* * *
“ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร ฮับบวร์กต้องพังพินาศลง”
ผมพูดขึ้นระหว่างที่กำลังลูบคลึงผิวเกลี้ยงของลอร่า
“มันยากที่จะนึกถึงอนาคตของประเทศชาติที่สูญเสียดินแดนไปกว่าครึ่ง เจ้าหญิงเองก็ไม่ใช่พระเจ้า
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาน่ะ ยังถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ โดยเส้นด้ายนั้นก็กำลังจะถูกตัดโดยกองทัพจอมมารและกองทัพมนุษย์ฝ่ายอื่น…….”
สุดท้ายแล้ว การระดมกำลังทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราของผมนั้นประสบความสำเร็จ ผมสามารถตัดแขนขาของตัวตนสุดอันตรายแห่งมนุษยชาติลงอย่างเจ้าหญิงจักรวรรดิฮับบวร์กอลิซาเบธลงได้
เพิ่มเติมให้อีก การแบ่งฝักฝ่ายของจอมมารนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรดี
ไพมอนวางแผนที่จะฆ่าล้างฝ่ายที่ราบ แถมจอมมารทุกคนเว้นบาร์บาทอสไว้ ยังเลิกไล่ตามเมื่อมาถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายทั้งๆที่มันอยู่ตรงหน้า
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องการทรยศของอาร์คดยุคจากนรกอีก นี่มันช่างเป็นภาพฉายแห่งความอลหม่านอันแสนจะเยี่ยมยอด
“คราวนี้คำถามที่สอง ลอร่า”
“อุบ”
ลอร่าครางด้วยความประหม่า น่ารักเสียจริง
“ข้าได้ทำการซื้อเวลาและทั้งทวีปต่างตกอยู่ในความวุ่นวาย
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอยู่กลุ่มหนึ่งที่ยังรักษาความเป็นหนึ่งเดียวไว้ได้ภายใต้ข้ออ้างอย่างหนึ่ง กลุ่มนั้นคือกลุ่มไหนกัน?”
“กองทัพมนุษย์”
ลอร่าตอบมาในทันที
“ไม่นับฮับบวร์ก ชาติอื่นนั้นยังคงรวมกลุ่มกันได้ภายใต้ธงรบผืนเดียวกัน การปราศรัยของนายท่านทำให้เกิดการแบ่งแยกกันหว่างชนชั้นสูงกับสามัญชน แต่การแบ่งแยกนั้นได้ก็แพร่กระจายไปยังกองกำลังของพวกเขาและไปถึงสุดมุมทวีป”
“โอ้”
“นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไม กองกำลังมนุษย์ถึงได้ป้วนเปี้ยนรอบฮับบวร์ก
พวกเขาทำอย่างนั้นก็เพื่อสองอย่าง อย่างหนึ่งคือ สร้างความเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกับทหาร และเพื่อการเตรียมกำจัดการปฏิวัติที่จะมีขึ้นในอนาคต”
“บิงโก เจ้าตอบถูก”
ผมชื่นชมเธอ เธอพูดถูกแล้ว สมแล้วที่เป็นลอร่า พอเป็นเรื่องอำนาจทางการทหารเธอก็กลับมาท็อปฟอร์มเหมือนเคย
“การปฏิวัติไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ พวกเขาผ่านมาตั้งกาฬโรคและความอดอยาก ข้าได้แพร่พิษใส่โลกใบนี้ด้วยการพูดสุนทรพจน์
แต่ทั้งหมดที่ว่ามา ก็ยังขาดดอกสุดท้ายอยู่ดี”
พวกเราต้องแบ่งแยกพวกชาติต่างๆของมนุษย์ที่ดูเผินๆเหมือนจะร่วมมือกัน
สิ่งที่ผมต้องการคือ ให้ทุกคนฟาดฟันกัน
ไม่ว่าจะเป็นการพิชิตทวีปเพื่อเผ่าปีศาจหรือการรวมเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านจอมมาร มันต้องไม่มีข้ออ้างประเภทนั้นอีกต่อไป
ผู้คนทั้งหลายจะต้องทำไปเพื่อฝักฝ่ายของตนเอง……. พวกเขาต้องละโมบให้ถึงที่สุด
“นั่นแหละคือ เหตุที่ว่าทำไมข้าถึงใช้ยุทธศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ถึงสองยุทธศาสตร์ อยากจะลองเดาดูไหมว่า เป็นอะไรบ้าง?”
