'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 49 ชัดเลยว่า บอสกำลังกลั้นความรู้สึกอะไรเอาไว้
เยี่ยหลานซานที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติ เมื่อร่างกายที่กำลังร้อนรุ่มของเธอเจอเข้ากับร่างกายที่เย็นกว่า เธอก็กอดแน่นอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
เธอซบลงบนอกของเขา แขนทั้งสองข้างโอบรัดรอบต้นคอ กลิ่นหอมหวานบนร่างอันเปลือยเปล่าที่แสนบอบบบางนั้นเสียดสีไปมากับร่างกายของอีกคน จนเหมือนกับว่าเธออยากจะส่งต่อความร้อนในร่างกายของเธอไปยังกงเส่าถิง
เขาถูกร่างกายของเธอเสียดสีไปมา และเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ เขาทำได้เพียงแค่นอนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น
กงเส่าถิงกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเกลือกกลิ้งไปมาบนคอเรียว ๆ อยู่หลายครั้ง ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี เขาเปิดปากเล็กน้อย หายใจเข้าลึก ๆ อยู่ 2-3 ครั้ง แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าร่างกายของเยี่ยหลานซานมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น
“ทำไมตัวร้อนอย่างนี้?”
เขารีบดึงตัวเยี่ยหลานซานที่นอนอยู่บนตัวเขาออก และจับเธอนอนลงไปบนเตียงดี ๆ ก่อนจะเอามือแตะหน้าผากของเธอ
และด้วยอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นมาจนผิดปกตินั้น มันทำให้เขาสะดุ้งด้วยความตกใจ
กงเส่าถิงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหวังชุยทันที และพูดกับปลายสายด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลมาก “เธอไข้ขึ้นสูง รีบมาที่นี่ด่วนเลยนะ!”
“เธอคือใครหรือครับ?”
หวังชุยที่กำลังรำไทเก๊กอยู่ริมทะเลสาบในสวนทึบ เมื่อถูกขัดจังหวะเข้าด้วยสายด่วนจากกงเส่าถิง แต่เขาก็ยังคงเอ้อระเหยอยู่กับท่ารำไทเก๊กอยู่
จนกงเส่าถิงต้องย้ำด้วยเสียงที่หนักขึ้นมาอีกที “เยี่ยหลานซาน!”
หวังชุยหยุดรำไทเก๊กทันทีโดยไม่ต้องคิด “บอสครับ บอสไม่ต้องกังวลไปนะครับ ก่อนอื่นบอสนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นก่อน มันจะช่วยคลายความร้อนออกจากตัวคุณเยี่ย แล้วผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ!”
แม่เจ้า คุณเยี่ยป่วยขึ้นมากะทันหัน ร้ายแรงยิ่งกว่าตอนบอสป่วยอีกนะเนี่ย!
หวังชุยรีบออกมาทั้งชุดไทเก๊ก เนื่องจากตอนนี้ไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดแล้ว
กงเส่าถิงวางโทรศัพท์และปล่อยตัวเยี่ยหลานซานลง เพื่อจะลุกไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ แต่เธอกลับติดแจอุณหภูมิบนร่างกายเขาและกอดเอวเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย อีกทั้งยังส่งเสียง ฮึ่ม! ออกมาเหมือนว่าจะไม่พอใจอีกด้วย ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขาทำอะไรไม่ถูก ในใจก็เกิดความรู้สึกภูมิใจที่เห็นเธอเป็นอย่างนี้กับตัวเอง
เขาจึงต้องจำใจต่อสายหาบอดี้การ์ดคนหนึ่ง “เอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นขึ้นมาให้ฉันหน่อย”
เมื่อบอดี้การ์ดของกงเส่าถิงเข้ามา เขาก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจและรีบลดสายตาลง ไม่กล้ามองไปมากกว่านั้น ส่วนกงเส่าถิงก็ยังคงกอดร่างเปลือยเปล่าของเยี่ยหลานซานไว้ในอ้อมแขนของเขา พร้อมกับห่มผ้าคลุมไว้ให้มิดชิดอีกที
“ลงไปได้แล้ว!”
