เธอนำข้าวผัดสีทองใส่ไว้ในปิ่นโตเก็บอุณหภูมิไม่ได้นำออกมา ใช้แต่เพียงช้อน ตักข้าวออกมาหนึ่งถ้วยและพูดว่า : “ดื่มซุปเสร็จก็กินข้าวต่อสิคะ”
เมื่อจิงเฉินดื่มซุปนั้นหมดเรียบร้อย ก็เลียไปที่ริมฝีปากของตัวเอง มันอร่อยมากจริงๆ
“ฝีมือการทำอาหารของคุณพัฒนานะ” เขายื่นถ้วยกลับไปให้เธอและพูดอีกว่า : “ซุปอร่อยมาก”
“อืม คุณชอบก็ดีแล้ว ลองชิมข้าวผัดสีทองนี้หน่อยสิคะ” ซินเหยาผงกหัวอย่างอายๆและรู้สึกผิด ซุปนี้เธอไม่ใช่เป็นคนทำเอง และเธอก็ไม่สามารถทำรสชาติที่อร่อยออกมาแบบนี้ได้แน่
ที่จริงนั่นเป็นแค่ข้าวผัดธรรมดาๆถ้วยหนึ่ง แต่ว่าซินเหยากลัวว่ามันจะไม่เหมาะกับคนที่สูงสง่าและไม่ติดดินอย่างจิงเฉิน และกลัวว่าเขาจะไม่ชอบอาหารบ้านๆแบบนี้
เป็นเพราะว่าข้าวที่ลั่วหลิงผัดมามันเหลืองอร่ามมาก ดูแล้วมันก็เหมือนกับแสงพระอาทิตย์สีเหลืองทองที่กำลังจะลับขอบฟ้าในทางทิศตะวันตก เพราะฉะนั้นเธอจึงตั้งชื่อให้ว่าข้าวผัดสีทอง
ข้าวผัดสีทองของเธอชื่อนี้มันก็ไม่ได้ฟังแล้วรู้สึกว้าวอะไรมากมาย แต่มันก็ดูสูงส่งกว่าชื่อเดิมหน่อย
หลังจากที่เขากินหมดไปหนึ่งถ้วย เธอก็ถามอีกว่า : “เอาอีกไหม”
เขาพยักหน้า จากนั้นเธอจึงเติมให้เขาอีกถ้วย
ฝีมือการทำอาหารของลั่วหลิงมันไม่ธรรมดาจริงๆ
กับข้าวที่ซินเหยาเอามามันเกลี้ยงหมดเลย
เธอนำถ้วยและอุปกรณ์ต่างๆใส่กลับไปในถุงและถามเขาว่า : “อิ่มรึปล่าว?”
จิงเฉินทำตัวสูงสง่าและนำผ้าเช็ดปากออกมาเช็ดไปที่ปากของตัวเองอย่างผู้ดี และบีบไปที่จมูกของเธอพร้อมกับพูดว่า : “วันนี้คุณเป็นเด็กดีเอามาก”
เขาหยิกได้ไม่เจ็บ แต่ว่ากิริยาต่างๆนั้นมันดูกุ๊กกิ๊กมากเกินไป
ซินเหยาโดนบีบจนเธอรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ จึงได้ถอยออกไปสองก้าว พร้อมกับพูดว่า : “ฉันเป็นเด็กดีขนาดนี้ ถ้าเกิดวันไหนคุณตายไป คุณจะเหลือทรัพย์สมบัติตกทอดให้ฉันไหมคะ?”
“ที่แท้ก็ทำเพื่อทรัพย์สมบัติของผมนี่เอง” จิงเฉินโยนผ้าเช็ดปากทิ้งไปบนโต๊ะข้างๆและมองไปที่เธอ
เธอเบี่ยงสายตามองไปทางอื่น พร้อมกับพูดว่า : “ไม่ได้หรอคะ ฉันเห็นว่าช่วงนี้ดวงชะตาของคุณค่อนข้างจะตก คุณมีเงินเยอะขนาดนี้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ยกให้ฉันดีกว่ายกให้ไอ้จิงซิงนั่นเป็นไหนๆ นะคะ ฉันสามารถไปทำความสะอาดสุสานคุณในวันเช็งเม้งได้ เผากระดาษไปให้คุณได้ และทำให้คุณเป็นคนรวยในชาติหน้าได้”
จิงเฉินไม่ได้โกรธ เขาคิดอย่างจริงจังและพูดออกมาว่า : “ที่คุณพูดมามันก็ดูมีเหตุผลนะ ถ้าเกิดวันไหนผมตายไปจริงๆ ทรัพย์สินของผมที่ผมก็ไม่รู้ว่าเหลือเท่าไหร่จะให้คุณไปก็ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ แต่ต้องดูว่าคุณสามารถให้อะไรกับผมได้”
“คุณอยากได้อะไรล่ะคะ” ซินเหยาเก็บถ้วยข้าวใส่ในถุงและถามออกมา
จิงเฉินยื่นมือไปจับมือเธอที่อยู่บนโต๊ะและลูบไปบนหลังมือของเธอ
“ข้าน้อยขายความสามารถแต่ไม่ขายตัวนะเจ้าคะ” เธอชักมือของตัวเองออกมา
จิงเฉินใช้แรงในการดึงเธอลงมาที่เตียง เขาทับเธอไว้ทั้งตัว จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาและสัมผัสไปบนใบหน้าอันนวลลออของเธอและพูดออกมาว่า : “เป็นเด็กดีสิ”
แม่เจ้า ซินเหยากลัวมาก
นิสัยอย่างป๊ะป๋าแบบนี้ป่วยเล็กป่วยน้อยคงไม่ต้องถึงกับนอนอยู่โรงพยาบาลหรอก แต่ตอนนี้เขานอนอยู่โรงพยาบาล คงน่าจะป่วยหนักน่าดู เพราะงั้นเขาคงจะไม่ค่อยมีแรงอะไรมากมาย เธอจึงไม่ค่อยรู้สึกกลัวและจึงได้แสดงความหยิ่งผยองออกมา
“ตามที่คุณปรารถนา” จิงเฉิยก้มหัวและจูบไปที่ซินเหยา
ริมฝีปากของจิงเฉินมันมีความเย็นเอามาก เมื่อจูบลงบนปากของซินเหยาแล้วมันจึงเย็นไปด้วย เขาค่อยๆใช้ลิ้นในการเปิดช่องปากและฟันของเธอ ปากของเธอมันจักจี้ไปหมด เขาจูบและละเลงลิ้นลงอย่างดุเดือด ทำให้ซินเหยารู้สึกว่าปอดของเธอเหมือนจะขาดออกซิเจนให้จงได้ กลิ่นในปากและปลายจมูกของเธอต่างเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย็นของจิงเฉิน
ซินเหยารู้สึกว่าอากาศในปอดเธอมันโดนจิงเฉินดูดไปหมดแล้ว ลิ้นก็โดนจิงเฉินกัดจนชาไปหมด ส่วนตาก็รู้สึกว่ามึนๆ เหมือนขาดออกซิเจน
เธอไม่ได้แต่รู้สึกขาดออกซิเจนเพียงอย่างเดียว แต่ยังรู้สึกว่ามีแท่งอะไรแข็งๆทับอยู่บนขาเธอ
เธอผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ
ป๊ะป๋าเป็นบุตรของสวรรค์จริงๆ ถึงแม้จะบาดเจ็บขนาดนี้แต่ก็ยังแรงตึงอยู่ สามารถทำกับซินเหยาบนเตียงในโรงพยาบาลได้
“โอ้ย……” ซินเหยางอขาขึ้น แต่มือและเท้าก็ไม่ได้พลักหรือถีบติงเฉินออก ทำให้ตัวของพวกเขาแนบชิดติดกันมาก เธอเบี่ยงหัวออกเล็กน้อยเพื่อหลบจากจูบของจิงเฉิน และจบจูบที่ยาวนานและดุเดือดนี่ฝ่ายเดียวลง
“คุณยังไม่สบายอยู่ อยากตายแล้วหรือไง?” หน้าอกของซินเหยายังดุเดือดอยู่ และถามออกมาแบบโกรธนิดๆ
“แค่แผลนิดเดียวเอง” จิงเฉินลูบจับตัวของซินเหยาต่อ ทำให้ตัวเธอก็สั่นไปพร้อมกับมือเขา ที่ที่โดนเขาจับและลูบไปนั้นมันเหมือนกับโดนไฟแผดเผาปานนั้น มันร้อนเอามากๆ
“กลางวันแสกๆมันไม่ดี” ซินเหยาอดกลั้นกับความชาทั้งตัวของตัวเธอและพูดออกมาแบบแกล้งยิ้ม
มือของเขามันค่อยๆขยับไปบนเอวอันบางเรียวของเธอ เกือบทำใหเธอครางออกมาแล้ว
“งั้นคุณหมายถึงทำตอนกลางคืนก็ได้ใช่ไหม?” มือจิงเฉินชะงักลง และมองไปที่ซินเหยาอย่างจริงจัง
แม่เจ้า เธอหมายความว่าแบบนี้หรอ?
วิชาภาษาจีนของป๊ะป๋าอ่อนจริงๆ ความเข้าใจในการสื่อสารช่างต่ำเหลือเกิน
“คุณวางใจได้ ตอนนี้ผมแค่ลูบๆจับๆ สาบานว่าจะไม่ทำอะไรเกินกว่านี้” มือของจิงเฉินตอนนี้มันอยู่ในเสื้อเธอแล้ว
อุณหภูมิมือของเขามันต่ำกว่าเธอมาก ตอนที่ล้วงเข้าไปมันเย็นๆ เมื่อสัมผัสโดนกับผิวเธอเกือบทำให้เธอร้องออกมาแล้ว ผิวของเธอละเอียดขาวแวววาว ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือป่าว ตอนนี้เหมือนสัมผัสได้ถึงลายมือของเขาและความหยาบบางๆที่อยู่บนมือเขาได้
แม่เจ้า แค่ลูบๆจับๆไม่ทำอย่างอื่นงั้นหรอ
เมื่อได้ยินคำนี้ ขนซินเหยาก็ลุกทั้งตัว สัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายที่ส่งออกมาจากป่าใหญ่อันมืดมิด
ซินเหยาตอนนี้ถึงคิดได้ เธอจึงไม่สนใจมือที่จะล้วงเข้าไปในตัวเธอแล้ว จึงพูดออกมาอย่างแจ่มแจ้งว่า : “อ๋อ ฉันรู้แล้ว ที่แท้ที่คุณมาอยู่ที่นี่ก็เพราะไม่อยากสนใจกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่บริษัทใช่ไหมคะ? คุณกำลังหนี?”
เมื่อพูดถึงบริษัท จิงเฉินก็หมดอารมณ์ทันที
จิงเฉินไม่ได้พูดอะไร มือก็หยุดแล้ว เพียงแค่ทับอยู่บนตัวเธอ หน้าเขานิ่งเงียบเอามาก
ซินเหยารู้สึกว่าจึงเฉินหยุดแล้ว วันนี้เธอก็รอดเพราะปากตัวเองอีกแล้วสินะ เธอจึงหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก
เธออยากปรบมือให้กับความฉลาดของตัวเองดังๆจริงๆ
MANGA DISCUSSION