“……นี่มันเป็นสิ่งไม่น่าชมเลย”
ลิ้นของผมมันขยับไปเอง แม้สมองผมยังช็อคอยู่ แต่ลิ้นผมไม่ยอมอยู่นิ่งโดยไม่ทำอะไรในสถานการณ์แบบนี้
“ข้าไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนชายคนนั้นจะเป็นพ่อค้าทาส ชายผู้จับคนอื่นแล้วนำมาขาย การใจดีกับตัวตนเช่นนั้นย่อมถูกผู้คนหน่ายหนีแทน
ช่างน่าแปลกใจเหลือเกินที่ได้เห็นนักบุญหญิง ผู้ทำเพื่อผู้คนกลับไปยืนฝั่งเดียวกับพ่อค้าทาส”
ถูกแล้ว เยี่ยมมาก ลิ้นผม!
มันจะเป็นการโง่มากหากมาถามถึงว่า วิดีโอนั้นใช่ของแท้ไหม ผมไม่แน่ใจว่า เธอใช้วิธีการใดเชื่อมโยงจากชื่อปลอมโลลิต้ามาถึงผมได้
แต่ความจริงที่ว่า เธอกล้าแสดงมันออกมาอย่างไม่เกรงกลัวแสดงว่า เธอนั้นมีวิธีการยืนยันความจริงแล้ว……. เดี๋ยวก่อนสิ
แม่นี่รู้ได้ยังไงว่า โลลิต้าคือผม?
ก็จริงอยู่ที่ตอนนั้นผมใช้ชื่อ ปลอม ผมได้แสดงชื่อจริงให้กับลอร่าเท่านั้นแต่ไม่เคยบอกว่า ตัวเองเป็นดันทาเลี่ยนกับแจ็ค
แล้วมันได้ยังไงกัน……? เธอรู้ในทันทีเพียงเพราะเราดูเหมือนกัน? นั่นมันเป็นไปไม่ได้ เดิมเนี่ยผมก็เป็นแค่จอมมารที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไร ไม่มีทางที่จะเธอจะรู้ได้หรอก แล้วอย่างนั้น เธอ…….
…….
ไพมอน
‘เธอเองสินะ?’
ในหัวผมพยายามหนีจากการช็อคเพราะอาการนิ่งเฉย น็อตในหัวผมเริ่มหมุนติ้วๆเร็วกว่าก่อนหน้า ถูกแล้วล่ะ ลาพิสได้บอกผมก่อนหน้านี้แล้วว่า ไพมอนนั้นตามสืบข้อมูลของผม
แจ็ค อแลนด์ พ่อของเขานั้นต้องเป็นผู้มั่งคั่งในราชอาณาจักรซาร์ดิเนียอย่างแน่นอน จึงได้ทุ่มเททรัพยกรที่มีเพื่อหาตัวว่า ใครคือ โลลิต้า
ไพมอนกับพ่อของแจ็ค พยายามใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับผม
……แล้วถ้าข้อมูลพวกนั้นมันมาเชื่อมต่อกันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น?
ไพมอนที่เชื่อว่า ผมนั้นเป็นผู้แพร่กระจายกาฬโรค เธอต้องพบแน่ว่า ผมปลอมตัวเป็นนักเก็บสมุนไพร ผมใช้สมุนไพรดำเป็นเหยื่อล่อให้กิลด์ทหารรับจ้างนั้น วางเพลิงรอบเมือง
……. จากมุมมองของไพมอน เธอคงต้องเห็นผมคนที่ประมาทขนาดที่แสดงใช้ตัวว่าประโยชน์จากสมุนไพรดำ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนแพร่กาฬโรคไปเอง
ช่างโง่อะไรเช่นนี้!
