อเชิญลอร์ดทางเหนือ รวมถึงการกระทำอันองอาจหล้าหาญในระหว่างการเดินทางไปทั่วฟรานเคียเพื่อช่วยเหล่าพวกเราจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้”
สิ่งที่พวกเขาพูดนั่นมันก็แค่ผิวเปลือกที่ฉาบหน้า ความจริงที่เขาอยากบอกนั้นมันเรียบง่ายมาก
ท่านเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะหยุดยั้งพวกสามัญชนจากการอาละวาดและนำพาสถานการณ์ไปยังทิศทางที่เกิดประโยชน์กับชนชั้นสูง
พวกเขาบอกแม้กระทั่งจะให้ผมรับผิดชอบเรื่องราวในครั้งนี้ แต่มันสำคัญที่ไหนกันล่ะ ผมรอท่าไว้ก่อนแล้ว
ในโลกเดิมของผมนั้น ชาวนา เกษตรกรนั้นไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า กลุ่มคนซอมซ่อที่ฝึกฝนนิดมีฝีมือหน่อย แต่ที่โลกนี้มันไม่ใช่
พวกเขานั้นถูกก็อบลินบุกมาหลายต่อหลายครั้งในทุกปี หากพวกเขาโชคไม่ดี บางทีพวกเขาก็ต้องสู้ปะทะกับออร์คด้วย
ทุกหมู่บ้านนั้นมีทหารอาสาประจำหมู่บ้านที่ไม่เคยเว้นพักฝึกฝีมือ ทหารเกณฑ์ที่เกณฑ์มาจากชาวนาชาวไร่ในโลกเดิมผมไม่มีทางเทียบได้เลย
เอาล่ะ ไม่ใช่แค่เพียงชาวนาอย่างเดียว แต่อัศวินในโลกนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าโลกเดิมของผมเช่นกัน
สรุปแล้วผมจึงได้บัญชาการทหารที่ฝึกมาอย่างดีเกือบ 12,000 นาย
อีกทั้งผมยังมีเงินทุนเพียงพอจะใช้เพื่อดูแลการทหาร นับตั้งแต่ที่ผมเป็นบุคคลที่ร่ำรวยเสียยิ่งกว่าจอมมารหลายคนเสียอีก ไม่มีปัญหาเลย
เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่
ผมจะโค่นล้มเธอด้วยทุกอย่างที่มี…….
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเราไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว”
“……แม้ฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่อง กลศึกการศึกนัก แต่ฉันเห็นด้วยค่ะ”
เจเรมิผู้เฝ้าจับตาดูทุกการกระทำของผมยักไหล่ขึ้น
เดซี่ที่ยืนข้างๆเธอก็เช่นกัน มันทำให้ผมดูเหมือนเป็นคนที่ทำอะไรสุดแสนจะเลวทรามที่สุดในสายตาของสุดยอดมือสังหารแห่งโลกปีศาจและว่าที่ฮีโร่ในอนาคต
ทั้งการเริ่มปล่อยโฆษณาชวนเชื่อ,ขึ้นพูดปราศรัย,และเผยแพร่หนังสือที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์อุดมคติ
ผมคอยชักใยความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นสูงกับตัวกลางของพวกเขา แล้วยังช่วยในทางลับให้ดยุคชื่อดังขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม,เป็นคนเจรจาระหว่างชนชั้นสูงของแฟรงและเหล่าผู้บัญชาการของบัทตาเวีย และสุดท้ายสั่งการให้กองกำลังทหารรับจ้างของตัวเองฝึกฝนทหารอาสาสมัคร…….
