* * *
ราชประเพณีงานเลี้ยงล่าสัตว์ครั้่งนี้เริ่มต้นโดยไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ
ชนชั้นสูงต่างแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆตามแต่ที่อยากจะร่วมมือหรือแข่งกันในแต่ละเกม
พอถึงช่วงเที่ยงและได้เวลาพัก ข้ารับใช้ทั้งหลายต่างกลับมาพร้อมของที่ล่าได้ของเจ้านายตน
“มาร์คกราฟเวสฟอเลน ขอน้อมถวายบรรณาการแด่เจ้าหญิงโจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก!”
“บารอนริชโทเฟ่น ขอถวายบรรณาการนี้แด่เจ้าหญิงอลิซาเบธ ฟอน ฮับบวร์ก!”
“มาร์คกราฟโรเซนเบิร์ก อุทิศบรรณาการนี้แด่เจ้าหญิงโจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก!”
เชื้อพระวงศ์ทั้งสองที่อยู่ในงานล่าสัตว์ครั้งนี้ คือ องค์หญิงโจฮันนา และองค์หญิงอลิซาเบธ
เหล่าชนชั้นสูงต่างมอบของที่ล่าได้ให้แก่เชื้อพระวงศ์สตรีที่ตนปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นกวาง ,หมูป่า หรือสัตว์อื่นต่างก็ถมทับกองจนสูงท่วมต่อหน้าองค์หญิงแห่งจักรวรรดิทั้งสอง
“หึ”
“โอ้”
องค์หญิงทั้งสองพระองค์ต่างมองพวกเขาด้วยความสนอกสนใจ
เหล่ามาร์คกราฟรวมถึงชนชั้นสูงที่ต่างเคยอยู่กับฝ่ายมกุฏราชกุมารกลับมาเสนอบรรณาการของพวกเขามอบแด่เจ้าหญิงโจฮันนา
ส่วนชนชั้นสูงฝ่ายที่เป็นของเจ้าหญิงอลิซาเบธก็มอบบรรณาการแด่เจ้าหญิงของพวกเขา
เจ้าหญิงโจฮันนาแย้มยิ้ม
“ข้าจะทำยังไงดีกันล่ะ อลิซาเบธ? ดูเหมือนวันนี้น่ะข้าจะเป็นหญิงสาวผู้เป็นที่นิยมที่สุดเลยนะ”
โจฮันนาที่เคยตัวสั่นเทาเพราะการคุกคามของอลิซาเบธ ณ ตอนนี้เธอกลับกลายเป็นเพียงเจ้าอิมพ์น้อยใส่ซื่อจอมซุกซนเท่านั้น
แน่ล่ะ เจ้าหญิงอลิซาเบธเองก็เจ้าเล่ห์เจ้ามารยามาก ดังนั้นจึงไม่มีช่วงเวลาแม้สักเสี้ยวเดียวที่บนใบหน้าของเธอจะไม่ปรากฏรอยยิ้มที่ปาก
“ยังพอมีเวลาเหลือสำหรับการล่าได้อีกนะ สักพักแหละกว่างานจะจบนะ น้องเรา”
“อื่ม ใช่แหละ ยังมีเวลาเหลืออีก ถ้าจะให้รอเฉยๆก็คงน่าเบื่อน่าดูเลยล่ะ?”
“น่าเบื่ออย่างนั้นหรือ?”
เจ้าหญิงโจฮันนาหันมามองผม ผมรับสัญญาณจากเธอแล้วโค้งให้ด้วยความเคารพ ผมแอบลอบยิ้มเย็นชาอยู่ในใจ
มันได้เวลาสำหรับพวกเราที่จะแสดง ‘ไฮไล้ท์’ ของงานเลี้ยงล่าสัตว์ครั้งนี้แล้ว
‘เอาล่ะ องค์มกุฏการกุมารรูดอล์ฟ และองค์หญิงอลิซาเบธเอ๋ย
เกมจะเริ่ม ณ บัดนี้แล้ว พร้อมกันหรือยัง?’
