'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 13 อุบายของจอมเจ้าเลห์แสนเสน่ห์
เยี่ยหลานซานค่อย ๆ หรี่ตาลง แล้วพูดถึงแผนการ “หาข่าวฉาวของดาราดังคนอื่นมาถ่วงเวลาไว้ก่อน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของชาวเน็ต แล้วค่อยตามหาคนต้นเรื่องนั่นให้เจอ!”
อวิ๋นซีตบต้นขาตัวเองด้วยความถูกใจ “ชั่วร้ายดีจริง!”
ถึงแม้ว่า วิธีตลบหลังศัตรูวิธีนี้จะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แต่อย่างน้อยก็สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของใครหลายๆคนไปได้บ้าง
ยิ่งดาราคนนั้นกำลังเป็นที่นิยมมากเท่าไหร่ เยี่ยหลานซานก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
เสี่ยวจินกระตือรือร้น อยากจะมีส่วนร่วม “จะเลือกใครดีคะ”
เยี่ยหลานซานอยู่ในวงการสตั๊นแมนของเวทย์มังกรมาเกือบจะ 2 ปี รู้จักผู้คนมากมาย ได้ยินข่าวซุบซิบในวงการมาก็เยอะ หลังจากเลือกหาเป้าหมายในคลังสมองของเธออยู่นาน ในที่สุดก็คิดออกว่าใครคือเป้าหมายที่เหมาะสมที่สุด
เยี่ยหลานซานยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววของความอันตรายในตัวเธอ “คนที่กำลังฮอตมาก ๆ อยู่ในตอนนี้
ดาราศิลปินของแสงดาวกรุ๊ป อู๋เทา ”
แสงดาวกรุ๊ปเปรียบเสมือนจุดศูนย์กลาง เพราะแม้แต่บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ บริษัทตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์แถวหน้า เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนต์และโทรทัศน์ รวมถึงทีมงานผลิตภาพยนต์ของหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของบริษัทนี้กันถ้วนหน้า
ตอนนี้เกาซินซินเองก็ยังไม่จบการศึกษาจากมหาลัยวิทยาลัยภาพยนตร์ แต่ก็ถูกทางแสงดาวกรุ๊ปทาบทามให้เซ็นสัญญาเข้าสังกัดทันที ปัจจุบันนี้เธอก็เป็นศิลปินหญิงแนวหน้าของแสงดาวกรุ๊ป และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นามสกุลของท่านประธานใหญ่ของแสงดาวกรุ๊ปก็คือนามสกุล “เฉียว” และท่านประธานก็คือพ่อของเฉียวเฟยฝานนั่นเอง
ดังนั้น ไม่ใช่ความบังเอิญเลย ที่เฉียวเฟยฝาน องค์จักรพรรดิแห่งแสงดาวกรุ๊ป จะเข้าสู่แนวหน้าของวงการได้ภายใน 3 ปี
“รับทราบค่ะ!” เสี่ยวจินตอบรับเยี่ยหลานซาน
เมื่อได้เป้าหมายมาแล้ว เสี่ยวจินก็ทำการเข้าระบบโดยตรงผ่านไมโครบล็อกออนไลน์ และสามารถแฮกเข้าคอมพิวเตอร์ของอู๋เทาได้สำเร็จ แล้วก็พบเข้ากับข้อมูลลับที่อาจจะทำให้เกิดข่าวฉาวได้!!
ซึ่งมันคือ อัลบั้มภาพที่มีชื่อว่า [รักที่แสนหวาน] โดยภาพทั้งหมดล้วนเป็นภาพที่อู๋เทานั้น กำลังทำกิจกรรมเซ็กส์หมู่!
และเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก ๆ น้อง ๆ หนูๆ เลย…
“บัดสีบัดเถลิง!”
เสี่ยวจินเผลอด่าออกมา
พร้อมกับหันหน้าไปทิศตรงกันข้ามกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ และไม่รู้จะจัดการยังไงกับใบหน้าแดงก่ำและดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความเขินอายของตัวเอง
“เป็นอะไรไปล่ะ เขาเสียมารยาทอะไรกับเธอผ่านหน้าจอคอม…”
อวิ๋นซียังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นอัลบั้มภาพอย่างว่าที่ขึ้นหราอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์
อวิ๋นซีทำท่ากางแขนระโยงรยางค์เหมือนปลาหมึกพร้อมกับฉวยคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คไปดูอย่างตื่นเต้น “อู้วว ฉันไปเอง หมอนี่รับได้หมดทั้งชายหญิง อ้วนผอมก็ไม่เกี่ยงเลยอะ ดูท่านี้สิ ๆ ๆ เถื่อนได้ใจจริง ๆ เลย”
เยี่ยหลานซานกลอกตามองบน “เฮ้ ๆ ๆ นี่พี่ช่วยจริงจังเรื่องงานก่อนได้มั้ยเนี่ย”
เมื่อเธอพูดจบ ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ทันที
เธอแปลกใจเล็กน้อยเมื่อคนที่วีแชทมาหาเธอนั้น
ที่แท้ก็คือ กงเส่าถิง
[ฉันเชื่อเธอนะ]
[ต้องการความช่วยเหลือรึเปล่า?]
