“…….”
ผมกลืนน้ำลาย ผมหยั่งรู้ได้ในทันทีว่า การต่อสู้อันแสนวุ่นวายจะเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อทั้งการพุ่งชาร์จเข้ามาของทหารม้าและการจู่โจมนอกระยะของพลธนูขี่ม้าไม่ได้ผลอีกต่อไป ทหารจักรวรรดิก็มีทางเลือกสองอย่าง
ทางเลือกแรกคือ ถอย ไม่มีนายพลคนไหนที่เลือกทางเลือกนี้โดยยังทำอะไรไม่สำเร็จ หรือยังไม่ได้อะไรแล้วถอยหรอก ดังนั้นพวกเขาจึงเหลือทางเลือกเดียว
คลื่นเงามืดที่เข้ามาใกล้จากกำแพงหมอกอีกฝั่นนั้นมาพร้อมกับเพลงมาร์ชเฉพาะตัวของพวกมนุษย์ ต่างจากเสียงก้งแก้งหนวกหูของฆ้องที่เล่นโดยชาวบ้านภูเขาก่อนหน้า ทหารจักรวรรดินั้นมีทั้งแตรเขาสัตว์และกลอง
เสียงของแตรสัตว์นั้นสะท้อนก้องอยู่ในหมอก
“มันเริ่มขึ้นแล้ว”
การต่อสู้ระยะประชิดของทหารเดินเท้าในแนวหน้า
พลหอกของจักรวรรดินั้นเรียงแถวเป็นแนวและเข้ามาพวกเราอย่างเชื่องช้า ออร์คขว้างหอก ก็อบลินยิงหนังสติ้กระดมใส่อย่างไม่หยุดพัก
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ใส่ใจต่อก้อนวัตถุที่ปลิวมากระทบเมื่อพวกเขาชูหอกขึ้น
ทหารจักรวรรดิก็ไม่ขยับตัวเหมือนเป็นดั่งเช่นผิวน้ำในทะเลสาบที่นิ่ง แม้จะถูกพวกเรายิงระยะไกลใส่อย่างเต็มกำลัง
บ้าชะมัด
จังหวะนั้นเองที่รถยิงหินฝ่ายเราที่เตรียมไว้ได้นำออกมาใช้
มันคือ เจ้ารถยิงหินเจ้าปัญหากับพวกเราย้อนกลับไปในช่วงยึดภูเขาดำ
พวกยอมลดระยะการยิงเพื่อความแรง แทนที่จะใช้ปิดล้อม ก็เอามาใช้ในการต่อสู้ตอนกลางคืนแทน
นายพลเซปาร์เอาพวกรถยิงหินดัดแปลงพวกนั้นมาจากป้อมปราการทั้งหลายมาเพื่อใช้ในเวลานี้นี่แหละ
ก้อนหิน 10 ก้อนปลิวมาจากฟากฟ้าพร้อมๆกัน มันปลิวผ่านหมอกแล้วก็ถล่มศัตรูตรงหน้า
ซึ่งมันเป็นลักษณะพื้นฐานของพลหอกอยู่แล้วที่จะต้องบุกเข้ามาด้วยรูปขบวนที่แน่นชิด ดังนั้นจะมีบางส่วนที่อ่อนแอต่อการกราดถล่มเป็นอย่างมาก ปืนใหญ่อาจจะไม่ได้พัฒนาขึ้นในโลกนี้ก็จริงแหละ แต่ทว่ารถยิงหินก็นับเป็นฝันร้ายของพลหอก
“อ๊าากกก!”
“หละ-หลบมัน!”
“อย่าหลบสิวะ! ไอ้ห่าเอ๊ย อย่าทิ้งตำแหน่ง!”