ทั้งคู่ที่ได้ประกาศสงครามต่อฝ่าบาทโจฮันนา คนนึงทำอย่างเปิดเผยอีกคนหนึ่งทำแบบไม่เปิดเผย
ทั้งสองต่างมีความเย่อหยิ่งในฐานะที่ตนจะได้ครองบัลลังค์ อย่างที่ผมคิดนั่นแหละ พวกเขาทั้งคู่ต่างกล้าแสดงความไม่เคารพอย่างมากต่อองค์หญิงโจฮันนที่ที่องค์สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเลือกมาให้เป็นเจ้าภาพด้วยพระองค์เอง
‘พวกเรา’ คิดไว้อยู่แล้วล่ะ ว่าทั้งสองน่ะ จะต้องทำตัวแบบนั้น
“เฮ่ออออ อุ่ก”
ผมสั่งให้ข้ารับใช้ที่มาเป็นลูกน้องผมชั่วคราวแบกกล่องขนาดใหญ่มา เหล่าข้ารับใช้ต่างโอดโอยครางออกมาเมื่อนำมันมาวางไว้ที่นี่
ตุ่บ
กล่องกระแทกพื้นส่งเสียงดัง ชนชั้นสูงที่กำลังเพลินกับอาหารการกินหันกลับมามองทางพวกเราด้วยความสนใจในทันที
“นักรบผู้เป็นที่รักของข้าทั้งหลาย! พวกเจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก”
องค์หญิงโจฮันนาลุกขึ้นและปรบมือ ทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียวกัน
“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็อดจะกังวลกับงานอดิเรกของพวกท่านไม่ได้เลยจริงๆหลังพวกท่านน่ะตั้งใจประจบข้ากันสุดๆแม้ข้าจะอายุเท่าหลานสาวพวกท่านก็ตาม
อนาคตของฮับบวร์กอันเกรียงไกรนี้ช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชนชั้นสูงยกแก้วขึ้นแล้วอวยพรแด่องค์หญิงผู้เป็นเจ้าภาพ
ผู้คนต่างอวยพรกันไปมาท่ามกลางฝูงชนโดยไม่ต้องสั่ง ทุกเสียงทั้งหลายที่กล่าวอวยพรต่างดังขึ้นพร้อมเพรียงกันทำให้บรรยากาศดีเป็นอันมาก
มีเพียงมกุฏราชกุมารรูดอล์ฟเท่านั้นที่ทำหน้าลำบากใจ
“ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเจ้ามาก นักรบผู้เป็นที่รักของข้า ข้าจึงได้เตรียมของขวัญสำหรับพวกท่านทุกคนไว้ด้วย”
“โอ้? อย่างนั้นเองเหรอ องค์หญิง?”
มาร์คกราฟเวสฟอเลนสงสัย น้ำเสียงของเขานั้นดังก้อง แม้เขาจะถามด้วยความอยากรู้แต่ทุกคนต่างได้ยินทั่วกัน
“เหยื่อที่พวกท่านล่ามาได้น่ะ ทุกท่านต่างมอบสัตว์เหล่านั้นเป็นบรรณาการแด่ข้ามากมายเหลือเกิน ดังนั้นตัวข้าในฐานะเจ้าภาพ ก็สมควรจะล่าสัตว์ที่คู่ควรบ้างเช่นกันไม่ใช่หรือ?”
