แววตาของเยี่ยหลานซานเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจเบา ๆ
นิ้วมือของเยี่ยหลานซานค่อย ๆ ลูบก้นแก้วไวน์ช้า ๆ และด้วยน้ำหนักนิ้วมือที่เพิ่มมากขึ้น ก็ทำให้แก้วไวน์นั้นเริ่มมีเสียงแว่วออกมา “ระบบย่อยอาหารของฉันไม่ค่อยดีน่ะค่ะ เลยดื่มมากไม่ได้ ส่วนเสี่ยวจินเธอก็แค่เป็นห่วงฉันน่ะค่ะ มิฉะนั้นถ้าเกิดว่าฉันต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะพิษสุรา ก็เกรงว่าทุกท่านจะต้องเดือดร้อนไปด้วยค่ะ”
อย่าคิดว่าเธอมองไม่ออก ว่าคนเหล่านี้จงใจที่จะรินไวน์ให้กับเธอ เพื่อจะมอมเธอจนเมา!
เยี่ยหลานซานเพียงแค่ยังเห็นแก่หน้าตาของพวกเธอ และในเมื่อการเห็นแก่หน้าตาของทุกคนนั้น กลับไม่สามารถทำให้ทุกคนรู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเองได้ หนำซ้ำยังพูดจาเยาะเย้ยดูถูกเสี่ยวจินอีก เพราะฉะนั้นก็อย่าหาว่าเธอพูดแรงเกินไปก็แล้วกัน!
ส่วนคนที่กำลังรินไวน์ให้เธออยู่ตอนนี้ก็เป็นคนที่มีหน้าตาขี้เหร่คนหนึ่ง
เยี่ยหลานซานรู้สึกขี้เกียจที่จะพัวพันกับคนเหล่านี้ต่อไปแล้ว
ผู้คนต่างพากันเรียงรายกันเข้ามาเทไวน์ให้กับเธอ คนแล้วคนเล่า จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกมึนหัวไปหมด
แต่เธอก็ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ “เชิญทุกท่านต่อกันตามสบายนะคะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ฮึ!”
เสี่ยวจินจ้องมองคนเหล่านั้นที่กำลังคึกครื้นกันอยู่ ก่อนจะเดินตามเยี่ยหลานซานไป
โดยทันทีที่เธอสองคนหันหลังเดินไปนั้น ก็มีเสียงซุบซิบขึ้นมา
“ชิ จะเสแสร้งอะไรอีกล่ะ”
“ใช่ เธอก็ใช่ว่าจะเป็นเด็กไร้เดียงสา ทุกคนในที่นี้ต่างก็คอแข็งกันหมดทั้งที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วยซ้ำ เธอคงจะไม่อยากดื่มกับพวกเรามากกว่าละมั้ง!”
“ใช่!”
แล้วทุกคนก็พากันนินทาลับหลังเยี่ยหลานซานกันใหญ่
ในขณะที่บรรยากาศกำลังวุ่นวายอยู่นั้น หายเวยก็แอบเปิดกระเป๋าของเยี่ยหลานซานในตอนที่ทุกคนกำลังสนใจอย่างอื่น แล้วเธอก็หยิบการ์ดใบจิ๋วสีแดงออกไป
……
ทันทีที่เยี่ยหลานซานเดินออกมาจากห้องอาหารมาอย่างเมามาย เธอก็ชนเข้ากับชายรูปงามคนหนึ่ง
“หลานซาน”
กลิ่นคุ้น ๆ เสียงก็ยังคุ้น ๆ อีก ทั้งกลิ่นและเสียงที่คุ้นเคยนั้นทำให้เยี่ยหลานซานปล่อยตัวของเธอลงอย่างผ่อนคลาย
ออร่าความบ้าบิ่นของเธอสลายหายไป สภาพของเธอเหมือนกับเด็กน้อยปวกเปียกที่ได้พบกับที่หลบภัยของตัวเอง แล้วเธอก็พิงเขาทั้งที่ยังเมาอยู่
พร้อมกับลูบที่เสื้อของเขาเบา ๆ แล้วพึมพำออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัว “คุณลุงง”
ไม่นานนัก เสี่ยวจินก็ตามออกมาและต้องเจอเข้ากับภาพนี้
ชายรูปร่างสูงเกือบ 190เซนติเมตร ในชุดสูทสีดำ กำลังยืนกอดเยี่ยหลานซานด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนจะใจดี…
หึ้ย!
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะหล่อเหลา แต่ก็ใช่ว่าจะมีสิทธิรังแกผู้หญิงในที่สาธารณะได้นะ!