“คึ”
ผมดื่มน้ำส้มสายชูรวดเดียว ในปากผมนั้นซาบซ่า
ผมรับรองเลยว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เป็นช่วงเวลาที่ผมยุ่งวุ่นวายที่สุดในชีวิตแล้ว
ผมล่ะอยากแสดงให้ลาพิสเห็นจริงๆเลยนะ ลาพิสผู้นิ่งเฉยคนนั้นยังถึงกับต้องปรบมือและชมเชยผม “ทำงานได้ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ,ท่านดันทาเลี่ยน เป็นงานที่เหนือทุกความคาดหมาย ท่านนี่ช่างเป็นตัวตนที่ขยันขันแข็งและจริงใจที่สุดยิ่งกว่าจอมมารตนใดๆ”
ในที่สุด กองกำลังของพวกเราก็สนธิกำลังกันเป็นที่เรียบร้อย
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
<พันธมิตรศักดิ์สิทธิ์>
<Holy Alliance>
ผู้บัญชาการสูงสุด : ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย(Duke Henry de Guise)
รองผู้บัญชาการ : สมาชิกสภาสูง, แอนนา เดอ บิส(Anna de Bis)
Ο
■ กองกำลังที่หนึ่ง: กองกำลังชนชั้นสูงจักรพรรดินีโดวาเจอร์ ผู้บัญชาการสูงสุด: ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย
ทหารเดินเท้า 24,000 (ทหารรับจ้าง, ทหารเกณฑ์). ทหารม้า 5,000 (อัศวิน 1,000)
■ กองกำลังที่สอง: กองกำลังสาธารณรัฐบัทตาเวีย ผู้บัญชาการ : สมาชิกสภาสูง, แอนนา เดอ บิส
ทหารเดินเท้า 15,000 (ทหารรับจ้าง, ทหารอาสา). ทหารม้า 7,000 (อัศวิน 150)
■ กองกำลังที่สาม: ทหารอาสาสมัครจากฟรานเคีย ผู้บัญชาการ : นักบวชเทพีอาร์เทมิส, จอร์น โบล ทหารเดินเท้า 12,000 (ชาวนา)
□ รวมทหารทั้งหมด: ทหารเดินเท้า 51,000 นาย ทหารม้า 12,000 นาย( อัศวิน 1,150 คน)
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
กองทหารของพวกเรายิ่งใหญ่มาก
ผมเคยกังวลว่า พวกบริททานี่นั้นจะใช้การแบ่งแยกแล้วพิชิตก่อนที่พวกเราจะระดมพลกันเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่กลายเป็นว่า ผมกังวลเก้อไปเอง
แทนที่จะมุ่งเป้ามาที่เรา พวกบริททานี่กลับส่งกองกำลังกลับไปยังบ้านเกิดแทน
ด้วยเหตุนั้นเองพวกเขาจึงมีทหารเพียง 15,000 นาย
ถึงจะรวมทหารองค์รักษ์ของจักรพรรดิแล้ว ก็มีราวๆ 25,000 นาย มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆหรอก แต่น่าเสียใจแทนพวกเขาเสียจริงนะ พวกเราน่ะมีกองกำลังมหาศาลถึง 60,000
ไม่สำคัญแล้วว่า เฮนริเอตต้าจะป่าเถื่อนแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเอาชนะ ทหารที่มีจำนวนมากกว่าถึง 2.5 เท่าของกองกำลังของตัวเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าผู้บัญชาการทหารหาญของพวกเรามิใช่ผู้ด้อยความสามารถ!
ไม่ใช่แค่ดยุค เฮนรี่ เดอ กุย ที่เป็นชายผู้หาญกล้าไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใด เขายังมีความสามารถในการคุมขุนนางคนอื่นๆอีกด้วย
ผมได้พบกับแอนนา เดอ บิส มาก่อนในตอนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรปลดแอก
แอนนานั้นเป็นหมายเลขสองรองจากไพมอนในแง่ของพรสวรรค์ต่างๆในทัพปลดแอก เธอก็ไม่มีทางเป็นคนไร้ความสามารถเช่นกัน
และตัวผมเอง จอน โบล ……ก็ใช่ว่า ผมไม่มีความสามารถทางการทหารเสียเมื่อไหร่กัน
ผมมีทหารรับจ้างผู้มากประสบการณ์อย่างแจ็กเกอรี่อยู่เคียงข้าง เสน่ห์ผู้นำนั้นเพียงพอที่จะจัดการควบคุมเหล่าทหารอาสาสมัครได้อยู่หมัด
สามปีที่ผ่านมาก็เพียงพอกับการที่ผมได้เรียนรู้อะไรสักอย่างสองอย่าง ผมได้นั่งเก้าอี้แถวหน้าดูนายพลเซปาร์กับบาร์บาทอสบัญชาการกองทัพของพวกเขา
นั่นเป็นประสบการณ์ที่เลอค่ามาก ผมจึงมั่นใจว่าอย่างน้อยผมไม่มีทางทำอะไรพลาดโง่ๆตราบใดที่ผมยังคอยฟังคำแนะนำของแจ็กเกอรี่
และกฏอีกข้อหนึ่งที่ผมยึดมั่นอย่างเข้มงวดเสมอ มาตลอดชีวิตของผม มันเป็นกฏที่ว่าด้วยการ ได้ชัยก่อนที่จะทำการรบ
กองทัพที่รับชัยชนะคือ กองทัพที่แน่ใจแล้วว่าได้ชัยแน่นอนแล้วจึ่งทำการรบ
เฮนริเอตต้า เดอ บริททานี่เอ๋ย ผมได้เตรียมการรบเต็มรูปแบบตามที่เธอต้องการแล้วยังไงล่ะ
แหม แต่น่าเสียดายนะ…….
มันดูเหมือนผมจะได้รับชัยชนะท่วมท้นก่อนที่เธอจะได้แสดงศักยภาพออกมาเสียอีก
นี่แหละความพ่ายแพ้ของเธอ
MANGA DISCUSSION