“ความจริงที่ว่า เจ้านั้นได้ทารุณชายหนุ่มคนนั้นอย่างโหดร้ายนั้นเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่ทว่าเรื่องใหญ่กว่าคือ ความจริงที่ว่า เจ้าเป็นคนร้ายเบื้องหลังกาฬโรค”
“ฮ่า”
เอาล่ะๆ จากการโจมตีของเธอ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า เธอพยายามทำอะไร นักบุญหญิงกราเซีย
เธอตั้งใจที่จะป้ายความผิดเรื่องกาฬโรคใส่ผมหลังจากที่แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ผมนั้นเป็นจอมมารที่โหดร้ายเพียงใด เธอต้องการใช้หลักฐานที่ไพมอนส่งมาให้อย่างนั้นสินะ?
แม่ง ยอดเยี่ยมจริงๆว่ะ สองคอมโบติดๆ
ไม่สิ ไม่มีอะไรดีเลยถ้ายังปล่อยให้เธอพูดเรื่องกาฬโรคนานกว่านี้อีก สำหรับการพูดในที่สาธารณะแล้วนั้นความจริงนั้นไม่สำคัญเลย!
การตั้งข้อสงสัยใส่ผมว่าเป็นต้นเหตุของกาฬโรคนั้นทำให้เพียงพอจะผมเสียเปรียบ
ผู้คนทั้งหลายนั้นต่างต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียในโรคระบาด หากผมยอมปล่อยไป จะจบลงที่ผมต้องรับความโกรธแค้นของพวกเขา…….ผมต้องปฏิเสธวิดีโอนี้
แต่จะทำได้ยังไงกันล่ะ?
‘บอกว่ามันเป็นของปลอม’
ไม่ ผมทำไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้น หากผมเรียกร้องให้ตรวจสอบอาติแฟคว่าเป็นของจริงหรือไม่?
ผมนั้นไม่รู้เรื่องเวทย์มนตร์เลยด้วยซ้ำ มันอาจจะมีวิธีการอะไรสักอย่างในการยืนยันว่าอาติแฟคนั้นเป็นของจริงหรือปลอม
ไม่ใช่ๆ ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง นางก็ไม่มีทางเชื่อแน่ว่า เป็นของจริงหรือเปล่า หากผมซัดไม่แรงพอแล้วโดนสวนกลับผม ผมก็จะเสียจุดยืนทันที
‘ถอยแล้วบอกว่า นั่นไม่ใช่ผม’
ผมอาจจะอ้างว่า บุคคลในวิดีโอนั้นไม่ใช่ผม แต่อาจเป็นใครสักคนที่ปลอมตัวเป็นผม เวทย์ปลอมแปลงอัตลักษณ์นั้นมีอยู่ในโลกใบนี้ มันก็ควรจะเป็นไปได้ที่จะมีใครบางคนปลอมเป็นผม
ถึงแม้เวทย์มนตร์จะสามารถยืนยันตัวตนได้ว่า อาติแฟคเป็นของแท้ แต่ก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่า บุคคลที่เห็นในวิดีโอนั้นเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม
‘ไม่ได้ มันไม่ได้ผล!’
มันจะเป็นการกล่าวหาครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการพูดว่า กองทัพมนุษย์นั้นหันไปใช้เวทย์ปลอมแปลงเพื่อจัดฉากผมต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย พวกเขาจะจำเพาะเจาะจงเล็งมาที่ผมได้อย่างไร โดยที่ไม่รู้ว่า ผมจะได้ออกมาเป็นตัวแทนการกล่าวสุนทรพจน์?
ไพมอนนั้นต้องปล่อยข้อมูลนี้ไปให้ฝั่งมนุษย์แน่ แต่ถึงอย่างนั้น มันไม่มีทางที่ผมจะพิสูจน์สิ่งนี้ได้!
เหตุผลมันฟังดูเวอร์เกินไป มันจะเป็นการบังคับว่า ผมรู้ความจริงได้ยังไงกัน…….บ้าชิบ สถานการณ์มันออกมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน!?
“พวกเรารู้ว่า นั่นคือ เจ้า ดันทาเลี่ยน ผู้ค้นพบวิธีการรักษาโรคด้วยสมุนไพรดำ ตามที่เขียนไว้บนสัญญาหินสลักนี่…….”
