นักบุญหญิงถึงกับผงะ เธอขบริมฝีปากตนอย่างรุนแรง ดวงตาของเธอจ้องมองราวกับกำลังด่าว่าไพมอน
ไพมอนมองกลับไปแล้วยังคงยิ้มขณะที่พูด
“ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความบังเอิญ นักบุญกราเซีย”
“……พระเจ้าจะไม่มีวันให้อภัยเจ้า”
“โอ้ ข้าก็สงสัยเช่นนั้นเหมือนกัน พระเจ้าคงไม่มีทางที่จะเมตตาปรานีต่อเลดี้ผู้นี้แล้วล่ะ”
ไพมอนโบกมือขวา
“เมโมเรีย – รีคอร์ดาทิโอเน่”
วิดีโอฉายขึ้นในอากาศ เช่นเดียวกับฉากที่ผมทรมานแจ็ค แต่คราวนี้มันปรากฏเป็นภาพของไพมอนกับกราเซียแทน ……ทั้งสองนั่งเผชิญหน้ากันในห้องหินที่มีแสงอาทิตย์ฉายเข้ามา
– ประกาศว่า จอมมารดันทาเลี่ยนนั้นเป็นผู้บงการเบื้องหลังกาฬโรคหรือ……?
– ใช่ ถูกต้องแล้ว
– หลักฐานแน่นหนา แต่ทำไมล่ะ? ข้าไม่เข้าใจท่านมีเจตนาอะไรถึงให้ข้อมูลนี้กับพวกเรา
ไพมอนในวิดีโอนั้นยิ้มอย่างสบายใจ
– กราเซีย, เลดี้ผู้นี้รู้นิสัยของผู้คนดี เจ้าน่ะต้องการแพะรับบาป ถูกไหม?
– …….
– ความไม่พอใจของเหล่าสามัญชนที่ถึงจุดเดือดจนเกิดการแบ่งแยกกันระหว่างสามัญชนกับชนชั้นสูงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น สถานการณ์เช่นนั้นก็ยากที่จะจัดการกับกองกำลังของพวกเจ้า
ทั้งการรักษาอำนาจราชบัลลังค์ แม้แต่อำนาจในโบสถ์เอง เวลาอย่างนี้แหละ……มันต้องเป็นงานที่ยากลำบากแน่ๆ
นักบุญหญิงกราเซียตอบกลับไปอย่างเย็นชา
– มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะต้องกังวล จอมมารไพมอน
– ถูกต้องแล้ว ให้ข้าย้อนคำนั้นกลับไปเถอะ สาเหตุที่ว่า ทำไมเลดี้ผู้นี้ถึงได้ปรารถนาให้ดันทาเลี่ยนนั้นย่อยยับก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องกังวล สิ่งที่เลดี้ผู้นี้เสนอให้เกิดประโยชน์แก่เจ้าหรือไม่ นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาเอง
– ……อย่างนั้นดี หากเป็นเช่นนั้นแล้ว เรามาทำสัญญากัน
– ได้ เรามาทำสัญญากัน สัญญาโดยไม่มีการโกหก
แล้วเวทย์มนตร์บันทึกวิดีโอก็จบลงตรงนั้น
ผมถึงกับอึ้งตะลึงงัน ผมกำลังดูฉากเหตุการณ์ที่สองคนกำลังแลกเปลี่ยนสัญญาลับกันด้วยความเซอไพร้ส์ แค่คิดว่า เครือข่ายของไพมอนนั้นไปไกลถึงขนาดไหนก็ทำให้ผมหนาวไปจนถึงไขสันหลัง
ผมคิดว่า เธอนั้นร่วมมือกับอลิซาเบธ เจ้าหญิงลำดับสามของจักรวรรดิเพียงคนเดียว แต่กลายเป็นว่า เธอนั้นไปวางแผนร่วมกันกับนักบุญหญิงผู้มีชื่อเสียงอีกด้วย…….
จนถึงตอนนี้ ผมคิดว่า ไพมอนแค่ทำไปเพื่อฮีโร่เพราะเธอรักมนุษย์ แต่ความจริงแล้วมันอาจจะมีเหตุผลอื่นๆซ่อนอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ?
หรือความรักที่มีให้กับพวกมนุษย์นั้นก็อาจจะเป็นเหตุผลทางการเมืองด้วยเช่นกัน……?
