'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 44 หาใครซักคนมารับเคราะห์แทนพี่เลยดีมั้ยคะ?
สำหรับเยี่ยหลานซาน เฉิงเฉิงไม่ได้ตั้งใจจะชื่นชมจนออกนอกหน้า เธอเพียงแต่แสดงทัศนคติที่มีต่อเยี่ยหลานซานออกมาเท่านั้น “ฉันรับรู้ได้ถึงความสามารถของคุณ ซึ่งที่ฉันกำลังจะพูดต่อไปนี้ อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าฟังหน่อยนะคะ”
เยี่ยหลานซานตั้งใจฟัง
เฉิงเฉิงกล่าว “คุณเป็นศิลปินเพียงคนเดียวที่อยู่ในความรับผิดชอบของฉัน ฉันจะทำให้คุณก้าวไปสู่เส้นทางสากล กลายเป็นนักแสดงแถวหน้าระดับอินเตอร์! ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขยายชื่อเสียงของคุณ แต่ถ้าคุณเกิดทำอะไรที่ผิดพลาดจนมันส่งผลร้ายแรงขึ้นมา ฉันก็ไม่ลังเลที่จะยุติการทำหน้าที่นี้ต่อนะคะ”
เยี่ยหลานซานพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าที่จริงจัง “เข้าใจค่ะพี่เฉิง!”
“ค่ะ”
เฉิงเฉิงพยักหน้า และยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครบางคน “แจ้งผู้ช่วยที่ฉันจัดหามาให้คุณเยี่ยด้วย ว่าให้พวกเขาเข้ามาได้เลย”
แล้วจู่ ๆ เยี่ยหลานซานก็ขัดจังหวะขึ้น “เดี๋ยวค่ะ พี่เฉิง”
แล้วเฉิงเฉิงก็มองมาทันที เธอพูดกับเยี่ยหลานซานอย่างรู้ทันว่า “เรื่องผู้ช่วย ขอให้ฉันเป็นคนจัดการนะคะ”
เยี่ยหลานซานไม่กล้าพูดต่อ…
เฉิงเฉิงเกิดลังเลขึ้นมาเล็กน้อย และบอกกับปลายสายไปใหม่ว่า “ไม่ต้องเข้ามาแล้วนะ”
เมื่อเธอวางสายลง ก็หันมาถามเหตุผลกับเยี่ยหลานซาน “คุณมีคนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้วเหรอ?”
เยี่ยหลานซานตอบกลับทันที “ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนของฉันเอง เดี๋ยวถ้าฉันคุยกับเธอเรียบร้อยแล้ว ฉันจะพาเข้ามาพบพี่เฉิงนะคะ”
เฉิงเฉิงโบกมือปฏิเสธก่อนจะพูดต่อ “ผู้ช่วยจะต้องติดตามคอยดูแลคุณทุกวัน ตราบใดที่เธอระมัดระวังที่จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน และคุณสะดวกใจที่จะมีเธออยู่ด้วย ตัวฉันเองก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรที่ยุ่งยากอื่น ๆ แล้วค่ะ”
เมื่อพูดจบเธอก็หยิบแฟ้มเอกสารหนึ่งขึ้นมา และยื่นให้กับเยี่ยหลานซาน “นี่คือใบคำร้องขอสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่าง ๆ ที่ฉันทำไว้ให้คุณก่อนที่จะไปหาคุณที่กองละครค่ะ ซึ่งสิทธิและสวัสดิการต่าง ๆ จะประกอบไปด้วยที่พัก ยานพาหนะ การมีสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆรวมถึงโบนัสสิ้นปีนะคะ คุณลองดูนะคะ ถ้ายังขัดข้องตรงไหน ฉันจะได้แก้ไขแล้วส่งขึ้นไปให้หัวหน้าฉือเพื่อขออนุมัติเลย”
เยี่ยหลานซานยื่นแฟ้มคืนก่อนจะบอกกับเฉิงเฉิงว่า “ฉันเพียงแค่อยากจะทำงานแสดงให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องอื่น พี่เฉิงจัดการตามแบบที่พี่เฉิงเห็นสมควรได้เลยค่ะ”