ขณะที่ผมวุ่นยุ่งกับการแสดงท่าทางว่ายังสงบนิ่งอยู่ภายนอก ผมก็ต้องตั้งใจครุ่นคิดอย่งมาก นักบุญกราเซียยังคงพูดต่อไปไม่หยุด
ทุกสิ่งที่เธอเอามาแจกแจงนั้นเป็นสิ่งที่ผมคาดไว้แล้ว เธอระบุถึงบริษัทเคียนคุสก้าและจุดอื่นๆที่เห็นได้ชัด
ฮ่าช์ ไพมอนนั้นเป็นลูกค้าที่ใช้บริการบริษัทเคียนคุสก้ามายาวนาน เธอคงมีเส้นสายภายในบริษัทนั่นแหละ ด้วยเส้นสายนี้เธอก็สามารถส่งไอ้เจ้าแผ่นหินสัญญา นั่นให้กับพวกมนุษย์
…….แม่นั่นมันมายุ่งเต็มตัวเลยจริงๆ
……ไม่สิ ไว้ค่อยคิดเรื่องไพมอนทีหลัง ผมไม่มีพลังสมองมากพอในขณะนี้จะกังวลเรื่องของเธออีกแล้ว
‘แล้วหากพูดว่า แผ่นหินนั่นเป็นของปลอมล่ะ’
ไม่ได้ มันก็แทบไม่ต่างจากก่อนหน้า! ชื่อดันทาเลี่ยนที่ถูกเขียนชัดเป็นลายมือนั้นอาจจะถูกใช้เวทย์มนตร์แสดงออกมาก็ได้
แผ่นหินที่เขียนเรื่องฟาร์มสมุนไพรดำที่ผมทำสัญญากับบริษัทเคียนคุสก้า มันไม่มีทางที่จะปลอมแปลงหลักฐานนี้ขึ้นมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนผมจะเริ่มพูด
ถ้าผมจะอ้างว่ามันเป็นของปลอมทำขึ้น ถ้าอย่างนั้น
…… ‘พวกเราไม่ได้รู้ล่วงหน้าหรอกว่า ท่านจะเป็นตัวแทน แล้วเจ้าจะบอกได้ยังไงกันว่า พวกเราตั้งใจจัดจะฉากเจ้า หืม จอมมารลำดับ 71 ?’
มันยังมีวิธีต่างด้วยวิธีนี้อยู่ หรือผมจะบอกว่า มันปลอมขึ้นด้วยเวทย์มนตร์
…….ก็ไม่อีก ไม่มีทางยืนยันได้ว่า สัญญานั้นถูกสร้างขึ้นด้วยเวทย์มนตร์
ผมจะทำยังไงดี?
มันง่ายแหละที่จะยังคงปฏิเสธต่อไปว่า ไม่ได้เกี่ยวกับกาฬโรค ผมสามารถดื้อแพ่งแล้วพูดไปว่าหลักฐานทั้งหมดนั้นมันปลอมขึ้นเพื่อให้พวกมันกลายเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระ
แต่ผู้คนน่ะรู้สึกยังไงเพื่อเห็นหลักฐานพวกนั้นแล้ว?
พวกเขาจะเชื่อผมหรือ?
ผมเนี่ยนะ ผมที่พวกเขาเชื่อว่า เป็นผู้ทรมานแจ็ค อแลนด์อย่างโหดร้ายเนี่ยนะ?
หรือพวกเขาจะเชื่อนักบุญหญิง?
ึคำตอบน่ะมันเห็นกันชัดๆอยู่แล้ว เขาต้องเชื่อในคำพูดนักบุญหญิงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว!
แม่งเอ๊ย ไอ้แจ็ค อแลนด์!