“…….”
ลอร่าลังเล ผมรอคำตอบของเธออย่างอดทน
เธอเหม่อไปเกือบนาทีก่อนจะยอมแพ้
“ฉัน ฉันไม่รู้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร มานี่สิ ลูกต่อไป–-”
ผมสอดลูกแก้วเข้าในที่ก้นของลอร่าเพิ่ม ลอร่าส่งเสียงแปลกๆออกมา
“เมื่อใดที่เจ้าตอบคำถามทั้งสองข้อของข้าไม่ได้ ข้าก็จะเพิ่มอีกลูกหนึ่ง”
“ดะ-เดี๋ยวก่อน นายท่าน การคิดคำนวนของท่านมันออกจะแปลก……อี๊!”
ทั้งร่างกายของลอร่านั้นกระตุก อื้มมม ช่างเป็นภาพที่น่าดูซะจริงๆ
ช่างเป็นความพอใจอันยิ่งใหญ่ที่ได้เห็นเด็กสาวอายุ 17 ปี ตัวสั่นเทิ้มอยู่ในอ้อมแขนผม การเห็นอย่างนั้นยิ่งกระตุ้นกามราคะขึ้นมา การได้เห็นใบหน้าที่บูดเบี้ยวและดูหวานกลัว ทั้งยังครางออกมา มันเหมือนกับผมได้ดูภาพงานศิลป์ชิ้นหนึ่ง
พูดอีกอย่างก็คือ ผมไม่ใช่ไอ้โรคจิตนะ ผมแค่เป็นผู้เสพงานศิลป์ ……. ใช่แล้วล่ะ ผมไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก แดนดี้ สุภาพบุรุษสุดสำอางที่กำลังเดินผ่านงานจัดแสดงภาพ
(TTL : แก้ตัวเก่งงงง)
พอมาคิดๆดูแล้ว <สไลม์ทรมาน> ที่เป็นหนึ่งในมอนสเตอรืใหม่ที่ผมซื้อได้แล้วตอนนี้ ผมใช้ประโยชน์เพื่อความบันเทิงได้แล้วนี่? หืมม ลอร่า เด็กสาวผู้มีผมบลอนด์ทองกำลังโดนสไลม์เหนียวเหนอะกลั่นแกล้ง
……. มันต้องใช้ได้แน่ มันต้องใช้ได้แน่นอน แม้แต่สุภาพบุรุษผู้เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิแห่งปารีสยังต้องลุกขึ้นยืนปรบมือยาวนานให้กับไอเดียนี้ ไว้คราวหน้าลองหาวิธีดูดีกว่า
“เอาล่ะ ข้าตั้งใจจะค่อยๆแสดงแผนของข้าให้เห็น เจ้าไม่สามารถหลบเลี่ยงการเมืองได้ไปตลอดหรอก สุดท้ายแล้ว การทหารก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เจ้าเข้าใจไหม? พยายามให้เต็มที่ล่ะ”
“อูวว……ฉันเข้าใจแล้ว”
ในบรรดาสองแผนนั้น แผนหนึ่งนั้นเกี่ยวกับการที่ผมเที่ยวไปเยี่ยมนรกในโลกปีศาจ
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ มันเป็นงานการก่อสร้างปราสาทจอมมารของผม การบริจาค― หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งวา การจ่ายภาษีโดยความสมัครใจ― จากเหล่าอาร์คดยุคที่จะมาถึงในเร็ววันนี้
ผมมั่นใจเรื่องนั้นสุดๆ
* * *
ครึ่งเดือนต่อมา
