"ไม่ต้องสนใจรายละเอียดเล็กๆพวกนี้ได้ไหม" ซินเหยาแสดงสีหน้าเจื่อนๆออกมาและพูดต่อว่า : "แต่คุณจะมาหลอกฉันไม่ได้นะ ฉันอยากกลับเมืองBจริงๆ"
เธอคิดถึงลูกชายและลูกสาวเธอแล้ว……
จิงเฉินมองดูซินเหยาอย่างจริงจัง ยื่นมือไปลูบที่ผมของเธอและพูดว่า : "ผมไม่ได้หลอกคุณ ผมพูดจริง"
"ตอนนี้เรากำลังพูดเรื่องซีเรียสกันอยู่นะ ตั้งใจพูดหน่อยได้รึปล่าว" ซินเหยาปัดมือของจิงเฉินออกอย่างไม่พอใจ และพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า : "คุณรู้ไหมว่าอุบัติเหตุเรื่องนั้นมันอาจจะไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ อาจจะมีคนวางแผนอยู่เบื่องหลัง คุณอยากตายรึไง?"
ถ้าเกิดว่าคุณทำให้ฉันซวยไปด้วยจะทำยังไง?
เอาหล่ะ ที่จริงก็กลัวป๊ะป๋าโดนคนคิดแผนการชั่วร้ายทำร้ายเขาแหละดูออก
ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบ (รู้สึกผิด) จิงเฉิน จึงไม่ได้บอกจิงเฉินให้รู้จักกับลั่วหลิงและเข่อหลาน แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นป๊ะป๋าของพวกเขาอยู่ ไม่ควรตายไปแบบนี้
"คุณก็ยังมีสมองอยู่หน่อยๆนะ นั่นไม่ได้เรียกว่าอาจจะ แต่เรียกว่าพุ่งมาหาผมเลยแหละ" จิงเฉินเก็บมือของตัวเองและพูดตอบกลับไป
คุณกำลังชมว่าเธอฉลาดงั้นหรอ? แต่เธอคงไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากมาย
"งั้นถ้าคุณกลับไปแบบนี้ก็ไม่ใช่กลับไปติดกับพวกมันแล้วหรอ?" ถ้าเกิดราคาที่จะกลับไปหาลั่วหลิงและเข่อหลานต้องแลกมากับชีวิตของจิงเฉิน เธอคงทำใจไม่ได้แน่ๆ
"ผมไม่เคยมองคนพวกนั้นที่อยากได้ชีวิตผมอยู่ในสายตาอยู่แล้ว อยากได้ชีวิตผมหล่ะก็ ต้องดูว่าฟันของพวกมันแข็งพอที่คิดว่าจะกัดกับคนอย่างผมได้หรือป่าว" จิงเฉินตอบกลับอย่างนิ่มๆ และมองไปบนผิวน้ำอย่างสุขุม
ไม่ได้พูดอวยอวดตัวเองเลย เพียงแค่พูดอย่างนิ่มๆแต่มันสามารถทำให้คนเชื่อใจเขาได้จริงๆ ไม่ว่าคนอื่นจะเชื่อในตัวเขาหรือไม่ แต่ซินเหยาของเราเชื่อเอามาก
"เออ……งั้นเราจะมาอยู่ตรงนี้ทำไม?" ซินเหยาถามอย่างไม่เข้าใจ
ในเมื่อไม่กลัวว่าจะมีคนคิดร้ายกับพวกเขาแล้ว งั้นพวกเขาจะมาหลบอยู่ที่นี่ที่การคมนาคมและโทรคมนาคมไม่สะดวกทำไมกัน?
"คุณไม่ใช่บอกหรอว่าคุณชอบที่นี่เพราะบรรยากาศของที่นี่สวยหรอกหรอ?" จินเฉินถาม
"บรรยากาศของตรงนี้มันไม่เลวเลยจริงๆ ภูเขาสายน้ำต่างๆก็ทำให้คนสงบเอามาก" ซินเหยาพูดชม
"ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็คิดว่ากำลังลาพักร้อนอยู่ก็แล้วกัน" จิงเฉินตอบกลับอย่างนิ่มๆ
มือสองข้างของเขาเอามาประสานกันและไปไว้ที่ท้ายทอย ทันใดนั้นก็ล้มลงไปนอนบนหญ้าที่อยู่ข้างทะเลสาบนั้น ใบหน้าที่ไร้อารมณ์มาโดยตลอดของเขาตอนนี้ก็ดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น มันดูสบายๆชิลๆไม่กังวลเรื่องนั้นเลย เหมือนคิดจริงๆว่าพวกเขากำลังมาพักร้อนกันอยู่
ซินเหยาใช้มือดันไปที่พื้นและเอนตัวเล็กน้อยมองลงไปดูจิงเฉินพร้อมกับพูดว่า : "งั้นคุณจะกลับเมืองBเมื่อไหร่คะ?"