เขาส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดคนนั้นวางกะละมังลง หลังจากนั้นเขาก็ลงมาบิดน้ำออกจากผ้าขนหนู แล้วก็พับจนเหลือรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อนจะนำไว้วางไว้บนหน้าผากของเยี่ยหลานซาน
อุณหภูมิร่างกายที่เริ่มเย็นลงเล็กน้อย ทำให้เยี่ยหลานซานรู้สึกสบายตัวขึ้นจนส่งเสียงเป็นสัญญาณออกมา
เสียงนั่น เหมือนกับเสียงลูกแมวตัวน้อยที่ส่งเสียงอ้อนออกมาเวลาหลับปุ๋ย ช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ
……
เมื่อกงเส่าถิงเปลี่ยนผ้าที่วางบนหน้าผากให้เธอเป็นรอบที่ 3 หวังชุยก็มาถึงพอดี
“ก่อนหน้านี้ที่คุณเยี่ยตกจากภูเขาและได้รับบาดเจ็บ ทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง และเมื่อวานก็น่าจะไปตากลมหนาวมาแน่ ๆ ถึงได้มีไข้สูงอย่างนี้”
หวังชุยทำการจัดยาให้เยี่ยหลานซานเสร็จ และยังคงเฝ้าดูกงเส่าถิงเกลี้ยกล่อมให้เธอดื่มยาจนหมด แต่ในขณะเดียวกันนั้น สายตาของหวังชุยก็ดันไปสะดุดเข้ากับหูกับคอของกงเส่าถิงที่กำลังแดงแจ๋ ก่อนจะส่งซองยาให้เขาแล้วพูดว่า “บอสครับ นี่ยาของบอสนะครับ”
กงเส่าถิงขมวดคิ้ว “ฉันไม่ได้ป่วย ฉันต้องกินยาด้วยเหรอ?”
แม้ว่าหวังชุยจะเป็นหมอที่เก่งมากก็ตาม แต่เวลาวินิจฉัยโรคก็ต้องผ่านการสังเกต การดมกลิ่น การสอบถามหรือแม้กระทั่งผ่าออกดู ดังนั้นสิ่งแรกที่หวังชุยสังเกตเห็นก็คือลักษณะภายนอกของกงเส่าถิง จึงทำให้เขาเล็งเห็นถึงอะไรบางอย่าง “หูกับคอของบอสแดงหมดแล้วครับ หรือว่าจะเป็นไข้หวัดเหมือนกับคุณเยี่ย?”
กงเส่าถิงพูดไม่ออก
งั้นก็ชัดเลยว่าที่ตัวบอสแดง ๆ นั้น แสดงว่าเขากำลังกลั้นความรู้สึกอะไรเอาไว้อยู่
หมอนี่ซี้ซั้วจริง ๆ!
กงเส่าถิงคิดในใจ แต่ก็พยายามหน้าตึงไว้ จากนั้นก็เริ่มขยับริมฝีปากเล็กน้อย และพูดออกมาได้ทีละคำว่า “ออก..ไป…ได้แล้ว”
น้ำเสียงของบอสที่ดูไม่ค่อยดีนัก ทำให้หวังชุยตกตะลึงเล็กน้อย “งั้นยานี่…?”
“เอายานั่นออกไปกับนายด้วย อย่าให้ฉันพูดเป็นครั้งที่ 3 นะ!”
หวังชุยไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เขาเดินออกไปด้วยสีหน้าที่เอ๋อ ๆ งง ๆ เล็กน้อย
ทันทีที่หวังชุยกำลังจะกลับ เขาก็ดึงตัวบอดี้การ์ดคนนึงมาถาม “วันนี้บอสอารมณ์ไม่ค่อยดีเหรอ?”
บอดี้การ์ดคนนั้นส่ายหัวก่อนจะตอบกลับมาว่า “ก็ปกติดีนี่ครับ ผมเอากะละมังขึ้นไปให้ก่อนหน้านี้ สีหน้าของบอสดูอ่อนโยนมาก ๆ เลยนะครับ”
“ไม่จริงอะ เมื่อกี้ที่เขาพูดจากับฉัน มันคือหน้าของซอมบี้ชัด ๆ เลย เฉยชามากจริง ๆ หรือว่าฉันพูดไม่ถูก?”
หวังชุยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็คิดไม่ออก แค่มีความรู้สึกว่าบอดี้การ์ดคนนี้น่ะมองผิดแล้วรึเปล่า จึงกวักมือเรียกเขาเข้ามาใกล้ ๆ “มา ๆ มาใกล้ ๆหน่อย เดี๋ยวฉันช่วยตรวจวัดสายตาให้…”
……
เมื่อเยี่ยหลานซานตื่นขึ้นมา มันเป็นเวลาบ่ายแก่ ๆ แล้ว
ตอนนี้ไข้ของเธอลดลง แต่เธอก็ยังคงรู้สึกมึน ๆ เบลอ ๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เธอลุกขึ้นนั่ง แล้วผ้าห่มผืนบางก็ค่อย ๆ เลื่อนลงตามส่วนโค้งเว้าของร่างกายเธอ ในขณะเดียวกันก็มีเสียงเล็ก ๆ ดังแผ่วออกมาท่ามกลางบรรยากาศเงียบเชียบ แล้วเธอก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
เธอก้มลงดูตัวเอง
ก็เห็นเพียงแค่เรือนร่างเปลือยเปล่าที่สัมผัสกับอากาศโดยตรงตามเคย
“ทำไมนอนเยอะขนาดนี้เนี่ย นอนจนฟ้าของวันใหม่เริ่มมืดลงอีกแล้ว…”
เธอบ่นพึมพำกับตัวเองพลางหยิบเสื้อขึ้นมา ทำท่ากำลังจะใส่เสื้อ แต่แล้วจู่ ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
กงเส้าถิงเดินเข้ามาพร้อมกับโจ๊ก 1 ชาม วินาทีที่เขาเดินเข้ามา ก็ต้องเห็นเข้ากับร่างท่อนบนที่ยังคงเปลือยเปล่าของเธอ แต่มันยังโชคดีที่ครั้งนี้เขามองเห็นแค่ลาง ๆ เท่านั้น
กงเส่าถิงตกใจจนชามโจ๊กที่อยู่ในมือถูกบีบไว้จนแน่น และขาของเขาก็ขยับเดินต่อไม่ได้
เยี่ยหลานซานเองก็อึ้งด้วยความตกใจสุดขีด…!!!
เธอรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าอกที่กำลังเปลือยเปล่าของตัวเอง แก้มสองข้างบนใบหน้าที่แสนจะบอบบางเริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา เธอคร่ำครวญออกมาเบา ๆ ว่า “ทะ ทำไมคุณลุงจะเข้าห้องฉันแล้วไม่เคาะประตูก่อนล่ะคะ…?”
ตอนนี้ดวงตาของกงเส่าถิงถูกปกคลุมไปด้วยความมืดเรียบร้อยแล้ว
เขาค่อย ๆ ดึงสายตาของตัวเองไปทางอื่น และพยายามขยับปากพูด แต่เสียงก็ยังคงตะกุกตะกักอยู่ “เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เธอเลยไม่ได้กินอะไรไป 1วันเต็ม ๆ ฉันให้พวกเขาออกไปซื้อโจ๊กมาให้เธอกินน่ะ”
เขาข้ามหัวข้อที่ชวนขายหน้านั้นไปในทันที
เยี่ยหลานซานยังคงรู้สึกมึนงงอยู่ จึงหันไปถามเขาว่า “นี่ฉันไม่สบายเหรอคะ?”
เนื่องจากเธอเพิ่งตื่นขึ้นมา ดวงตาของเธอจึงมีอาการเบลอและแฉะเล็กน้อย เธอมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนกับกระต่ายน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
“อ้อ คงจะเป็นเมื่อคืนที่โดนลมหนาวเข้าโดยไม่ทันได้ระวังน่ะค่ะ”
กงเส่าถิงเดินเข้ามาและวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะพูดกับเธอว่า “โจ๊กนี่อุ่นกำลังพอดี ค่อย ๆ กินนะ”
เมื่อเห็นท่าทางของเยี่ยหลานซานที่ดูอึดอัดเล็กน้อย เขาจึงพูดด้วยท่าทางกระตือรือร้นและพร้อมที่จะออกไป “ฉันจะคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกห้องเธอนะ มีอะไรก็ตะโกนเรียกได้เลย”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบลุกขึ้น แล้วขาเรียวยาวคู่นั้นก็เดินตรงไปที่ประตูห้อง
เยี่ยหลานซานกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ และในขณะที่เขากำลังจะเปิดประตูออกไปนั้น เธอก็ห้ามปากห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ “คุณลงคะ…”