หินก้อนขนาดมหึมากวาดพลหอกของจักรวรรดิทันทีที่กระแทกใส่ ไม่เพียงแต่ต้องเสียกำลังคนไปมากมายแต่ก็ได้รับประสบการณ์ชอกช้ำรุนแรงทางจิตใจด้วย
ลองจินตนาการดูสิ หินก้อนใหญ่หล่นลงมาอย่างกับอุกกาบาตจากฟากฟ้าที่เต็มไปด้วยหมอก จะมีสักกี่คนกันที่สามารถรักษาตำแหน่งตัวเองและรูปขบวนไว้ได้เมื่อมีก้อนหินใหญ่หล่นมาจากฟากฟ้า
ลอร่าก็ประเมินสถานการณ์อย่างง่ายๆ
“หืม มันเป็นความผิดพลาดที่พวกเขาใช้รถยิงหินในการหยุดปีกซ้ายและตรงกลางของทัพพวกเราไว้”
“พวกเขานั้นพลาดท่าเพราะดื้อรั้นจะใช้กลยุทธเดิมในการเอาชนะน่ะ”
กองทหารฝ่ายจักรวรรดินั้นมีรถยิงหินอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันยากเกินไปที่จะใช้มันในทัศวิสัยที่จำกัดอย่างในสายหมอก พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะระดมยิงไม่หยุดเพื่อกดกองทัพจอมมารทั้งทัพกลางและปีกซ้ายไว้
ซึ่งก็ได้ตามประสงค์แต่ราคาที่ต้องจ่ายคือ ก็ต้องถูกพวกเราถล่มอยู่ ณ ตอนนี้ ทุกกลยุทธนั้นมีทั้งข้อดีข้อเสีย
ผมสังเกตการณ์ทหารของฝ่ายตรงข้ามอย่างใจเย็นก่อนจะเดาะลิ้น
“ชิ”
ผมหวังว่า รถยิงหินนั้จะได้ผลในการทำลายรูปขบวนของศัตรู ความหวังของผมกลับถูกทำลายโดยง่ายดาย ทหารจักรวรรดิอาจจะแตกตื่นก็จริงแต่รูปขบวนทัพไม่แตก
พวกเขายังคงรุกล้ำเข้ามาในตำแหน่งฝ่ายเราเรื่อยๆ ไอ้พวกบ้านี่
“สิ่งเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับทหารในป้อมปราการ ทหารจักรวรรดินี่มีแต่สุดยอดมนุษย์หรือยังไงกัน? พวกเขาไม่ยอมถอยเลย นี่มันขัดกับสามัญสำนึกเกินไปแล้ว”
“พวกเขาไม่ใช่ทหารรับจ้างหรือทหารธรรมดาค่ะ แต่เป็นที่รู้กันไปทั่วในกองทหารอยู่แล้วว่า ทหารของจักรวรรดิฮับบวร์กนั้นกล้าหาญค่ะ
……พวกเขาน่าจะเป็นทหารใต้การบัญชาการของมาร์คกราฟ โรเซนเบิร์กโดยตรง ทหารจึงได้รับการฝึกฝนมาตลอดภายใต้คำกล่าวอ้างว่า เพื่อปกป้องมนุษยชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เหมือนทหารธรรมดาทั่วไป”
“ไอ้พวกมนุษยชาติระยำนี่”
ผมคำรามขึ้น
“เพื่อมนุษยชาติ เพื่อปกป้องมนุษยชาติ มันเป็นวลีที่เหม็นเน่ามาก ให้ข้าบอกกับสักอย่างแก่เธอเถอะ ลอร่า
เธอน่ะไม่สามารถขับเคลื่อนผู้คนได้หากไม่มีผลประโยชน์ให้ จักรวรรดิฮับบวร์กนั้นวางเหยื่อล่อให้กับทหารเพื่อการรวมกำลังพล”
ซึ่งทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วว่า ผมนี่แหละที่เป็นหนึ่งในผู้ชักจูงให้เกิดสงครามนี้
เมื่อหลายเดือนก่อน ผมได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเครือข่ายของบริษัทเคียนคุสก้าเพื่อหาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในทวีปมนุษย์
ผมรู้แม้กระทั่งโฆษณาชวนเชื่อที่เหล่าผู้นำของจักรวรรดิฮับบวร์กใช้
“ก็ตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ทุกชาติในทวีปต่างเริ่มเก็บเกี่ยวสมุนไพรดำได้ผลดีเป็นอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสามัญชาตายจากกาฬโรคอยู่ดี
เธอรู้ไหมทำไม? นั่นก็เพราะพวกเขาให้สมุนไพรดำกับกองทหารก่อน สมุนไพรดำทุกต้นที่มาจากส่วนกลางน่ะ
พวกเขามีสำรองเหลือเฟือหลังจากที่มอบให้กับทหารทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ปฏิเสธที่เปิดโกดังแจกจ่าย
……พวกเขาบอกกับผู้คนว่า ให้เข้าร่วมกับกองทัพสิ หากปรารถนาจะได้รับสมุนไพรดำ!”