ลาพิสมาพร้อมกับเงินของอาร์คดยุคทั้งหลายและนักออกแบบ
ในโลกปีศาจ ก็อบลินและคนแคระนั้นต่างมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การก่อสร้างนั้นเป็นสิทธิพิเศษเฉพาะเผ่าที่ไม่อาจมีใครก้าวล่างเข้าไปได้
คนแคระเป็นของของไป 70 เปอเซ็นส์ ส่วนก็อบลินอีก 30 เปอเซ็นต์ ผมจึงเรียกตัวแทนของแต่ละฝ่ายมา
แต่เดิมผมไม่ได้วางแผนจะทำอย่างนี้หรอก ทีแรกผมกะจะใช้คนที่มีชื่อเสียงที่สุดในกลุ่ม มันเป็นโปรเจคใหญ่ดังนั้นอย่างน้อยก็กินเวลานับสิบปี ก็เป็นปกติอยู่แล้วที่ต้องเลือกกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ลองตรวจสอบ <หินอ่อนแดงก่อสร้าง> ที่บริหารโดยคนแคระ พวกเขาต้องการเงินก้อนใหญ่เลยล่ะ ผมถึงกับกลืนน้ำลายตอนที่ผมอ่านใบประเมินราคา
“อืมมม อย่างน้อยที่สุดต้องใชเงินเกือบ 20 ล้านโกลด์”
เป็นปัญหาแล้วล่ะ
หากผมทุ่มเงินทั้งหมดที่ได้จากอาร์คดยุคและยังใช้เงินจากอนาคต ผมก็แทบจะผลาญเงิน 20 ล้านโกลด์นั่นหมดในทันที ถึงทั้งหมดนั่นเป็นเงินที่ผมหลอกมาก็ตามที แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนักหากจะมองว่า ผมได้รับดันเจี้ยนใหม่มาฟรีๆ…….
ผมยักไหล่
“ช่วยไม่ได้นะ เรามาจ้าง <หินอ่อนแดงก่อสร้าง> ดีกว่า”
แต่ถึงอย่างนั้นลาพิสก็คัดค้านการตัดสินใจของผมอย่างแรง
“ท่านบ้าไปแล้วหรือคะ ท่านดันทาเลี่ยน? หากท่านส่งคำขอไปเพียงที่เดียว แน่นอนว่าพวกเขาต้องชาร์จเงินท่านแพงขึ้นแน่”
“หืม ? ห้ะ? ได้ยังไงกันล่ะ?”
“มันเป็นอย่างนี้ค่ะ”
ลาพิสแน่ใจทันที พอเห็นผมทำท่าเด๋อดาไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอก็กลับโกรธขึ้นมาราวกับเป็นประจักษ์พยานต่อสิ่งที่ไม่อาจให้อภัยได้
“ท่านไม่สมควรตอบรับราคาแรกที่ได้รับมาจากคู่ค้าของท่าน พวกเขาต้องตั้งยอดเงินไว้อยู่แล้ว แต่หลังจากนี้ขอให้ส่งใบเสนอราคาไปให้กับทุกกลุ่ม ด้วยราคาที่ว่านี้ แล้วสั่งให้พวกเขาหาทางใช้เงินตามราคาเสนอนั้นอย่างคุ้มค่าที่สุด”
“หะ-หาาา?”
“เป้าหมายของพวกเขา คือ การทำเงินอย่างแน่นอน มันเป็นปกติอยู่แล้วที่ต้องลดราคาลงเพื่อแข่งขันกับคนอื่น นั่นเป็นพื้นฐานทางธุรกิจอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ?”
