ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 24 ป๊ะป๋าควรจะอยู่ที่ดาวอังคารไปเลย
เธอยกมือขึ้นดื่มน้ำ เพื่อหลบซ่อนริมฝีปากของเธอที่ไปสัมผัสกับความไม่เต็มใจเข้า "คุณต้องเสียเงินเพื่อเลี้ยงข้าวฉัน ฉันยังมีงานที่ต้องทำอยู่ คิดว่ากินที่บริษัทนั่นแหละดีแล้ว"
ซวี่เจ๋อยกมือขึ้นดูนาฬิกาหลายล้านหยวน และบอกซินเหยาว่า "ถึงแม้คุณอยากจะไปกินที่โรงอาหารแต่ตอนนี้น่าจะไม่ทันแล้ว"
ซินเหยามองดูนาฬิกา มันผ่านเวลาของอาหารกลางวันมาแล้ว
แม่เจ้า เธอนอนไปนานเพียงไหนกันเชียว?
เป็นความผิดของป๊ะป๋าทั้งนั้น ป๊ะป๋าทำให้เธอพลาดอาหารกลางวัน ตอนนี้เธอรู้สึกหิวมาก
"จะไปไหม" ฟางซวี่เจ๋อถามเธออย่างนุ่มนวล
ตอนนี้เธอมีตัวเลือกสองอย่าง:
อย่างแรกคือเสียเงินซื้อสิ่งที่เธออยากจะกินตอนเที่ยงนี้ แต่ว่าอาจจะทำให้เขาโกรธ
อย่างที่สองคือไปกินกับเขา และสามารถกินอาหารเที่ยงฟรีได้
คนฉลาดอย่างหล่อนก็ต้องเลือกแบบที่สองน่ะสิ
แต่ทว่าของที่เธออยากกินก็คงต้องให้ลูกชายทำให้คืนนี้แล้วล่ะ มื้อเที่ยงนี้ก็ฝืนกินหน่อยแล้วกัน
"งั้นก็ได้" เธอตอบตกลงหลังจากความคิดทั้งหมดได้วิ่งเเล่นผ่านสมองเธอหนึ่งรอบเพื่อวิเคราะห์
เดินออกมาจากในออฟฟิศ ซวี่เจ๋อถือกระเป๋าและเสื้อคลุมของเธอให้อย่างสุขุมนุ่มลึก
มื้อเที่ยงนี้ยังคงกินแบบจืดจืดไร้รส ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ แต่ว่ามันคือคนอื่นเลี้ยง เธอจึงไม่สามารถที่จะเลือกอะไรได้มากมาย
"อืม…. ฉันถามคุณข้อหนึ่งได้ไหม" เธอสับสนมากก่อนจะเอ่ยปากพูด
"อะไร?"
"ประธานเย่กับหญิงลู่คนนั้นความสัมพันธ์เขาสองคนเป็นอย่างไร"
ซวี่เจ๋อจับส้อมในมือแน่นยิ่งขึ้น แต่สีหน้ายังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน "อืม..ก็ดีนะ ทำไมหรอ?"
ขุนพระ นี่จะให้ฉันตอบกลับยังไงล่ะ
ถ้าคุณตอบกลับมาว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ดี ฉันยังสามารถที่จะตอบกลับได้แบบอ้อมอ้อมว่าประธานเย่เสียมารยาทกับฉัน
แต่คุณตอบกลับมาว่าดี จะให้ฉันตอบกลับอย่างไรล่ะ ถ้าฉันบอกเรื่องราวเหล่านั้นกับคุณ ฉันจะไม่ดูแย่ทำให้พวกคุณบาดหมางกันหรอ?
อีกอย่างฉันไม่ได้ตาบอดนะ ฉันเห็นอยู่ว่าคุณกำลังตีหน้าซื่อพูดปดกับฉัน มันจะไม่เป็นอะไรจริงหรือ?
