“เป็นไปไม่ได้!”
ผู้บัญชาการห้องป้อมปราการอุทานเสียงหลง
มีการเสริมด้วยพลังเวทย์ที่ประตูหน้าอยู่ทุกชนิด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเวทย์ที่ร่ายจากจอมเวทย์แปดวงเวทย์ที่อยู่มานานกว่า 200 ปี
<ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีประเภทใด จะป้องกันได้หนึ่งครั้ง>
โดยไม่สำคัญว่า ผู้โจมตีจะมีพลังกำลังเท่าใด ตราบใดที่เป็นการโจมตีก็ยังสามารถบล็อคได้ครั้งหนึ่ง
มันเป็นสุดยอดเวทย์ทรงพลังที่ซ้อนทับกันถึง 7 ครั้ง พูดง่ายๆคือ ต่อให้คุณร่ายเวทย์อุกกาบาต(เมเทโอ)ใส่ประตู คุณก็ต้องทำอย่างนั้น 7 ครั้ง เพราะเมเทโอที่กระแทกลงมาแต่ละลูกนับเป็นหนึ่งการโจมตี
ถึงอย่างนั้นผู้บัญชาการก็ได้เห็นประตูพังทลายลงด้วยฝีมือของจอมมารที่ถือขวาน
“รู้สึกเหมือนมีอะไรเยอะแยะอยู่บนประตูนี่ ขอโทษทีว่ะ”
เบเลธเดินไปยังทางเข้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยควันฝุ่น
ผู้คุมที่ยืนประจำอยู่หลังประตูในระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อไปพร้อมกับประตู
หนึ่งในนั้นก็มีทหารโชคร้ายที่ถูกเศษเหล็กเศษไม้แทง ส่วนทหารที่โดนผ่าครึ่งสวยๆนั้นเครื่องในก็กระจายไปทั่ว และแม้แต่ชายโชคดีที่รอดชีวิตจากแรงระเบิดก็ยังร้องครางด้วยความเจ็บปวด
“โอ่…….”
เบเลธเหวี่ยงขวานเป็นจังหวะเดียวกับย่างก้าว
เนื้อมนุษย์กระจายและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ลานสังหารที่ประกอบขึ้นจากสองอย่างนั้นเป็นสิ่งที่จอมมารเบเลธชอบดูเป็นที่สุด มันเป็นชั่วขณะที่เบเลธคิดว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
จอมมารโดยปกติแล้วเป็นสิ่งที่ไม่เสถียรนัก นั่นก็เพราะพวกเขาได้รับรู้อารมณ์ของปีศาจรอบกาย จึงยากที่จะแยกว่าสิ่งไหนเป็นอารมณ์ตน อารมณ์ผู้อื่น
เส้นกั้นแบ่งที่ไม่ชัดเจนสำหรับจอมมาร ทำให้จอมมารทุกตนต้องหาวิธีคุมสติตัวเอง
วิธีการที่เบเลธเลือกคือการเข่นฆ่า โดยไม่ให้รอบๆมีอะไรเหลือนอกจากตัวเขา ณ เวลานั้นเองที่เขาได้มาถึงสมรภูมิ
ณ เวลาแห่งชัยชนะ
ณ เวลาที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจะพึงพอใจ
นั่นเป็นช่วงเวลาเพียงลำพังที่เบเลธมันใจว่า ใช่ นั่นแหละ เป็น ‘ของเขา’ ทั้งหมดเป็นของเขา
เสียงครางที่มาพร้อมศพขาดครึ่งเป็นเหมือนดั่งเมโลดี้ที่ไพเราะสำหรับเบเลธ
ดังนั้นแทนที่จะเร่งรีบทะลุประตูไป เขากลับค่อยๆเดินอ้อยอิ่งราวกับอยากลากช่วงเวลานี้ให้นานขึ้นอีกสักหน่อย
“ไอ้ระยำ นี่แกแอบใช้ลูกเล่นอะไร!?”
“หืมมม”
มีเสียงแทรกขึ้นมารบกวนท่วงทำนองนั้น เบเลธเดาะลิ้น นั่นคือ นักดาบที่ตะโกนท้าดวลในที่ราบคนนั้นนั่นเอง
เธอคงมาจากตระกูลชนชั้นสูงแน่ๆจึงได้ตำหนิจอมมารด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“เอ๋ คุณหนู ท่านที่ช่างไร้รสนิยมเสียจริง ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังเพลิดเพลินกับการฟังดนตรีอยู่น่ะ?”