ไม่มีชาติไหนที่เข้าร่วมรบโดยมีแต่ทหารประจำฝ่ายเท่านั้น ในยุคสมัยนี้ทหารเกณฑ์ก็จะจับมาทำเป็นพลหอก และใช้เป็นโล่เนื้อ
ขณะที่เกณฑ์ทหารเข้ามา ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญกับความไม่พอใจและการต่อต้านจากหมู่บ้านต่างๆที่ไปรับทหารเกณฑ์แต่ยังต้องใช้เวลามากมายในการไปแต่ละหมู่บ้านในภูมิภาคด้วย
ชาติส่วนใหญ่จึงตัดสินใจใช้สมุนไพรดำในฐานะเหยื่อล่อให้ผู้คนเข้ามาติดกับด้วยตัวเอง
สุดท้ายผู้คนต่างละทิ้งหมู่บ้านไว้เบื้องหลังแล้วเดินเข้ามาเป็นกองทหารเพื่อให้ได้สมุนไพรดำ
เพื่อจะนำมันมารักษาในครอบครัว เพื่อปกป้องหมู่บ้านของตน
คนป่วยมากมายที่ฉวยคว้าความหวังสุดท้ายได้ตะกายมายังที่นี่
แต่ถึงอย่างนั้น โรคระบาดนี่ก็ยังมีหนทางอีกยาวไกลนัก ผู้คนก็ตายไปบนถนนสายนั้นในทั่วทุกหัวมุมของทวีป โรคระบาดมันแพร่ไปหมด…….
“อะไรอย่างเช่น เพื่อปกป้องมนุษยชาตินั้นไม่ได้เป็นสิ่งใดมากไปกว่าข้ออ้างทั้งนั้น เหล่าลอร์ดอาจรับมือได้ดีในช่วงเริ่มต้น แต่หลังจากนั้นก็ปล่อยให้พวกสามัญชนลดจำนวนลงจากกาฬโรค
พวกเขาได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรดำด้วยเงินที่รับมาจากผู้จ่ายภาษีที่ดิน แต่หากไม่พอก็ข่มขู่บังคับให้ผู้คนเข้าร่วมกับกองทัพเพื่อที่จะได้สมุนไพรดำมาอยู่ในมือ
ผลักทั้งความรับผิดชอบและความเจ็บปวดไปสู่ผู้คน แล้วมาอ้างว่า เพื่อมนุษยชาติ ……ไม่มีอะไรจะเฮงซวยไปมากกว่านี้อีกแล้ว!”
