ป่ะป๊าจ๋า หนูมาแล้ว - ตอนที่ 74 : แผนร้ายของเยี่ยจิงซิง
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องที่ดีที่เยี่ยจิงซิงไม่ได้อะไรมิดีมิร้ายกับเธอ
"อืม……." ถังซินเหยาหนีบปากกาไว้ตรงหลางระหว่างปากแและจมูกของเธอพร้อมกับถอนหายใจ เธออยู่กับแผนงานของแบบของเธอมาสามวันแล้ว และในช่วงเวลาสามวนนี้ป่าปี้ก็ไม่ได้มาให้เธอเห็นหน้าเลยด้วย ป่าปี้ไม่มาหาเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียวจริงๆนะ ทำเอาเธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ป่าปี้คงไม่ได้ตระหนี่และยังโกรธเธออยู่ใช่มั้ย?
เธอหายโกรธป่าปี้ไปแล้วเนี่ยรู้มั้ย?
และวันนี้ก็ได้สิ้นสุดลงไปอีกวันแล้ว เยี่ยจิงซิงก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าเธอยังมีตัวตนอยู่
ในขณะที่ถังซินเหยาเตรียมตัวจะกลับบ้านนั้น ลั่วหลิงและเค่อหลานลูกๆของเธอก็ได้เตรมอาหารมื้อเย็นไว้เรียบร้อยแล้ว
"หลานหลาน อย่าเลือกทานนะคะ แครอทมีประโยชน์มากๆ หนูกินแครอทถึงจะสูงนะคะ" ถังซินเหยามองเค่อหลานที่คีบแครอททิ้งด้วยสีหน้าที่จริงจัง เพื่อเป็นการหยุดพฤติกรรมของลูกสาว
"แต่ว่าแค่รอทมันไม่อร่อยอ่ะค่ะหม่ามี้" เค่อหลานพูดด้วยใบหน้าอันขมขื่น
"ไม่อร่อยก็ต้องทานค่ะ" ถังซินเหยาวางตะเกียบลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง : "หนูต้องเอาอย่าพี่นะคะ ดูพี่ลั่วหลิงสิไม่เคยเลือกทานเลยสักครั้งเดียว แล้วดูสิคะพี่เขาฉลาดขนาดไหน"
ลั่วหลิงที่พร้อมที่จะคีบแครอทเตรียมจะทิ้งมันนั้นมองใบหน้าถังซินเหยาผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีสงบแล้วคีบเอาแครอทเข้าปากโดยที่ไม่เคี้ยวด้วยสีหน้าเศร้าโศก
ถังซินเหยาพึงพอใจเป็นอย่างมาก ลูกชายของเธอนี่สุดยอดจริงๆ และลูกสาวของเธอก็น่ารักมากๆเช่นกัน
"ใช่มั้ยล่ะคะ ดูพี่สิยังทานแครอทได้เลย หนูก็ต้องทานนะ" ถังซินเหยายิ้มขึ้นจนทำให้เห็นลักยิ้มที่แก้มบุ๋มของเธอทำให้รอยยิ้มของเธอนั้นสวยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เค่อหลานเบะปากของเธอและมันทำให้เห็นักยิ้มที่เหมือนแม่ของเธอขึ้นที่แก้มของเด็กน้อยเช่นกัน
"หม่ามี้คะ เมื่อไหร่หม่ามี้จะพาแฟนของหม่ามี้มาเจอหนูกับพี่ล่ะคะ?" เค่อหลานถามขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงที่ไร้เดียงสาของตัวเอง
"อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะคะ ทานแครอทลงไปให้หมดเลยนะ" ถังซินเหยาไม่สนใจ
ด้วยความที่เธอเป็นแม่จึงรู้ว่าลูกสาวนั้นคิดอะไรอยู่ จะซ่อนเธอได้ยังไงกัน?
แต่เธอเข้าใจสิ่งที่ลูกสาวหมายถึงดี ทำให้ถังซินเหยานั้นลำบากใจไม่น้อยเลยทีเดียว
"หม่ามี้คะ หนูอยากเจอแฟนใหม่ของหม่ามี้จังค่ะ"
"ทานข้าวเสร็จค่อยคุยนะคะ"
"หม่ามี้คะ กีฬาสีฤดูใบไม้ร่วงจะมีเกมวิ่งสามขา หม่ามี้กับป่าปี้ลงแข่งด้วยกันนะคะ"
"โอเค หยุดถามได้แล้ว"
"วันนั้นหลานหลานกับหลิงหลิงจะได้ลงเล่นเกมวิ่งสามขามั้ยคะ?"
