ผมสามารถทำเงินได้ 100,000 โกลด์อีกครั้ง แม้ไม่อาจจะเทียบได้กับ เงิน 1,000,000 โกลด์ที่ สิตรินั้นสัญญาจะให้ผมยืม
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำงานก่อสร้างในดันเจี้ยนของผมแล้ว ผมวางแผนที่จะเดินหน้าตารางงาน
สิ่งนี้ก็เป็นเหมือนเงินทุนตั้งต้นในการทำธุรกิจ……. มันไม่มีทางที่ผมจะยอมคืนให้ เมื่อมาถึงมือผมแล้ว มันก็ต้องเป็นของผมสิ!
‘แต่ผมไม่อยากทำงานเลยอ่าาาา……!’
ผมอยากมีเซ็กส์ ผมอยากมีเซ็กกกกกกส์
ผมอยากไปเที่ยวเล่น ผมอยากไปเที่ยวเล่นนนนนน
ผมทำฟาร์มเมื่ออยากจะทำ และถ้าหมดอารมณ์ก็แค่เลิกไปอยู่กับมอนสเตอร์ ชีวิตที่เป็นเหมือนกับอยู่ในสวรรค์ 100,000 โกลด์ก็ยอดเยี่ยมอยู่หรอก แต่ถ้าจะให้ผมต้องออกจากสวรรค์แห่งนี้ นี่สองเท้าของผมมันต้องประท้วงแน่
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วถ้าเราเอาเงินไปโดยแกล้งทำเป็นไม่รู้ล่ะ?”
ดวงตาของลาพิสกลับเย็นชา มันเหมือนเธอกำลังมองขยะที่เผาไม่ได้อยู่ อึก
มันเป็นไปไม่ได้อย่างนั้นสินะ หาา?
จะไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด พวกผู้ทรงอิทธิพลในสังคมปีศาจนั้นไม่ใช่พวกโง่เง่า พวกเขาคงทำอะไรสักอย่างเพื่อคุกคามผมแทน บ้าเอ๊ย
“ทำไมเธอถึงทำโดยพลการโดยไม่รอการยืนยันกับผมแต่แรก?”
“หากดิฉันไม่ทำอย่างนั้น ท่านก็คงจะนอนขี้เกียจต่อไปจนทุกอย่างจบค่ะ ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจได้เป็นผู้นำทางฝ่ายที่ราบ แต่การสร้างสายสัมพันธ์กับโลกปีศาจก็ไม่อาจเลี่ยงได้”
ลาพิสโค้งให้
“ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านอาจตำหนิดิฉันอย่างไรก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นขอให้ท่านฟังเหตุผลของดิฉันด้วย ท่านพูดเช่นนี้เองในช่วง <ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า>
……มันย่อมเป็นผลดีต่อท่านหากศัตรูเลือกที่จะอยู่นิ่งเฉย ท่านจะได้จู่โจมในขณะที่อีกฝ่ายตัดสินใจตั้งรับ”
ปฏิบัติการณ์มิเนอร์ว่า มันเป็นแผนที่พวกเราใช้เพื่อล่อให้บาร์บาทอสและเริ่มก่อสงครามพันธมิตรเสี้ยวจันทรา ผมเรียกชื่อแบบนั้นขณะที่วางแผนการกับลาพิส
มันมีความหมายว่า บินข้ามไปในขณะที่ทุกคนยังหลับไหลอยู่
“ทุกสิ่งนั้นเป็นไปตามที่ท่านดันทาเลี่ยนปรารถนาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ช่วงนี้ท่านทำอะไรอยู่คะ? นอกจากข้ออ้างว่าพัก ท่านกำลังใช้เวลาในแต่ละวันไปกับเรื่องหื่นกาม ท่านกำลังฆ่าเวลาเพียงเพราะท่านมีเงินมากเพียงพอ”
ลาพิสชี้มาที่ผมตรงๆ
“บุคคลที่เอาแต่นิ่งเฉยตอนนี้ คือ ท่านนั่นแหละค่ะ
ท่านดันทาเลี่ยน ทุกชาติในทวีปตอนนี้กำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง กองทัพจอมมารและกองทัพมนุษย์กำลังสู้กันในศึกถึงเป็นถึงตาย”
ผมกลับรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในอก
ลาพิสยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆต่อ
“ผู้วางแผนหลักทั้งหมดกลับนั่งอยู่เฉยในดินแดนของตนเองแล้วใช้เวลาอันแสนสงบสุข สำหรับดิฉันแล้ว นั่นไม่ใช่ความสงบสุขค่ะ แต่เป็นการเฝ้ารอก่อนพายุใหญ่จะมา
ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านต้องตระหนักถึงสิ่งนี้นะคะ แต่มนุษย์นั้นจะคุกคามท่านในทันทีที่สงครามจบลง แล้วท่านตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?”