ผู้ชำนาญดาบคนนั้นหรี่ตา
“……ดนตรี? นี่แกพูดไร้สาระอะไรของแก? ที่อยู่ที่นี่มีแต่ความตาย”
“อ้า เจ้าก็มีคำเรียกของเจ้า ไม่มีอะไรนอกจากความตาย ข้าใช้ชื่อนั่นเรียกบทเพลงในวันนี้ ฮื่มม มันช่างไพเราะ ไพเราะเสียเหลือเกิน”
เบเลธผงกหัวให้กับตัวเองอย่างพึงพอใจ นักดาบหญิงโกรธขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังหยอกล้อเธอเล่น
เธอแน่ใจแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องรักษามารยาทอีกต่อไป เธอจึงชักดาบออกมาจากฝัก
‘เขาตัวใหญ่โตขนาดนั้น อาจจะสมองกลวงก็ได้’
ผู้ชำนาญดาบตั้งดาบพร้อมพุ่งเข้าใส่จอมมาร การมีร่างใหญ่นั้นหมายถึง เขามีระยะโจมตีที่ไกลกว่า
ความแตกต่างของระยะนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญในการดวล หนึ่งต่อหนึ่ง การโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่ยังไม่ได้อยู่ในท่าเตรียมนั้นเป็นโอกาสที่ดีที่สุดเพียงโอกาสเดียว
ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะปล่อยให้ใครเข้ามาในระยะการโจมตีของพวกเขาได้
‘ข้าก็แค่หลบการโจมตีครั้งแรกให้ได้’
การโจมตีที่พยายามทำให้เธอถอยหลังไปจะมาอย่างแน่นอน มันจะจบลงทันทีหากเธอโดนเข้าไป อีกฝ่ายจึงพยายามกดดันด้วยการรักษาความได้เปรียบนั้นได้
เฉกเช่นเดียวกับสิงโตที่พยายามไล่ต้อนสัตว์ที่บาดเจ็บ หากเธอปล่อยให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นเธอจะทำอะไรไม่ได้และต้องตายลงในที่สุด
‘หาา?’
แต่ถึงอย่างนั้น เบเลธกลับบปล่อยให้เธอเข้ามาในระยะของเขาเสียเฉยๆ
เขาไม่ยกขวานขึ้นด้วยซ้ำ เขาได้แต่ยิ้มเยาะราวกับเฝ้าดูอะไรที่น่าสนุกอยู่
‘นี่มันใช่กับดักหรือเปล่า?’
ความสงสัยแวบเข้ามาในหัวของเธอทันที ไม่เลย ผู้ชำนาญดาบสรุปได้ทันที เธอได้คิดไปล่วงหน้าสองก้าวแล้ว ชายที่ตัวใหญ่อย่างกับออเกอร์นั้นลดความระวังลงจริงๆ
เขาอาจจะวางแผนอะไรบางอย่างไว้ แต่ผู้ชำนาญดาบก็ไม่ประมาทจอมมารตรงหน้าเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีความจริงบางอย่างที่อาจเป็นไปได้ ความจริงที่ว่า เธออาจจะแทงเขาได้ด้วยดาบ และความจริงที่ว่าอีกฝ่ายอาจจะอยู่ๆเพิ่มความระวังขึ้นมาทันที
จึงไม่มีเหตุผลที่จะลังเลอีกต่อไป
“ไฮย่าาาา!”
ผู้หญิงคนนั้นตะโกนออกมาในขณะที่แทงดาบยาวออกไป เบเลธยังคงรักษารอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
* * *
“ฝ่าบาท ขออภัยที่รบกวน แต่ข้ามีคำถาม”
จอมมารลำดับ 16 เซปาร์พูดขึ้น บาร์บาทอสหันมาหาเขาด้วยทำเสียง ‘หืม?’
“มีอะไรรึ? พูดออกมาสิ”
“ทำไมท่านถึงมอบหน้าที่แนวหน้าให้กับเบเลธมิใช่ข้า?”