นี่แหละหนาคนเรา กับคนอื่นทำตัวดุดัน แต่พอได้รับความอ่อนโยนเพียงแค่เล็กน้อย จิตใจจากที่แข็งกระด้างก็จะอ่อนลง
เมื่อเยี่ยหลานซานอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ก็ตอบเขาไปว่า [ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ฉันจัดการได้ค่ะ วันนี้ตอนเย็น ๆ ฉันจะไปโรงพยาบาล ดูแลตัวเองด้วยนะคะ]
พิมพ์เสร็จเธอก็กดส่งทันที เธอโทรหาผู้กำกับตงเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น “ผู้กำกับต่งคะ ดิฉันรู้ว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อทีมงานของกองละคร ดิฉันจะรีบหาตัวคนที่ปล่อยข่าวนี้ให้เร็วที่สุด ภายในสามวันนี้ ฉันจะพิสูจน์ตัวเอง และอธิบายความจริงให้กับทีมงานกองละครได้ทราบโดยทั่วกันค่ะ”
ผู้กำกับต่งกำลังอยู่ในช่วงถ่ายทำละคร เมื่อเขาทำการถ่ายทำฉากนึงเสร็จ ก็เพิ่งจะได้เห็นข่าวฉาวที่เกิดขึ้น
คนแรกที่เขาสงสัยเลยก็คือ เยี่ยหลานซาน
เพราะว่า การเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปนั้น ถ้าจะเป็นทีมงานของกองละครเองหรือแม้แต่ตัวละครหลักอย่างเกาซินซินเองก็ตาม ล้วนแล้วแต่
ทำลายชื่อเสียงและผลประโยชน์ของพวกเขาเองทั้งนั้น
ยกเว้นก็แต่…เยี่ยหลานซาน
ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นมานั้น ทักษะการแสดงของเยี่ยหลานซานก็จะสามารถเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ๆ
และอีกอย่างหนึ่ง เธอจะสามารถฉวยโอกาสสร้างชื่อเสียงให้โด่งดังขึ้นมาได้
ถึงแม้ว่าจะทำให้เกิดการครหาด่าทอขึ้น แต่ขอแค่ได้ประจักษ์ต่อสายตาผู้คนมากมาย แล้วค่อยทำประโยชน์ให้กับสาธารณะชนหรือส่งเสริมโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นการล้างบาป เธอก็จะสามารถเปลี่ยนจากสตั๊นแมนธรรมดา เป็นนักแสดงแถวหน้าได้เลย
เพราะฉะนั้น เธอนี่แหละ ที่น่าสงสัยที่สุด
ผู้กำกับต่งกำลังจะถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่แล้วเยี่ยหลานซานก็ได้อธิบายและให้คำมั่นสัญญากับเขาก่อน เขาหายใจไม่ทั่วท้องด้วยความกระอักกระอ่วน ก่อนจะพูดออกมาว่า “โอเค” แล้ววางสายไป
เรื่องนี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกองละครและตัวผู้กำกับเอง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าทางทีมงานกองละครจะทำหรือพูดอะไรก็ผิดไปหมด เนื่องจากผู้กำกับต่งกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธจัด
ตัดมาที่เยี่ยหลานซาน ดวงตาของเธอเริ่มมืดมน ครุ่นคิดว่า
สรุปแล้วเป็นใครกันแน่ที่ทำเรื่องนี้
เขาเป็นศัตรูของเธอรึเปล่า?
แล้วโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอเลื่อนรับสายโดยไม่รู้ตัว
เมื่อรับสายถึงได้รู้ว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือ เฉียวเฟยฝาน
“เยี่ยหลานซาน ผมรู้นะ ว่าคุณเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป! คุณสัญญากับผมแล้วไม่ใช่เหรอว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ ทำไมคุณถึงไม่รักษาคำพูด!? คุณรู้มั้ย ว่าสิ่งที่คุณทำลงไป มันส่งผลร้ายแรงตามมามากแค่ไหน นางเอกเบอร์1 ถูกสตั๊นแมนมาสวมบทบาทแทน นี่มันเหมือนตบหน้าเกาซินซินชัด ๆ!”