“…….”
ผมไม่มีอะไรจะพูด
ผมเตรียมพิมพ์เขียวสำหรับอนาคตไว้แล้ว ผมใช้เวลาไปเรื่อยๆเปื่อยๆในแต่ละวัน ผ่านไปหลายเดือนเพราะมีเงินไม่พอ
ผมได้เตรียมตัวไว้สำหรับอนาคตจริงหรือเปล่า? ผมเก็บเกี่ยวความชอบและความเชื่อใจ เพื่อรักษาฐานตำแหน่งของตนในฐานะลอร์ด นั่นใช่สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้แล้วอย่างนั้นหรือ?
ไม่ใช่
ผมรู้เรื่องนั้นดียิ่งกว่าใครทั้งหมด
“เลิกเล่นเป็นเด็กได้แล้วค่ะ อิทธิพลของตัวท่านนั้นน้อยเสียจนเกือบไม่มี
ท่านดันทาเลี่ยนคะ มันน้อยและอ่อนแอมากเสียจนท่านจะไม่เหลืออะไรเลย หากไม่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากฝ่าบาทบาร์บาทอส
ท่านดันทาเลี่ยนคะ ท่านเป็นผู้พูดเองมิใช่หรือว่า ท่านต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเอง”
คำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ผมพูดกับลาพิสเมื่อปีที่ผ่านมา ผมจำได้ชัดตอนที่พูดนั้นผมพยายามจะโน้มน้าวให้ลาพิสมาอยู่ฝ่ายผม แต่เธอปฏิเสธเพราะเชื่อว่า ซัคคิวบัสที่ต่ำต้อยเช่นนั้นไม่มีประโยชน์
– ข้าเป็นผู้กำหนดเองว่า ข้าจะใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ใช่เจ้า ลาพิส ลาซูลิ!
แล้วตอนนี้ผมกำลังทำอะไรอยู่ ถึงได้กล้าตะโกนคำพูดนั้นออกไปอย่างเชื่อมั่น? ตอนนี้ผมดูเป็นอย่างไรในสายตาลาพิส?
“ไม่มีอะไรสายเกินไปค่ะ ท่านดันทาเลี่ยน โปรดลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองค่ะ”
“…….”
ผมเงียบทันที
เธอพูดถูกนับเป็นร้อยๆครั้ง นี่ก็เกือบปีแล้วนับตั้งแต่ที่ผมโดนปาร์ตี้ของริฟจับไว้และเกือบจะตาย ตอนนั้นเอง ผมตัวสั่นด้วยความกลัวจึงหาวิธีที่จะรอด
แต่ถึงอย่างนั้น ความคิดนั้นก็จางลงหลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว ที่ผมมั่นใจมากเกินไปเพราะแผนของผมมันได้ผลอย่างนั้นหรือ? ที่ผมคลายความระวังเพราะผมคิดไว้แล้วว่า มันน่าจะโอเคถ้าได้พักสักหน่อยหรือ ?