ในขณะนี้กองทัพภาค 6 ของทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราได้รวมตัวกันอย่างปลอดภัยพร้อมทั้งกองทัพภาค 2 เพื่อบุกไปด้วยกัน
กองธงนับร้อยโบกสะบัดยามต้องลมเมื่อพวกเขาเดินข้ามที่ราบ
บาร์าทอสมิได้ขี่ม้าศึกหรือหมาป่าดำ หากแต่ขี่หมีขาว หมีสีขาวบริสุทธิ์เข้ากันได้ดีกับเส้นผมสีขาวของเธอ
บาร์บาทอสหัวเราะลั่น
“อะไรน่ะ? ตอนนี้แกโกรธเรื่องนั้นน่ะรึ? แกมันเป็นผู้ชายประเภทไหนกันเนี่ย?”
“อะแฮ่ม”
เซปาร์กระแอมตอบรับ เขาเคยสาบานไว้ว่าจะไม่โกหกเมื่ออยู่ต่อหน้าบาร์บาทอส มันออกจะน่าอายนักที่เขาต้องยอมรับว่าตัวเองกำลังโกรธ การปฏิเสธไม่ยอมรับนับเป็นการผิดคำสาบาน
บาร์บาทอสเข้าใจความรู้สึกของเซปาร์ดี เธอจึงได้แต่ปลอบโอ๋ชายแก่
บาร์บาทอสนั้นแก่กว่าเซปาร์ถึงสามเท่า ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เขาก็ดูเป็นเหมือนจอมมารรุ่นน้องสำหรับเธอ
เขาดูเหมือนเด็กชายตัวน้อย การได้เห็นเด็กชายตัวน้อยพยายามกลบเกลื่อนความอายยิ่งทำให้เธอรู้สึกเอ็นดู
“เคะเคะ แกโกรธจริงๆสินะ หา? เอาน่า พูดออกมาตรงๆเลยซี่ว่า เซปาร์ของพวกเราน่ะกำลังโกรธ”
“……ฝ่าบาท, ข้ายังต้องรักษาภาพลักษณ์ของข้าในฐานะนายพลใหญ่”
เซปาร์บ่นด้วยน้ำเสียงเหมือนเจอปัญหา แม้แต่วิธีพูดก็ยังดูน่ารักสำหรับบาร์บาทอส เธอฉีกยิ้ม
“ดีล่ะ มันจริงที่ข้าตั้งใจให้เจ้ากับเบเลธแข่งกัน ทั้งสองกลุ่มต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน หากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดดเด่นเกินไป การบริหารทั้งกลุ่มก็จะไม่น่าเชื่อถือ
แถมเด็กคนอื่นๆในฝ่ายที่ราบจะได้เรียนรู้จากการที่แกทั้งสองต่างแข่งขันกันด้วย
ดูซะ ถ้าแกไม่พยายามให้มาก แกก็ไม่สามารถรักษาตัวแปรพวกนั้นไว้ได้”
“ครับ ข้าเข้าใจเรื่องนั้น”
เซปาร์ค้อมหัวให้ด้วยความเคารพอย่างสูง
“ข้านั้นภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ถูกฝ่าบาทใช้งาน”
“อี๋”
บาร์บาทอสแสดงสีหน้ารังเกียจออกมา
“ไอ้การทำตัวเหมือนอย่างกับสาวใช้นั่นมันอะไรกัน?
สำหรับคนที่เกิดมาเป็นชายและยังเป็นจอมมาร ไม่มีความตั้งใจอะไรให้มากกว่านี้หน่อยเรอะ?
อย่าพูดเลยว่าแกยินดีที่จะถูกใช้งาน แต่ให้พูดว่า จะพิชิตโลกหรือห่าอะไรสักอย่างดีกว่า”
“ฝ่าบาทเป็นผู้เดียวที่จะแบกรับความฝันแห่งเผ่าปีศาจ พูดได้ว่า ท่านคือ ความปรารถนาของพวกเขาที่เป็นรูปธรรม การรับใช้ท่านก็เป็นเหมือนกับการทำงานให้กับเผ่าปีศาจ
ข้าเชื่อว่า การทำงานให้กับเหล่าปีศาจนั้นเป็นพันธกิจในฐานะจอมมาร”
“อ้าก แกนี่มันจริงใจจนเกินไป”
บาร์บาทอสส่ายหัว
มันก็รู้สึกดีนั่นแหละที่เขาภักดีกับเธอ แต่เธอควรจะพูดยังไงดีล่ะ? เธออยากเห็นเขาทำตัวเหมือนจอมมารสักหน่อย
ดังนั้นดันทาเลี่ยนจึงพิเศษ ดันทาเลี่ยนรับคำสั่งของเธอแต่ก็ดื้อรั้นที่จะเดินตามเส้นทางตัวเอง
‘แม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่’
ทำไมไอ้คนที่พูดว่าจะพักนอนเล่นที่ปราสาทจอมมาร กลับเทียวไปเทียวมาทั่วโลกปีศาจกันล่ะ?
