ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 156: ขิงก็ราข่าก็แรง
เยี่ยจิงเฉินไม่ได้ตอบคำถามผู้หญิงคนนั้น ไม่มีการแสดงออกใดๆบนใบหน้า “บริษัทเป็นยังไงบ้าง?”
“เยี่ยจิงซิงทำให้ฉันดูไร้ค่าไปแล้ว แต่การดำเนินงานขึ้นพื้นฐานของบริษัทยังปกติ ช่วงนี้เยี่ยจิงซิงมีบทบาทในบริษัทอย่างมาก ทุกคนที่ใกล้ชิดใกล้ท่านประธานเยี่ยต่างก็ถูกเยี่ยจิงซิงใช้อำนาจปลดออกมา ทุกคนที่ยอมจำนนต่อเขาต่างพากันได้เลื่อนตำแหน่ง แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการขึ้นพื้นฐานของบริษัท แต่บุคคลากรในบริษัทตอนนี้วุ่นวายกันไปหมด ประธานกรรมการได้รับค่าตอบแทนจากเยี่ยจิงซิงและภรรยาด้วยการให้เขาไปพักผ่อนที่ต่างประเทศ ดังนั้นคนเกือบทั้งหมดที่ถูกเยี่ยจิงซิงขับออกไปล้วนคนของเป็นท่านประธาน คนของเราไม่เพียงแต่ถูกไล่ออก เขายังใช้โอกาศนี้เลื่อนตำแหน่ง” ตอนที่หญิงสาวอธิบายเรื่องงาน เธอกลายเป็นคนฉลาดและมีความสามารถขึ้นมาทันที
เยี่ยจิงเฉินที่ได้ฟังรายงานจากหญิงสาว เขาเพียงแค่พยักหน้าที่จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
เขารู้ว่าตาเฒ่ามีอคติต่อเยี่ยจิงซิง ดังนั้นก่อนที่เยี่ยจิงซิงจะกลับมาที่ประเทศจีน เขาก็เริ่มเค้าโครงไว้หมดแล้ว ความลำบากทำให้เราได้เกิด ใครหลงความสบายจึงวอดวาย ควรจะกล่าวได้ว่าตาเฒ่าไม่สนใจต่อความปรารถของเขา เพื่อแลกกับความปลอดภัยของบริษัท เขาจึงเริ่มวางโครงการ
คนที่อยู่ใกล้ชิดกับตาเฒ่าบ่อยๆ คนที่เป็นคนสนิทของเขา ตรงกันข้ามกลับยิ่งห่างเหิน
นี่คือช่วงเวลาที่เขาเฝ้ารอคอย ทายาทของตาเฒ่าเยี่ยเพื่อมากำจัดอุปสรรคทั้งหมดให้แก่เขา เชื่อว่ารอให้เขากลับมาที่บริษัท บริษัทก็จะกลายเป็นถุงใส่ของทุกอย่างที่ใช้ไม่ได้ เมื่อตาเฒ่ากลับมาจากการพักผ่อนที่ต่างประเทศ เชื่อว่าเขาต้องชอบเซอร์ไพรส์นี้แน่
“ท่านประธานเยี่ย คุณจะกลับมาดูแลสถานการณ์ต่างๆที่บริษัทเมื่อไหร่คะ?” หญิงสาวถาม
“ผมกลับไปเองมันจะมีความหมายอะไร ต้องรอดูพวกเขาส่งบริษัทคืนมาด้วยตัวเองสิ” วิสัยทัศน์ของเยี่ยจิงเฉินกว้างไกล ท่าทางที่วางแผนกลยุทธไว้หมดแล้ว
หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นแววตาก็เป็นประกายทันที
แน่นอนว่าเสน่ห์ที่ดึงดูดที่สุดของผู้ชายคือความสามารถและความมั่นใจในตนเอง ที่ทำให้ช่างหล่อเหลา นี่คือความเวลาแห่งการเฉลิมฉลองใช่เหรอไม่? ดูเหมือนว่าจะป่าเถื่อนอยู่หน่อยนะ
“สถานการณ์ของบริษัทในประเทศ M เป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยจิงเฉินถาม
หญิงสาวได้สติกลับมา แล้วตอบว่า “ทางนั้นไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ฉันส่งรายงานเรื่องการเงินวันนี้ของบริษัทไปให้คุณทางไปรษณีย์แล้ว สถานการณ์ทางนั้นดีมาก เทคโนโลยีของบริษัทที่เพิ่งซื้อมาเร็วๆนี้มีแนวโน้มว่าจะดี ปัจจุบันเราเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี ในฐานะบริษัทขนาดใหญ่ ฉันเคยอ่านงานวิจัยของพวกเขา ฉันคิดว่ามีโอกาสพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ฉันส่งข้อมูลทั้งหมดไปให้คุณทางไปรษณีย์เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“อืม ดีมาก ต้องรบกวนคุณแล้วล่ะ เดือนนี้ผมจะเพิ่มโบนัสให้สองเท่า” เยี่ยจิงเฉินพึงพอใจกับการทำงานอย่างรวดเร็วของเธอ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ให้หญิงสาวอยู่เคียงข้างมานานหลายปีขนาดนี้
“ขอบคุณค่ะท่านประธานเยี่ย” หญิงสาวยิ้มเล็กน้อย แม้ว่าจะพยายามซ่อนมันไว้แล้ว แต่ก็ยังดูออกว่าหญิงสาวกำลังอารมณ์ดี
แน่นอนว่าต้องดีมากๆ เวลานี้ม้านั่งเย็นเฉียบที่นั่งมาตลอดในบริษัท ใครจะกล้ามาเหยียบเท้าเธอ ทุกอย่างกลับตาลปัตรอย่างที่เธอพูด แต่เพื่อสถานการณ์โดยรวมเธอต้องอดทนกับมันไปก่อน ตอนนี้ผู้มีพระคุณของเธอกลับมาแล้ว ในอนาคตเธอคงหายใจได้อย่างโล่งอกอีกครั้ง มีอำนาจในฐานะเลขาคนแรก
เธอเดินทางไปปฏิบัติงานลับที่ประเทศ M อันที่จริงก็คล้ายกับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยโบราณ ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย ค่าเดินทางทั้งหมดเป็นบัญชีของทางบริษัท และยังมีคนคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ หลังจากกลับมา และเงินเดือนเท่าเดิม แต่เพียงแค่ช้อปในเถาเป่าได้ทุกวัน ชีวิตก็ยังมีเรื่องดีงามอยู่พอสมควร
เธอคิดว่าเวลานี้เป็นของเธอ เธอเหมาะสมที่จะเป็นผู้ชนะ
ถูกต้อง หญิงสาวหน้าตาดีคนนี้ไม่ใช่ชู่ของเยี่ยจิงเฉิน และก็เป็นเลขาของเขา หลี่เวย
ตอนก่อนหน้านี้ที่หลี่เวยลาไปพักร้อนกับสามีในนาม แต่ความเป็นจริงนั้นเธอไปต่างประเทศเพื่อไปตรวจสอบโครงการแทนเยี่ยจิงเฉินที่ปลีกตัวไปไม่ได้
ก่อนที่เธอจะจากออกไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีบางเรื่องที่เธอยังไม่ได้บอกเยี่ยจิงเฉิน
อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แต่เธอคิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งโครงงานที่ดีทีเดียว M จู่ก็กลายเป็นม้ามืดขึ้นมา แม้ว่าบริษัทจะไม่ใหญ่มาก แต่กลับไม่เคยพลาด คนแถวนั้นเรียกบริษัทพวกเขาว่า ผู้ชนะเหรียญทอง”
“หึ?” เยี่ยจิงเฉินเลิกคิ้ว เริ่มสนใจขึ้นมา