เฮงซวยอะไรเช่นนี้
“เธอพูดถูกต้อง ลาพิส”
ตอนนี้ยังไม่สายไป
“ยังคงมีผู้ที่ยังเหยียดหยามพวกเราด้วยอำนาจที่พวกเขามี……ใครจะไปคิดกันว่า ข้าจะลืมเรื่องพวกนั้นได้ หรือเจ้าคิดว่าในสมองข้านั้นมีแต่เนื้องอกหรืออย่างไร?”
ลาพิสยกมือขวาทาบอกและโค้งให้
“ดิฉันล้ำเส้นและได้ทำการประณามท่านค่ะ ได้โปรดลงโทษดิฉันด้วย”
“ข้าคงไม่มายืนจุดนี้ และอนาคตเช่นนี้คงไม่มีด้วยเช่นกัน หากไม่ได้เจ้า”
ผมให้อภัยลาพิสพร้อมกับขอบคุณเธอไปพร้อมๆกัน ด้วยคำพูดประโยคนั้น
ลาพิสโค้งต่ำลง พวกเราไม่จำเป็นต้องพูดจาใดๆต่อกันอีก
ไม่ใช่แค่ความเงียบแต่อากาศรอบข้างกลับรุ่มร้อนขึ้น บางอย่างเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ไม่สิ บางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้นต่างหาก เช่นเดียวกับตอนที่ผมได้ตัดสินใจใช้กาฬโรคเพื่อผลักดันให้ทั้งทวีปกลายเป็นนรก มันคือ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศเช่นเดียวที่ยังคงตกค้างอยู่กับพวกเรา
ถูกแล้วล่ะ ผมเป็นคนที่เริ่มต้นสถานการณ์พวกนั้นเอง ก่อนที่จะรู้ตัวผมก็ไถลออกนอกเส้นทางและลาพิสเป็นคนดึงให้ผมกลับมา…….ดูเหมือนจำนวนครั้งที่ผมต้องขอบอกขอบใจเธอจะยิ่งเพิ่มขึ้น
ถ้อยคำแสดงความซาบซึ้งใจมิใช่สิ่งที่ลาพิสต้องการ ผมรู้เรื่องนั้นดี นั่นคือ สาเหตุที่ว่าทำไมผมถึงได้แสดงความขอบคุณผ่านการกระทำนับแต่นั้น
“เหล่าผู้นำแห่งโลกปีศาจอย่างนั้นหรือ? พวกเขามอบเงิน 100,000 โกลด์ให้ข้า เพราะอยากที่จะพบข้า พวกเขาย่อมต้องผิดหวังหากข้าไม่อาจทำได้ตามความคาดหวังของพวกเขา”
ผมถูคางตัวเอง
“ลาพิส บอกข้ามาว่า ใครให้เงินมากที่สุด ให้พบข้าไปตามลำดับจากมากสุดหาน้อยสุด”
“ดิฉันทราบว่า ท่านจะต้องพูดเช่นนี้”
ลาพิสยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มนั้นจางหายไปแทบจะในทันทีหากไม่สังเกตให้ดี ลาพิสสอดมือเข้ากระเป๋าจากนั้นดึงม้วนกระดาษออกมา
“นี่คือ รายชื่อของผู้ที่หาโอกาสมาพบท่านค่ะ อาร์คดยุคทั้ง 26 ท่านที่อาศัยอยู่ในโลกปีศาจ ท่านต้องไปพบ 20 ท่านในรายชื่อนี้ก่อนค่ะ”
“ยอดเยี่ยม”
ผมกล่าวชมความสามารถของเธอ
มี 26 ขุมนรกในโลกปีศาจ คำว่า ‘นรก’ นั้นเป็นอีกคำหนึ่งที่หมายถึงดินแดน ดังนั้นในโลกปีศาจจึงมี 26 ดินแดน
รายชื่อมากมายของขุมนรกไล่เรียงอยู่ในกระดาษที่ลาพิสส่งให้ผม เธอได้เขียนรายชื่อของดินแดนรวมถึงผู้ปกครองที่มอบเงินให้ผม
*กาละสุตรา (Kalasutra)
**โรรุวนา (Raurava)
***มหาโรรุวนา (Maharaurava)
****ฐาปนา (Tapana)
*****อวิชิ (Avici)
รายชื่อทั้ง 20 นั้นต่างเป็นผู้ปกครองที่อยู่ในตำแหน่ง อาร์คดยุค และชื่อของพวกเขาก็ตั้งตามดินแดนที่ตนปกครอง