หรือเธอวางแผนการอย่างลับๆ ลึกระดับที่มองไม่เห็นรากเลย
หากเป็นอย่างนั้นจริง ยิ่งทำให้ผมยากที่จะเข้าใจ เธอมีเส้นสายมากมาย กำลังพลก็เยอะแยะ เธอได้บดขยี้หลักฐานดังกล่าวแล้วฟอกให้ผมเป็นผู้บริสุทธิ์
ตอนนี้กลายเป็นว่าไม่มีนักปกครองฝ่ายมนุษย์คนใดจะเชื่อถือไพมอนอีก มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เธอจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นของเธอกลับคืนมาใหม่
ทำไมกันล่ะ?
ทำไมเธอถึงช่วยผมไว้ ทั้งที่เธอเองนี่แหละที่เป็นผู้ขุดกับดักเอง?
หากจะมองในมุมอื่น ไพมอนก็เพิ่งจะโยนความเชื่อที่เธอเก็บเกี่ยวมาอย่างยากลำบากนับร้อยหรืออาจนับพันปี เพียงเพื่อชั่วขณะที่จะช่วยเหลือผม ผมไม่เห็นเข้าใจเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้เลย…….
“จอมมารไพมอน”
นักบุญหญิงกราเซียสะท้อนก้อง
“ข้าเคยเชื่อว่า การดำรงอยู่ท่านเจ้านั้นมีเหตุมีผล ……แต่ดูเหมือนข้าจะเข้าใจผิดไป ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าท่านทำอะไรลงไป? ตอนนี้ถือว่า ท่านจบสิ้นแล้ว”
“ไม่มีอะไรที่จบสิ้นทั้งนั้น”
นักบุญหญิงพ่นลมออกจมูก
“ขอให้พระเจ้าอวยพรเจ้าก็แล้วกัน”
ภาพของนักบุญหญิงหายไปจากที่ราบ เวทย์มนตร์กล่าวปราศรัยนั้นสิ้นสุดลง
ชนชั้นสูงทั้งหลายของฝ่ายมนุษย์นั้นโดนซัดไปดอกใหญ่จากการพูดของผม เจ้าหญิงลำดับสามแห่งจักรรวรรดิ ที่ออกมาขว้างลูกตรงก็พลาดท่า
แม้แต่นักบุญหญิงกราเซีย ที่เป็นเหมือนหน่วยดับเพลิงที่สาดน้ำดับไฟ ก็โดนโค่นลงด้วย พิธีการสุนทรพจน์จบลงที่ความพ่ายแพ้ของฝ่ายมนุษย์ติดต่อกัน ไม่มีมนุษย์คนไหนแก้สถานการณ์นี้ได้ พวกเขาพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์
ไพมอนยกมือขวาขึ้นแล้วตะโกน ผ้าคลุมดำของเธอสะบัดอย่างงดงาม
“มนุษย์เอ๋ย! นี่แหละคือ โฉมหน้าแท้จริงของเหล่าชนชั้นสูงและนักบวช!
หากเป็นไปเพื่อชัยชนะ พวกเขาก็พูดคำหวาน คำโกหก และสังเวยผู้คน หากมันเป็นไปเพื่ออำนาจของพวกเขา
พวกเขาก็พร้อมจะโจมตีใครก็ได้ด้วยหลักฐานปลอม นี่พวกเจ้ายังคิดจะปกป้องคนแบบนี้อยู่อีกหรือ?”
เสียงไพเราะของเธอก้องไปทั่วทั้งทุ่งราบ
“พระเจ้าอาจมอบชีวิตให้เจ้า ชีวิตพวกเจ้าที่ไม่มอบให้เพื่อให้เจ้าใช้ชีวิตปลอมๆ เลือดสีแดงที่ไหลอยู่ในร่างกายเจ้านั้นไม่ควรเต็มไปด้วยคำโกหกพวกนั้น
มือของเจ้ามิได้มีไว้เพื่อยึดจับคำโกหก เท้าของเจ้าไม่ควรมีไว้เพื่อหันไปหาการหลอกลวง
มือของพวกเรามีไว้เพื่อฉวยคว้าความจริง เท้าของพวกเรามีไว้เพื่อเดินหน้าสู่ความจริง
ดังนั้นพวกเราต้องแบกรับความจริงที่เรารู้ และเดินหน้าสู่ความจริงที่ยังต้องมีต่อไป”
ไพมอนตะโกนออกมาอย่างจริงจัง
“ชนชั้นสูงทั้งหลายนั้นสองหน้า นี่เป็นความจริงที่พวกเราทั้งหมดต่างรู้! พวกเรามาสู่โลกที่ ผู้คนสามารถเก็บเกี่ยวได้ในดินแดนตน นี่คือ ความจริงที่พวกเราต้องตามหาล่า!