ภาพนั้นทำให้เสี่ยวจินโมโหจนแก้มปูด แล้วเธอก็รีบเข้าไปปกป้องเยี่ยหลานซานทันที “คุณเป็นใคร?! ปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”
ท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันของเธอนั้น พร้อมที่จะยื้อแย่งตัวเยี่ยหลานซานจากกงเส่าถิงได้ทุกเมื่อ
“จินหลิง”
กงเส่าถิงเรียกชื่อเธอออกมา
เสี่ยวจินตกใจจนตาเบิกกว้าง และจ้องมาที่เขา “หา?…คุณรู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”
“หลานซานบอกฉันน่ะสิ”
เยี่ยหลานซานเมาจนไม่ได้สติ แต่กงเส่าถิงก็ไม่ได้วางเธอลง เขารีบอุ้มเธอขึ้นมา พร้อมกับไหว้วานเสี่ยวจินให้ช่วยเขาเรื่องหนึ่ง “ไปที่หวงถิง บอกหัวหน้าเชฟให้ต้มซุปที่ทำให้สร่างเมา แล้วก็ส่งมาที่ห้องสวีท 2201”
เสี่ยวจินตะลึงจนพูดไม่ออก
เธอเฝ้าดูชายคนนั้นอุ้มเยี่ยหลานซานเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยสายตาที่ยังคงตะลึงอยู่ไม่หาย
เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาชนกันทั้งสองข้าง ท่าทางสงสัย “หือ? หรือว่า ชายคนนั้นก็คือคนที่อวิ๋นซีพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ว่า สามีนอกสมรสของพี่เยี่ย?”
เธอเม้มปากก่อนจะบ่นพึมพำออกมา “แต่ฉันว่าเขาดูหล่อมากเลย ดูต่างกับที่อวิ๋นซีพูดหมดเลยอะ…”
พล่ามจนจบเธอก็กลับมาโฟกัสกับสิ่งที่เข้าเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ “หวงถิง? หวงทิง? อะไรของเขานะ”
โชคดีที่มีบริกรชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เธอจึงรีบเข้าไปถาม
“หวงถิง เป็นห้องอาหารชั้นนำอันดับสูงสุดของทางโรงแรมเราครับ” จากนั้นบริกรก็นำทางเธอไป “อยู่ชั้นบนครับ”
…………
ค่ำคืนหน้าร้อนที่มีลมพัดเย็นสบาย ไฟของบ้านนับพันหลังเผยให้เห็นแสงสว่างเป็นหย่อม ๆ ทำให้เมืองหลวงยามในยามค่ำคืนดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น
ณ ห้องสวีทสุดหรูที่สุดของโรงแรมไดนาสตี้เพนนินซูล่า 2210 ม่านหน้าต่างที่ถูกปิดไว้เพียงครึ่งนึง ทำให้แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาปะทะกับร่างของคนสองคนที่นอนกอดกันอยู่บนเตียงคิงไซส์
“อืมม”
เยี่ยหลานซานหายใจถี่เล็กน้อยในขณะที่ร่างกายเธอนั้นอิงแอบแนบชิดอยู่ในอ้อมอกของกงเส่าถิง
เนื่องจากเธอดื่มมามากจนเกินไป จึงส่งผลให้ใบหน้าที่ดูดีมีราศีของเธอนั้นกลายเป็นใบหน้าที่แดงก่ำด้วยฤทธิแอลกอฮอล์ และลมหายใจของเธอที่เต็มไปด้วยกลิ่นไวน์แดงก็กำลังพ่นรดต้นคอของกวงเส่าถิง จนลามลงไปถึงหน้าอกของเขาด้วย
หน้าอกของเธอเองก็แนบชิดกายเขา จนบางครั้งที่เธอรู้สึกอึดอัด เธอก็จะขยับเขยื้อนไปมาเป็นครั้งคราวจนหน้าอกเธอถูไถไปกับตัวเขา…
กงเส่าถิงนิ่งเงียบ
งานเลี้ยงกองถ่ายที่เพิ่งจัดขึ้นอย่างกะทันหันจนเธอต้องผิดนัดกับกงเส่าถิง ทำให้เขาตัดสินใจนัดเพื่อน ๆ ของเขามาพบปะสังสรรค์กันที่โรงแรมไดนาสตี้เพนนินซูล่าแห่งนี้ เขาดื่มไปบ้างในระหว่างที่รอเธอ จึงทำให้ร่างกายของเขาที่โดนเธอเสียดสีอยู่ตอนนี้นั้นเริ่มมีการตอบสนองขึ้นมาบ้างแล้ว…
เขาค่อย ๆ ก้มลงไป
และกำลังจะจุมพิตเธอด้วยความที่ห้ามใจไว้ไม่อยู่
“ปึ้งปึ้งปึ้ง!”
จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
กงเส้าถิงขมวดคิ้วและหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ ปล่อยเยี่ยหลานซานให้นอนลงบนเตียงอย่างสบาย ๆ แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูที่ห้องโถง
ซึ่งด้านนอกประตู ก็คือเสี่ยวจิน ที่มาพร้อมกับถ้วยซุป 1 ใบในมือ อีกทั้งยังมีกระเป๋าของเยี่ยหลานซานคล้องอยู่ที่ข้อมือของเสี่ยวจินด้วย เมื่อประตูเปิดออก เสี่ยวจินเดินเข้ามาในห้องเองอัตโนมัติโดยไม่รอคำเชิญใดใดจากกงเส่าถิง
เมื่อเห็นว่าเยี่ยหลานซานนอนอยู่บนเตียงในสภาพที่ยังเหมือนเดิม เธอก็รู้สึกโล่งใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาว่า “ช่วงนี้ พี่เยี่ยอาศัยอยู่ที่บ้านของเธอรึเปล่า?”