ตัวอย่างก็เช่น อาร์คดยุคที่ปกครองนรกฐาปนา ก็จะถูกเรียกว่า อาร์คดยุคฐาปนา
จอมมาร 72 ตน อยู่ในโลกมนุษย์และ 26 อาร์คดยุคก็ปกครองอยู่ในโลกปีศาจ พวกเขานั้นคือตัวตนที่สูงสุด ที่ยิ่งใหญ่และเป็นดั่งรากฐานการปกครองของแห่งเผ่าปีศาจ
มีหลายวิธีมากที่จะทำให้กลายเป็นจอมมาร คุณอาจจะเกิดมาพร้อมฐานะจอมมารหรือใช้ชีวิตเป็นปีศาจไปจนอยู่มาวันหนึ่งกลายเป็นจอมมารก็ได้
พูดง่ายๆคือ มันไม่ได้มีกฏแน่นอนนักหรอก แต่อีกด้านหนึ่ง มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะได้เป็นอาร์คดยุค
เอาชีวิตรอดให้นานที่สุด
ซึ่งนั่นต้องใช้พละกำลังอย่างไม่น่าเชื่อเพื่อที่จะเป็นอาร์คดยุค ชาติกำเนิดไม่สำคัญ ฐานะไม่สำคัญ คุณจะเป็นอาร์คดยุคได้ก็หลังจากที่ปีนขึ้นมาจากเหวลึกที่รู้จักกันในชื่อว่า การแข่งขันไร้ที่สิ้นสุด
การทรยศ,แผนร้าย และพันธมิตรที่เป็นสิ่งทั่วไปที่จะพบในเหวลึก
พวกนั้นย่อมต้องเป็นตัวตนที่เน่าเฟะเหมือนจอมมารลำดับ 72 อันโดรมาลิอุสในหมู่จอมมารด้วยกัน……แต่พวกอาร์คดยุคนั้นต่างออกไป พวกเขาแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัว พวกเขาจึงเป็นผู้อยู่กว่าทุกคนและรู้กันโดยธรรมชาติแล้วว่า พวกเขาสามารถแทงข้างหลังได้ทั้งที่ยังยืนโค้งคำนับ
และพวกเขาก็คงจะตัดสินใจทำทันทีที่โค้งให้ผม
ทำไมล่ะ? มันไม่ใช่เพราะผมทรงพลังหรอก พวกเขานั้นเชื่อว่า ผมจะผงาดขึ้นเป็นสมาชิกหลักท่ามกลางจอมมารอย่างบาร์บาทอส มาร์บาส สิตริและคนอื่นๆ
ตัวตนอย่างจอมมารพวกนั้นไม่ต้องมีสายสัมพันธ์อาร์คดยุคเลยด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับเร่งเข้าหาเพื่อสร้างสัมพันธ์กับดันทาเลี่ยน
เพราะถ้าพวกเขาเอาชนะใจผมได้ พวกเขาก็มีอิทธิพลต่อทั้งฝ่ายที่ราบ ฝ่ายภูเขาและฝ่ายเป็นกลาง……. พอพวกเขาคิดได้อย่างนี้แล้ว ก็ย่อมต้องเร่งมือเป็นธรรมดา
ลาพิสสังเกตเห็นจุดนี้
เธอจึงลากให้พวกเหล่าอาร์คดยุคกระวนกระวายให้มากที่สุด พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากโดนจูงไปจูงมาทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว
พวกเขาไม่อาจล้าหลังต่ออาร์คดยุคคนอื่น และยิ่งผู้ปกครองที่เป็นคู่แข่งยิ่งมาก ก็ยิ่งมีคนจับตาเฝ้าสังเกตต่อความผิดพลาดของคุณ พวกเขาก็พร้อมใช้จุดอ่อนนั่นจัดการคุณ เหยียบให้คุณจมดิน