พวกเราได้รับชีวิตมาเพื่อตระหนักถึงหลักฐานความจริงนี้ และไม่มีชนชั้นสูงผู้ทรงพลังใด หรือดาบเล่มใดที่จะทำให้เราออกห่างจากความจริงนี้ได้
มนุษย์ชาติเอ๋ย! เหล่ามนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย!
―จงสู้ในนามของพระผู้เป็นเจ้า”
แสงสว่างห้อมล้อมผมและไพมอน เวทย์มนตร์สุนทรพจน์ฝ่ายเรานั้นจบจบลงเช่นกัน
ผมมองไปที่ไพมอน เธอหายใจอย่างยากลำบาก มีเสียงหายใจดังมาถึงผม ไพมอนชิงพูดขึ้นก่อนที่ผมจะตำหนิเธอ
“นายมีผ้าเช็ดหน้าไหม?”
“อะไรนะ?”
ผมไม่รู้ว่า เธอพูดอะไรของเธอ เธอยังคงยิ้มด้วยความคาดหวังบางอย่าง ยิ้มของเธอดูอ่อนแรงแปลกๆ
“จากนี้ไปพกผ้าเช็ดหน้านะ มันเป็นหน้าที่ของสุภาพบุรุษ”
“อะไรจะไร้สาระ…….”
ตอนนั้นเอง ที่ไพมอนเริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง เสียงที่เป็นดั่งลางร้ายดังขึ้นมาสักพัก
ก้อนเลือดมากมายไหลออกมาจากปากของเธอ เธอโก่งโค้งตัวแล้วสำรอกเลือดออกมา มันไม่ใช่เลือดธรรมดาหากแต่เป็นเลือดสีแดงดำข้นที่ออกมาทุกครั้งที่เธอไอ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ผมแตกตื่นและช่วยประคองร่างของเธอโดยลืมไปเลยว่า เธอคือศัตรูตัวฉกาจของผม
ก้อนเลือดจับตัวกัน ผมไม่รู้ว่ามันเป็นรูปร่างของอะไร แต่ดูท่าทางมันต้องเจ็บปวดมากแน่ๆหากมันออกมาจากร่างกายอย่างนั้น
คุณไม่สามารถบอกได้เลยว่า ไพมอนกำลังทำอะไรอยู่นอกจาก การไอที่มีทั้งเสียงครางและการร่ำร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
“ฮะ-เฮ้ย นี่เป็นอะไรไป? มันเกิดอะไรขึ้น?”
“แม่นั่นมีอาการมานาไหลย้อนกลับ”
ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคย พอผมหันไปก็เห็นบาร์บาทอสยืนข้างๆ เธอเดาะลิ้นแล้วพูด
“สำหรับนักเวทย์แล้วนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าโรคร้ายแรงเสียอีก มันจะเกิดขึ้นเมื่อวงเวทย์ในตัวป่วน และยิ่งรุนแรงขึ้นตามระดับของนักเวทย์ที่มีวงเวทย์ระดับสูง ตอนนี้ วงเวทย์ 7 วงในตัวนางกลายเป็นงานเลี้ยงที่ชิบหายวายป่วงแล้ว
ชิ นังโง่เอ๊ย”
บาร์บาทอสมองไปยังบาร์บาทอสด้วยแววตาที่เย็นชาอย่างมาก เธออาจเข้าใจทุกอย่างดี แต่ผมไม่เข้าใจอะไรเลย
“บ้าเอ๊ย ใช้คำเข้าใจง่ายๆหน่อยสิ! ข้าไม่เข้าใจเรื่องมานา หรือวงเวทย์อะไรทั้งนั้นแหละ!”