แววตาของเธอแสดงออกถึงความเชื่อมั่นในตัวเฉิงเฉิง
สิ่งนี้ทำให้เฉิงเฉิงเกิดความแปลกใจเล็กน้อย
ตั้งแต่สมัยที่เธอเคยอยู่กับแสงดาวกรุ๊ปจนภายหลังได้ย้ายไปอยู่ซานเซิงกรุ๊ป เธอก็รับผิดชอบเด็กในสังกัดมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบคน ศิลปินเหล่านั้นจะกังวลถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เปรียบเทียบรายได้ของตนกับผู้อื่น ที่พักอาศัยก็ต้องดีเลิศ รถที่ใช้ก็ต้องเป็นรถหรูยี่ห้อดัง เครื่องประดับต่าง ๆ ก็ต้องให้บริษัทช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้ ไม่เคยมีใครไม่สนใจเรื่องพวกนี้เหมือนกับเยี่ยหลานซานเลย
อันที่จริงเฉิงเฉิงตั้งใจจะลองใจเพื่อจะดูท่าทีของเยี่ยหลานซานด้วยอยู่แล้ว
และการที่เยี่ยหลานซานไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าเธอจงใจจะให้ตัวเองได้รับคำชมเลยจริง ๆ แต่เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนั้นอยู่แล้วตั้งแต่ต้น
แววตาของเธอจดจ่ออยู่แค่กับการแสดงเท่านั้น อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในตัวเฉิงเฉิงอีกด้วย
ความโปรดปรานเยี่ยหลานซานได้เพิ่มขึ้นในใจของเฉิงเฉิงอีกนึงระดับแล้ว “งั้นโอเคค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะนำเอกสารนี้ส่งขึ้นไปเลย หลังจากได้รับการอนุมัติแล้วฉันจะตรวจดูอีกครั้งแล้วส่งมอบให้คุณนะคะ"
“ค่ะพี่เฉิง”
เยี่ยหลานซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
สำหรับเยี่ยหลานซานแล้วนั้น พูดตามตรงเลยว่าเธออยากจะเป็นแค่นักแสดงที่ทำหน้าที่แสดงหนังแสดงละครเท่านั้น อะไรอย่างอื่นที่มันซับซ้อน แค่มีเฉิงเฉิงคอยช่วยเธอจัดการ ก็ช่วยลดความกังวลในใจเธอได้มากจริง ๆ
เธอรู้สึกโล่งใจมากแล้วในตอนนี้
“2-3วันนี้คุณไปศึกษาสคริปส์ให้เข้าใจก่อน ฉันจะช่วยคุณจัดการเรื่องอื่น ๆ เองนะคะ” เฉิงเฉิงยื่นช่องทางการติดต่อของเธอให้กับเยี่ยหลานซาน “เราจะได้ติดต่อกันได้ตลอดเวลาค่ะ”
“ค่ะพี่เฉิง เจอกันใหม่นะคะ”
เยี่ยหลานซานเดินออกมาจากห้องทำงานของเฉิงเฉิง และโทรหาเยี่ยเสียวหมิ่น
เยี่ยเสียวหมิ่นที่กำลังอยู่ระหว่างการสัมภาษณ์ เมื่อสัมภาษณ์ผ่านแล้ว ก็ต้องร่วมฝึกงานกับผู้เข้าใหม่คนอื่น ๆ ที่สัมภาษณ์ผ่านเช่นกัน จากนั้นจึงจะถูกคัดแยกไปหาผู้จัดการทีละคน
เธอบ่นพึมพำกับปลายสาย “หลานซาน อิจฉาเธอจริง ๆ เลยอะ ที่สามารถเข้าเซ็นสัญญาโดยตรงกับหวงเจวี๋ยกรุ๊ป เพื่อเข้าแสดงละครของผู้กำกับต่งได้เลย ส่วนฉันยังต้องไปฝึกอบรมต่อ และไม่รู้ว่าหลังจากฝึกเสร็จจะถูกคัดไปอยู่กับผู้จัดการคนไหน และยิ่งไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ที่จะได้รับบทดี ๆ น่ะ”
เยี่ยหลานซานทำได้แค่ปลอบเพื่อน “เธอมีพื้นฐาน ฉันเชื่อว่าในระหว่างการฝึกอบรมเธอจะต้องโดดเด่นแน่นอน เมื่อถึงเวลาจะต้องได้รับความชื่นชมและโปรดปรานจากผู้จัดการหลายคนแน่ ๆ “
“จริงรึเปล่า?”