สมแล้วที่เป็นลาพิส เธอนั้นมีทักษะชั้นหนึ่งในการหาเงินมาให้ผมอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้ไม่นับเรื่องทักษะนั้นเสีย ความจริงที่เธอกล้าบงการตัวตนที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกปีศาจนั้นทั้งที่ชาติกำเนิดของเธอต่ำต้อยก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เธอกล้าแค่ไหน
‘แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงคิดถึงผมด้วย’
ลาพิสไม่ใช่พวกบ้างานงกๆโง่ๆ เธอเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาก็ควรจะพัก เมื่อตอนที่ผมมีอาการป่วยจอมมารอย่างหนัก เธอก็เป็นคนที่แนะนำให้ผมไปพักร้อนผ่อนคลายที่เนฟเฮม
เธอไม่ได้บ่นแม้สักครั้งในช่วงที่เธอตามผมไปพักด้วย
ระหว่างนั้นเอง ลาพิสก็เป็นตัวแทนของผม เธอให้ผมพักสักหน่อยเพื่อให้ตัวเองได้เตรียมงานเพื่ออนาคตไว้ เธอต้องมาถึงวันนี้เพราะเธอคิดมาแล้วว่า ผมพักผ่อนพอแล้ว
นี่ยังไม่นับว่า เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดอีกหรืออย่างไร?
ผมค่อยๆอ่านในกระดาษ และหันไปมองลาพิส ดวงตาฟ้าครามของเธอมองมาที่ผม
“มีคำถามอะไรอื่นหรือคะ?”
เธอไม่ได้ตัดสินสิ่งที่ผิดว่าผิด เธอมองในแง่ความเป็นจริงอย่างมาก เธอให้เวลาผมในการฟื้นฟูร่างกายและระหว่างนั้นก็คำนวนไปด้วยว่า ต้องโน้มน้าวผมอย่างไร เพราะสามารถมองเห็นได้ตามความเป็นจริงอย่างนั้นเธอจึงได้ขยับตำแหน่งขึ้นมาจากปีศาจระดับต่ำได้
“ไม่มีอะไร มันก็แค่”
ผมหัวเราะเบาๆ
“ข้ารู้สึกว่า มันช่างยอดเยี่ยมนักที่มี เธออยู่ข้างกายข้า”
“…….”
ลาพิสหยุดนิ่งไปด้วยความประหลาดใจเมื่อฟังคำชม
แต่มันก็แค่ชั่วขณะ เธอได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ไม่ใช่แค่เอกสารที่ท่านต้องอ่านค่ะ ดิฉันยังคงค้นคว้าแนวโน้มทิศทางของอาร์คดยุคแต่ละคน รวมถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีด้วย
มีทั้งอาร์คดยุคที่สนิทกับฝ่ายที่ราบและอาร์คดยุคที่ร่วมมือกันกับฝ่ายภูเขา มันจะเป็นปัญหาได้หากท่านไม่ชัดเจนในเจตนาทางการเมืองและจุดยืนของพวกเขาให้ดี”
“แหม หนักขนาดนี้ข้าจะตายเอาได้นะเนี่ย”
ผมแกล้งทำเป็นครวญครางอย่างกลัดกลุ้ม แน่นอนล่ะ ลึกๆผมแอบยินดีกับเธอ เห็นชัดเลยว่านั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องทำด้วยตัวเอง
ผมใช้วันทั้งวันในการอ่านเอกสารเหล่านั้น รายงานของลาพิสนั้นมีแต่ประเด็นสำคัญๆทั้งนั้น
สิ่งที่เขียนไม่ได้เอาไว้โอ่อวดว่า เธอหาข้อมูลมามากมายแค่ไหน
ทั้งหมดเป็นข้อมูลที่มีแต่เรื่องสำคัญเท่านั้น
“ออกจะแปลกไปหน่อย ถึงจะบอกว่า ฝ่ายภูเขานั้นมีอำนาจมาก แต่การที่มีอาร์คดยุคมากมายเป็นพันธมิตรกับฝ่ายภูเขานี่ มีคำอธิบายไหม?”