"ทานข้าวก่อนค่ะ"
"หนูอยากลงเล่นจังเลยค่ะ ถ้าหม่ามี้ไม่ตอบหนู หนูก็จะไม่ทานข้าวแล้วค่ะ" เค่อหลานทำท่าทางน่าสงสารออกมา
เด็กคนนี้เป็นลูกบ้านไหนกันเนี่ย ทำไมถึงขี้เซ่าซี้ขนาดนี้
ลั่งหลิงที่เห็นว่าในชามเหลือแครอทอยู่มากโขจึงแสดงสีหน้าที่จริงจังขึ้นมาพร้อมกับพูดกับถังซินเหยาผู้เป็นแม่ไปว่า : "ใช่ครับ ผมก็อยากรู้ หม่ามี้จะบอกพวกเราหน่อยได้มั้ยครับ?"
อั้ยหยา คำพูดที่แสนเรียบนิ่งนี้ของลั่วหลิงได้มาจากป่าปี้ใช่มั้ยเนี่ย?
ถ้าเป็นเค่หลานล่ะก็ว่าไปอย่าง ยังดูไร้เดียงสาอยู่ ยังพอจะเข้าใจได้
แต่กับกรณีของลูกชายอัจฉริยะตัวเองนี่สิ ไอคิวสูงปรี๊ดขนาดนี้
เธอยังควรจะปิดบังลูกๆของเธออยู่มั้ยล่ะเนี่ย? ขอเวลานอกแป๊ป…….
"โอเคค่ะ ถ้าถึงเวลานั้นแล้วหม่ามี้จะหาป่าปี้มาให้หนูๆเอง" ถังซิเหยาพูดด้วยสีหน้าที่จริงจังพร้อมกับท่าทางที่จริงใจของเธอ
คิดก่อนว่าที่ไหนมีป่าปี้ให้เช่าบ้างนะ เธอจะเช่ามาสักวันนึง
"เอาล่ะ หม่ามี้ตอบคำถามไปแล้ว ตอนนี้ก็ทานข้าวอย่างเชื่อฟังหม่ามี้ได้แล้วค่ะ" ถังซินเหยาคีบแครอทให้เค่อหลานและลั่วหลิง
ลูกๆของเธอเลือกทานเหมือนใครบางคนเลย
แครอทนี่อร่อจะตายไป พอคิดถึงคนที่เธอไม่ได้เจอมาแล้วหลาายวันนั้นเธอก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา
เค่อหลานที่รู้ว่าเธอไม่สามารถทีจะกินแครอทลงไปได้อีกแล้วำหรับวันนี้ จึงเบิกตาพร้อมกับมมองเจ้าแครอทด้วยตากลมโต
รวมถึงใบหน้าของลั่วหลิงที่เศร้าโศกมองแครอทพวกนั้น
เมื่อเห็นว่าท่าทีของลูกชายและลูกสาวของเธอที่มีต่อแครอทราวกับว่าหากได้กินมันอีกคงไม่ไหวแน่ๆ เธอไม่รู้จรงๆว่าจะร้องไห้โฮหรือหัวเราะลูกๆดี
ก็แค่แครอทมันไม่อร่อยตรงไหนกันนะ?
เสียงโทรศัทพ์ของถังซินเหยาดังขึ้น เธอลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ระเบียงเพื่อคุยโทรศัทพ์ทันที
ลั่วหลิงคีบแครอทในชามของเค่อหลานผู้เป็นน้องสาวมาใส่ชามของตัวเองก่อนจะเอาชามแครอทนั้นไปเททิ้งลงถังขยะในห้องครัวอย่างเงียบๆราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โต๊ะอาหารตรงหน้าของเค่อหลานไม่มีอาหารที่เธอไม่ชอบแล้วในตอนนี้ เธอมองไปที่พี่ชายด้วยสหน้าที่ชื่นชมลั่วหลิงผู้เป็นพี่ชาย
"พี่คะ พี่สุดยอดที่สุดเลยค่ะ หนูชอบพี่ที่สุดในโลกเลย" ดวงตาคู่นั้นของเค่อหลานมองลั่วหลิงผู้เป็นพี่ชายอย่างเป็นประกายพร้อมกับใบหน้าที่ชื่นชมพี่ชายพี่ไม่สามารถซ่อนมันได้
ใบหน้าขอลั่วหลิงไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆแต่อย่างไร แต่สายตาของเขามองดูเค่อหลานผู้เป็นน้องสาวอย่างอบอุ่น
"อือ เบาๆหน่อย อย่าเสียงดัง" ลั่วหลิงพูดกับน้องสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยน
"สวัสดีค่ะรองประธนเยี่ย มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?" ถังซินเหยาที่ยืนอยู่ที่ระเบียงพร้อมกับถามด้วยสายตาที่ล้ำลึก
ไม่ผิดหรอก คนที่โทรหาเธอคือรองประธานเยี่ย ไม่ใช่ประธานเยี่ย
ต่างกันแค่พยางค์เดียว แต่ความหมายช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ถังซินเหยาครุ่นคิด ถ้าเกิดเยี่ยจิงซิงทำอะไรมิดีมิร้ายกับเธอ เธอจะทำให้เขาลุกไม่ขึ้นเลยล่ะ
"ตอนนี้ฉันอยู่ที่บริษัท งานออกแบบที่เธอแก้เสร็จแล้ว เธอเอามันไปไว้ที่ไหน? ทำไมฉันหาไม่เจอ?"