“เจ้าได้สร้างกาฬโรคขึ้น จึงทำให้เจ้าวิธีรักษาก่อนที่โรคจะเริ่มแพร่ระบาดไปทั่วประกอบกับเรื่องที่เจ้านั้นได้ลงทะเบียนกับสมาคมนักเก็บสมุนไพรก่อนไว้แล้วยิ่งทำให้ทุกอย่างชัดเจนยิ่ง
หากตัวเจ้ามิใช่ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์กาฬโรคแล้ว เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่า โรคระบาดนั้นมีวิธีรักษาเช่นนั้นอยู่?”
“…….”
“เจ้าได้สร้างโรคระบาดขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แม้แต่ตอนนี้ ผู้คนทั้งหลายในทวีปก็ยังคงล้มตายเนื่องจากกาฬโรค
…….เจ้าได้สังเวยทั้งทวีปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน!”
ผมต้องรีบจบหัวข้อนี้ให้เร็วที่สุด
……เอาล่ะ ผมจะโจมตีเรื่องส่วนตัวอีกครั้ง ผมจะเปิดความลับอันดำมืดของ นักบุญหญิงกราเซีย
ให้ลึกถึงรายละเอียดและใช้โอกาสนี้ที่เธอช็อคเพื่อปิดบังทุกอย่าง ความสงสัยในตัวผมจะยังคงอยู่ อย่างน้อยผมก็ยังสามารถพลิกสถานการณ์ได้บ้าง…….
แต่ ณ ตอนนั้นเอง
“ช่างเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้สาระเสียนี่กระไร”
บุคคลหนึ่งยืนข้างผม ผู้อยู่เบื้องหลังความวุ่นวายครั้งนี้, ไพมอน
“เธอ…….”
ผมแทบจะสบถด่าออกมาดังๆ อย่าบอกนะว่า เธอตั้งใจจะวางแผนใช้โอกาสนี้ผลักผมให้จนมุมเพื่อไปยืนฝั่งเดียวกับนักบุญหญิง ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมก็จบสิ้นแล้ว!
ผลกระทบนั้นจะมีผลต่อจอมมารทุกตนว่าอยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดของโรคอย่างไม่ต้องสงสัย
หากเธอทำอย่างนั้นจริง ไพมอน เธอจะกลายเป็นศัตรูตลอดกาลของฝ่ายที่ราบ
…….นี่เธอตั้งใจจะต้อนผมให้จนมุมโดยแบกรับความเสี่ยงอย่างนั้นรึ?
ช่างโง่เขลาอะไรเช่นนี้ ไพมอน! หัดคิดถึงอนาคตของฝ่ายภูเขาบ้างสิวะ! เธอน่ะเป็นผู้นำฝ่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกองกำลังจอมมารไม่ใช่รึไง!
แม้เธอจะเคียดแคนชิงชังผมที่ทำลายแผนของเธอ แต่การที่เธอนั้นทำลายฝ่ายที่เกรียงไกรของตัวเองเพราะอารมณ์ส่วนตัวนี่ เธอก็จะกลายเป็นผู้ปกครองที่โง่เง่าและไร้ความสามารถเป็นที่สุด
ใช้เหตุใช้ผลหน่อยสิ!
ผมไม่แน่ใจว่า ไพมอนเห็นสายตาของผมหรือไม่ แต่เธอก็ยังพูดขึ้น
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้านำออกมานั้นเป็นของปลอมทั้งสิ้น”
คำพูดที่ออกมาจากปากเธอนั้นเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย
แม้แต่นักบุญหญิงเองก็ประหลาดใจจนดวงตาเบิกกว้าง ผมก็ไม่ต่างกัน จากสถานการณ์แล้วเนี่ย ผมมั่นใจเลยว่า ไพมอนกับนักบุญหญิงคงทำสัญญาลับๆต่อกัน
ไพมอนคงแอบส่งเอกสารสัญญาแล้วดันให้ผมเป็นตัวแทน ในขณะที่นักบุญหญิงนั้นเตรียมหลักฐานเพื่อฝังผม มันเป็นแบบนั้นสินะ?
“……ของปลอม? ที่เจ้ากำลังจะพูดว่า หลักฐานทั้งหมดนี่เป็นของปลอมอย่างนั้นรึ?”