มาร์คกราฟ โรเซนเบิร์กก็เช่นกัน เขาทำให้แน่ใจว่า มีสมุนไพรดำพอสำหรับทหารม้าและอัศวินแนวหน้าของเขา นั่นคือ สาเหตุที่ว่า อัศวินทั้งหลายยังคงติดตามมาร์คกราฟแม้ว่าเขาจะสูญเสียดินแดนไปแล้วตอนที่หนีจากเมือง นั่นเพราะเขาได้แสดงความมีเมตตาให้แก่พวกเขา
จากมุมของมาร์คกราฟเองนั้น นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉลาด แต่แล้วคนที่เหลืออื่นๆล่ะ
เขาโยนคนกลุ่มนั้นทิ้งไปด้วยข้ออ้างที่ฟังดูสูงส่งอย่างการปกป้องมนุษยชาติ
ใครคือ มนุษยชาติกันล่ะ? มนุษย์เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งนี้ หากสามัญชนไม่ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มมนุษยชาติที่จักรวรรดิและมาร์คกราฟต้องการปกป้อง―ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงมนุษยชาติกลุ่มเดียวที่เหลืออยู่
ชาติสำหรับชนชั้นสูง และราชสกุล นั่นมันมนุษยชาติประเภทใดกัน!? สามัญชนก็คงจะอยากถ่มน้ำลายรดหน้าพวกเขานั่นแหละ
นี่คือ สาเหตุที่ว่า ทำไมพวกสามัญชนถึงตัดสินใจย้ายฝั่งจากชนชั้นสูงไปหาจอมมารโดยง่าย
จากคำแนะนำของผม กองทัพภาค 6 ของพวกเรานั้นแจกจ่ายสมุนไพรดำ เป็นสมุนไพรดำเดียวกันกับที่มาร์คกราฟปฏิเสธที่จะให้ บริษัทเคียนคุสก้านั้นร่างสัญญากับฟาร์มสมุนไพร และเริ่มเก็บเกี่ยวสมุนไพรจำนวนมากเมื่อปีที่แล้ว
ผลจากสัญญานั้น ผมครอบครอง สมุนไพรดำ 5% ที่เก็บเกี่ยวมาได้ นั่นคือ ส่วนที่ผมแจกจ่ายไป
ครอบครัวทั้งหลายที่ความตายมาเคาะอยู่หน้าประตูก็ได้รับการช่วยเหลือ ชาวบ้านสามัญก็สรรเสริญกองทัพของเรา พวกเขาต่างยินยอมพร้อมใจที่จะยอมรับผู้บัญชาการบาร์บาทอสเป็นท่านเอิร์ลคนใหม่……ใครกันแน่ที่ปกป้องมนุษยชาติ?
สุดท้ายแล้ว จักรวรรดิฮับบวร์กนั้นก็แค่หาข้ออ้างด้วยลมปากเพียงเพื่อจะลวงโลกและหลอกผู้คนทั้งหลาย ผมจะทำลายภาพลวงตาของพวกเขาทิ้งซะ
ไม่เพียงแค่นั้นในอนาคตอันใกล้นี้แหละ ผมจะทำลายความภาคภูมิใจในฐานะผู้แข็งแกร่งสิ่งนั้นเป็นอะไรที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดๆ ผมกำลังเฝ้ารอวันนั้นมาถึงอยู่
ลอร่าทำหน้าลำบากใจตอนที่เห็นสีหน้าผม
“เอ่อ นายท่านกำลังคิดเรื่องชั่วร้ายอยู่…….”
“แหม อย่าใส่ร้ายข้าสิ ไม่มีจอมมารคนไหนมีความคิดบริสุทธิและสว่างสดใสเท่าข้าอีกแล้ว”
“เหมือนฉันได้ยินคำพูดที่ไม่เหมาะกับนายท่านนะคะ หญิงสาวผู้นี้ได้ฟังอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?”
“เธอคงฟังผิดไปเองแหละ ฟังผิดไปไกลมาก”
ลอร่าถอนใจออกมา และยังแอบยิ้มหึหึ
เหมือนความนับถือของเธอที่มีต่อเจ้านายของเธอมันลดฮวบฮาบ
ท่าทางแบบนั้นของข้ารับใช้นี่มันทั้งถือดี และขาดศรัทธาต่อเจ้านายมากเลยไม่ใช่เหรอ!?