"ฉันเอามันวางไว้บนโต๊ะทำงาานของคุณแล้วนะคะ แล้วก็ยังเอาแฟ้มเอกสารวางทับไว้ให้ด้วยนะ"
"แต่ฉันหาไม่เจอ เธอรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้นถ้าภาพงานออกแบบมันรั่วไหลออกไป?"
ถังซินเหยาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า : "ฉันจะกลับเข้าไปบริษัทเดี๋ยวนี้ค่ะ รองประธานรอสักครู่นะคะ"
ถ้าหากภาพการออกแบบมันรั่วไหลออกไปแต่มันเป็นความรับผิดชอบของคนอื่นก็ยังดี แต่หากเป็นความรับชอบของตัวเองล่ะก็ผลที่ตามมามันหายนะชัดๆ
เธอวางโทรศัพท์และไม่สนใจเรื่องอาหารอีกต่อไป พร้อมกับคว้าเอากระเป๋าของเธอแล้วเดินออกไปทันที
"หม่ามี้มีเรื่องต้องไปจัดการที่บริษัท เด็กๆต้องอยู่บ้านเป็นเด็กดีนะคะ" ก่อนจะออกจากบ้านไปถังซินเหยาจูบลูกของเธอทั้งสองและไม่ทันได้สังเกตว่าแครอทที่เตรียมไว้นั้นหมดไปแล้ว
ถังซินเหยาขับรถสปอร์ตของเธอออกไปอย่างรีบเร่งโดยไม่คิดจะเรียกแท็กซี่
พนักงานที่บริษัทต่างก็เลิกงานกลับบ้านกันหมดแล้ว ตึกบริษัทก็ปิดไปจนมืดสนิทแล้ว
แม้ว่าพนักงานจะเลิกงานกันหมดแล้วแต่ที่บริษัทก็ควรมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เพื่อที่จะเปิดไฟให้บริษัทจะได้ไม่มือมิดขนาดนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะแบบร่างงานออกแบบชิ้นนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่หลวงอะไรและไม่ทำให้ถังซินเหยาว้าวุ่นใจกับมัน เธอเองก็ไม่มาบริษัทที่ดูไม่ชอบมาพากลเหมือนในตอนนี้หรอกนะ แต่ตอนที่เธอรับรู้ว่ามันแปลกๆมันก็สายไปแล้ว เธอซวยแล้วล่ะ
แสงไฟสลัวในลิฟต์ที่ส่องสว่างเพียงสักพักก็ดับลง
ลิฟต์ติดอยู่ที่ชั้นยี่สิบของตึก และแล้วทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ถังซินเหยาถึงกับตกใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มีวูบนึงที่เธอตื่นตระหนกแต่มันเป็นเพียงเวลาสั้นๆเธอก้สามารถกลับมาสงบลงอย่างปกติ
เธอกดลิฟต์แต่มันไม่ขยับไปไหนเลย
เธอใช้แรงทุบประตูลิฟต์ เสียงทุบนั้นในลิฟต์ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆดังก้อง
เธอกดปุ่มฉุกเฉินในลิฟต์และรอกว่าครึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มีใครมาช่วยเธอ
ถึงตอนนี้ถ้าเธอยังไม่รู้อีกว่าเป็นฝีมือของเยี่ยจิงซิงตั้งใจจะแกล้งเธออีกล่ะก็ เธอคงต้องไปเกิดใหม่ได้เลย
ให้ตายเถอะ เยี่ยจิงซิงฉลาดขึ้นแล้วหรอเนี่ย
ใช้เวลาถึงสามวันเพื่อให้เธอวางใจ จากนั้นก็หลอกใช้ผลงานออกแบบให้เธอกังวลจนต้องถ่อตัวมาถึงที่นี่ เธอคงประมาทมากเกินไปที่ทำให้เยี่ยจิงซิงหลอกเธอได้แบบนี้
เอาเถอะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องแบบนี้นะ แต่……..พระเจ้า ใครก็ได้มาช่วยที!