“หืมม? องค์หญิงนี่ท่านจะออกล่าอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่เลยล่ะ เป็นงานใหญ่งานโตเชียวละ”
เจ้าหญิงโจฮันนายิ้มออกมาอย่างกล้าหาญ
“แหม ออกจะเป็นโชคร้ายเสียหน่อยนะ แต่ข้าก็ต้องขอบอกกับทุกท่านตามตรงว่าเกมของข้านั้นเป็นคนละระดับกับของขวัญที่พวกท่านทั้งหลายมอบให้กับข้า”
“โฮ่ ข้าชักอยากจะเห็นเสียแล้วสิ”
ดวงตาของเหล่าชนชั้นสูงต่างเปล่งประกายวิบวับ พวกเขารู้ดีว่าเจ้าหญิงโจฮันนาไม่ใช่พวกชอบบลัฟชอบโม้
หากเจ้าหญิงประกาศเช่นนั้น มันก็หมายความว่า มันต้องเป็นเกมที่น่าประทับใจสุดๆหรือไม่ก็ต้องขำกลิ้งสุดฮาอย่างแน่นอน
“โลลิต้า”
“ครับ องค์หญิง”
ผมเปิดฝากล่องขนาดใหญ่ออกมา พอกล่องนั้นเปิดออก ‘ตัวเกม’ก็เปิดเผยด้วยเช่นกัน ชนชั้นสูงได้แต่มองด้วยสายตางุนงงเมื่อเห็นกล่อง
นั่นก็เพราะมีสาวน้อยคนหนึ่งอยู่ในกล่องใบนั้น
“สาวน้อยผู้นี้เป็นเกมขององค์หญิงหรือครับ?”
มาร์คกราฟเวสฟอเลนนั้นเอียงคอ ร่างของเขาใหญ่โตเหมือนกอริล่า มันเลยดูตลกแปลกๆที่เห็นเขาเอียงคอสงสัย
องค์หญิงโจฮันนาพูดออกมาทั้งรอยยิ้ม
“ใช่แล้วล่ะ เธอคนนี้เป็นคนทรยศ”
“……เอ่อ อะไรนะครับ? ขอประทานอภัยด้วยครับ องค์หญิง ข้าคิดว่า ข้าคงได้ยินอะไรบางอย่างไม่ชัด หรือฟังผิดไป”
“ข้าพูดว่า นางคือ คนทรยศ มาร์คกราฟเวสฟอเลน”
คนทรยศ
เหล่าชนชั้นสูงต่างสับสนแตกตื่น พวกเขาต่างมองกันและกันด้วยความสงสัยก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวคนนั้น
ผมไม่สนใจพวกเขาทั้งหมดแล้วหันมาตรวจสอบทั้งมกุฏราชกุมาร รูดอล์ฟและองค์หญิงแห่งจักรวรรดิ อลิซาเบธ
มกุฏราชกุมารถึงกับครางในลำคอ ในขณะที่เจ้าหญิงนั้นยิ้มออกมา
เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะเชื่อมโยงเบาะแสทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว
‘เจ้าหญิงอลิซาเบธ ท่านเองสินะ’
ผมบีบมือขวากำแน่น
Ο
* * *
ผมกับเซบาสเตียนนั้นวางแผนนี้หลายสัปดาห์ พวกเราคาดไว้แล้วว่า เจ้าหญิงโจฮันนาจะต้องตกเป็นเป้าหมายจากผู้สืบทอดราชบัลลังค์ทั้งสองที่มอบหมายการเป็นเจ้าภาพงานครั้งนี้ให้กับเธอ
เจ้าหญิงลำดับหนึ่ง,เจ้าชายลำดับสามและเจ้าชายลำดับสี่ ทั้งสามต่างตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ
หากไม่ใช่ไอ้พวกโง่งั่งอ่อนโลกจนเกินไป ใครๆต่างก็บอกได้ทั้งนั้นนั่นแหละว่า มันมีจุดประสงค์แอบแฝงหลังการตายของพวกเขา
เราจึงเชื่อแน่ว่า “การลอบสังหารนั้นยิ่งเข้ามาใกล้เจ้าหญิงโจฮันนา” และ “มันจะมาเร็วถึงขึ้นอีก”
“เอ๋ พวกนายคิดมากไปหรือเปล่าเนี่ย?”
เจ้าหญิงโจฮันนาทำหน้าสงสัยขณะที่ฟังความคิดเห็นของพวกเรา
“แค่ไม่กี่วันหลังจากข้าได้รับมอบหมายจากท่านพ่อ แล้วทำไมรูดอล์ฟกับอลิซาเบธถึงได้รีบกันขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
“ชีวิตอาจผ่านไปไวเหมือนดั่งลูกธนู แต่ความตายนั้นเร็วกว่านั้น องค์หญิงครับ โปรดจำเรื่องนี้ไว้ให้ดี”
“แล้วพวกเขาจะฆ่าข้าได้ยังไงกันล่ะ?”