“ใช่ค่ะ อาร์คดยุคส่วนมากต่างก็สงสัยแนวคิด เรื่องการพิชิตโลกมนุษย์อยู่เช่นกันค่ะ…….”
ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถตอบได้ในทันทีที่ผมถาม เป็นเรื่องยากที่จะมีใครมีความสามารถระดับนั้น
ซึ่งนั่นทำให้ผมเข้าใจโครงสร้างทื่แข็งแรงในโลกจอมมารได้ภายในคืนเดียว
ลอร่าทิ้งตัวลงและนอนฟังบทสนทนาของพวกเราเล็กน้อย แต่ไม่นานเธอก็เบื่อแล้วหลับอยู่บนเตียง ลาพิสกับผมนั้นจุดเทียนแล้วยังคงพูดคุยกันตลอดทั้งคืน
“เอาล่ะ”
เกือบรุ่งสางแล้ว
“เพียงพอต่อการดำเนินการแผนของเราโดยไม่มีปัญหาใดๆ”
“ดิฉันก็คิดเช่นนั้นค่ะ”
อ่า ลาพิสแอบยิ้มอีกแล้ว ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดเพื่อจะปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้ นั่นเป็นความคิดที่แวบเข้ามาในหัว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปพบเหล่าอาร์คดยุคจากนรกกันเถอะ”
ด้วยหนทางและความหมายที่คู่ควรกับ ‘ดันทาเลี่ยน’
—-
ชื่อ นรกดังกล่าวอ้างอิงมาเป็นภาษาอังกฤษ(แปลจากสันสฤติทำให้ไม่ตรงกับชื่อนรกที่คุ้นเคยกันที่แปลเป็นไทยแต่เดิม
ดังนั้นจึงมีเชิงอรรถตรงนี้เพื่อความเข้าใจตรงกัน ส่วนในเนื้อเรื่องจะใช้ชื่อแรกสุดนะ
-สัญชีวะ (Sanjiva) : นรกขุมที่ 1 สัญชีพนรก
*กาละสุตรา (Kalasutra) : นรกขุมที่ 2 กาฬปุตตะ
-สัมกาตะ (Samghata) : นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก
**โรรุวนา (Raurava) : นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก
***มหาโรรุวนา (Maharaurava) : นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก
****ฐาปนา (Tapana) : นรกขุมที่ 6 ตาปะมหานรก
-ประฐาปนา(Pratapana) : นรกขุมที่ 7 มหาตาปะนรก
*****อวิชิ (Avici) : นรกขุมที่ 8 อเวจีมหานรก
ส่วนKakola hell ผู้แปลคาดว่า น่าจะเป็น สิมพลีนรก อยู่ในยมโลกีย์นรกขุมที่ 2 เนื่องจากมีลักษณะที่บอกว่า จะมีนกแร้ง นกกามารุมทึ้งจิกเนื้อเป็นหลัก (โดยสิมพลีนรกอยู่ในยมโลกีย์นรกซึ่งเป็นนรกขุมย่อย ส่วน นรก 8 ขุมข้างต้นนั้นเป็นนรกขุมใหญ่ นอกจากนี้ยังมีนรกบริวาร(อุสสุทนรก)อีก 4 ขุม)
:อ้างอิงจากหนังสือไตรภูมิ โดยพระมหาวีระ ถาวโร วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
MANGA DISCUSSION