เขาต้องวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ
เอาจริงๆนะ เขาเป็นคนที่ชอบวางแผนมากมายไม่สิ้นสุดเสียจริงๆ
บาร์บาทอสนั้นชื่นชอบดันทาเลี่ยนมากกว่าคนอื่น เขาไม่อาจเชื่อใจได้เหมือนอย่างเบเลธหรือเซปาร์ แต่ในขณะเดียวกันทั้งสองคนนั้นก็จะอยู่ในฐานะลูกน้องเธอไปตลอด
ดันทาเลี่ยนนั้นไปไกลเกินกว่า ความสัมพันธ์ เจ้านาย-ลูกน้อง และยืนอยู่ในฐานะเพื่อน ทั้งคู่ต่างมีเป้าหมายของตัวเอง และเป็นเพื่อนผู้ยินดีที่จะช่วงใช้กันและกัน
ดันทาเลี่ยนเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่บาร์บาทอสนั้นสามารถทำเช่นนั้นได้
เธอเคยมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง……แต่นั่นเป็นอดีตไม่ใช่ตอนนี้ แม้เป้าหมายจะต่างกัน แต่พวกเขาก็ควรจะสามารถรักษาความเป็นเพื่อนได้ตราบที่เป้าหมายยังมีร่วมกัน
แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นไปได้เช่นกันที่บุคคลที่มีเป้าหมายเดียวกันนั้นไม่อาจอยู่ร่วมกัน
ความสัมพันธ์ของเพื่อนที่ไม่มั่นคงอาจเปลี่ยนกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจได้ในทันที
หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับดันทาเลี่ยนล่ะ?
หากเวลาผ่านไป ดันทาเลี่ยนจะทรยศเธอเหมือนที่ผู้หญิงคนนั้นทำในอดีตหรือไม่?
และถ้ามันเกิดขึ้น เธอจะทนมันไหวไหม?
มันใช้เวลาเกือบ 1,500 ปี นับจากที่แยกทางกับผู้หญิงคนนั้นก่อนที่ดันทาเลี่ยนจะกลายเป็นเพื่อนใหม่ผู้ใกล้ชิดกับเธอ
คราวนี้เธอต้องการเวลาอีกสักกี่พันปีกัน?……?
“ถ้ามันเกิดขึ้น ข้าจะอัดเขาแล้วทำให้เขากลายเป็นคนรับใช้ของข้า”
“อะไรนะครับ? ข้าต้องขออภัยด้วย ฝ่าบาท แต่ข้าไม่เข้าใจ”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่คิดว่า การลงโทษอาจเป็นยารักษาที่ดีที่สุดสำหรับไอ้ห่าที่ไม่ยอมฟังข้า”
เซปาร์ยังคงงุนงงอยู่แต่บาร์บาทอสไม่ใส่ใจเขา
“หืมม เข้าใจจุดยืนของข้าด้วยเถอะ ข้าจำต้องให้แกกับเบเลธนั้นแข่งกัน เซปาร์เอ๋ย แกน่ะได้โคตรชื่อเสียงไปมากมายตั้งแต่ภูเขาดำ
แกประสบความสำเร็จในการตรึงกำลังศัตรูที่โจมตีเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าที่ออสเตอร์ลิทซ์”
“ทั้งหมดนั่นเป็นความยอดเยี่ยมของฝ่าบาท”
“ช่าย ช่าย ข้านั้นยังเป็นเหตุผลที่ฟ้าเป็นสีฟ้าและเกาะถือกำเนิดขึ้น
แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่า แกทำเพื่อกองทัพพันธมิตรเรามากเกินไปแล้ว
เซปาร์ แกน่ะได้ทำผลงานไปมากที่สุด บุคคลที่สองรองลงมาก็คือ ดันทาเลี่ยน ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในหน่วยของแกอยู่ดี”