“จริงสิ!”
“ขอบใจนะหลานซาน” และในขณะนั้นเอง ดูเหมือนมีคนวิ่งหลบมุมไป “หลานซาน เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะ ฉันไปกรอกเอกสารก่อน” เยี่ยเสียวหมิ่นรีบร้อนจะวางสาย
“โอเค ขอให้โชคดีนะ”
เยี่ยหลานซานเดินออกจากบริษัท และมุ่งหน้าต่อไปยังคอนโดเล็ก ๆ ของเธอ
…………
วันนี้เธอมีความสุขมาก เหมือนได้โชค 2 ชั้น เธอไม่เพียงแต่ได้รับบทเซิงเกอ แต่ยังมีผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมอย่างเฉิงเฉิงคอยอยู่เคียงข้าง ทำให้เธอมั่นใจในเส้นทางการเป็นนักแสดงในอนาคตของเธอมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่เยี่ยหลานซานยังไปไม่ถึงคอนโดเล็ก ๆ ของเธอ อวิ๋นซีก็ดันโทรมาเสียก่อน
“ฮัลโหล”
เธอยิ้มพร้อมกับรับโทรศัพท์
แต่น้ำเสียงของอวิ๋นซีนั้นไม่ค่อยดีนัก “อุบัติเหตุรถชนเมื่อวานสรุปมันเกิดอะไรขึ้น?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยหลานซานหยุดนิ่ง มองไปที่บอดี้การ์ดหน้าตาเย็นชาที่กำลังนั่งมองเธออยู่บนรถ ซึ่งเป็นคนที่กงเส่าถิงส่งมาคอยดูเธอ เธอสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตอบกลับอวิ๋นซี “พี่รู้ได้ยังไง?”
“ไร้สาระ!”
อวิ๋นซีรีบปิดปากตัวเองทันทีที่หลุดพูดหยาบ “ก็มีเสี่ยวจินอยู่ทั้งคน มีอะไรที่ฉันจะไม่รู้บ้างล่ะ!”
เยี่ยหลานซานพูดไม่ออก…
พี่ชายสี่ของเธอมักจะดูเหมือนนางมารชั่วร้ายตนนึง และชอบยิ้มเยาะอย่างร้าย ๆ ตลอด แต่ถ้าเขาโกรธขึ้นมา เหมือนโลกนี้กำลังเผชิญหน้ากับหายนะอยู่จริง ๆ
และตอนนี้ นางมารกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ด้วยสิ!
เยี่ยหลานซานจึงต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาวานอย่างกระชับและได้ใจความให้เขาฟัง เว้นเสียแต่ว่าเธอจะต้องปกปิดตัวตนของกงเส่าถิงไว้ให้สำเร็จ อวิ๋นซีจึงได้รับรู้แค่เพียงว่า มีคนใจดีบังเอิญผ่านมาเห็น และช่วยเธอไว้ได้ทัน
“โอ้ยยย มันกล้าทำอย่างนี้กับน้องสาวฉันได้ยังไง ฉันละเบื่อจริง ๆ !” อวิ๋นซีระเบิดออกมาตรงนั้น และยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงดุ “รีบกลับมาด่วนเลยนะ เราจะปล่อยเรื่องนี้ไว้แบบนี้ต่อไปไม่ได้!”
หลานซานตอบไปแค่ “อ้อ” แล้ววางสายไป
อวิ๋นซีตัดสินใจที่จะเข้าแทรกแซงเรื่องนี้ทันที และเกรงว่ามันจะทำให้เกิดความโกลาหลอลหม่านจนฟ้าดินสะเทือนขึ้นมาจริง ๆ แต่ทว่า เธอเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใครกันที่คิดจะทำร้ายเธอ!