"ไม่มีอะไร"
พึ่งตนเองดีกว่าพึ่งคนอื่น เธอคิดว่าเธอต้องหาทางหลบลีกจากความตอแยของป๊าป๋าเองแล้วล่ะ
"ถึงแม้เขาสองคนจะเป็นการอยู่ด้วยกันแบบที่ผู้ใหญ่ตกลงกันเอง แต่ความสัมพันธ์ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ยังมั่นคง ฉันคิดว่าอีกไม่นานก็แต่งงานกันแล้วแหละ" ชวี่เจ๋อพูด
"อ๋อ เขาสองคนเหมาะสมกันมาก" ซินเหยายกไวน์ขึ้นแล้วกระดกหนึ่งอึกพร้อมพูดด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม
เมื่อวางแก้วลง เธอก็ไม่อยากที่จะรับประทานต่อ
เธอคิดในใจว่าเธอก็อาจติดเชื่อการเลือกกินเหมือนกัน
เมื่อก่อนอะไรเธอก็ชอบกินหมด โดยเฉพาะของฟรี
เธอรู้สึกว่าก่อนที่หลิงหลิงกับหลานหลานจะบรรลุนิติภาวะ พ่อของพวกเขาควรที่จะอยู่ดาวอังคารต่อไป
เธอไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นเป็นหม่ามี้ของหลิงหลิงหลานหลานเเละเลี้ยงดูพวกเขาไม่มี
งานของเธอเริ่มเข้าที่เข้าทาง ซินเหยายุ่งจนตัวเป็นเกลียว แม้แต่เวลาพักก็ไม่มี
ต้องทำงานดึกจนถึงเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน
บริษัทเย่หวงของป๊าป๋าก็ได้ทำโปรเจ็คใหม่สร้างรายได้ไปมากกว่าพันล้าน
ถ้าเทียบกับดีไซเนอร์ตัวน้อยน้อยอย่างเธอแล้วล่ะก็ คงจะห่างกันราวฟ้ากับเหว
เธอไม่ได้เจอป๊าป๋ามาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าการออกแบบของเย่หวงที่เธอกำลังทำอยู่ เธอคงลืมป๊าป๋าที่กำลังตีปีศาจร้ายอยู่บนดาวอังคารไปแล้วกระมัง
แต่ว่าฟางซวี่เจ๋อมาชวนเธอ…..กิน…..ข้าว…..ทุก……วัน….. ตอนนี้เธอเริ่มเกลียดของฟรีแล้วหล่ะสิ
เปอร์เซ็นต์ที่เธอเจอกับฟางซวี่เจ๋อยังมากเสียกว่าเปอร์เซ็นต์ที่เธอเจอกับลูกของตัวเองอีก
เมื่อถึงเวลากินข้าว เธอต้องใช้วิชาพรางตัวของเธอในการที่จะหลบหน้าฟางซวี่เจ๋อ
แต่เธอยังไม่ทันได้ใช้วิชา ฟางชวี่เจ๋อก็เข้ามาหาเธอแล้วโดยที่ยังไม่ได้เคาะประตู
"ซินเหยา ไปกินข้าวด้วยกันไหม"
กินกับผีคุณสิ หนึ่งเดือนมานี้ฉันได้กินแต่ผักสลัด ฉันไม่อยากจะได้ยินคำว่าผักสลัดอีกต่อไปแล้ว
การที่เธอกินผักสลัด ก็ไม่ต่างอะไรกับกินอุจจาระเลย
"วันนี้ก็ไปร้านเดิมหรอ" ซิมเหยาถามด้วยเสียงอ่อนเเรง
"ใช่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า"
"พระเจ้า……" ซินเหยาลูบไปที่คิ้วของเธอและบอกว่า "ฉันไม่ชอบร้านอาหารนั้นจริงๆ และฉันก็ไม่ชอบกินผัก ฉันชอบกินเนื้อ ชวี่เจ๋อคุณเมตตาปล่อยฉันไปเถอะ วันนี้ฉันขอกินที่โรงอาหารก็แล้วกัน"
จากหนึ่งเดือนที่อยู่ด้วยกันมานี้ ทั้งสองก็เริ่มที่จากคุ้นชินกัน
ฉันชอบกินเนื้อไม่ได้ชอบกินผัก เห็นแก่ฉันเถอะ ครั้งนี้ท่านประธานฟางปล่อยฉันไปได้หรือป่าว?"
"ที่จริงเอาตรงๆผมก็คิดว่าร้านอาหารนั้นมันไม่ใช่อาหารของคนเลย"
ซินเหยา"……"
ในเมื่อมันไม่ใช่อาหารของคน แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณพาฉันไปกินทำไม?
อาจเป็นเพราะว่าสายตาของซินเหยาแสดงความโกรธและเศร้าออกมา ซวี่เจ๋อจึงอธิบายไปว่า"ผมเห็นผู้หญิงในบริษัทชอบไปกิน ผมก็นึกว่าคุณก็ชอบเหมือนกัน"
นี่มันอะไรกัน ไม่กลัวผู้หญิงในบริษัทรู้หรอ?
สุดท้ายพวกเขายังไปร้านนั้นอยู่ แต่เป็นร้านข้างข้างที่เป็นร้านบุฟเฟ่ชาบู
ฤดูร้อนกินชาบูอาจจะดูแปลกไปหน่อย แต่โอกาสอย่างนี้มีมาไม่ง่าย ฉันยอมกิน
เมื่อเข้าไปถึงก็สัมผัสได้ถึงความเผ็ดร้อน ที่นี่ดูคึกคักยิ่งนัก
พวกเขาสั่งหม้อแบบรูปทรงเป็ดแมนดารินมา ซินเหยาเอาเนื้อแกะ เนื้อวัว อาหารทะเล ใส่ลงไปในหม้อและกินอย่างเอร็ดอร่อย
ซวี่เจ๋อได้เพียงแต่มองซินเหยากิน รู้สึกว่าการรับรสของตัวเองก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ซวี่เจ๋อเอาเนื้อวัวต้มลงไปในหม้อไปด้วย และเอาผักที่ต้มเสร็จใช้ตะเกียบกลางคีบใส่ถ้วยของซินเหยาไปด้วย
มีผู้หญิงน้อยคนนักที่จะกินได้อร่อยแบบคุณ ซวี่เจ๋อนำกุ้งที่แกะเปลือกออกใส่ไว้ในถ้วยและส่งให้ซินเหยา ยิ้มมุมปากพรางฟังสิ่งที่ซินเหยาพูด
ซินเหยานำกุ้งที่ชวี่เจ๋อแกะจิ้มน้ำส้มสายชูใส่เข้าปากอย่างรวดเร็ว
ในใจคิด ชวี่เจ๋อจะคิดว่าเธอกินเยอะเกินไปหรือเปล่านะ?
"55" ซินเหยาได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
"เธออย่าขยับ" ซวี่เจ๋อเรียกให้เธออย่าขยับ
มือเรียวยาวนั้นได้ยื่นมาที่หน้าของเธอ อุณหภูมิเนื้อสัมผัสของมือได้กระทบไปที่ริมฝีปากของเธอแล้วจากไป มันทำให้รู้สึกชาหน่อยๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เธอก็ไม่ได้ปัดมันทิ้ง
"ทะ…. ทำไมหรอ"
"ไม่มีอะไร แค่เมื่อกี้หน้าเธอมันเปื้อนน้ำมันน่ะ"
งั้นคุณแค่บอกฉันก็จบแล้วไม่ใช่หรอ ฉันตกใจจริงๆ
สำหรับที่ว่าทำไมเธอถึงตกใจนั้น ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเธอไม่รู้อะไรเลย
ที่จริงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยนะ แต่ทำไมสถานการณ์มันแปลกแปลก อึดอัดทำตัวไม่ถูกอย่างนี้
ซินเหยาเธอก็รู้รู้สึกแปลกแปลกไม่เป็นตัวของตัวเอง และมองไปที่ชวี่เจ๋อสายตาของเขาก็วอกแวกไปมา
หลังจากที่เดินออกมาจากร้านชาบูก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งออกมาจากไหนไม่รู้ เกือบจะชนซินเหยาล้มลงไป
ซินเหยาเดินโซซัดโซเซไปสองสามก้าวและชนถูกซวี่เจ๋อ แต่ซวี่เจ๋อยื่นมือออกไปคว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ
ทั้งสองคนไม่ได้ระมัดระวังว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับจ้องพวกเขาจากที่ที่ไกลออกไป
ซินเหยาถูกชวี่เจ๋อคว้าไว้ที่เอว ตัวเธอได้สวมกอดอยู่ที่หน้าอกของเขา ตอนนี้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยจริงๆ
เธอคิดว่าอาจจะเป็นเพราะข้างนอกอากาศร้อนเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อกี้กินอิ่มเกินไป
"เมื่อกี้ขอบคุณคุณนะ" เธออยากออกมาจากอ้อมกอดของชวี่เจ๋อ แต่ว่ามือของชวี่เจ๋อที่รัดไว้ที่เอวของเธอไม่ได้คลายลงเลย แต่มันกลับแน่นยิ่งขึ้น