พอมาคิดๆดู เธอก็ถูกเลยล่ะ
“ถะ-ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เรื่อง การประเมินราคาและการเลือกบริษัทเป็นหน้าที่ของเจ้า”
“ขอกล่าวอะไรเพิ่มนะคะ ท่านดันทาเลี่ยน ตอนนี้ท่านเป็นผู้ที่ร่ำรวยอย่างมาก”
ดวงตาของลาพิสฉายแววน่ากลัวขึ้นมาทันที
ตาของเธอเปล่งประกายราวกับว่ากำลังจะบ่นผมอย่างไม่จบไม่สิ้นอีกแล้ว
“ตอนนี้ท่านมีเงินถึง 14 ล้าน โกลด์ เร็วๆนี้ท่านก็จะได้มาอีก 1 ล้านโกลด์จากท่านสิตริ เพิ่มเติมให้อีกว่า ต่อจากนี้อาร์คดยุคจะส่งเงินให้ท่านอีก 5 ล้าน โกลด์ รวมทั้งสิ้นทั้งหมดท่านจะมีราวๆ 20 ล้านโกลด์
ที่ผ่านมาท่านบริหารจัดการเงินอย่างหละหลวม แต่นับจากนี้ดิฉันจะไม่อนุญาตให้ท่านทำตัวไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนั้นอีกต่อไป”
“พูดว่า ไม่คิดหน้าคิดหลังนี่มันออกจะ…….”
การเลือกคำของลาพิสนี่มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน
แต่ผมมีข้อแก้ต่างนะ ผมไม่เคยบริหารจัดการสมุดบัญชีมาก่อน ผมใช้ชีวิตที่ผ่านมาโดยไม่ได้เกี่ยวข้องเรื่องการค้าหรือการเงินมาก่อนเลย
“แสดงว่า ต่อจากนี้พวกเราจะเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการเงินกันเลยสินะ”
“ยิ่งไปกว่านั้นค่ะ”
ลาพิสตัดบทผม
“ท่านต้องเริ่มการควบคุมปกครองหมู่บ้านใกล้ปราสาทจอมมารในปีนี้ด้วย นั่นหมายถึงว่า จะต้องมีการจ่ายภาษี ท่านต้องสร้างระบบการจัดเก็บภาษีค่ะ”
“ระ-ระบบรึ?”
“สั่งให้ชาวบ้านเก่าแก่ทำบันทึกภาษี ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้ผู้ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินเพื่อจัดการกับเกษตรกรผู้เช่าที่ในหมู่บ้าน พวกเราต้องให้ความสนใจกับการแบ่งพื้นที่คลังสินค้า นั่นเป็นงานพื้นฐานะเลยค่ะ”
“…….”
โอเค ผมเข้าใจละว่า มันช่างเป็นปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนเหลือเกิน
“ถะ-ถ้าเช่นนั้นข้าจะมอบหมายงานบริหารจัดการหมู่บ้านให้กับเจ้า”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือยังไงกันคะ?”
– ตั่บ!
โหว
ดูเหมือนความเห็นผมเมื่อกี้นี้จะไปกระตุกต่อมเธอเข้า
ลาพิส ลาพิสของพวกเรานั้นทุบโต๊ะ!
ผู้หญิงที่ปกติจะเป็นศูนย์รวมแห่งความเยือกเย็นและเรียบร้อย
……. บุคคลที่ไม่สูญเสียความสงบนิ่งในใจแม้ตอนที่รถม้ากำลังถูกจู่โจมโดยมือสังหาร กำลังใช้มือทุบโต๊ะ!
“ขะ……ข้าขอโทษ”
ผมเผลอหดตัวในทันที ผมรู้ได้ทันทีเลยว่า ต้องระวังยามอยู่ต่อหน้าลาพิส ผมเลยแอบก้มหัวลงเล็กน้อยด้วยความอายต่อหน้าโทสะของเธอ มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ผมถูกดุในงานรวมญาติเลยล่ะ
“ท่านเป็นเจ้าของหมู่บ้านนะคะ ท่านดันทาเลี่ยน ดิฉันไม่ได้เป็นข้ารับใช้ของท่านเต็มตัว ดิฉันยังคงเป็นลูกจ้างของบริษัทเคียนคุสก้า การที่มอบหมายงานตนมาให้คนอื่นเป็นสิ่งที่ ลอร์ดผู้มีความรับผิดชอบไม่พึงกระทำค่ะ”
“ข้าขอโทษ…….”