“บริษัทเพิ่งก่อตั้งช่วงปีสองปีนี้ ทั้งหมดเป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสาขาวิชาการเงิน เพราะเพิ่มเริ่ม พวกเขาจึงดำเนินการกันอย่างเงียบๆ จำนวนการซื้อไม่มาก ดังนั้นจึงไม่เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ จนกระทั่งครึ่งปีมานี้ การซื้อของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ มีจำนวนมากจนดึงดูดความสนใจของผู้คน จากสติถิในช่วงสองปีมานี้ เงินทุนของบริษัทนี้ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง ตอนนี้ทุกคนต่างสงสัย เจ้านายของพวกเขาเป็นคนลึกลับมาก ฉันยังมาข้อมูลมาไม่ได้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังแท้จริงแล้วเป็นยังไง” หลี่เว่ยรายงานอย่างจริงจัง
เธอสงสัยเกี่ยวกับบริษัทนี่อย่างมาก บริษัทนี้ทำเงินได้มากมายมหาศาลในช่วงสองปีมานี้ ง่ายกว่าการทำโครงการหลายๆโครงการซะอีก
บริษัทเงินทุนมีมากมาย แต่เมื่อมีผู้ชนะก็ต้องมีผู้แพ้ ในเมื่อบริษัทจะมีประสิทธิภาพ และเพียงแค่แพ้น้อยลงก็ชนะมากขึ้นแล้ว
ไม่เคยมีบริษัทไหนเหมือนบริษัทนี้มาก่อน ได้กำไรโดยที่ไม่เคยขาดทุน
“น่าสนใจ” เยี่ยจิงเฉินลูบคางเบาๆ แล้วเอ่ยต่อว่า “งั้นคุณไปตรวจสอบดูว่าเจ้าของบริษัทเป็นใคร แล้วหาเวลาติดต่อเขาให้ได้”
เกี่ยวกับความสัมพัทธ์ของบริษัท เยี่ยจิงเฉินสนใจเจ้าของบริษัทเงินทุนนี้มากกว่า
“ได้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ท่านประธานงั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ คุณก็พักผ่อนเถอะค่ะ” หลี่เวยหยิบเสื้อคลุมตัวเองขึ้นมา ยืนขึ้นตรงข้ามกับเยี่ยจิงเฉิน
“แล้วบริษัทนี้ชื่ออะไร?” เยี่ยจิงเฉินถาม
“บริษัทซินเย่าจินหร่งค่ะ”
……
ลั่วหลิงอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วเป็นระวิง รหัสที่อ่านไม่ออกถูกส่งออกไป เพราะไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน วันรุ่งขึ้นจึงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย พลังงานของเด็กนี่แย่จริงๆ
ถังซินเหยามองไปที่รอยคล้ำใต้ดวงตาของลั่วหลิง ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ พูดอย่างไรลั่วหลิงก็ไม่ยอมกลับไปเข้าเรียน
เมื่อคืนที่ไม่ได้นอนทั้งคืน จริงๆแล้วลั่วหลิงง่วงมาก
การเรียนรู้ในโรงเรียนง่ายเกินไป เขาจะไปไม่ไปมันก็ไม่สำคัญ
เมื่อเค่อหลานเห็นว่าพี่ชายไม่ไปโรงเรียน ตัวเองก็ไม่ไปด้วย อยากอยู่ที่บ้านกับพี่ชาย
ถังซินเหยาไม่ได้กังวลใจ อย่างไรก็ตามไอคิวของลูกชายและลูกสาวเธอก็สูงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าพวกเด็กๆจะไม่มีวัยเด็ก ถึงพวกเขายังเด็กแต่ก็ไม่มีปัญหาเมื่อไปส่งไปโรงเรียนมัธยม
เธอพูดได้อย่างอวดดีเลยว่า เธอไม่ได้ส่งลูกชายและลูกสาวไปเพื่อเรียนรู้ แต่ส่งไปเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน
ลิ่วหลิงกำลังหลับนอน เค่อหลานเอนตัวนอนบนเตียงเป็นเพื่อนพี่ชายอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้รบกวนการนอนของพี่ชาย ถังซินเหยาก็ย่องไปหาที่เงียบๆ เริ่มร่างแบบแบบของเธอ