“ถูกต้อง ทั้งหมดนั่นแหละ มันไม่สมเหตุสมผล ตั้งแต่ที่เจ้าคิดแล้ว บุคคลเพียงคนเดียวจะสร้างโรคระบาดร้ายแล้วทำให้มันแพร่ไปทั่วทั้งทวีปได้อย่างไรกัน?”
ไพมอนหัวเราะ
“ยิ่งไปกว่านั้น ดันทาเลี่ยนน่ะเป็นจอมมาร ลำดับ 71 เขาอ่อนแอที่สุดในบรรดาจอมมารทั้งหลาย หากคนอย่างเขายังสามารถสร้างโรคระบาดร้ายแรงอย่างกาฬโรคด้วยตัวเองได้แล้ว ทั้งทวีปคงตกอยู่ในมือพวกเราไปนานแล้วล่ะ ตัวข้า จอมมารลำดับ 9 ไพมอน ขอประกาศชัดที่นี่เลยว่า ดันทาเลี่ยนไม่ได้มีความสามารถเช่นนั้น”
“…….”
นักบุญกราเซียมองไปที่ไพมอน
นี่ไม่ใช่ที่เราตกลงกันไว้ไม่ใช่หรือไง
เหมือนดวงตาเธอกำลังจะบอกแบบนั้น
ไพมอนนั้นยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ ผมชักไม่เข้าใจแล้วว่า อะไรอยู่ในหัวไพมอนกัน เหมือนเธอพยายามปกป้องผม แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นการเล่นเล่ห์เพทุบาย ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็นศัตรูกันอยู่ดี
นักบุญหญิงจึงพูดขึ้น
“……จอมมารก็ย่อมต้องสนับสนุนจอมมารด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดให้พวกเราเชื่อคำของเจ้า แล้วอย่างนั้นตามที่เจ้าอ้างมาว่า หลักฐานเป็นของปลอม มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
“ก่อนอื่นเลย วิดีโอที่ดันทาเลี่ยนกำลังทรมานมนุษย์นั้นเป็นของปลอม พวกเจ้าน่ะมีหลักฐานหรือว่า นั่นน่ะใช่ดันทาเลี่ยนจริง?”
นักบุญหญิงพ่นลมออกจมูก
“ทั้งเสียงและรูปลักษณ์เหมือนกันไม่มีผิด ไม่ต้องสงสัย”
“เวทย์มนตร์ปลอมแปลงอัตลักษณ์นั้นก็ให้ผลแบบนั้นได้ มันเป็นเวทย์ที่จะปลอมตัวให้เป็นอีกคนได้โดยสมบูรณ์ ในฐานะนักเวทย์ธาตุธรรมชาติ ระดับ 7 ตัวข้าก็สามารถใช้ได้เช่นกัน”
ไพมอนโบกมือเบาๆ พอเธอร่ายเวทย์ยาว 3 ประโยค แสงสีแดงก็ห้อมล้อมตัวเธอ พอแสงจางหายไป นักบุญกราเซียก็มายืนแทนที่ตรงที่ไพมอนยืน
“อย่างนี้เป็นต้น มันมีความเป็นไปได้ที่จะลอกเลียนรูปร่างของผู้อื่นโดยสมบูรณ์แบบ”
ไพมอนยิ้มด้วยใบหน้าของกราเซีย ก่อนจะโบกมืออีกครั้งเพื่อถอนเวทย์มนตร์ออก
“ยังมีนักเวทย์มีมากมายนักในโลกมนุษย์ที่สามารถใช้เวทย์แบบนี้ได้ อยากฟังสมมุติฐานของข้าไหม? พวกเจ้าใช้นักเวทย์และจัดการแสดงเพื่อปลอมแปลงใบหน้าเป็นดันทาเลี่ยน พวกเจ้าน่ะเข้าไปในป่าแล้วใช้ที่นั่นเป็นฉาก นี่คือความจริง”
“นั่นหมายความว่า พวกเราต้องรู้ว่า ดันทาเลี่ยน จะต้องเป็นตัวแทนกล่าวสุนทรพจน์มาก่อนล่วงหน้านานแล้วสิ!”
นักบุญหญิงกราเซียตะโกนขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทั้งหาตัวนักแสดง เตรียมเวทย์มนตร์นี้ แถมยังบันทึกอีก―ขั้นตอนทั้งหมดนั่น มันไม่มีทางทำได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ!?
มันไม่มีทางเป็นไปได้ แค่ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงที่หมอนั่นจะเผยตัวตนออกมา แล้วพวกเราจะเตรียมทั้งป้ายหินสัญญา อาติแฟค รวมถึงเอกสารทั้งหลายภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ได้อย่างไรกันล่ะ?”
เธอเหน็บแนม
“จอมมารอย่างพวกเจ้านี่ทำให้ข้าประทับใจได้เสมอ ข้าเข้าใจแล้วว่า พวกจอมมารนี่มันไร้เหตุผลกันได้ถึงขนาดนี้นี่เอง”
แล้วข้อโต้แย้งที่ผมคิดไว้ก็ออกมา ใช่แล้วล่ะ มันไม่สมเหตุสมผลด้วยซ้ำ
ผมไม่อาจยืนยันได้ว่า หลักฐานของเธอเป็นของจริง ก็เห็นกันชัดๆอยู่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ปฏิเสธแน่ชัดไม่ได้ว่า หลักฐานเป็นของปลอมด้วยเช่นกัน หลักฐานนั้นมันซับซ้อนและเยอะเกินกว่าที่จะอ้างว่า อยู่ๆทำขึ้นมาทันทีได้
มันเป็นทางตันแล้วล่ะ ไม่อาจปฏิเสธหรือยอมรับได้ เราได้แต่ปล่อยให้ข้ออ้างอันชอบธรรมของพวกเราเดินหน้าต่อไป ผมไม่แน่ใจว่า ทำไมตอนนี้ไพมอนถึงพยายามมาช่วยผม แต่มันยากจนเกินกว่าจะเป็นไปได้แล้วที่จะเอาชนะตรรกะของกราเซีย
ผมหันไปมองไพมอน นี่เธอตั้งใจจะทำอะไรกัน? นี่มันกับดักที่เธอขุดไว้เองนะ อย่ามาหวังว่าผมจะซาบซึ้งน้ำตาไหลแล้วกล่าวขอบคุณที่เธอตัดสินใจช่วยผมเลย
……โอ้ จะเป็นอย่างนั้นเองหรือ? เธอวางแผนที่จะหลีกหนีจากการเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วทำเป็นช่วยเหลือผม? ช่างเป็นแผนที่ไร้สาระสิ้นดี นี่คิดว่า บาร์บาทอสกับผมนั้นจะให้อภัยเธอหรือยังไงกัน ? โง่เง่าชะมัด
ไพมอนค่อยๆเปิดปากพูด
“ข้าไม่รู้ว่า เจ้ากำลังพูดถึงอะไร แต่เจ้าได้สร้างหลักฐานปลอมขึ้นมานานแล้ว”
“เหอะ นี่เจ้าคิดว่า พวกเรามีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตได้หรือไร? เจ้ากำลังจะบอกว่า พวกเราคาดเดาไว้แล้วว่า ดันทาเลี่ยนนั้นจะออกมาเป็นตัวแทนกองทัพจอมมารอย่างนั้นหรือ? น่าหัวเราะ”
“ก็จริงอยู่ที่เจ้าไม่มีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตได้”
ไพมอนยิ้ม
“แต่เจ้าก็รู้มาก่อนว่า ดันทาเลี่ยนจะมาเป็นตัวแทนของฝ่าย นั่นก็เพราะ ตัวข้า จอมมารลำดับ 9 ไพมอน เป็นแอบมอบข้อมูลนั่นให้เจ้าเองยังไงล่ะ”
ผมถึงกับอ้าปากค้าง
MANGA DISCUSSION