"แล้วแต่คุณเลย" จิงเฉินหลับตาลงอย่างสบายใจเฉิ่ม กำลังสัมผัสกับสายลมที่พัดโชยมาเบาๆกับแสงแดดอ่อนๆอันอบอุ่นที่กำลังส่องอยู่บนหน้าของเขา
"งั้นเรากลับพรุ่งนี้เลยไหมคะ" ซินเหยาลองถามเขาดู
"อื่ม" จิงเฉินตอบกลับมาและพูดต่อว่า : "ได้ แล้วแต่คุณเลย พรุ่งนี้เรากลับไปกัน"
ซินเหยาโดนใบหน้าที่อะไรก็ได้ของจิงเฉินนี้ทำให้เธอหัวร้อนควันออกหูไปหมด เธอกัดฟันและพูดขึ้นอีกว่า : "ฉันเปลี่ยนใจล่ะ เราอยู่ต่ออีกสักเดือนดีกว่า"
"ได้ แล้วแต่คุณเลย" จิงเฉินก็ยังคงไม่ลืมตาขึ้น พูดออกมาอย่างนิ่มๆเบาๆ
"คุณไม่กลัวว่าคุณจากมานานขนาดนี้แล้วบริษัทของคุณจะโดนจิงซิงแย่งไปจริงๆหรอคะ?" ซินเหยาขมวดคิ้วขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
"คุณกำลังเป็นห่วงผมอยู่หรอ?" จิงเฉินลืมตาขึ้นและมองไปที่ซินเหยา
"ใครเป็นห่วงคุณกันล่ะ" ซินเหยาโดนสายตาจิงเฉินที่เหมือนจะกลืนกินเธอเข้าไปมองมา เธอจึงเบี่ยงสายตาของตัวเองมองไปที่หญ้าที่อยู่ข้างล่างและทำเป็นขรึมพร้อมพูดว่า : "ถ้าบริษัทเกิดโดนจิงซิงแย่งไปแล้ว ระดับความยากของงานฉันก็ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนแรกที่คุณสัญญากับฉันว่าจะให้หุ้น3%ก็คงจะไม่ได้ไปด้วย"
ซินเหยาพูดเหตุผลนี้ขึ้นมา เหมือนกำลังบอกว่าเธอไม่ได้เป็นห่วงจิงเฉิน แต่ในขณะเดียวกันก็กำลังหลอกตัวเองอยู่
เธอไม่ได้เป็นห่วงกังวลเลยว่าบริษัทและเลือดเนื้อของจิงเฉินจะโดนชิงไป เธอแค่เป็นห่วงตัวเองเท่านั้น และกังวลจิงเฉิน ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินสักนิดนะ
"หึ……" จิงเฉินไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้หัวเราะออกมาและพูดว่า : "เรื่องนี้คุณก็วางใจเถอะ ของของผมไม่สามารถมีใครแย่งมันไปได้แน่ จิงซิงไม่ใช่คู่ต่อกรของผมหรอก บริษัทของผมก็ให้เขายืมเล่นไม่กี่วันก่อน ให้เขาได้สัมผัสความอยากของตัวเอง มิเช่นนั้นชาตินี้เขาคงได้แค่น้ำลายไหลมองดูตำแหน่งประธานอย่างเดียว"
ซินเหยาหลังจากที่ได้ยินคำที่มั่นใจจนไม่มีใครเปรียบได้นี้ของจิงเฉินมันทำให้ใจเธอกระตุกขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่สีหน้าของจิงเฉิน
สีหน้าของจิงเฉินไม่มีอะไรเลย มีเพียงรอยยิ้มบางๆอยู่ที่มุมปากของเขา
"คุณมั่นใจเอามากนะคะ" ซินเหยาเบะปากไปข้างๆ เลียนแบบจิงเฉินในการเอามือมาประสานกันและท้าวไปที่ท้ายทอย นอนลงบนพื้น พลิกตัวเล็กน้อยมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นของเขา
เธอมองเห็นแค่มุมข้าง โดยปกติคนเอเชียถ้าเกิดมองในมุมข้างแล้วคงจะเห็นเป็นแค่เรียบๆ แต่จิงเฉินไม่ใช่ มองมุมข้างก็ยังสามารถเห็นจมูกที่สุดแสนจะโด่งของเขาพุ่งออกมาอย่างชัดเจน
ซินเหยาชื่นชมไปในความหล่อของจิงเฉิน เธอหลับตาและพูดออกมาว่า : "ฉันไม่ได้จะพูดท่านประธานใหญ่นะคะ แต่ดูเหมือนท่านประธานใหญ่จะค่อนข้างลำเอียงไปทางจิงซิงหน่อย โอกาสชนะของคุณอาจจะมีไม่มาก"
"คุณคิดว่าผมเป็นไอ้ไม่ได้เรื่องที่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่นถึงจะชนะงั้นหรอ? " จิงเฉินถามขึ้นเหมือนไม่พอใจหน่อยๆ
ซินเหยา : …..
