'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 45 ฉันให้เธอยืมลูกน้องของฉันก่อนได้นะ
“ไม่ว่าพวกเขาจะด่าฉันให้ตายยังไง ฉันก็เซ็นสัญญานั่นไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่าง ทางผู้กำกับต่งและผู้อำนวยการสร้างละครก็คงจะไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายในการยกเลิกสัญญาถึง 2 เท่าเลยนะ”
เยี่ยหลานซานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกน้อยแสนชั่วร้าย “ไม่ว่าตัวฉันหรือทางหวงเจวี๋ยกรุ๊ป พวกเราทั้งหมดเพิ่งจะเริ่มต้นดำเนินการในหลาย ๆ อย่าง เราก็ต้องการกระแสบ้างสินะ ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาช่วยฉันและบริษัทโปรโมทฟรี ๆ แบบนี้ ประหยัดค่าจ้างโฆษณาของบริษัทไปได้เยอะเลยด้วย ให้พวกเขาทำไปเถอะ”
เธอยิ้มหน้าบานและยังพูดต่ออีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น หวงเจวี๋ยกรุ๊ปเองที่ยังไม่ทันได้เผยแพร่ผลงาน แต่กลับมีผู้คนสนใจมากขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นเหมือนอย่างแสงดาวกรุ๊ปแน่นอน ที่พอมีข่าวฉาวของคนในบริษัทหลุดออกมา ก็กระทบหุ้นบริษัทจนผันผวนไปหมด บริษัทของฉันทนแดดทนฝน แข็งแกร่งแน่นอน”
อวิ๋นซีกับเสี่ยวจินตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ร้ายลึกจริง ๆ !
ภายนอกดูอ่อนโยนแต่จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก!
แม้แต่คนที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่บนโลกโซเชียล ยังไม่สนใจอะไรขนาดนี้ อวิ๋นซีเองก็ขี้เกียจที่จะสนใจแล้วเช่นกัน
อวิ๋นซีหันไปถามเสี่ยวจินทั้งที่ยังหน้าตาบึ้งตึงอยู่ “ตรวจสอบประวัติผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนของเมื่อคืนแล้วรึยัง?”
“คนที่พยายามขับรถไล่ตามพี่เยี่ยได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลแล้วว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต ส่วนประวัติส่วนตัวที่ลึกกว่านั้นยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบค่ะ”
เสี่ยวจิน ช่างสมกับที่เป็นแฮกเกอร์ชั้นยอดเสียจริง ๆ นิ้วอวบของเธอเคาะแป้นพิมพ์ กึก ๆ ๆ เพื่อใส่รหัสและสัญลักษณ์ต่าง ๆ เร่งสืบหาตัวตนของคนร้ายได้อย่างช่ำชอง
อวิ๋นซีกำลังคันไม้คันมืออยากจะมีเรื่องกับคนที่มารังแกน้องสาวของเขา “ตราบใดที่มันทิ้งร่องรอยเอาไว้บนเครือข่ายโซเชียล เสี่ยวจินก็จะสามารถขุดประวัติตั้งแต่บรรพบุรุษของมันออกมาได้แน่นอน ฮึ่ม! กล้ามาทำร้ายน้องสาวฉัน ฉันนี่แหละที่จะขุดดินฝังคนทั้งบ้านของแกเอง!”