“พูดง่ายๆนะ ชีวิตในฐานะนักเวทย์ของเธอมันจบลงแล้วล่ะ สิ่งที่ฝึกฝนมานับ 2,000 ปี สูญสลายไปในชั่วขณะ
……หากแม่นี่เป็นมนุษย์ ป่านนี้ก็ตายไปนานแล้ว
เอาล่ะ ต่อให้สามารถอดทนความเจ็บปวดเจียนตายได้ก็เถอะ แต่ปกติมันก็จะรู้สึกเหมือนถูกฉีกแขนขานั่นแหละ”
“อะไรนะ……?”
ทุกสิ่งในชีวิตของนักเวทย์คนหนึ่งกลับกลายเป็นความว่างเปล่า
มันยากสำหรับผมที่จะเข้าใจ เนื่องจากผมไม่ใช่นักเวทย์ แต่มันเข้าใจได้ง่ายๆว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติแล้ว พูดง่ายๆ มันก็ไม่ต่างจากนักรบที่เสียแขนเสียขาไปเลยใช่ไหม?
ขณะที่ผมยังโง่งมอยู่ ไพมอนก็ยังคงอ้วกเอาเลือดออกมาขณะที่อยู่ในอ้อมแขนผม เสื้อผ้าผมนั้นโชกไปด้วยเลือดสีดำของเธอ
กลิ่นของเลือดเต็มจมูกผมไปหมด กลิ่นมันไม่ได้แย่เหมือนน้ำย่อยของมนุษย์ กลิ่นมันเหมือนเลือดปกติ
“แต่ ทำไมกันล่ะ……?”
“ข้าไม่รู้ นางคงสาบานด้วยวงเวทย์ในการทำสัญญาลับๆกับยัยนักบุญนั่นน่ะแหละ แล้ว นี่เจ้าจะเอายังไงต่อ?”
ผมจะเอายังไงต่ออย่างนั้นเหรอ? ผมมองด้วยความสงสัย ผมไม่รู้ว่าจะถามอะไรด้วยซ้ำ ใครบางคนกำลังสำรอกเลือดออกมาอยู่ในสภาพเจียนตายอยู่ในแขนขวาผม มันยากที่จะคงสติไว้ในสถานการณ์แบบนี้
บาร์บาทอสยังคงพูดเสียงต่ำในขณะที่อธิบายต่อ
“มันเห็นกันชัดๆแล้วว่า นังกะหรี่นี่ตั้งใจจะป่วนแก แกสามารถลงโทษนาง ที่นี่ ตอนนี้ได้เลยถ้าแกต้องการ”
“ลงโทษเธอ? ถ้าอย่างนั้นฝ่ายภูเขาก็จะต่อต้า…….”
“ข้าจัดการได้”
เสียงของเธอหนักแน่น
“พวกเราแกล้งทำเป็นไม่เห็นมาหลายวันเพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้พวกเราก็ได้หลักฐานแน่ชัดมาอยู่ในมือแล้ว
ดันทาเลี่ยน แกอาจเป็น จอมมารลำดับ 71 แต่ก็เป็นตัวแทนของทั้งกองทัพพันธมิตรเสี้ยวจันทราในทันทีที่เจ้าเป็นผู้ปราศรัยฝ่ายพวกเรา
เห็นกันชัดเจนแล้วว่า ไพมอนทรยศกองทัพเรานับตั้งแต่ที่จัดฉากแก”
“…….”
“ข้าไม่ใช่คนเดียวที่คิดอย่างนั้น”
เธอหันคางไปหา ทั้งมาร์บาส กามิกิน และจอมมารลำดับสูงตนอื่นที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตร พวกเขาพยักหน้าเบาๆครั้งหนึ่งเมื่อเห็นสายตาผม
“อกาเรส กามิกิน และแม้แต่ตาแก่มาร์บาสนั้นต่างเห็นด้วย เขาอาจจะดื้อรั้นไปบ้างตามตำแหน่งนักไกล่เกลี่ย
แต่ตอนนี้ชัดเจนแล้ว เขายอมตามแล้ว ดันทาเลี่ยน เขาบอกว่า เขาจะมอบการตัดสินใจครั้งสุดท้ายให้แก”
ผมสบตาบาร์บาทอส ดวงตาสีทองของเธอนั้นแตกต่างออกไป เธอไม่ได้กดดันเอาคำตอบ หรือวอนขอให้ตัดสินใจ เธอแค่รอคำตอบอย่างเงียบๆจากผม
“แกเป็นคนที่โดนทรยศ และแกเป็นคนที่ถูกช่วยชีวิตได้ สุดท้ายแล้ว แกเป็นเพียงคนเดียวที่จะตัดสินใจได้ หากแกต้องการจะตัดสินโทษไพมอน ข้าจะตัดคอนางมาวางตรงนี้ทันที”
“…….”