เยี่ยหลานซานที่กำลังหงุดหงิด พอได้ยินเขาพูดใส่เธอด้วยน้ำเสียงสั่งสอนเช่นนั้น เธอก็คิดในใจว่า ทัศนคติของเขาก็ไม่ได้ดีซักเท่าไหร่หรอก
“ถ้านายเป็นห่วงอาชีพนักแสดงของเธอคนนั้นนัก นายก็ควรจะไปหาอาจารย์ที่เก่ง ๆ มาช่วยฝึกทักษะการแสดงของหล่อนดีกว่านะ”
“นี่คุณ!! ” เฉียวเฟยฝานฉุนขึ้นมาทันที ความรู้สึกไม่ชินกับการถูกตอกกลับแบบนี้ เทียบไม่ติดเลยกับความรู้สึกเจ็บใจจากคำพูดนั้น “หลานซาน คุณกลายเป็นคนร้ายกาจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน คุณยังเป็นหลานซานที่ผมเคยรู้จักอยู่มั้ย?” น้ำเสียงของเขาฟังดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
และไม่รู้ว่าเขาพูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่อายปากตัวเองได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ทำให้เยี่ยหลานซานอารมณ์ดีขึ้น “นายเองก็ไม่ใช่เฉียวเฟยฝานที่สัญญาจะแต่งงานกับฉัน เพราะฉะนั้น เฉียวเฟยฝาน นายจะมาทำตัวเหมือนเด็ก อยากให้ฉันยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีวันเปลี่ยนงั้นเหรอ?” เธอตอบกลับเขาไป
เขาไม่ตอบกลับ ดูไม่รู้เลยว่าตอนนี้เฉียวเฟยฝานกำลังคิดอะไรอยู่
ความเงียบของเขาทําให้เยี่ยหลานซานรู้สึกหงุดหงิด
เธอขี้เกียจจะต่อปากต่อคำไร้สาระกับเขา จึงตัดสินใจตัดความสัมพันธ์ของพวกเขาลง “ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ไม่ต้องโทรมาหาฉันอีก ถ้านายยังทำไม่ได้ ฉันจะช่วยนายเอง”
พูดจบเธอก็ตัดสายและบล็อคเบอร์เขาทันที
เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้เฉียวเฟยฝานโทรมาอีก มีหวังเขาคงได้รู้ว่าคำว่า “ช่วย” ที่เธอพูดไปนั้น มันมีความหมายว่าอย่างนั้นจริง ๆ
เธอบล็อคเบอร์เขาแล้ว!
บ้าเอ๊ย!
เฉียวเฟยฝานโกรธจนพูดไม่ออก และเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนโซฟา
แสงแดดยามเช้า ส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน แสงแดดส่องไปยังร่างกายของเขา แต่ก็ไม่สามารถปัดเป่าความหงุดหงิดในใจเขาออกไปได้
ทำไมเยี่ยหลานซานถึงได้เปลี่ยนไปเช่นนี้?
ไม่ช่วยกันหาทางออกเลย ใจแคบจริง ๆ
“พี่เฉียว เป็นอะไรไปคะ”
น้ำเสียงอ่อนแอดังมาจากข้างหลัง
เฉียวเฟยฝานหันไปมอง
เกาซินซินที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำกำลังเดินเข้ามา
เธออยู่ในสภาพเพิ่งตื่นนอน ผมยาวประบ่าของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย เธอก้าวเดินอย่างช้า ๆ ด้วยเท้าเปล่า ก้าวลงทีละก้าวบนพื้นเย็น แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวเฟยฝาน
เธอเข้าสวมกอดเขา หน้าซบลงที่อกของเฉียวเฟยฝาน และลูบไล้หน้าอกเขาไปมาด้วยหน้าผาก “พี่เฉียว กำลังโมโหใครอยู่เหรอคะ”
“จะโมโหใครได้อีกล่ะ”
เมื่อพูดถึงเยี่ยหลานซาน ในใจของเฉียวเฟยฝานก็ลุกลี้ลุกลน
ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสาวที่เคยวิ่งเต้นจะเข้ามาทำงานในกองละคร ถึงแม้ว่าจะเป็นได้แค่สตั๊นแมน เธอก็ไม่คิดเสียดายเลยแม้แต่น้อย และในวันนี้ที่เธอบอกจะตัดขาดเขา เธอกลับทำมันได้อย่างเฉยชา
มันทำให้คนเย่อหยิ่งทะนงตนอย่างเขานั้นรู้สึกกลุ้มใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อเกาซินซินเห็นเขาตกอยู่ในภวังค์ เธอก็กระชับกอดนั้นให้แน่นขึ้น