และเมื่อการต่อสู้จบลง ผมจะสอนเธอให้เธอรู้จักการให้เกียรติของผู้ใต้บังคับบัญชาและอำนาจสูงสุดของเจ้านายบนเตียงเอง
“กรรรก!”
“ดันเไป! ดันให้มันถอยไป!”
ในที่สุดพลหอกออร์คและพลหอกจักรวรรดินั้นก็ปะทะกัน มันเป็นการตะลุมบอน โดยที่ต่างฝ่ายต่างถือหอก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการพุ่งตัวเข้าสู่บึงหอกเหล็ก
ในสถานการณ์เช่นนั้น ฝ่ายที่ได้เปรียบคือ ฝ่ายที่หอกยาวกว่า ทั้งความยาวและความหนา หอกที่ออร์คใช้นั้นดีกว่าหอกของมนุษย์
แต่เพื่อที่จะจัดการกับความเสียเปรียบที่ว่า อัศวินจักรวรรดิจึงใช้ทหารที่ลงจากหลังม้า อัศวินถือดาบสองมือแทบที่จะใช้หอกแล้วยืนตรงหน้าพลหอก
พวกเขาตัดหอกของออร์คด้วยออร่าดาบ แล้วก็พยายามฝ่าฟันอย่างมากเพื่อเปิดทางให้พลหอกฝ่ายตัวเอง
วิธีการนี้มีประสิทธภาพมาก อัศวินนั้นแทบจะต่อต้านออเกอร์และยืนอยู่ระหว่างพลหอกเพื่อฟันหัวหอกทิ้ง
พูดง่ายๆคือ มันยากที่จะใช้ออเกอร์เพราะร่างกายที่ใหญ่โตของมัน กำลังใจของทหารจักรวรรดิเพิ่มขึ้นเมื่ออัศวินช่วยฟันหัวหอกของออร์คทิ้ง
ผมรอจังหวะนั้นอยู่แล้ว
ผมออกคำสั่งในหัว เดธไน้ท์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาของพลหอกออร์คกระโดดออกมาทันทีที่ได้รับคำสั่ง
จากการปรากฏตัวในทันทีของเดธไน้ท์ ทำให้อัศวินจักรวรรดิบาดเจ็บการจากลอบจู่โจม อัศวินจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากถูกทิ่มแทงแล้วก็โดนฆ่าไป อัศวินจักรวรรดิ 10 คนล้มลงกองกับพื้นดิน
กองทัพศัตรูจึงส่งกลุ่มอัศวินเข้ามาใหม่ พวกอัศวินพุ่งเข้ามาอย่างกล้าหาญเพื่อสู้กับเดธไน้ท์ท่ามกลางหอกนับไม่ถ้วนที่กำลังรุมแทงอยู่ ผมหัวเราะขณะที่เฝ้าดูพวกเขา
“เปล่าประโยชน์น่า”
ผมสั่งการใหม่ ผมบอกให้พวกมันถอยลงในเงา
เดธไน้ท์ทั้งหมดกลับสู่ร่างวิญญาณแล้วซ่อนลงในเงาอีกครั้ง ก่อนที่อัศวินจักรวรรดิจะเข้ามาถึงตัวพวกมัน
อัศวินทั้งหลายต่างข้องใจจึงได้แต่ตะโกนว่า พวกมันช่างขี้ขลาด
“เป็นการด่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คนๆหนึ่งจะได้รับเลยนะ พวกเราชนะเพราะพวกเราขี้ขลาด และพวกเขาแพ้เพราะพวกเขาไม่ขี้ขลาด
ราคาที่ต้องจ่ายจากความพ่ายแพ้คือ การตายจำนวนมากของทหารชั้นนำ แทบไม่ต้องถกกันก็รู้แล้วมั้งว่า ทางเลือกไหนคือ สิ่งที่ดี”
“อาจไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดก็จริงนะคะ ……สำคัญกว่านั้น นายท่านคะ ฉันไม่คิดว่าคำพูดนั้นควรจะออกมาจากปากคนที่อ้างว่า เป็นผู้บริสุทธิ์เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนะคะ”