“ดันทาเลี่ยน ข้าจะมอบคำอธิบายสุดพิเศษให้เผื่อหัวแกยังทำงานไม่ปกติ นี่เป็นโอกาสทองแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ โอกาสที่จะหยุดไพมอนจะยากยิ่งขึ้นไปอีก”
ผมไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงอธิบายอย่างใจเย็นขนาดนั้น
“ไพมอนอาจขอโทษได้จากฐานะของเธอ การที่เธอพูดว่า เธอแอบทำสัญญาลับๆกับนักบุญหญิงนั้นได้ทำให้กองทัพศัตรูตกอยู่ในความวุ่นวาย
แต่หลังจากนักบุญหญิงเชื่อใจและพยายามไล่ต้อนแก ไพมอนก็กลับลำยกเลิกสัญญานั่น
สุดท้ายแล้วเธอก็ได้ลดทอนกำลังใจของฝ่ายมนุษย์เป็นอย่างมาก นี่คือ สถานการณ์ที่ถูกจัดฉากขึ้น”
ไพมอนจากฝ่ายภูเขาไม่อาจจะระบุได้ว่า กระทำผิด แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้เช่นกัน
นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมพวกฝ่ายภูเขาต้องกลายไปเป็นกองหน้าของทัพพันธมิตร หากพวกเขาต้องการจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง พวกเขาก็ต้องพิสูจน์มันด้วยเลือด
ณ จุดนั้น ปรากฏว่า ไพมอนได้เสียสละเวทย์มนตร์ตัวเองทั้งหมดเพื่อพันธมิตร และเพื่อหลอกลวงศัตรู หากสถานการณ์มันเป็นอย่างนั้นจริง
……ฝ่ายภูเขานั้นก็ชัดเจนแล้วว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เพียงแต่พวกเขายืนแนวหน้า แม้แต่หัวหน้าฝ่ายก็ยังเสียสละตัวเอง จะมีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ได้ดีไปกว่านี้อีก?
แม้จะไม่มีใครพูดออกมา แต่ก็เป็นความจริงที่ดำรงอยู่ว่า ไพมอนได้แอบติดต่อกับศัตรู หากผมจะลงโทษไพมอนตอนนี้ก็ถือว่า ยอดเยี่ยม……
และมันอาจเป็นโอกาสเดียว…….
“การตัดสินใจเป็นของแก ดันทาเลี่ยน’
บาร์บาทอสสรุป
นี่น็อตในหัวผมยังไม่เข้าที่หรือยังไงกัน การฆ่าไพมอนมันให้ประโยชน์อะไรกับผมกัน? ไม่ ทำไมไพมอนถึงต้องทนแบกรับความเสี่ยงในการช่วยผมแต่แรกแล้ว? ผมไม่เข้าใจเลย
หรือเธอจะหวังให้ผมรู้สึกเห็นใจเธอ ?
บ้าน่า เอาล่ะ ใช่ ผมรู้สึกเห็นใจ มันคงโกหกแหละหากบอกว่า ผมไม่รู้สึกเห็นใจเธอเลยตอนที่เธอไอเป็นเลือดออกมา
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ผมจะเห็นอกเห็นใจ แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ปล่อยโอกาสตรงหน้าให้หลุดมือไป…….
ถึงอย่างนั้นก็ตาม แต่เหนือความเห็นใจ ผมกลับสงสัยในเหตุผลเบื้องหลังการกระทำของเธอต่างหาก ผมกลับรู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างของไพมอนที่ผมไม่รู้มาก่อน อะไรบางอย่างที่ไม่เคยปรากฏใน <Dungeon Attack>
นี่เป็นโอกาสทองแล้วไม่ใช่หรือ? หรือเป็นโอกาสทองที่จะไขคำตอบของปริศนา? ผมจะไม่เสียดายภายหลังกับสิ่งที่เลือกไปแล้ว ถ้าอย่างนั้น ตัวเลือกไหนล่ะที่ผมจะเสียใจน้อยที่สุด……?
“ข้า…….”
ผมเปิดปาก ริมฝีปากกลับหนักขึ้นได้ปิดมันลงไปอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION