สายตาของเธอมองไปรอบข้าง เธอเห็นว่าผู้คนที่มองดูอยู่นั้นมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่ได้ถือสา หากจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
เธอแสร้งทำเป็นเศร้าใจและสูดจมูกจากนั้นเธอยกมือขึ้นและเช็ดดวงตาที่แดงก่ำของเธอ “พี่ ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตอนนี้พี่เฉียวก็เป็นแฟนของหนู และพี่เองก็มีคนอื่นแล้ว แถมพี่เองก็ประกาศความสัมพันธ์ไปแล้วด้วย พี่อย่าเข้ามาก้าวก่ายในความสัมพันธ์ของเราอีกเลย จะได้ไหม?!”
สองประโยคสุดท้าย เธอกล่าวอย่างเน้นย้ำ
“……”
โอ้โห ให้ตาย !!!
ทุกครั้งที่เยี่ยหลานซานเผชิญหน้ากับความบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เธอก็รู้สึกโกรธจนปวดตับไต
เธอมีอาการทางจิตคิดว่ากำลังถูกข่มเหงเหรอ? ทำไมต้องคิดว่าเฉียวเฟยฝานเป็นทั้งชีวิตที่เยี่ยหลานซานขาดไปไม่ได้?
ฮึ
ไร้เดียงสากับผี!
อย่างไรก็ตาม หากเธอต้องการทำเรื่องใหญ่ ให้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าเก่า สำหรับเธอแล้วให้เป็นเรื่องอื้อฉาวอีกสักเรื่องก็ไม่เลว
“คุณเกาชอบเอาเรื่องไปเล่ากับคนอื่นแล้วก็บิดเบือนข้อมูลอยู่เสมอเลย? งั้นฉันจะพูดอีกครั้ง!” เธอละสายตาลงพร้อมกับกอดอกและยืนในตำแหน่งที่เหมาะสม “ข้อแรกเลย คนที่ฉันชอบก็คือเอสแฟนของฉัน”
“อย่างที่สอง ถ้าหากว่าฉันเป็นเหมือนกับคุณเกา ที่ก่อนจะมาโรงพยาบาลกลับผุดความคิดที่จะต้องแต่งตัวให้สวยๆงามๆ ฉันก็คงไม่มาอย่างรวดเร็วแบบนี้”
“อย่างที่สาม เหตุผลที่ฉันมาโรงพยาบาลก็คือทางโรงพยาบาลโทรหาฉัน บอกฉันว่าแฟนของฉันประสบอุบัติเหตุ ดังนั้นฉันจคงมาที่นี่”
“แล้วก็อย่างที่สี่ เหตุผลที่ทำไมคนในโรงพยาบาลเข้าใจผิดว่าฉันเป็นแฟนของคุณเฉียว นั่นก็เพราะว่า”
เธอยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
รอยยิ้มนั้นเจาะลึกเข้าไปในสายตาของเกาซินซิน ราวกับว่าเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดี สายตาของเธอมืดมนลง “เพราะอะไร?”
“คุณเกาไปถามคุณเฉียวเองจะดีกว่า”
“….”
“ว่าทำไมในโทรศัพท์ของเขา เบอร์ของฉันในรายชื่อ เขาถึงตั้งชื่อว่า : แฟนของเขา”
“!!!”
ดวงตาของเกาซินซินเบิกกว้างดั่งไข่ห่าน
ความเจ็บปวดและความเศร้าใจที่เธอจงใจแสดงก็ได้แปรเปลี่ยนไปในทันที ความริษยาภายในใจของเธอทำให้สติของเธอนั้นแตกกระเจิง
ริมฝีปากถูกกัดแน่น รอยลิปสติกสีกุหลาบแดงราวกับถูกเคลือบไปด้วยสีแดงสด
เยี่ยหลานซานไม่สนใจเธอ เดินผ่านเธอและจากไป
เมื่อเธอเดินออกไปตรงประตู เธอจงใจปัดผมที่ร่วงหล่นลงมาปกปิดดวงตาของเธอ จากนั้นเธอส่งยิ้มหวานให้กับผู้คนที่กำลังถ่ายภาพอย่างบ้าคลั่ง
รอยยิ้มที่งดงามยังคงอยู่จนกระทั่งเธอเข้าไปภายในรถ
บนรถแท็กซี่ เธอขมวดคิ้วแน่นและเริ่มโทรหากงเส่าถิง
สายแรก
สายที่สอง
นี่เป็นครั้งแรกที่โทรไปหลายครั้งแต่เขาก็ไม่รับ เธอจึงโทรไปหาโจวไท่
“คุณเยี่ย” น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังแล้วดูอ่อนเพลีย
เยี่ยหลานซานรีบถามในทันที “แล้วคุณลุงล่ะ?”
“Boss เพิ่งออกจากสถานีตำรวจ วันนี้ที่บริษัทมีประชุมสำคัญและเขาเป็นเจ้าภาพ เขาจึงต้องรีบกลับไปประชุม”
“เหรอ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“แล้วที่สถานีตำรวจมีข่าวคราวอะไรหรือเปล่า?”
แม้ว่าเธอเองก็เข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้รู้เรื่องราวจากปากของกลุ่มทหารรับจ้างเลือดเหล็กเหล่านั้น
“ในตอนนี้ไม่มีเลย”
“โอ้ งั้นฉันวางสายก่อน ถ้ามีอะไรคืบหน้าก็อย่าลืมบอกฉันด้วย”
“รับทราบ”
หลังจากเยี่ยหลานซานวางสายโทรศัพท์ เธอก็เข้าไปดูสตอรี่โมเมนต์ของเสี่ยวจิน เธอลงสตอรี่ร้องไห้และบอกว่า ขนมปังที่รักหล่นลงบนพื้นและถูกน้องหมาแย่งไป ตอนนี้ร้องไห้หนักมาก
สถานที่ที่เสี่ยวจินอยู่ก็คือร้านอาหารเช้าที่อยู่ใกล้กับคอนโดของเธอ เดี๋ยวพี่กลับไปจะทำอาหารให้ทาน]
วินาทีถัดมา เสี่ยวจินโทรหาเธอ “พี่เยี่ย พี่จะละเว้นข้อตกลงแล้วทำอาหารให้ฉันจริงหรือ?”
หนึ่งปีพี่เยี่ยจะมีกฎทำอาหารให้เธอหนึ่งครั้ง นี่คือการรักษามาตรฐานของราชินี เสี่ยวจินรีบตรงกลับบ้านอย่างรวดเร็ว “อร๊ายย! หนูตื่นเต้นมาก! ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ จะกลับไปรอพี่กลับมา!”
…………………..
เอ็มเพอร์เรอร์กรุ๊ป
กงฉีหลินเข้ามาส่งงบการเงินและเอกสารอนุมัติงบทางการเงินตามปรกติในทุกวัน เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเขานั้นไม่ค่อยดี เขาจึงกล่าว “ลุง เมื่อคืนที่เรือไข่มุกเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ลุงไม่ได้นอนทั้งคืนเลยสินะ กลับบ้านไปพักผ่อนหน่อยอาจจะดีกว่า”
กงเส่าถิงจ้องมองเอกสารที่หลานชายของเขานำมา พลางหยิบปากกาขึ้นและพูด “ไม่จำเป็น”
หลังจากสิ้นเสียงของเขา เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไปในทันที
สายที่โทรมา : ซานซานตัวน้อยของฉัน
เมื่อวานนี้เขาได้แก้ไขรายชื่อ จงใจเพิ่มคำว่า ของฉัน เข้ามา เพื่อที่จะแสดงความเป็นเจ้าของซานซานตัวน้อย
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและคิดจะรับสายโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็อดทนไม่ยอมกดรับสาย เขาเพียงจ้องมองโทรศัพท์เช่นนี้และปล่อยให้เสียงเรียกเข้าดังเช่นนั้นต่อไป
เมื่อเสียงหยุดลงจากนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงที่ดังขึ้นอีกครั้งก็ค่อยๆเบาลง
ระยะเวลาประมาณสองนาที
ตลอดระยะเวลาเขาเองก็ไม่ได้ตอบรับ หลังจากที่โทรศัพท์เงียบไป ภายในหัวใจของเขาก็เริ่มว่างเปล่า
อารมณ์ของเขานั้นซับซ้อนจนไม่อาจอธิบายได้ เขาเอนกายพิงเก้าอี้ผู้บริหาร ลมหายใจของเขาก็ค่อยๆสงบลง
สายตาของกงฉีหลินเกิดความคิด
ลุงน่ะไม่ว่าจะรับสายหรือว่าโทรศัพท์หาใครก็ตามจะล้วนแล้วแต่เป็นระบบ ลุงไม่เคยเป็นเช่นนี้ เขาอดทนที่จะไม่รับสาย แต่เมื่อโทรศัพท์ไม่ดังแล้ว เขาก็มีท่าทีโหยหาย
มีอะไรที่ผิดปกติกับลุงเป็นอย่างมาก!