“ข้าน่ะเป็นคนขี้ขลาดบริสุทธิ์ยังไงล่ะ”
ผมตอบกลับไปตรงๆ ลอร่ามองผมด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง อะไรอะ? ก็พูดเองไม่ใช่เหรอ ก็เธอพูดเองนี่
อัศวินยังคงดื้อรั้นที่จะแทงเงาด้วยดาบต่อ แต่ก็เสียเวลาไปเปล่าๆสุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วไปทำงานหลักอย่างการฟันหัวหอกแทน แต่พอทำแบบนั้น พอดูเหมือนพลหอกจักรวรรดิจะได้เปรียบพลหอกกองทัพจอมมาร
แต่―
ผมก็ฮัมเพลงออกมาอย่างเริงร่าราวกับเป็นคอนดักเตอร์วงออเคสตร้า
เดธไน้ท์ก็โผล่ออกมาจากเงาอีกครั้ง อัศวินจักรวรรดิที่ยังหมกหมุ่นวุ่นวายกับพลหอกออร์คก็ตายเพราะการลอบโจมตีอีกครั้ง
อัศวินทั้งหลายต่างตะโกนออกมาตอนที่โดนกำจัด ภาพนั้นฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก
พวกเขาต่างต้องกังวลทั้งการจู่โจมของเดธไน้ท์และยังโดนรุมแทงจากออร์คจำนวนมากเป็นเรื่องที่ชวนหัวเสียสำหรับอัศวินทั้งหลายเหลือเกิน
พวกเขาต้องจัดการกับหอกจำนวนมากมายตรงหน้า แถมยังต้องระแวงเงาใต้เท้าอีก นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยแท้
ในที่สุดแล้ว อัศวินที่ออร่าหมดก็ถูกแทงด้วยหอกของออร์คหรือไม่ก็ถูกเดธไน้ท์ฆ่า
ออร่าไม่ใช่สิ่งที่จะใช้ไปได้ตลอดกาล มีเพียงเทพดาบเท่านั้นที่สามารถรักษาออร่าของตนเองได้ยาวนาน แต่อัศวินพวกนี้ใช้ออร่าแค่เพียงเพื่อจะตัดหัวหอกล่ำๆของออร์ค
อัศวินจักรวรรดิทั้งหลายก็ใช้ออร่าจนหมด จึงไม่มีอะไรน่ากลัวเลย สำหรับอัศวินที่ไม่มีออร่าแล้ว พวกเขาต่างก็ล้มตายลงทั้งที่ยังกวัดแกว่งดาบสองมือไม่หยุด
อัศวินทั้งหลายต่างได้ชื่อเสียงอย่างแท้จริงที่ได้ฝ่าฝันอย่างสุดกำลัง พลหอกออร์คไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมถอยไปเพราะความองอาจหาญกล้าของพวกเขา
ระบุให้ชัดก็ 5 เมตร
ออร์คถอยหลังไป 5 เมตรจากตำแหน่งยืนเดิม แต่ก็มีอัศวินตายไปถึง 50 คน เพื่อระยะ 5 เมตร หากจะคำนวนง่ายๆก็ต้องเสียสละ อัศวิน 10 นายเพื่อจะให้ได้ระยะ 1 เมตร
พวกเราไม่รู้หรอกว่า มีอัศวินจักรวรรดิส่งมาที่นี่กี่คนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันชัดเจนในตัวแล้วนี่ว่า
สมรภูมิที่ต้องเสียสละอัศวิน 10 คน เพื่อให้ได้ระยะเมตรเดียวนี่ ไม่ใช่อะไรที่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย
MANGA DISCUSSION