“ใช่ค่ะ”
ในระหว่างที่กงเส่าถิงถามไปนั้น เขาก็เข้าไปประคองเยี่ยหลานซานให้ลุกขึ้นนั่งและป้อนซุปให้เธอทีละช้อน
ท่าทางที่ดูชำนาญนั้น ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเคยมีประสบการณ์ในการดูแลเยี่ยหลานซานมาก่อน
แต่เสี่ยวจินก็ยังอยากจะถามให้แน่ชัด “คุณชื่ออะไรคะ?”
ในขณะที่เธอถามไปนั้น ในมือของเธอก็ถือโทรศัพท์มือถือพร้อมที่จะค้นหาชื่อของเขาบนอินเทอร์เน็ตอยู่ด้วย
เธอต้องดูให้แน่ใจก่อนว่าคนคนนี้เชื่อถือได้รึเปล่า เธอถึงจะเบาใจลงได้!
เมื่อกงเส่าถิงเห็นท่าทางที่กังวลและเต็มไปด้วยความสงสัยของเสี่ยวจิน เขาจึงบอกตัวตนที่แท้จริงของเขาทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ “กงเส่าถิง ประธานคนปัจจุบันของเอ็มเพอเรอร์กรุ๊ป และได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ในรายชื่อผู้ที่รวยที่สุดในประเทศ 3 ปีซ้อน ที่อยู่ปัจจุบันคือโกลเด้นพาเลซที่ 1 ส่วนสูง 188 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังเป็นคนนิสัยดีอีกด้วย”
มือที่กำลังเตรียมจะกดโทรศัพท์ของเสี่ยวจินหยุดชะงักลงในทันที และอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
อ้าว พี่ชาย! ช่วยให้เกียรติความสามารถของสุดยอดแฮกเกอร์คนนี้หน่อยได้รึเปล่า? ไม่ต้องแนะนำตัวเองจนละเอียดขนาดนี้ก็ได้มั้ย?!!
เสี่ยวจินตอบกลับแบบไม่แยแส “ถึงคุณจะวิเศษวิโสมาจากไหน แต่ฉันก็จะเป็นคนดูแลพี่เยี่ยเองค่ะ!”
กงเส่าถิงรู้สึกพอใจกับความเป็นห่วงเป็นใยที่เสี่ยวจินมีให้เยี่ยหลานซานมาก เขาพูดต่อโดยไม่สนใจกิริยาท่าทางของเสี่ยวจิน “ถึงไอศกรีมในกองถ่ายจะอร่อยแค่ไหน แต่วันนึงกินไปตั้ง 5 อันก็ไม่ดีต่อสุขภาพนะ”
เสี่ยวจินตกตะลึง "… คุณ คุณรู้ได้ยังไง?"
กงเส่าถิงจึงตอบไปว่า “รถไอศกรีมน่ะ ฉันเป็นคนส่งไปเอง ส่วนเชฟที่ทำไอศกรีม จริง ๆ แล้วเขาเป็นนักโภชนาการส่วนตัวของฉัน”
เสี่ยวจินอึ้งจนพูดไม่ออก
ตอนนี้เธอค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าพี่เยี่ยของเธอมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับชายคนนี้แน่ ๆ
กงเส่าถิงป้อนซุปแก้เมาค้างให้เยี่ยหลานซานดื่มจนหมดถ้วย และมองดูเยี่ยหลานซานที่กอดเข้าแน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะค่อย ๆเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาปกหน้าเธอด้วยความอ่อนโยน แล้วจู่ ๆ ดวงตาที่คมกริบคู่นั้นก็หันไปจับจ้องที่เสี่ยวจิน
ดวงตาคู่นั้นทำให้เสี่ยวจินตัวสั่นเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “คุณ คุณต้องการจะทำอะไร?”
“ฉันก็บอกตัวตนที่แท้จริงของฉันไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็ถึงตาเธอตอบคำถามฉันบ้างแล้วนะ”
“คุณจะถามอะไร?”
เสี่ยวจินมีความรู้สึกว่า ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะดูอ่อนโยนมาก แต่ภายใต้ความอ่อนโยนของเขานั้นดูเหมือนมีกลิ่นอายของความอันตราย
และความน่ากลัวซ่อนอยู่
กงเส่าถิงหยุดมือที่กำลังเกลี่ยผมให้กับเยี่ยหลานซาน ก่อนจะหันมาพูดกับเสี่ยวจินด้วยน้ำเสียงที่หนักขึ้น “ชายที่อยู่ในบ้านของหลานซาน เขาเป็นอะไรกันกับหลานซานเหรอ?”
MANGA DISCUSSION