เขาย้ายเป้าหมายแห่งความสงสัยไปยังเยี่ยหลานซานในทันที “เป็นเพราะคุณเยี่ยเหรอ?”
เมื่อวานบนเรือไข่มุก เขาได้ยินโจวไท่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง เยี่ยหลานซานเดินออกมาจากกองซากศพพร้อมกับคุณลุงด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีความตื่นตระหนกบนใบหน้าของหญิงสาวตัวน้อย
เขาเริ่มสงสัยในตัวตนของผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ก็แปลกมาก แม้ว่าเครือข่ายข่าวกรองของเขาจะไม่ดีเท่าลุง แต่นี่ก็นานแล้วกลับหาเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนของเยี่ยหลานซานไม่พบเลย
เหมือนกับว่าคนคนนี้ล่องลอยมากับอากาศ
มีความแปลกประหลาดไปเสียทุกสิ่ง
กงเส่าถิงขมวดคิ้วแน่นและออกคำสั่ง “ให้ชื่อจึจัดการให้ซานซานพักอาศัยในอพาร์ตเมนท์ของบริษัท”
“ไม่ใช่ว่าเธอพักอยู่ที่คฤหาสน์ทองคำก็ดีอยู่แล้วเหรอ…ลุง พวกคุณสองคนกำลังทะเลาะกันเหรอ?”
“………….”
กงเส่าถิงขมวดคิ้วแน่น
เขาไม่ได้อธิบายอะไร แต่กลับออกคำสั่งเรื่องที่สอง “ในนามของคุณ ให้กองกำลังมืดของตระกูลกงที่สามารถไว้ใจได้ไปปกป้อง คุ้มครองซานซานตลอด24ชั่วโมง บอกคนในครอบครัว่าส่งพวกเขาไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ”
เขากล่าวย้ำและเน้นเสียงอย่างหนักแน่น “เอาคนที่ไว้ใจได้!”
กงฉีหลิน “…..”
แล้วคุณลุงกำลังทำอะไรอยู่?
สำหรับปัญหานี้ เขาคิดอย่างละเอียดรอบคอบ
อันดับแรกทำให้เยี่ยหลานซานออกจากที่นั่นและทำให้เธอไปอยู่อาศัยในอพาร์ตเมนท์ของสถานีโทรศัพท์หวงเจี๋ย จากนั้นก็ให้เอากองกำลังมืดทั้งหมดที่ไว้ใจได้ของตระกูลไปปกป้องเธอเพียงคนเดียว…??
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับวิธีการลงมือของลุงแล้ว กงฉีหลินก็เห็นคิ้วที่ขมวดแน่น “คุณลุงกำลังกลัวว่าเธออยู่ใกล้คุณลุงแล้วจะเกิดอันตรายใช่ไหม?”
บรรยากาศรอบกายกงเส่าถิงก็เย็นลงในทันที
ใช่!
เขากลัว!
อยู่มาจะ30ปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัว
แค่คิดว่าจะไม่ได้อยู่กับซานซานตัวน้อยเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกว่าชีวิตของเขาได้ขาดสีสันไป
เพิ่งจะได้รัก ก็ต้องแยกจากัน
สำหรับเขาแล้ว มันหมดแรงมากกว่าการที่คอยตามหาเธออย่างไร้จุดหมายมาตลอด5ปีที่ผ่านมาเสียอีก
MANGA DISCUSSION