เยี่ยหลานซานยกนิ้วให้อวิ๋นซี พร้อมกับสายตาที่ปลื้มปริ่มในตัวพี่ชาย “อวิ๋นซี นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้ว่า พี่ชายของฉันเนี่ย ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ”
อวิ๋นซีพูดไม่ออก
และสงสัยว่าเมื่อก่อนเขาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
แม้ว่าในใจของอวิ๋นซีกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับคำคำยกย่องของน้องสาว แต่ก็ยังมิวายพูดอะไรไร้สาระออกมาอีก “รอให้ฉันล้างแค้นแทนเธอสำเร็จก่อน แล้วเธอค่อยมาจ่ายค่าคุ้มครองให้ฉันนะ”
เยี่ยหลานซานกลอกตามองบนใส่เขา ก่อนจะพูดว่า “พี่กินของของฉัน แล้วยังอาศัยคอนโดฉันอยู่ มันก็สมควรแล้วที่พี่จะต้องปกป้องฉันน่ะ”
และก่อนที่อวิ๋นซีจะเถียงกลับ เธอก็ยิ้มตาหยีแล้วถามเขาต่อว่า “พี่ชายสี่ ถ้าพี่อยากจะหาเงินใช้ สู้พี่มาเป็นผู้ช่วยฉันเลยไม่ดีกว่าเหรอ?
มีนางมารร้ายอย่างพี่คอยอยู่ข้าง ๆ ฉัน ก็เหมือนฉันมีเวทมนตร์ที่สามารถเสกให้คนเลวคนชั่วทั้งหลายหายไปได้ในพริบตาเลยนะ”
ใครจะไปรู้ว่า อวิ๋นซีจะปฏิเสธขึ้นมาทันที “แค่เป็นผู้ช่วยเนี่ยนะ ต่ำต้อยเกินไป ไม่เหมาะสมกับฐานะหญิงงามแห่งยุคอย่างฉันเอาซะเลย”
และเขาก็ชี้ไปที่เสี่ยวจิน “ฉันให้เธอยืมลูกน้องของฉันก่อนได้นะ เธอกินจุเกิน ฉันเลี้ยงไม่ไหวแล้ว”
เยี่ยหลานซานพูดไม่ออก
ส่วนเสี่ยวจินได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเช่นกัน
ทั้งสองคนมองหน้ากันและตกลงกันได้โดยไม่ต้องพูดออกมา
เสี่ยวจินนั้นยังคงมีความซื่ออยู่บ้าง เธอมีเพียงข้อแม้เดียวที่อยากจะบอกเยี่ยหลานซาน “พี่เยี่ยคะ พี่คงไม่บังคับให้หนูลดน้ำหนักใช่มั้ยคะ?”
“พี่ไม่บังคับหรอกจ้า กินได้ตามสบายเลยนะ”
“โอเคค่ะ หนูจะเป็นผู้ช่วยให้พี่เยี่ยเอง!”
ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกัน
เดิมทีอวิ๋นซีต้องการที่จะเป็นผู้คุมเกมส์ทั้งหมดในระหว่างที่อยู่เมืองหลวง แต่ทำไมตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกว่า เขากลายเป็นผู้ถูกทอดทิ้งไปซะอย่างงั้น
หลังจากนั้นเขาก็หรี่ตาลงแสดงออกถึงความตระหนักได้ว่า “เสี่ยวชี เริ่มทำงานครั้งแรกในที่ทำงานใหม่ เธอคงไม่คิดจะทำอะไรตามคำแนะนำของเสี่ยวจินใช่มั้ย?”
เยี่ยหลานซานเลิกคิ้วขึ้น “ไม่อย่างนั้นจะให้ฉันพาพี่ไปด้วยอีกคน แล้วก็ได้วุ่นวายมากขึ้นไปอีกงั้นเหรอ?”
อวิ๋นซีพูดต่อไม่ออก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ว่าผู้หญิงยิ่งงามก็ยิ่งยากจะเชื่อใจได้! พวกเธอได้ถีบหัวส่งอวิ๋นซีแล้ว!
เยี่ยหลานซานเกี่ยวแขนเสี่ยวจินของเขาไป และเดินไปเฉียดใกล้ ๆ อวิ๋นซีให้เขาหมั่นไส้เล่น ๆ อวิ๋นซีรู้สึกว่าโลกนี้ช่างน่ากลัวเสียจริง ๆ หลังจากนั้นก็หยิบบุหรี่กับไฟแช็คเดินไปตรงระเบียง “ฉันจะไปสูบบุหรี่ซัก 2 มวน ให้จิตใจสงบซักหน่อย”
2 ชั่วโมงต่อมา …
เมื่อเสี่ยวจินได้ทำภารกิจตรงหน้าจนเสร็จสิ้น ก็ถอนหายใจออกมาทันที “ผลตรวจสอบออกมาแล้วเรียบร้อยค่ะ พบว่า ชายที่พยายามจะขับรถชนพี่เยี่ย ชื่อว่า นาย จ้าวเต๋อฝู อายุ 38 ปี เมื่อ 5 ปีก่อนเขาได้ทำร้ายเพื่อนบ้านคนหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจและถูกตัดสินจำคุกทั้งหมด 10 ปี ต่อมาทนายความได้เข้าปกป้องเขาในชั้นศาล ด้วยการระบุว่าเขาเป็นผู้ป่วยทางจิต และภายหลังก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลจิตเวช ฉันตรวจสอบแล้วพบว่าทนายความของเขามีความเกี่ยวของกับแก๊งชิงไห่ และเคยช่วยเหลือสมาชิกของแก๊งนี้ในการสู้คดีต่าง ๆ มาแล้วกว่า 12 คน”
“แก๊งชิงไห่”
เยี่ยหลานซานทวนชื่อแก๊งขึ้นมาด้วยสีหน้าและแววตาที่ลึกซึ้งเหมือนกำลังครุ่นคิด
เธอกับแก๊งชิงไห่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน ทำไมพวกเขาถึงคิดจะฆ่าเธอ? เว้นเสียแต่ว่า คนของแก๊งชิงไห่ถูกใครบางคนสั่งการมาอีกที!
อวิ๋นซีคีบบุหรี่ออกจากปากก่อนจะพูดว่า “ดูเหมือนว่า ได้เวลาที่เราจะต้องไปเยี่ยมเยียนแก๊งชิงไห่ซักหน่อยแล้วล่ะ”
…………
ในขณะที่เยี่ยหลานซานกำลังกลับไปที่โกลเด้นแมนชั่น ก็เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว
เมื่อเธอไปถึง สิ่งแรกที่เธอทำก็คือถอดเสื้อผ้าให้กับกงเส่าถิง และฉืออวี้เฟิงที่เห็นเหตุการณ์อยู่ก็หัวใจเต้นแรง
นี่ทั้งสองคน…กันแล้วเหรอเนี่ย!
เพียงแค่ไม่กี่วัน ทั้งสองคนก็พัฒนากันไปไกลขนาดนี้แล้วเหรอ
“อะแฮ่มมม น้าสองคนจะแสดงความรักกันก็ช่วยนึกถึงความรู้สึกคนนอกอย่างผมด้วยนะครับ”
แม้เขาจะพูดอย่างนั้น แต่สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่มือเล็ก ๆ ของเยี่ยหลานซานที่กำลังถอดเสื้อผ้าให้กับกงเส่าถิง
เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องของน้าเล็ก ที่ ดู ๆ ไปก็เหมือนกับเงือกสองตัวว่ายสวนกันจนเกิดร่องรอยคลื่นเล็ก ๆ
ยกขึ้นอีก
ยกขึ้นอีก!
อู้วว เร้าใจดีจริง ๆ ! ความหลงใหลในฉากนี้ของฉืออวี้เฟิงฮึกเหิมออกนอกหน้ามาก ยิ่งการได้เห็นเทวทูตที่ไม่เคยผ่านมือหญิงใดอย่างน้าเล็กถูกเยี่ยหลานซานจับถอดเสื้อด้วยแล้ว เพลินตาจริง ๆ เลยเชียว
เยี่ยหลานซานชะงักไปชั่วครู่และเงยหน้าขึ้นทวนคำพูดของฉืออวี้เฟิง
แสดงความรัก?
บ้าเหรอ แสดงความรักอะไร!