“ข้าอยู่ในวังหลวงเลยนะ สถานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ไม่มีทางที่มือสังหารจะเข้ามาอยู่ในนี้ได้หรอก”
“องค์หญิงครับ มีมือสังหารมากมายอยู่ในวังหลวงแห่งนี้”
“หาาา? ใครน่ะ?”
“ทั้งสาวใช้และผู้ติดตาม จะยืนยันได้ยังไงครับ ว่าพวกเขาไม่ถูกชวนให้กลายเป็นมือสังหารเสียเอง?”
แล้วเจ้าหญิงก็โมโหขึ้นมาทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น
“ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นหรอก เจ้าโง่!”
เจ้าหญิงโจฮันนาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังเล็ก
ดังนั้นเธอจึงใกล้ชิดกับสาวใช้และข้ารับใช้มากมาย
ความจริงแล้วคนทำงานในวังต่างรักชอบพอเจ้าหญิงลำดับสองกันทั้งนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่า การวางแผนร้ายจะไม่มีทางเกิดขึ้นในที่แบบนี้…….
ผมและเซบาสเตียนนั้นพยายามร่วมกันเกลี้ยกล่อมองค์หญิง แต่เธอกลับโมโหและตะโกนดังลั่น
“เอาแบบนั้นก็ได้! อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าผลปรากฏว่า ไม่มีใครคิดลอบสังหาร ข้าจะจับพวกเจ้าถลกก้นแล้วหวดให้แดงเสียเลย!”
การที่เธอพูดว่าว่าจะหวดก้นพวกเรานั้น เธอไม่ได้ขู่เธอเอาจริง
พวกเราเหงื่อแตกพลั่ก แต่ก็เข้าใจและขอบคุณที่เธอให้โอกาสเรา
แผนของพวกเราง่ายมาก
“หากมีใครสักคนที่ตั้งใจจะลอบสังหารองค์หญิง คนๆนั้นก็ต้องเป็นข้ารับใช้อย่างแน่นอน ปัญหาคือ องค์หญิงน่ะมีข้ารับใช้ส่วนตัวแค่สองคน”
ผมบอกกับเซบาสเตียน
“และมือสังหารไม่มีทางช่วงใช้ท่านอยู่แล้ว คุณเซบาสเตียนครับ”
“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ?”
“นั่นก็เพราะคุณเซบาสเตียนนั้นเป็นข้ารับใช้เก่าแก่ของวังนี้ ความภักดีที่มีต่อ เจ้าหญิงโจฮันนานั้นเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วในการรับใช้มาหลายสิบปี จึงยากที่จะใช้ให้ท่านเป็นคนลอบสังหาร”
“ฮื่มมม”
เซบาสเตียนลูบหนวด
“ข้าเข้าใจแล้ว พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาจึงพยายามที่จะใช้แผนลอบสังหารผ่านทางท่านแทน…….”
“ถูกแล้วครับ ทั้งมกุฏราชกุมารและเจ้าหญิงอลิซาเบธต้องสั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหลายต่างจับตาดูผมไว้ตลอด”
ผมยิ้ม
“ข้อพิสูจน์ก็คือ จนถึงตอนนี้มีสาวใช้รวม 23 คนที่อยากมีค่ำคืนแสนซุกซนกับผม”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เซบาสเตียนหัวเราะด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
“ดูเหมือนช่วงนี้ท่านจะเป็นข้ารับใช้ที่เป็นที่นิยมที่สุดในประวัติศาสตร์จักรวรรดิเลย ขอแสดงความยินดีด้วย,โลลิต้า กระผมอิจฉาท่านจริงๆ”
“นี่แหละครับ ที่ว่าทำไมยิ่งโด่งดังก็ยิ่งมีปัญหา
เอาล่ะ แต่ก็อาจจะมีผู้หญิงบางคนที่อยากเข้าหาผมด้วยเจตนาบริสุทธิ์ที่อยากรู้จักผมก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้น……
ผมก็ปฏิเสธไปทั้งหมดนั่นแหละ”
เซบาสเตียนเลิกคิ้ว
“ทำไมท่านทำแบบนั้นกันล่ะ? เราสามารถเตรียมการรับมือได้หากท่านล่อพวกเขาเข้ามา”
“ผมบอกไปแล้วนี่ครับ อาจมีผู้หญิงบางคนอยากหลับนอนกับผมจริงๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่หลักฐานที่เพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าเป็นมือสังหาร”
เพราะอย่างนั้นแหละผมจึงต้องชี้นำ
“ผมจึงได้ปล่อยข่าวลือไปว่า ผมนั้นรับหน้าที่จัดหาขนมให้องค์หญิง”
“……แล้วความจริงท่านไม่ใช่ผู้จัดหามาให้หรอกหรือ?”
“ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ ‘ข่าวลือ’ ครับ คุณเซบาสเตียน”
ผมมองจ้องเขาด้วยแววตาจริงจัง
“ตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้ ผมได้รับขนมทุกแบบทุกชนิดจากเส้นสายของเจ้าหญิง แต่จากนี้ไปต่างหากล่ะ ผมได้ไปที่ครัวด้วยตัวเองเพื่อเอาขนม”
“แต่……หากท่านจะทำเช่นนั้น ท่านก็ต้องบากหน้าไปร้องขอคนรับใช้ในครัวแทนสิ”
“ถูกแล้วครับ นั่นคือเป้าหมายของผม”
เซบาสเตียนยังดูงงๆอยู่ ช่วยไม่ได้นะ อธิบายเพิ่มก็แล้วกัน
“แล้วทุกคนก็จะรู้ว่า ผมเนี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเพื่อให้ได้ขนมของเจ้าหญิงมา แล้วพอข่าวนั่นแพร่ออกไป แล้วคิดว่า บุคคลที่ตั้งใจจะลอบสังหารเจ้าหญิงจะคิดยังไงล่ะครับ?”
“……!”
ดวงตาของเซบาสเตียนเบิกกว้างราวกับตื่นรู้
“อ๋อ อย่างนี้เองน่ะหรือ? พวกเขาจะพยายามใช้ประโยชน์จากการที่ท่านกำลังลำบากนี้!”
“ถูกต้องครับ ก็มีคนที่พยายามแนะนำให้ผมรู้จักกับร้านขนมร้านลูกกวาด”
ผมแสยะยิ้ม
“หากพวกเขาพยายามฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับข้ารับใช้ในครัว ก็มีโอกาสน้อยที่พวกเขาจะเป็นมือสังหาร
แต่หาก พวกเขาตั้งใจจะชวนผมให้ไปร้านขนมนอกวังแล้วล่ะก็
……ชัดเจนแล้วล่ะว่า คนๆนั้นคือมือสังหาร ”
พวกเราได้วางเหยื่อล่อไว้แล้ว
ในระหว่างนั้นมีสาวใช้เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้ามาใกล้ชิดกับผมในช่วงก่อนงานเลี้ยงล่าสัตว์ประจำวัง
เอเลียน
ไม่เพียงแต่เป็นลูกสาวคนที่สี่ของชุนนางที่ตกต่ำเท่านั้น หากแต่เธอยังเป็นลูกเมียน้อยดังนั้นเธอจึงถูกขับออกจากตระกูลโดยปริยาย
ไม่มีใครที่เหมาะสมกับการเป็นมือสังหารมากไปกว่าเธออีกแล้ว
นั่นทำให้เจ้าหญิงโจฮันนาถึงกับช็อค
มีใครบางคนในหมู่สาวใช้ที่หมายเอาชีวิตเธอ องค์หญิงโจฮันนาไม่เคยได้รับความรักมาจากครอบครัวมาเลย
ดังนั้นเหล่าข้ารับใช้จึงเป็นเหมือนดั่งครอบครัวแท้ๆของเธอ……และหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้นก็ทรยศเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น บุคคลที่วางแผนลอบสังหารนั้นอาจเป็นได้ทั้งมกุฏราชกุมาร รูดอล์ฟ หรือ องค์หญิงลำดับสาม อลิซาเบธ
พี่ชาย และน้องสาว
ถ้าเป็นหนัง ฉากนี้ก็คงไม่ต่างจากจุดไคลแม็กของเรื่อง
เจ้าหญิงโจฮันนาถอนใจออกมาอย่างเศร้าซึม
“ใช่ ข้ารู้อยู่ก่อนแล้วแหละว่าวังมันเป็นสถานที่แบบนี้ แต่ก็ยังคงเศร้าอยู่ดี สุดท้ายแล้วข้าก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว…….”