“ยิ่งไปกว่านั้น การบริหารจัดการดินแดนนั้นไม่ใช่งานง่ายที่ทำได้ด้วยตัวเองคนเดียว ต้องอาศัยผู้จัดการคนหนึ่ง เพื่อสร้างกลุ่มข้ารับใช้ขึ้นมา แต่เดิมแล้ว คุณลอร่าเป็นข้ารับใช้ผู้หนึ่งผู้เดียวของท่านค่ะ”
“หืมมม?”
ลอร่าที่กำลังกินขนมปังวีทในมุมห้อง หันหน้ากลับมามองทันทีที่ถูกเอ่ยชื่อ
แก้มของเธอเปื้อนเศษขนมปัง เธอดูเหมือนแฮมสเตอร์น่ารักน่าชัง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ความน่ารักของเธอมันไม่อาจช่วยอะไรผมได้
“ค่ะ คุณลาพิส คุณควรมาตรงนี้ด้วยค่ะ”
“หยะ-หญิงสาวผู้นี้?”
ลอร่ามองไปมองมาระหว่างผมกับลาพิส นี่เธอรับรู้บรรยากาศที่แสนหนักอึ้งได้สินะ? ลอร่าตอบผมด้วยเสียงเล็ก
“ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้หญิงสาวผู้นี้กำลังอยู่ระหว่างกิน…….”
“ฟังไปกินไปได้ค่ะ”
“อะ-โอเค”
ลอร่าลุกลี้ลุกลนมาอยู่ข้างๆผม ลอร่าและผมนั่งข้างๆกันแล้วงุดหัวต่ำ พวกเรานั้นอย่างกับสองพี่น้องที่กำลังโดนแม่ดุ
ลาพิสยกนิ้วขึ้นแล้วพูดต่อ
“คิดให้ดีๆค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน ท่านเป็นจอมมารที่ได้รับเกียรติทางการทหาร โดยเผยแพร่ชื่อออกไปทั้งในทวีปมนุษย์และโลกปีศาจ
แต่ถึงกระนั้น ท่านก็ยังมีข้ารับใช้เพียงคนเดียว ให้แย่ไปกว่านั้นอีก ข้ารับใช้ของท่านนั้นทำได้แต่เรื่องทางการทหาร เธอนั้นไม่ต่างจากเมียน้อยหรือคนธรรมดาด้วยซ้ำไป นี่มันผิดปกติเกินไปแล้วค่ะ”
“ขอโทษ…….”
“ฉันขออภัยด้วยค่ะ…….”
ลอร่าและผมต่างขอโทษ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆแฮะ
“สิ่งที่ท่านต้องการตอนนี้คือ การจัดเคลียร์ แบ่งแยกระบบการจัดการ ร่างบันทึกการจ่ายภาษี เขียนคำสั่งจากเจ้าของที่ กฏข้อบังคับ การประกาศบนกระดานข่าว คำตัดสินคดีความ และจดหมายติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการต้องได้มาตรฐานค่ะ
ไม่สิคะ พอมาคิดๆดู ท่านไม่เคยแม้กระทั่งเคยออกคำสั่งด้วยซ้ำ”
ลาพิสถอนใจออกมา เธอรู้สึกรำคาญใจเกินกว่าจะโกรธ เสียงถอนใจของเธอบอกอย่างนั้น
“ที่ผ่านมาทำอะไรกันอยู่ค่ะ คุณลอร่า? ท่านเป็นข้ารับใช้คนแรกของท่านดันทาเลี่ยน เป็นหัวหน้าของข้ารับใช้ทุกคน นี่เป็นหน้าที่ของผู้ช่วยที่จะชี้จุดบกพร่องและให้การสนับสนุนนายตน”
“ฉะ-ฉันขอโทษค่ะ…….”