เธอหันไปชักสีหน้าใส่ฉืออวี้เฟิงทันที “พูดบ้าอะไร? ฉันเป็นห่วงว่าน้าเล็กของเธอจะเจ็บแผลต่างหากล่ะ”
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนอะไรบางอย่างตกลงบนพื้น และเสียงนั่นก็ดังอยู่ไม่ไกล
เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งสามคนหยุดชะงัก แล้วหันไปมองพร้อมกัน ก็เห็นเข้ากับชายในชุดสูทสีเทาอ่อน ใบหน้าสวมแว่นตากรอบทอง ท่าทางสุภาพอ่อนน้อม ยืนอยู่ที่ประตู และมีแฟ้มเอกสารตกอยู่ข้าง ๆ เท้าของเขาด้วย
ฉืออวี้เฟิงอึ้งจนพูดไม่ออก
หลังจากที่ฉืออวี้เฟิงเงียบไปได้ซักพัก เขาก็ดีดตัวขึ้นจากโซฟา มองไปที่ชายหนุ่มตรงประตู แล้วก็หันกลับมามองที่กงเส่าถิง แล้วยกมือขึ้นทำท่าจะสาบาน “น้าเล็กครับ ผมสาบานได้ ว่าเจ้าสิงน้อยมาเห็นด้วยตาของเขาเอง! ผมไม่ได้ปากมากบอกเขานะครับ!”
กงเส่าถิงเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา
เจ้าเด็กเซ่อคนนี้ ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครว่า แต่ดันโพล่งออกมาเหมือนมีอะไรปิดบังอย่างนี้ มันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิมอีกไหมล่ะ?
เยี่ยหลานซานกระพริบตาด้วยความสงสัย “เจ้าสิงน้อยเหรอ? เขาคนนี้ก็คงจะเป็น กงฉีหลิน หลานชายของคุณลุงใช่มั้ยคะ?”
กงเส่าถิงตอบกลับมาว่า “ใช่” และหันไปถามกงฉีหลินว่า “มีอะไรเหรอ?”
จากมุมมองของกงฉีหลิน ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถอดเสื้อให้ลุงเล็กของเขา ลุงเล็กเองก็ไม่มีทีท่าที่จะห้ามปรามเธอ ปล่อยให้เธอทำทุกอย่าง
อีกทั้งยังมีลูกพี่ลูกน้องจอมเซ่อของเขานั่งดูอยู่ข้าง ๆ ด้วยแววตาที่เบิกกว้าง และตื่นเต้นเหมือนตอนที่เขาจับได้ครั้งก่อนว่าฉืออวี้เฟิงดูหนังโป๊
นี่…
ดูแล้วสับสนจริง ๆ…
เขาเรียกสติกลับมาได้ แต่ยังคงทำตัวไม่ถูกอยู่ กงฉีหลินก้มหยิมแฟ้มเอกสารที่พื้น ก่อนจะเดินไปข้างหน้า
เขาพยายามไม่หันไปมองอย่างอื่นในห้อง และเดินเข้าไปยื่นเอกสารให้กงเส่าถิงด้วยท่าทางจริงจัง “ลุงเล็กครับ สัญญาฉบับนี้ต้องให้ลุงเล็กเซ็นด้วยตนเองครับ ผมบังเอิญผ่านมา จึงแวะเอามาให้ลุงเล็กทีเดียวเลยครับ”
กงเส่าถิงเคลื่อนไหวร่างกายให้อยู่ในท่าที่เหมาะสมก่อนจะตอบกลับไปว่า “วางไว้ตรงนั้นก่อนได้เลยนะ”
เมื่อกงฉีหลินวางเอกสารลง ก็หันไปเห็นเยี่ยหลานซานที่ยืนถือเสื้อผ้าของลุงเล็กอยู่ การที่เธอถือจนไม่ยอมวางลงเลยแบบนี้ ดูเหมือนว่าอีกประเดี๋ยวคงจะทำอย่างอื่นต่อแน่ ๆ เลย
ในเวลานั้น กงฉีหลินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรีบเดินออกไปหรืออยู่ตรงนี้ต่อดี