“องค์หญิงครับ”
“โลลิต้า บอกข้าที ข้าควรทำเช่นไร”
ดวงตาขององค์หญิงนั้นทั้งมืดหม่นและสงบนิ่ง มันทำให้ผมปวดใจ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เชื่อว่า สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อเธอ…….
* * *
“นางสารภาพแล้วว่าเป็นมือสังหาร แต่ก็ยังคงภักดีและปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อผู้จ้างวาน”
เจ้าหญิงโจฮันนาหัวเราะคิกระหว่างพูด เหล่าชนชั้นสูงต่างตกตะลึงกับท่าทางขององค์หญิง
ไม่กี่วันที่แล้ว ผมแกล้งทำเป็นตอบรับคำชวนของเอเลียลแล้วล่อเธอไป เอเลียนตามผมมาอย่างยินดีปรีดา โดยไม่รู้เลยว่า ชะตากรรมแบบใดกำลังรอเธออยู่
การทรมานอย่างโหดร้ายเริ่มขึ้น มันเป็นทัณฑ์ทรมานที่ใช้มีดและผู้หญิงก็ไม่อาจทนได้ไหว
เธอใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงกว่าจะสารภาพออกมา
แต่ถึงอย่างนั้นก็คงมีเวทย์บางอย่างร่ายไว้บนร่างเธอทำให้เธอไม่อาจพูดชื่อ ผู้จ้างวานออกมา
องค์หญิงโจฮันนาคว้าดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วโยนไปที่เท้าของเอเลียน
“เอ้า หยิบดาบขึ้นมา เจ้ามือสังหาร”
“…….”
เอเลียนก้มมองต่ำขณะที่ตัวยังสั่น
แม้จะมองออกยากเพราะเธอมีเสื้อผ้าปิดคลุมอยู่ แต่ร่างของเธอนั้นเละเทะเพราะการทรมานที่ได้รับก่อนหน้านี้
การทรมานมีขึ้นต่อหน้าเจ้าหญิงโจฮันนา เอเลียนจึงได้แต่ตัวสั่นด้วยความกลัว
องค์หญิงยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่เหี้ยมเกรียม
“เป็นอะไรไป? เจ้าพยายามจะข้าฆ่ามิใช่หรือ ข้าผู้เป็นเชื้อพระวงศ์ เจ้าพยายามจะสังหารตัวข้า,ผู้เป็นเจ้าหญิงลำดับสองแห่งจักรวรรดิ โจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก
ข้าขอมอบโอกาสนั้นให้แก่เจ้า”
“อุ่ก …….”
“ข้าขอเตือนเจ้า การต่อสู้จะเริ่มขึ้นไม่ว่าเจ้าจะถือดาบไว้ในมือหรือไม่”
เอเลียนประคองดาบยาวไว้ในมือที่สั่นเทา มันไม่มีทางที่สาวใช้แขนบางอย่างนั้นจะถือดาบได้ดีหรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังโดนทรมานอย่างหนัก
เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าหญิงโจฮันนาก็พยักหน้า เธอดึงดาบออกจากฝักตัวเอง
การดวลได้เริ่มต้นขึ้น
“อะ-อ๊ากกกกกก!”
เอเลียลเปล่งเสียงร้องออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหาเจ้าหญิง ไม่ว่าใครก็บอกได้เลยว่า ท่าทางของเธอนั่นมันช่างมั่วมาก
แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าปลายดาบนั้นพุ่งตรงไปยังร่างขององค์หญิง ดังนั้นเหล่าชนชั้นสูงจึงแตกตื่นกันอย่างมาก
พวกเขาพยายามเข้าไปหยุดสาวใช้คนนั้น
“องค์หญิง อันตราย!”
แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหญิงโจฮันนาก็ไวกว่าพวกเขาไปก้าวหนึ่ง
เธอหลบเลี่ยงวิถีดาบของเอเลียลด้วยการหมุนตัว เธอหลบพร้อมทั้งกวัดแกว่งดาบของตน
ใบดาบนั้นเฉือนเข้าลำคอของเอเลียลอย่างแม่นยำ
เอเลียลที่ประคองร่างไว้ไม่อยู่ก็ล้มลง
ใบหน้าของสาวใช้ที่จมลงกับพื้นก็ไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้อีก
“…….”
ทุกคนต่างตกอยู่ในความเงียบ เหล่าชนชั้นสูงพูดอะไรไม่ออกขณะที่มองไปยังองค์หญิง
เธอเพียงแต่ยืนด้วยหลังตรง ก่อนจะสะบัดปลายดาบ เลือดกระเซ็นออกจากคมดาบกระจายไปทั่วพื้น
“เหล่านักรบผู้เป็นที่รักแห่งฮับบวร์กทั้งหลาย
มาร์คกราฟผู้ยิ่งใหญ่ ที่มาเป็นแขกในงานล่าครั้งนี้
ข้าทราบดีถึงข่าวลืออันน่ารังเกียจและข่าวชั่วช้าเกี่ยวกับราชบัลลังค์ที่ยังคงมาถึงหูพวกท่านไม่หยุดหย่อน”
เธอหมายถึงการตายที่น่าสงสัยของเจ้าหญิงและเจ้าชายแห่งจักรวรรดิทั้งหลาย
“แต่ข้าหวังว่า พวกท่านจะจำไว้ในใจเสมอที่จะไม่ลืมเกียรติยศ
ไม่ว่าจะมีผู้ใช้วิธีการต่ำทรามใดเพื่อคุกคามราชวงศ์ และกลุ่มบุคคลที่ไม่ปรากฏนามทำให้ราชบัลลังค์ต้องมัวหมองเสื่อมเสีย
,ตัวข้า โจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก จะแสดงให้พวกท่านได้เห็นว่า ข้าจะปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งนักรบจวบจนวันที่ข้าสิ้นลมหายใจ”
“…….”
“ดังนี้แล้ว พวกท่านอย่าได้กังวลเรื่อง ราชบัลลังค์ กลับไปยังดินแดนของพวกท่าน กลับสู่แนวรบของพวกท่าน
จัดการดินแดนตามหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมาย ป้องกันเขตขันธ์อาณาบริเวณของตน
ตัวข้า โจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก ขออุทิศตนเองเพื่อความสงบของวังหลวง ในขณะที่พวกท่านก็ปกป้องกำแพงแห่งฮับบวร์ก”
เจ้าหญิงโจฮันนายิ้มออกมา
“นี่คือ เกมที่ข้าอยากนำเสนอต่อพวกท่าน”
* * *
งานเลี้ยงครั้งนี้ใกล้จะจบลง
จริงๆมีการล่าต่ออีกหลังจากหลังรับประทานอาหารเที่ยง แต่ไม่มีชนชั้นสูงคนใดสนใจกับเรื่องการล่าอีกต่อไปแล้ว
พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า เจ้าหญิงลำดับสองที่ผ่านมาเอาแต่ใช้ชีวิตอย่างสันโดษมาจนถึงบัดนี้ ได้ย่างเท้าเข้าสู่การช่วงชิงบัลลังค์แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังใช้กลวิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สืบต่อกันมาจากโบราณกาลที่เรียกว่า ‘การดวล’
ชนชั้นสูงที่มีรสนิยมหน่อยเชื่อว่า วิธีการนั้นมันป่าเถื่อน แต่ชนชั้นสูงโดยมากต่างโดนใจกับความกล้าหาญในการกระทำดังกล่าวขององค์หญิงโจฮันนา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ามาร์คกราฟที่เป็นทหารหาญ ต่างประกาศให้การสนับสนุนองค์หญิงโจฮันนาหลังจบงานเลี้ยง