เธอกลับถึงคอนโดด้วยอารมณ์ที่ยังคงซับซ้อนอยู่ เมื่อเปิดประตู ก็เจอเข้ากับหมอนที่อวิ๋นซีโยนมาหวังจะให้โดนหน้า
เธอรับไว้ได้ทัน และบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงหดหู่ “อ้าวเห้ย ช่วยอ่อนโยนกับน้องซักนิดนึงจะได้มั้ย!”
“เธอเป็นน้องสาวของฉัน ฉันอ่อนโยนกับเธอได้ แต่เธอจะสั่งให้คนทั้งโลกอ่อนโยนกับเธอบ้างได้มั้ย?” อวิ๋นซีนอนคิ้วขมวดอยู่บนโซฟาและดูเหมือนพี่ชายของเธอจะใจสลาย “มานี่มา มานี่เลย อยากรู้มั้ยว่าเธอโดนผู้คนรุมด่าจนกลายเป็นยังไงไปแล้ว?”
เยี่ยหลานซานถือหมอนไว้ในมือ และเดินเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ทันได้เปลี่ยนรองเท้า
อวิ๋นซีส่งโทรศัพท์ในมือให้เธอดู
เยี่ยหลานซานเห็นแวบแรก ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน
เรื่องที่เธอได้ร่วมแสดงละคร จิ้งจอกสาว ในบทของเซิงเกอกลายเป็นข่าวเดือด และถูกเปิดเผยลงหน้าเพจของจิ้งจอกสาวในเวยโป๋ไปแล้วเรียบร้อย ชาวเน็ตที่เป็นแฟนคลับของละครเรื่องนี้ต่างพากันต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์ต่อการที่เธอได้เข้าร่วมแสดงในบทเซิงเกอ
ตอนนี้ข่าวของเธอได้รับความนิยมสูงมาก และสถิติการค้นหาสูงสุดก็ติดอันดับ 3 ของเวยโป๋
กระแสข่าวนี้ไม่เพียงแต่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของชาวเน็ตจากประเด็นของอู๋เทาและโม้เข่อซินบนเวยโป๋ได้เท่านั้น แต่เมื่อไม่กี่วันทีผ่านมานี้ เธอยังได้เปิดเผยข่าวเก่าเกี่ยวกับการที่เธอแสดงแทนเกาซินซินในบทมู่หรงฉิงด้วย
นอกจากนี้ เฉิงเฉิงและหวงเจวี๋ยกรุ๊ปก็ติดอันดับการค้นหาสูงสุดเช่นกัน
ตอนนี้ทั้งเวยโป๋นั้นสั่นสะเทือนไปด้วยข่าวเดือดของศิลปินทางแสงดาวกรุ๊ปและทางหวงเจวี๋ยกรุ๊ป
เสี่ยวจินหันมามองเยี่ยหลานซานด้วยดวงตากลมโต และพร้อมที่จะเคลื่อนไหวทำภารกิจต่อ “พี่เยี่ยคะ จะให้หนูขุดประวัติคนของแสงดาวกรุ๊ปเพื่อมารับเคราะห์แทนพี่เลยมั้ยคะ?”
เยี่ยหลานซานยิ้มก่อนจะตอบกลับไป “เสี่ยวจิน เธอนี่เริ่มคล่องแล้วนะ!” จะทำร้ายคนอื่นทั้งทีนี่แทบไม่ต้องคิดเลยเหรอเนี่ย!
เสี่ยวจินตอบอย่างภูมิใจ “แน่นอนค่ะ ใครใช้ให้พวกเขามาด่าพี่เยี่ยล่ะคะ”
ในขณะที่เธอพูดไป เธอก็เตรียมตัวที่จะขุดประวัติคนอื่นต่อ
เยี่ยหลานซานโบกมือปฏิเสธ และห้ามปรามเสี่ยวจิน “ครั้งนี้ไม่ต้องแล้วล่ะ แล้วแต่พวกเขาจะด่าเถอะ”
อวิ๋นซีกับเสี่ยวจินพากันงง และถามออกมาพร้อมกันว่า “ทำไมล่ะ?”