ต้องการความช่วยเหลือก็เป็นคนไม่ได้เรื่อง? งั้นถ้าเกิดได้รับความช่วยเหลือจากท่านประธานใหญ่แล้วไม่ชนะก็คงไม่เรียกว่าไม่ได้เรื่องของไม่ได้เรื่องแล้วหรอ?
สีหน้าท่าทางของจิงเฉินที่อวดเก่งแบบนี้ แต่ทำไมในสายตาเธอมันไม่ได้ดูอวดเก่งเลย
"แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นท่านประธานใหญ่ อีกอย่างยังเป็นพ่อคุณอีก" ซินเหยาดึงมือออกมาจากท้ายทอยและท้าวไปที่หัวของเธอ ส่วนอีกข้างก็เอาวางไว้ที่เอวของเธอ และพูดว่า : "คุณก็อย่ามั่นใจเกินไป ถึงเวลานั้นจะมาร้องไห้แงเอา"
"หึ……" จิงเฉินหัวเราะออกมาอีก
รอบนี้ซินเหยาเห็นได้ชัดว่ารอยยิ้มที่มุมปากของเขาเป็นรอยยิ้มที่กำลังเยาะเย้ย
"ปีนั้นที่เขาบังคับให้ผมไปที่บ้านตระกูลเยี่ยเพื่อเปลี่ยน……"
ซินเหยาหูกางขึ้น อยากได้ยินเรื่องคบกันระหว่างเขาและอันหราน จิงเฉินก็ไม่ได้พูดต่อ
ตอนนี้ในใจเขารู้สึกฝาดและขมขื่นอยู่หน่อยๆ เหมือนกับการกินลูกพลับที่ยังไม่สุก มันฝาดจากปากถึงใจจริงๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้เธอทุกข์ทรมานอยู่หน่อยๆ
"วางใจเถอะ ผมทำงานอยู่ที่เยี่ยหวงนี้มาก็หลายปี ถึงแม้ว่าผมจะตายไปเยี่ยหวงก็คงไม่อยู่เหมือนกัน มันไม่มีทางตกไปอยู่ในมือของคนที่คิดไม่ดีกับผมอย่างแน่นอน" จิงเฉินพูดขึ้นต่อว่า : "มีผมถึงมีเยี่ยหวง ถ้าเกิดเยี่ยหวงไม่มีผมอยู่ก็ไม่ต่างอะไรจากเปลือกหอยที่มีแต่ความวางเปล่า เยี่ยหวงก็คงไม่เป็นเยี่ยหวงอีกต่อไป"
ซินเหยามองไปที่จิงเฉิน เกือบจะร้องไห้ออกมาเพราะความหล่อเหลาแกร่งกล้าของป๊ะป๋าซะแล้ว
ถ้าเกิดคนอื่นพูดคำพวกนี้ขึ้น ซินเหยาคงอยากจะอ้วกออกมาเพราะมันมีแต่ความขี้โม้ แต่นี้มันเป็นจิงเฉินพูด ทำให้เธอไม่อยากอ้วกแต่กลับรู้สึกเชื่อในตัวเขาเอามาก อาจจะเป็นเพราะว่าคนนั้นคือจิงเฉิน จึงไม่มีเรื่องอะไรที่เขาทำไม่ได้
MANGA DISCUSSION