กลางคืนยิ่งดำมืด เมื่อกลางวันสิ้นสุดลง
เจ้าหญิงโจฮันนาไม่นอนเล่นบนเตียงเหมือนทุกที เธอยังคงดื่มไวน์ ผมยืนอยู่เงียบๆเคียงข้างกายเธอแล้วรินไวน์เติม เมื่อเธอต้องการ
“โลลิต้า,ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ข้าจะต้องไปแข่งกับรูดอล์ฟและอลิซาเบธ”
เธอบ่นพึมพัม
แม้ดูคล้ายจะพูดกับผม แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับเธอกำลังพูดกับอะไรบางอย่างที่อยู่นอกหน้าต่าง ผมได้แต่ปิดปากเงียบ
“ข้าอาจจะดีใจกว่าก็ได้ หากข้าต้องตายหลังจากมีความสุขเช่นนั้น แต่แม้แต่ข้ารับใช้ที่ข้าคิดว่า พวกเขาเป็นเหมือนเพื่อนก็ยังมาลอบสังหารข้า
ถ้าหากข้ายังคงใช้ชีวิตแบบนั้นต่อไป วันหนึ่งข้าคงต้องตายเพราะการลอบสังหารเข้าสักวันแน่ๆ…….”
“…….”
ไม่ครับ
ความตายที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นกำลังรอเธออยู่ แต่ผมไม่อาจพูดคำนั้นออกไปได้
ไม่ผมต้องไม่พูดออกไป……
“วันนี้เป็นวันแรกที่ข้าฆ่าคน แล้วต่อจากนี้ก็จะเป็นอย่างนี้อีกสินะ?
นี่ทั้งรูดอล์ฟและอลิซาเบธ……
ต่างเคยทำแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหรอ? ทำไมกันล่ะ……?
บัลลังค์มันไม่ได้มีค่าขนาดนั้นนี่…….”
ไหล่ขององค์หญิงสั่นเทิ้ม
ผมหันมองทางอื่น ข้ารับใช้ไม่สมควรเฝ้ามองนายตนร้องไห้
แม้ผมจะหันหน้าไปทางอื่นแล้วแต่ผมก็ยังคงวางมือทั้งสองอยู่บนไหล่ของเจ้าหญิงตัวน้อย
ถูกแล้วล่ะ องค์หญิง เราจะต้องก้าวผ่านสิ่งนี้นับสิบ นับร้อย นับพันครั้ง
นี่ก็เป็นเพราะผู้หมายเอาชีวิตของพวกเรานั้นเป็นผู้หญิงที่วันหนึ่งจะขึ้นมาเป็นสุดยอดผู้ปกครองแห่งผืนทวีปนี้
แต่อย่าห่วงไปเลย ผมจะไม่มีวันทอดทิ้งท่าน ผมจะให้การสนับสนุนท่านดังนั้นท่านไม่ต้องเหงาอีกต่อไป
ในเมื่อท่านช่วยชีวิตผมไว้ ผมก็จะปกป้องของท่านเช่นกัน
แม้ท่านจะตาย ผมก็จะตายไปพร้อมกับท่าน นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ข้ารับใช้ธรรมดาๆอย่างผมจะสามารถทำได้…….
ราตรีนั้นยิ่งมืดลง พวกเราต่างโอบกอดเกื้อหนุนกันและกัน โดยไม่รู้เลยว่า ราตรีอันมืดที่สุดนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่…….
ส่งท้ายผู้เขียน
– IF Route <Princess Defense> END.
หลังจากนี้ เจ้าหญิงโจฮันนา ฟอน ฮับบวร์ก,โลลิต้า,และเซบาสเตียน จะร่วมมือกันก้าวผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากไปด้วยกัน
แต่ในอนาคตที่จะต้องเผชิญกับสุดยอดผู้ปกครอง แล้วจะเอาชีวิตรอดมาได้อย่างไรนั้นก็ตามแต่จินตนาการของพวกคุณแล้ว
MANGA DISCUSSION