โทนเสียงของลอร่านั้นเศร้าใจ ไม่ใช่แค่ลอร่าคนเดียว ผมก็รู้สึกแย่ด้วย การตำหนิว่าลอร่าก็กระทบผมด้วยเช่นกัน
“การที่ท่านจะออกกฏพื้นฐานทั้งหลายที่ท่านคิดว่า ถูกต้องเหมาะสมนั้นต้องต้องดูจารีต ธรรมเนียม ประเพณีในหมู่บ้านก่อน แล้วดูว่าใช้สิ่งเหล่านั้นควบคุมจัดการความเป็นอยู่ในชีวิตอย่างไร ก่อนที่จะออกกฏหมายควบคุม”
“อืมมม”
ผมยกมือขวาขึ้น ผมทำเพื่อดึงความสนใจขณะที่รู้สึกแย่กับการที่ลอร่าถูกดุ
“ค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน พูดได้เลยค่ะ”
“ทำไมเราต้องออกกฏหมายควบคุมล่ะ ? ทำไมไม่ให้พวกเขาทำตามกฏหมายจารีตประเพณีไป(Common law) ? ข้าค่อยไปแทรกแซงตอนที่เกิดปัญหาขึ้นก็พอ”
“นั่นเพราะท่านต้องผูกขาดอำนาจในการตัดสินใจในฐานะลอร์ดค่ะ”
เป็นคำตอบที่ตอบกลับมาในทันที
“กฏจารีตถึงอย่างไรก็เป็นกฏจารีตอยู่ดี ซึ่งมันมีปัญหา หากทุกคนต่างทำตามเดิมเหมือนที่เคยทำมา มันก็ไม่ต่างจากการมอบอำนาจการตัดสินใจให้เป็นของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะมีอำนาจการตัดสินสองอย่างเกิดขึ้นในดินแดนเดียว
ต่อให้พวกเขาเคารพกฏจารีตจริงๆ แต่อำนาจการตัดสินคดีสมควรจะอยู่ที่ท่านลอร์ดแต่เพียงผู้เดียว นั่นเป็นขั้นแรกของอำนาจค่ะ”
เธอพูดถูก แล้วลาพิสก็ถอนใจออกมาอีกเฮือก
“ช่วยไม่ได้นะคะ เรามาค่อยๆร่างกันไปทีละแผนก็แล้วกัน ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านจะไม่สนการการเมืองไม่ได้ค่ะ สุดท้ายแล้วการวางแผนการณ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง กรุณาพยายามเต็มที่ด้วยค่ะ”
“อะโอ้……ข้าจะพยายามเต็มที่”
“ตัวฉันจะตั้งใจทำงานหนักเพื่อช่วยนายท่าน…….”
ลอร่าและผมคอตก ว่าแต่นี่พวกเราจะทำอะไรกันดีล่ะ?
สุดท้าย ความจริงที่ไม่น่าดูก็เปิดเผยออกมา ว่าโครงสร้างทางอำนาจระหว่างพวกเราเป็นแบบนี้
เหล่ามอนสเตอร์ < ลอร่า < ผม < ลาพิส
สำคัญกว่านั้นคือ ผมต้องแต่งตั้งผู้จัดการคนใหม่ด้วยสินะ ฮื่มมมม?
‘อืมม’
ความจริงแล้วใน <Dungeon Attack> ต่างมีผู้มีความสามารถกระจายอยู่เต็มไปหมด แต่ผมเลือกมาแค่เฉพาะลอร่าเท่านั้น ผมคิดว่า แค่นั้นก็พอแล้วซึ่งมันก็จริง จนกระทั่งถึงตอนนี้น่ะนะ
แต่ ก็ใช่แหละ ลาพิสพูดถูกจุดเลย ผมต้องเพิ่มจำนวนข้ารับใช้ หรือผมควรจะคิดดูว่า สมควรจะจ้างใครดีกันล่ะ……?
—-
*แดนดี้ สุภาพบุรุษสุดสำอาง(Dandy Parisian) เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 จนถึงกลางศตวรรษที่ 19
เมื่อสมาคม มาคาโรนิ(Macaroni) แห่งลอนดอนได้รวบรวมสมาชิกสุภาพบุรุษผู้ร่ำรวยที่เดินทางกลับจากอิตาลี่ เป็นต้นแบบแห่งเมโทรเซ็กช่วล ชายที่แต่งตัวหรูหรา รักสะอาด ฉีดน้ำหอมฟุ้งและยังสวมคอเซ็ทเพื่อให้มีทรวดทรงเป็นนาฬิกาทราย
MANGA DISCUSSION