บาร์บาทอสใช้แขนทำท่ากากบาท
“มันจะกลายเป็นปัญหา หากแกยังสร้างผลงานไปมากกว่านี้ แกจะมีอำนาจมากเกินไปในฝ่ายที่ราบ
และเมื่อเป็นอย่างนั้นข้าก็ต้องล้มแกด้วยวิธีการที่ไม่สมควรซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าไม่อยากทำ ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่ให้เบเลธแบ่งผลงานไปบ้าง”
“ข้าเข้าใจ”
เซปาร์ผงกหัวอย่างนอบน้อม
ความพอใจของบาร์บาทอสเป็นสิ่งสำคัญกว่าสำหรับเขา เซปาร์นั้นเป็นกังวลว่า บาร์บาทอสจะชื่นชอบเบเลธมากกว่าเขา จึงได้ส่งเบเลธไปเป็นแนวหน้า
ตอนนี้เซปาร์ดูผ่อนคลายลง เขาไม่แคร์แล้วว่า เบเลธจะเป็นแนวหน้าหรืออะไร ความกังวลเป็นห่วงของเขาหายไปสิ้น
ความจริงแล้ว ตราบใดที่บาร์บาทอสยังสุขภาพแข็งแรงดี เซปาร์ก็ไม่สนใจอะไรเรื่องการเมืองภายในฝ่ายที่ราบทั้งนั้น
“อีกเรื่อง เบเลธเหมาะกับการเป็นแนวหน้ามากกว่าแก”
“อะไรนะครับ?”
“เซปาร์ แกอาจจะยอดเยี่ยมเรื่องการบัญชาการทหารนะ แต่ข้าจะพูดว่ายังไงดีล่ะ?”
บาร์บาทอสฉีกยิ้ม
“หมอนั่นน่ะ มันชั่วร้ายยิ่งกว่ารูปลักษณ์เสียอีก”
* * *
“…….”
ผู้ชำนาญดาบกลับต้องหยุดลง เธอไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้ไหว
ดาบยาวของเธอหยุดอยู่ตรงจมูกของเบเลธ อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น หากเธอก้าวได้อีกเพียงก้าวเดียว ดาบที่เคลือบฉาบด้วยออร่าจะฟันเข้าที่หัวของจอมมาร แต่ถึงอย่างนั้น จอมดาบอย่างเธอก็ไม่อาจเดินไปได้อีกก้าว
“คุก อุ่ก”
เลือดไหลออกจากปากของเธอ
เลือดสีแดงนั้นมิได้ไหลออกจากที่ปากเธอเพียงอย่างเดียว
ทั้งหัวเข่า น่อง ช่วงท้อง สะโพก อก และไหล่ ดาบหกเล่มแทงเข้าไปที่ตำแหน่งทั้งหกบนร่างของเธอ ดาบนั้นแทงมาจากพื้น พูดให้ชัดกว่านั้น มันมาจากในเงา
ดาบทั้งหกโผล่ขึ้นมาอย่างฉับพลันทะลวงร่างกายของเธอ ทันทีที่เธอกำลังจะหวดใส่เบเลธ ซึ่งนั่นเป็นจังหวะที่พวกเขารออยู่
เดธไน้ท์
ผู้ชำนาญดาบใช้พลังเหนือมนุษย์ของเธออดทนต่อความเจ็บปวด เธอจำได้ว่า เดธไน้ท์นั้นจะอยู่แต่ในเงา
แต่แม้เธอจะสามารถทนได้ ดาบที่แทงเข้าไปอย่างแม่นยำทำให้เธอขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
“ไอ้-ไอ้ขี้ขลาด…….แกไม่มีศักดิ์ศรี……ในฐานะนักรบรึไง……?”
“อ้า ไม่ ข้าไม่มี ว่าแต่ข้าไม่ได้บอกเจ้าไปแล้วหรือไง?”
เบเลธยกขวานขึ้นกลางอากาศ เขาแสยะยิ้มออกมาทั้งที่เงื้อขวานไว้เหนือหัว
“ว่า ช่วงนี้กระแสผู้ชายระยำมันมาแรง น่ะ”
เขาสับขวานลงราวกับผ่าฟืน
MANGA DISCUSSION